แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย จี๊ดจ๊าด เมื่อ 2014-10-20 09:54
เรื่องเล่าเก่า ๆ นำมาห้องจี๊ดจ๊าดเดี๋ยวจะเหงากันค่ะ เพราะไม่มีเวลาจริง ๆ ค่ะ
เมื่อวันเสาร์ที่ 5 - อาทิตย์ที่ 6 ก.ค.57 ที่ผ่านมา อ.เจน ญาณทิพย์ คุณรุ้งและทีมงานบางส่วนได้เดินทางไปยังที่ดินของสำนักปฏิบัติธรรมวิปัสสนาญาณเพื่อช่วยกันทำงานอีกหลายสิ่งหลายอย่างจิปาถะไม่ว่าจะเป็นงานถมดินปรับที่ดินและงานหล่อเทียนพรรษาในระหว่างวันที่ 26-27ก.ค. 2557 ที่ใกล้เข้ามาทุกวันซึ่งพวกเราทุกคนก็ยังไม่ได้พักผ่อนกันหรอกค่ะเพราะ อ.เจน ก็มีภารกิจของอาจารย์ดิฉันและทีมงานอื่นก็มีงานทำกันทุกคนเมื่อมีวันเวลาที่ว่างพวกเราก็ต้องรีบมาช่วยกันทำงานค่ะและนับจากวันงานเททองหล่อพระประธานจนถึงวันนี้ก็ยังไม่มีใครได้หยุดพักผ่อนกันนะค่ะ
อ.เจนกลับมาจากงานก็ไปบรรยายธรรมะตามหน่วยงานที่เขาเชิญมาเงินที่ได้บางส่วนก็นำมาเข้าสำนักปฏิบัติธรรมค่ะแม้ อ.เจน และคุณรุ้งจะเหนื่อยแสนเหนื่อย แต่ก็สู้ค่ะดิฉันเห็นแล้วก็อดสงสารไม่ได้ เพราะ อ.เจนบอกว่าเงินของผู้บริจาคที่มอบให้สำนักปฏิบัติธรรมตามวัตถุประสงค์ของแต่ละคนนั้นเขาจะได้บุญสำเร็จโดยเร็วค่ะอ.เจนมักพูดกับดิฉันเสมอว่า หากยังมีชีวิตอยู่ ก็อย่าหยุดทำความดีค่ะ
ทุกท่านก็ทราบดีว่างานบุญเททองหล่อพระเพิ่งจะเสร็จสิ้นไปพวกเราไม่เหนื่อยกันหรืออย่างไรงานนั้นเสร็จงานนี้ก็มาอีกแล้วแต่งานบุญหล่อเทียนพรรษา อ.เจนก็ทำทุกปีขาดไม่ได้และเพื่อให้ท่านผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนาได้ทำบุญอย่างถูกต้อง สำหรับงานบุญที่ อ.เจน และคุณรุ้ง ตั้งใจทำ แม้ว่าจะมากแต่เราก็หยุดไม่ได้ค่ะสาเหตุที่ อ.เจนและคุณรุ้งยังไม่ได้พักผ่อนเพราะยังมีงานที่ต้องทำอีกมากมายก่ายกองค่ะ อาทิเช่นงานควบคุมดูแลการปรับพื้นที่ดินที่ยังเป็นหลุมเป็นบ่อในพื้นที่ดินอันกว้างไพศาลแห่งนี้ที่เขาเรียกว่าถมเท่าไหร่ไม่รู้จักเต็มเปรียบได้อย่างนั้นจริงๆ ค่ะ แต่ที่ดินนี้มีบริเวณกว้างมากการถมดินในพื้นที่ที่กว้างมากก็ต้องใช่เงินมากค่ะขณะนี้ยังต้องการปัจจัยเงินอีกมากอย่างไรก็ตามต้องขอบอกบุญจากท่านที่มีกำลังทรัพย์มาร่วมบุญปรับพื้นที่ถมดินเพิ่มเติมอีกทางอ.เจนก็จะยินดีรับบริจาคจากท่านผู้มีจิตศรัทธาทั้งหลายและขออนุโมทนาบุญด้วยค่ะ
