แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย รุ้งตะวัน เมื่อ 2016-9-21 13:19
ทัวร์บุญเสบียงสวรรค์ ครั้งที่ 38 ตอน “ ร่วมบุญใหญ่ ในแดนบำเพ็ญตบะ ''
วันอาทิตย์ที่ 25 กันยายน 2559
สวัสดีค่ะดิฉันอาจารย์เจน ญาณทิพย์ ขอเชิญชวนผู้ฝักใฝ่ในบุญทุกท่านได้ร่วมบุญเสบียงสวรรค์ครั้งที่ 38 วันอาทิตย์ที่ 25 กันยายน 2559 สำหรับทริปบุญที่คณะเสบียงสวรรค์จะเดินทางไปร่วมบุญกันในโอกาส ต่อไปเป็นบุญจัดสรรก็ว่าได้นะค่ะ ก่อนการเดินทางดิฉันสวดมนต์นั่งสมาธิและอธิษฐานจิตเพื่อขอให้มีนิมิตจากเทวดาหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาบอกกล่าวว่า ดิฉันควรจะนำพาผู้คนไปทำบุญ ณ สถานที่แห่งใด ซึ่งในครั้งนี้ก็เช่นเดียวกันจากนิมิตที่ดิฉันได้เห็นในสมาธิ เป็นภาพของภูเขาน้อยใหญ่และนั่นเห็นหนทางที่ดิฉันจะต้องเดินทางไปค่ะ
บุญในครั้งนี้จะทำการทอดผ้าป่าสามัคคีร่วมสร้างสร้างโบสถ์, สร้างศาลาเอนกประสงค์, ห่มผ้าพระพุทธรูป, ถวายอาสนะพนักพิงสำหรับพระสงฆ์, อุปกรณ์เครื่องครัวต่างๆ , ถวายสังฆทานเครื่องไทยธรรมต่างๆ ร่วมบุญจำนวน 3 วัด ดังนี้ค่ะ
วัดที่ 1 ดิฉันเดินทางไปตามที่เทวดาท่านบอกซึ่งตลอดเส้นทางไม่มีบ้านผู้คนเลยเหมือนทุกครั้งที่ ดิฉันได้นำพาทุกท่านไปโดยที่ดิฉันรู้ในญาณวิถีว่าถ้ามุ่งหน้าไปทิศนั้น ๆ จะได้พบวัด ซึ่งในครั้งนี้ก็เช่นกันค่ะ ตลอดเส้นทางเป็นภูเขาเป็นทิวแถวถนนหนทางก็คดเคี้ยวไปมาพื้นถนนนั้นเป็นคอนกรีตสลับกับ ถนนลูกรังเส้นทางคดเคี้ยวเหมือนเขาวงกต จนทำให้ลูกศิษย์ที่ขับรถรู้สึกสงสัยว่าหนทางเบื้องหน้านั้น ไม่น่าจะมีวัดควรถอยหลังกลับ ลูกศิษย์จึงพูดให้ดิฉันรับรู้และเห็นด้วยว่าที่นี่ไม่มีวัดแน่ซึ่งในญาณวิถี ของดิฉันรู้ได้ว่าเรานั้นมาถูกทางแล้วจึงสั่งให้ขับรถต่อไปค่ะ

การเดินทางในวันนั้นดิฉันได้ไปกราบรอยพระพุทธบาทที่วัดแห่งหนึ่งดิฉันจึงได้อธิษฐานจิตว่า “ดิฉันจะนำพาผู้คนไปทำบุญขอให้พบเจอวัดที่มีบุญสัมพันธ์และเป็นที่กำลังสร้างวัตถุทานต่างๆ และพระสงฆ์ในอาวาสนั้นได้นำพาผู้คนปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ”และในญาณวิถีก็รู้ได้ว่าให้มุ่งหน้าไป ตามทิศที่ปลายเท้าของรอยพระพุทธบาทนี้จึงใช้เข็มทิศตรวจดูจึงพบว่าเป็นทิศตะวันออกเฉียงใต้ จึงได้สั่งให้ลูกศิษย์ขับรถมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ เมื่อเดินทางต่อไปเรื่อย ๆ และเริ่มเข้าไปในป่าลึก ก็ซึ่งก็ไม่น่าจะมีวัดสักแห่งเลย ลูกศิษย์จึงเกิดความสงสัยและ ไม่ต้องการจะเดินทางต่อไปแล้วจึงหันมาเตือนดิฉันว่าอาจารย์มันลึกมากไปแล้วและไม่เห็นมีท่าว่า จะพบเจอวัดอย่างแน่นอนแล้วกลับกันดีมั้ยซึ่งในญาณวิถีของดิฉันรับรู้ได้ว่าที่เบื้องน้านั้นมีวัดแน่นอน จึงบอกให้ขับต่อไป และก็เป็นไปตามที่ดิฉันรู้ในญาณจริง ๆ ค่ะ

ดิฉันได้พบวัดแห่งนี้ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขาอากาศร่มเย็นสบายมีภูเขาสูงล้อมรอบ และได้พบกับท่านเจ้าอาวาสท่านได้นำพาดิฉันไปดู ศาลาหลังหนึ่ง โดยเล่าว่าศาลาแห่งนี้จะทำการ สร้างเป็นศาลาเอนกประสงค์โดยใช้เป็นกุฏิสงฆ์ ประดิษฐานพระพุทธรูปองค์ประธานที่ศาลาฯ และเป็นโรงครัวเล็ก ๆ รวมทั้งเป็นสถานที่ทำกิจของสงฆ์ และฆราวาสในสถานแห่งนี้ด้วยค่ะ ระยะเวลาก่อสร้างประมาณ4-5 ปีแล้ว เพราะไม่มีปัจจัยเงินมากนักมีเงินก็สร้างทำไปเรื่อยๆ แบบเรียบง่าย เจ้าอาวาสท่านก็ไม่ได้ร้องขออะไรเพียงแต่เล่าให้ฟังในความประสงค์ของท่าน นอกจากนี้ท่านยังเล่าให้ฟังอีกว่า การที่มีโรงครัวเล็กๆนี้มีไว้เพื่อใช้เป็นที่ประกอบอาหารให้กับ ผู้ที่มาปฏิบัติธรรมที่วัดและเพื่อใช้ในงานบุญของวัดซึ่งโรงครัวนี้ก็ยังขาดอุปกรณ์เครื่องครัว หลายอย่างด้วยกันเป็นสิ่งจำเป็นต้องใช้ อาทิเช่น หม้อแกงใบเล็ก ใบใหญ่ ซึ้ง มีด เขียงกระทะ ทัพพี ฯลฯนอกจากนี้ดิฉันสังเกตเห็นว่าที่ศาลาหลังนี้พระสงฆ์ก็ใช้อาสนะอย่างเรียบง่าย ดิฉันจึงเห็นสมควรถวายอาสนะพระสงฆ์ที่มีพนักพิงหลังเพื่อพระสงฆ์ท่านจะได้ไม่ปวดเมื่อยได้ พักพิงกายในการนั่งนาน ๆ ค่ะในการประกองกิจของสงฆ์ค่ะ

เรื่องที่อัศจรรย์ใจค่ะก่อนที่ดิฉันจะมาวัดแห่งนี้ได้ไปกราบรอยพระพุทธบาทก่อนแล้วอธิษฐาน พอมาเจอวัดแห่งนี้และได้สอบถวามถึงประวัติความเป็นมาคร่าวๆท่านกล่าวว่าอดีตเจ้าอาวาส ที่มรณภาพไปแล้วที่อยู่วัดที่มีรอยพระพุทธบาทที่ดิฉันไปกราบมาท่านมาปักกลดนั่งสมาธิ อยู่ที่วัดแห่งนี้และเป็นผู้ริเริ่มสร้างวัดแห่งนี้ด้วยซึ่งมิใช่เหตุบังเอิญเลยจริงๆ ค่ะทุกท่าน วัดแห่งนี้อยู่ติดตีนเขาเป็นสถานที่ที่พระธุดงค์หลากหลายสถานที่เดินทางมาปักกลดที่วัดแห่งนี้ในอดีตค่ะ
สรุปการทำบุญ 1. ทำบุญ ทอดผ้าป่าสามัคคีร่วมสร้างศาลาอเนกประสงค์ 2. ทำบุญ อุปกรณ์เครื่องครัว เช่นหม้อแขกขนาดต่างๆ 3. ทำบุญ อาสนะพนักพิงหลัง ให้แก่ พระสงฆ์ - สำหรับท่านที่ประสงค์จะขอเป็นเจ้าภาพ จำนวน 9 ชุด (ปิดรับบริจาคแล้วค่ะ ตอนนี้มีเจ้าภาพครบ 9 ชุดแล้วค่ะ) - คณะบุญเสบียงสวรรค์ จำนวน 1 ชุด