เงินไม่พอจ่ายแล้วค่ะ เงินยังไม่เพียงพอยังต้องใช้เงินอีกมากเนื่องจากระหว่างวันที่5-8ก.ค.57 เป็นการถมดินครั้งสุดท้ายเพราะไม่มีเงินที่จะไปจ่ายเขาแล้วค่ะวันนี้วันที่9 ก.ค.57 อ.เจนจึงสั่งหยุดงานไว้ก่อนเพราะว่าเขาถมดินกันวันละ 160-200เที่ยวทำกันเร็วมากแต่หลุมบ่อรวมทั้งเนินสูง ๆ ก็ยังต้องปรับที่ดินอีกมากเพราะเงินไม่มีจะจ่ายเขาแล้วแต่เราก็บอกเขาไม่ได้ว่าไม่มีเงินจ่ายจำเป็นต้องสั่งหยุดปรับพื้นดินไปก่อนค่ะจึงทำให้ผู้รับเหมาไม่ค่อยจะพออกพอใจสักเท่าไหร่ค่ะ เขาบอกว่ารถตักดินและอุปกรณ์ต่างๆ ขนเข้าขนออกก็มีค่าใช้จ่าย ถ้าเป็นอย่างนี้บ่อย ๆคงจะมารับงานยากลำบากสักหน่อยทางเราก็เหนื่อยใจค่ะสิ่งก่อสร้างที่จะเริ่มดำเนินการต่อไปอาทิเช่นศูนย์บัญชาการเล็ก ๆ ที่จะเป็นสถานที่ให้ อ.เจนใช้เป็นที่พักพิงเพื่อดูแลการก่อสร้างและเพื่อกิจการอื่นๆในเรื่องของบุญเท่านั้นค่ะ และยังมีบุญอีกหลายบุญที่ต้องทำไปพร้อมๆ กันอาทิเช่น ห้องน้ำ กำแพงรั้วฯลฯ
อ.เจน ก็ได้บริหารจัดการเป็นไปด้วยดีแต่ขาดปัจจัยเพิ่มเติมนี่ซิค่ะจำเป็นมากดิฉันทราบดีในเรื่องนี้ ค่ะ
ออกเดินทางตั้งแต่ตี 3 กว่า ๆ ของเช้าวันเสาร์ค่ะทีมงานลูกศิษย์แต่ละคนมาช่วยงานบุญกันที่บ้านกว่าจะได้นอนปาเข้าไป 2 ยามกว่าๆตื่นอาบน้ำประมาณตี 2 กว่า ๆนั่งรออาจารย์กลับมาจากการอัดรายการคนอวดผีเมื่อ อ.เจน กับคุณรุ้งกลับมาถึงบ้านก็อาบน้ำแต่งตัวใหม่โดยไม่ได้นอนพักเลยค่ะ
อาจารย์บอกว่าไปนอนในรถเอาค่ะ พวกเราก็ออกเดินทางกันเลยค่ะเพราะยังมีภารกิจอีกมากที่จะต้องทำอีกหลายรายการค่ะก็ทั้งอาจารย์และลูกศิษย์ต่างก็หลับๆ ตื่น ๆ กันไปตลอดเส้นทางเดินออกจากรถแต่ละคนเหมือนพวกซอมบี้บางคนก็เดินผ่านรถไปเลยต้องตะโกนเรียกให้กลับมาที่รถสติสตางค์ หายไปหมดที่ดิฉันขำมากก็ตอนที่ อ.