วัดที่ 2 ดิฉันเดินทางต่อไปเหมือนมีสิ่งดลใจว่าให้ไปตามทิศทางที่มีภูเขาและก็ได้พบกับวัดแห่งที่ 2 นี้ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขา ซึ่งที่วัดแห่งนี้ไม่มีสัญญาติดต่อใด ๆ เลยค่ะ เจ้าอาวาสท่านเล่าให้ฟังว่าทางวัดอยู่ ระหว่างการสร้างโบสถ์ซึ่งยังขาดปัจจัยเงินอีกมาก จึงยังสร้างไม่เสร็จเสียทีค่ะ แต่ท่านเจ้าอาวาสท่าน ได้นำพระพุทธรูปองค์สีทองไปประดิษฐานไว้ภายในโบสถ์เรียบร้อยแล้ว โดยลำดับต่อไปเจ้าอาวาสท่าน มีเจตนาที่จะหล่อพระโมคคัลลานะและพระสารีบุตร เพื่อนำมาประดิษฐานภายในโบสถ์หลังนี้ด้วยค่ะ

ที่วัดแห่งนี้มีวิหารหลังเก่าที่อายุนับ 100 ปี หลวงพ่อเจ้าอาวาสท่านเป็นพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบท่านเป็น พระใบฎีการักษาการแทนเจ้าอาวาสองค์เก่า ซึ่งวิหารเก่าหลังนี้มียันต์เยอะมาก มีภาพเขียนทาสีดิฉันรู้ ในญาณวิถีว่าเจ้าอาวาสองค์เก่าท่านสามารถรักษาโรคให้แก่ชาวบ้านได้ แม้แต่เจ้าอาวาสองค์ใหม่นี้ก็ยัง ไม่รู้เลยค่ะ และที่วัดแห่งนี้ก็มีฤาษีดาบสหลายตนท่านบำเพ็ญเพียรตบะบารมีเพื่อสร้างบุญกุศล ในทางของพระพุทธศาสนาค่ะ

ดิฉันสังเกตเห็นมีชาวบ้านผู้เฒ่าผู้แก่หลายคน ต่างก็นั่งรถจักรยานยนต์และรถจักรยานมาพร้อมกัน ที่หน้าศาลาเพื่อนั่งรอเวลาที่จะทำการสวดมนต์และนั่งสมาธิ ซึ่งดิฉันเข้าใจได้ว่าที่วัดแห่งนี้ได้มี การเทศน์สั่งสอนธรรมมะให้แก่ชาวบ้านเป็นประจำ ดังนั้นหากโบสถ์วิหารดังกล่าวได้สร้างสำเร็จแล้ว ก็นับว่าจะเป็นประโยชน์ต่อพระภิกษุสงฆ์ชาวบ้านเป็นอย่างยิ่งค่ะ และด้วยบุญที่ทุกท่านได้ร่วมกัน สร้างโบสถ์วิหาร แม้ว่าจะเป็นส่วนหนึ่งก็ตามที่ทำให้โบสถ์หลังนี้สร้างสำเร็จจนใช้เป็นประโยชน์ทั้ง ของคณะสงฆ์และชาวบ้าน และยังใช้ประกอบพิธีกรรมต่างๆ ของงานศาสนา ท่านผู้บริจาคก็จะได้รับ อานิสงส์ผลบุญทุกครั้งไป และบุญนั้นจะติดตามท่านไปทุกภพทุกชาติแม้ชาติที่ไปเกิดใหม่ท่าน ก็จะได้รับอานิสงส์บุญด้วยด้วยค่ะ