เจน บอกกับดิฉันว่า พี่ ๆไปเป็นเพื่อนเข้าห้องน้ำหน่อยค่ะดิฉันก็ตามไปแต่ไม่คิดว่า อ.เจนจะเป็นมากขนาดนั้น อ.เจน เดินถอยหน้าถอยหลังเพราะอดนอน จึงเกิดอาการมึนงงและก็เซไปเกาะกับต้นไม้ไม่งั้นล้มแน่ ๆ ค่ะส่วนคุณรุ้งไม่ลงไปไหนเอาหัวซุกมุมรถหลับอย่างเดียวเพราะหมดสภาพดิฉันก็อดนอนมาเหมือนกันเพราะงานที่ทำงานมีมากทำทั้งวันมาที่บ้าน อ.เจน ก็ต้องทำงานอีกจนดึก ตื่นแต่เช้าก็คิดว่าตัวเองไม่สมประกอบเท่าไหร่ แต่มี อ.เจนคุณรุ้งเป็นมากกว่าเราจึงต้องแข็งแรงมีพลังคอยดูแลค่ะไม่งั้นไม่มีใครดูใครกันค่ะงานนี้อ.เจน บอกกับดิฉันว่า พักไม่ได้เพราะมีงานอีกหลายอย่างต้องรีบไปทำแต่เช้าที่เพชรบูรณ์ค่ะ
เมื่อไปถึงเพชรบูรณ์ก็เช้าพอดีพวกเราก็ไปรับประทานอาหารร้านเดิมเจ้าเก่า เป็นร้านที่ไม่อร่อยเป็นอย่างมากร้านนี้ขายข้าวมันไก่ อาหารตามสั่ง และก๋วยเตี๋ยว เจ้าของร้านเป็นป้าสูงอายุ 2 คนช่วยกันทำอาหารแต่ไม่อร่อยครั้งที่แล้วดิฉันมาก็สั่งข้าวผัดกระเพราแต่เมื่อรับประทานเข้าไปข้าวแฉะมากติดเพดานเหงือกค่ะครั้งนี้ก็เลยเปลี่ยนเป็นบะหมี่แห้งแต่กลายเป็นว่าเส้นบะหมี่เปรี้ยว แป้งกอดกันแฉะสรุปก๋วยเตี๋ยวเก่าจนบูดเอามาขายเรา รับประทานไม่ได้เลยค่ะแต่ทุกคนต้องรีบไปกันแล้วสรุปกลางวันหิวมากเพราะว่ากว่าจะรับประทานข้าวอีกทีบ่ายแก่ๆแก่มากด้วยค่ะ และทุกคนก็โดนเหมือนกันหมดทุกคนจะบ่นไปทำไม่รับประทานเพื่ออยู่ไม่ได้อยู่เพื่อรับประทานจริงมั้ยค่ะแต่กองทัพต้องเดินด้วยท้องนี่ซิค่ะเล่นเอาแย่เหมือนกันค่ะ ตลอดเส้นทางก็ไม่ได้ไปแวะรับประทานอาหารที่ไหนเพราะว่าจำเป็นต้องรีบเร่งให้ทันเวลาที่กำหนดและต้องด่วนๆ ด้วยค่ะเมื่อไปถึงสถานที่ก็แบ่งงานกันทำพวกผู้ชายก็ไปปักหมุดกำหนดจุดกางเต้นท์คุณรุ้งก็เดินสำรวจงานกลางแดดเปรี้ยง ๆ ดิฉันติดตามแต่เส้นผมของดิฉันเปียกแฉะตัวเหนียวเชียวค่ะ น้อง ๆอีกส่วนหนึ่งเตรียมกิจกรรมที่จะต้องซ้อมกันตอนเย็นค่ะ คุณรุ้งก็ดูแลการจัดสิ่งของอุปกรณ์ต่างๆเพื่อเตรียมงานหล่อเทียนพรรษา พวกผู้หญิงก็จดรายละเอียดสิ่งของที่จะต้องซื้อเพิ่มเติมอีกกลุ่มก็ไปดูการถมดินและการก่อสร้างป้ายชื่อสำนักฯก็ว่ากันไปค่ะ
วันนี้อากาศร้อนมากไม่เหมือนกับวันที่ทุกท่านไปร่วมเททองหล่อพระประธานพระพุทธญาณเมตตาประทานพรนะค่ะมีวันนั้นเพียงวันเดียวที่มีเหตุน่าอัศจรรย์แดดไม่มีฝนไม่ตกแต่ท่านจะรู้หรือไม่ว่าหลังจากที่คณะของเราได้ขับเคลื่อนออกไปจากงานฝนตกหนักมากเป็นพายุที่รุนแรงขนาดว่าเต้นท์พังเก้าอี้พังคนงานที่นั่นได้รายงานให้ฟังในวันรุ่งขึ้นค่ะบุญของพวกเราแท้ ๆ
อาทิตย์นี้ อ.เจน ก็ได้ไปติดต่อขอเช่าเต้นท์เจ้าเก่า เพราะมีเพียงเจ้าเดียวในดินแดนนั้นเพื่อขอเช่าใช้ในงานหล่อเทียนพรรษาที่จะถึงนี้ ป้าเจ้าของเต้นท์บ่นเป็นหมีกินผึ้งว่าโอ้ยครั้งที่แล้วเต้นท์และเก้าอี้โดนพายุฝนกระหน่ำพังเสียหายหมดนี่ก็ยังไม่ได้ซ่อมเลยอ.เจน ฟังแล้วก็เฉยแต่ดิฉันได้รับฟังก็มาคิดแทนอาจารย์ซิค่ะก็ราคาค่าเช่าเต้นท์ราคาก็ไม่ถูกนักค่อนข้างแพงบวกไปมากแล้วจะมาบ่นทำไมเหตุที่เกิดก็เป็นเพราะจากธรรมชาติหรือจะเป็นธรรมชาติลงโทษก็ไม่รู้หรือเป็นบุญของอ.เจน เองก็ไม่รู้ เพราะงานบุญสำเร็จโดยไม่มีฝนตกลงมาอากาศสบายๆ ไม่ร้อนอบอ้าวหรือว่าจะเป็นกรรมของเจ้าของเต้นท์ที่โดนพายุฝนกระหน่ำจนเต้นท์พังเรื่องอย่างนี้พิจารณากันเองเถอะค่ะยากจะอธิบายจริงๆค่ะ

ด้วยอานิสงส์ของบุญที่ อ.เจนเลี้ยงอาหารผู้มาร่วมบุญกับ อ.เจน มาโดยตลอดเพื่อให้ทุกท่านได้อิ่มบุญและอิ่มท้องโดยไม่หวังกำรี้กำไรจากการจัดทัวร์บุญดังนั้น อานิสงส์ผลบุญนี้จึงทำให้ท่านเจ้าของใหญ่แห่งร้านMK เมื่อได้รับทราบจากลูกน้องว่ามาส่งของให้กับงานบุญเททองหล่อพระของอ.เจน ญาณทิพย์ท่านไม่เคยเห็นหน้าแต่เคยได้ยินชื่อเสียง ท่านจึงให้ลูกน้องนำเงินค่าอาหารทั้งหมดที่ อ.เจน ได้จ่ายไปแล้วประมาณ5 หมื่นกว่าบาทนำมาคืนทุกบาททุกสตางค์พร้อมทั้งได้โทรศัพท์ติดต่อกลับมาพูดคุยกับคุณรุ้งเพราะเป็นช่วงเวลาที่รถทัวร์กำลังออกเดินทางกลับกรุงเทพฯพอดีค่ะซึ่งพวกเราก็ได้อนุโมทนาสาธุกับท่านผู้ใจบุญในครั้งนี้ด้วยค่ะ แต่เงินจำนวนนี้ อ.เจน ได้นำไปต่อบุญอีกนะค่ะเพื่อสำนักปฏิบัติธรรมมิใช่กิจการอื่นใดค่ะอนุโมทนาบุญกับ อ.