ถึงแม้ว่าดิฉันจะนำพาผู้คนไปสร้างโบสถ์วิหารยังที่ต่างๆ บางท่านก็คิดว่า ที่ผ่านมาก็ได้ทำมามากมาย แล้ว แต่ขอให้ท่านได้รู้ว่าบุญที่เราทำกันนั้นหนึ่งเดือนมีครั้งเดียว บนโลกทิพย์บนสวรรค์นั้นเค้า ทำบุญกันมากกว่าพวกเราหลายเท่าถือว่าโลกมนุษย์นี้เราทำบุญกันน้อยมากค่ะ ดังนั้นเมื่อมี โอกาสแล้วก็หมั่นทำบุญบริจาคทานตามกำลังทรัพย์ของเราเพื่อสะสมเสบียงบุญของเราต่อไปค่ะ
สรุปการทำบุญ 1. ทำบุญ ทอดผ้าป่าสามัคคี ร่วมสร้างโบสถ์วิหาร 2. ทำบุญห่มผ้าพระพุทธรูปขนาดต่างๆ
วัดที่ 3 สวัสดีค่ะ ดิฉันอาจารย์เจน ญาณทิพย์ขอแจ้งรายละเอียดเพิ่มเติมสำหรับทริปทัวร์บุญเสบียงสวรรค์ ครั้งที่ 38 ตามที่ดิฉันเรียนให้ทราบเบื้องต้นเกี่ยวกับบุญเสบียงสวรรค์ดังกล่าวไปแล้วจำนวน2 วัด โดยจะแจ้งเพิ่มเติมวัดที่ 3 ในโอกาสต่อไปนั้น เนื่องจากมีภารกิจต่าง ๆ ที่ต้องทำมากเหลือเกินและขณะนี้ก็มีอาการเจ็บป่วยทำให้ต้องหยุดพักร่างกายนอกจากนี้การเดินทางไปเซอเวย์เพื่อค้นหาวัดที่ได้เห็นในนิมิตนั้นไม่ใช่จะหาได้โดยง่ายภายในวันเดียวค่ะต้องขออภัยที่ทำให้ทุกท่านต้องรอคอยว่าอีกวัดหนึ่งนั้นจะแจ้งเมื่อใด และมาบัดนี้ ดิฉันได้เดินทางไปเซอเวย์วัดเพิ่มเติมได้แล้วค่ะจึงขอเรียนมาเพื่อทราบ ดังนี้ค่ะ

การเดินทางครั้งนี้ดิฉันได้นั่งสมาธิโดยกำหนดให้ไปในทิศทางแนวเดียวกันกับวัดที่หามาแล้ว2 วัดดังกล่าวนั้นค่ะ ครั้งแรกที่เดินทางไปก็คิดว่าเพียงวัดเดียวหาได้ง่ายไม่ยากนัก แต่ปรากฏว่า ตลอดทั้งวันเดินทางไปหลายวัดดิฉันเดินทางเข้าออกวัดเกือบ10 แห่ง แต่ก็ยังหาวัดที่เห็นในนิมิตไม่ได้ค่ะ ซึ่งดิฉันรู้ในญาณวิถีว่าวัดต่างๆ ที่เข้าไปไม่ใช่วัดที่เห็นในนิมิต ทำให้ดิฉันต้องตั้งจิตอธิษฐานอีกครั้งว่า หากมีบุญสัมพันธ์ที่จะได้ทำบุญกับวัดที่ได้เห็นในนิมิตขอให้พบเจอซึ่งก็ได้พบเจอวัดแห่งนี้ค่ะ

ที่วัดแห่งนี้มีรอยพระพุทธบาทศักดิ์สิทธิ์ตามที่ได้เห็นในนิมิตค่ะ นอกจากนี้ยังมีรูปหล่อพระเกจิอาจารย์รูปหนึ่งซึ่งท่านเป็นพระที่มีวิชาอาคมเป็นอดีตเจ้าอาวาสที่มรณภาพไปนานแล้ว ท่านเป็นพระนักพัฒนาและชอบช่วยเหลือวัดที่ลำบากยากขาดแคลนและทุรกันดารหลายวัด ผู้คนมักจะนำรูปหล่อของท่านไปกราบไหว้บูชาซึ่งการเดินทางไปวัดแห่งนี้กว่าจะได้พบดิฉันรู้ในญาณวิถีว่าหลวงปู่ท่านดลจิตดลใจและทดสอบถึงความตั้งใจของดิฉันจึงทำให้การเดินทางมาวัดนี้ไม่ง่ายเลยเพราะว่าได้ขับรถผ่านไปแล้วก็ผ่านมายังที่เดิมกว่าจะพบเจอวัดแห่งนี้ต้องขับรถย้อนกลับไปมากว่า100 กิโลเมตรค่ะ
คณะบุญเสบียงสวรรค์จะทำการทอดผ้าป่าสามัคคีร่วมสร้างวิหารทานให้คนกราบไหว้และนั่งสมาธิต่อหน้าพระเกจิอาจารย์องค์นี้ค่ะด้วยบุญที่ทำทุกบุญเป็นการสรางบารมีบุญด้วยกันทั้งสิ้นทุกประการค่ะแม้ว่าจะทำบุญนั้น ๆ ไปแล้วแต่บุญของเราที่ทำทุกเดือนน้อยมากค่ะดิฉันทำบุญแทบทุกวันทำซ้ำ ๆก็ทำเพราะว่าบุญเท่านั้นที่เราเอาไปได้และต้องหมั่นเก็บเกี่ยวบุญไว้ให้มากค่ะขออนุโมทนา สาธุ ค่ะ
**อานิสงส์สร้างศาลาอเนกประสงค์ ** นายนันทิยะได้ถวายศาลาแก่พระบรมศาสดา ความว่า นันทิยะ เป็นมหาทานบดีสร้างวิหารที่ป่าอิสิปตนะ พร้อมด้วยเครื่องเสนาสนะ แล้วทำมหกรรมการฉลองอย่างมโหฬารถวายแก่ พระภิกษุสงฆ์ มีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นประธานได้หลั่งน้ำทักขิโณทก ตกลงเหนือฝ่าพระหัตถ์ พระบรมศาสดาในขณะนั้นปราสาทอันเป็นทิพย์สำเร็จแล้วด้วยแก้ว ๗ ประการ ใหญ่ ๑๒ โยชน์ สูง ๑๗ โยชน์เพียบพร้อมไปด้วยนางเทพธิดา ก็อุบัติขึ้นในเทวโลก รอคอยนันทิยะ อยู่ “กาลํ กตฺวา” ครั้นนันทิยะสิ้นชีพ ทำลายขันธ์แล้ว ก็ได้ไปเสวยสมบัติในเทวโลก อันรอคอยอยู่นั้นมีนามปรากฏว่า นันทิยะเทพบุตร บริโภคทิพย์สมบัติ อันมีนางฟ้าเป็นบาทบริจาริกาแวดล้อมบำเรออยู่ทุกทิพราตรีกาล สุขเกษมสำราญอยู่ในทิพย์วิมานนั้นอย่างไม่มีเวลาสร่างซา **อานิสงส์สร้างโบสถ์** คณะสงฆ์สามารถใช้ให้เป็นประโยชน์ได้หลายประการนั่นคือใช้เป็น อาคารอเนกประสงค์ ใช้เป็นที่ประชุมที่แสดงธรรม เป็นที่ฝึกอบรมสมาธิภาวนาสวดมนต์ ทำวัตรเช้าทำวัตรเย็น และเป็นสถานที่ต้อนรับพระอาคันตุกะเป็นต้น เพราะฉะนั้น ผู้ที่สร้างโบสถ์ถวายพระสงฆ์ จึงได้บุญกุศลมากมายทั้งชาตินี้และชาติหน้า กล่าวคือ ชาตินี้ ผู้ร่วมสร้างพระอุโบสถย่อมได้ความปลื้มปีติสุข และได้รับอานิสงส์แห่งบุญสูงจะเป็นผู้มีศีล เป็นพื้นฐานของบุญกุศลและเมื่อพระสงฆ์ได้ใช้พระอุโบสถที่ตนสร้างถวายผู้ถวายย่อมฟุ้งขจร ไกลผู้ถวายย่อมได้ สดับพระธรรมเทศนา เพิ่มพูน ศีล สมาธิ ปัญญา ทำให้จิตใจสะอาด สว่างสงบสุขได้มากยิ่งขึ้น แม้จะละจากโลกนี้ไปแล้วย่อมมีอารมณ์ยึดมั่นในบุญกุศล ชาติหน้า ถ้าผู้ถวายพระอุโบสถ ถ้ายังมีกิเลสอยู่เมื่อลำจากโลกนี้ไปแล้ว เขาย่อมได้ไปเกิดในกำเนิดที่ดี มีความสะดวกสบายที่เรียกว่า สุคติโลกสวรรค์อันเพียบพร้อมด้วยสิ่งที่ประเสริฐ ที่พึงพอใจอันเป็นฝ่ายโลกิยสมบัติและจะได้บรรลุคุณธรรมต่างๆ อาทิ ฌาน อภิญญา อริยมรรค อริยผลและกระทำให้แจ้งซึ่งพระนิพพานเป็นที่สุด

สุดท้ายนี้ ดิฉันขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านบู้ฝักใฝ่ในบุญกุศลทั้งหลายขอให้เจริญทั้งทางโลก และทางธรรม จนถึงมรรคผลนิพพานในอนาคตกาลต่อไปด้วยเทอญ
อาจารย์เจน ญาณทิพย์

|