เจน อีกครั้งค่ะ ดิฉันทราบดีค่ะว่าอ.เจน ต้องจ่ายเงินค่าอาหารเลี้ยงผู้ร่วมบุญแต่ละมื้อเป็นเงินหลายหมื่นบาทค่ะเพราะต้องการอาหารที่มีคุณภาพที่ดี แต่ถ้าบางสถานการณ์จำเป็นก็ต้องทำอย่างเดิม คือ ด้วยการชำระหนี้สงฆ์เพื่อขอให้พระสงฆ์ท่านไปสั่งชาวบ้านจัดอาหารมาเลี้ยงรับรองและท่านอย่าได้เข้าใจว่าชาวบ้านเขามาเลี้ยงนะค่ะ มีบ้างแต่ไม่มากเพราะนั้นเป็นเงินค่าเดินทางของทุกท่านแต่ไม่ต้องกลัวว่าจะติดกรรมธรณีสงฆ์นะค่ะเพราะ อ.เจน ได้ชำระหนี้สงฆ์ทุกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นค่าเต้นท์ ค่าน้ำแข็ง ค่าน้ำดื่ม ค่าอาหาร ฯลฯ อ.เจน จ่ายทั้งหมดค่ะ ไม่ได้รบกวนทางวัดให้เดือดร้อนนะค่ะ
เมื่อรถตักดินหยุดทำงานประมาณเกือบ 6โมงเย็นเราก็ต้องรีบไปหาที่พักกันแล้วค่ะ
ครั้งนี้จะต้องจองโรงแรมที่พักให้กับคณะทัวร์บุญครั้งที่13 หล่อเทียนพรรษา
และเพื่อเตรียมความพร้อมทุกด้านไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่พักและเรื่องอาหารการกินของคณะทัวร์บุญ
ซึ่งดิฉันขอบอกได้เลยว่าอ.เจนจะให้ความสนใจเป็นพิเศษ ดูแลและอำนวยความสะดวก
ให้ทุกท่านสบายใจหลังจากทำบุญเหน็ดเหนื่อยกันมาทั้งวันพร้อมด้วยกิจกรรมสนุกๆ
เพื่อให้ทุกท่านได้ผ่อนคลายและพักผ่อนค่ะ
ซ้อมกิจกรรมบุญ แม้ทีมงานจะเหน็ดเหนื่อยจากอากาศที่ร้อนอบอ้าวตากแดดหัวแดงกินฝุ่นกันมาทั้งวันเสื้อเปียกเหงื่อตัวเหม็นกันทุกคนไม่เว้นแม้แต่ อ.เจน แต่เมื่อถึงสถานที่พักแล้วก็ยังไม่ได้อาบน้ำพักผ่อนกันนะค่ะเพราะทุกคนก็ต้องมาซ้อมกิจกรรมกัน
ประมาณ 5 ทุ่ม เสร็จพอดี
เรื่องที่ฮาไม่เลิกเพราะที่กระต๊อบที่พำนักพักพิงในสถานที่ปฏิบัติธรรมนี้เป็นเพิงสังกะสีมีฝุ่นตลบรอบด้านนั่นไม่สำคัญเท่ามีคานไม้หน้าสามคานไม้นี้มุมคม มีด้านเหลี่ยมพร้อมไม่มีใครชนคานนี้มากเท่าลุงภุชงค์แค่วันเสาร์วันเดียวแกชนเสียงดังสนั่นหวั่นไหวไปถึง5 ครั้งเสียงดังมาก และแกก็เจ็บมากเรียกว่าหัวน่วมเลยและทุกคนก็ขำฮาทุกครั้ง ไม่มีใครสงสารแกเล้ยคำเดียวที่ดิฉันมักจะอุทานออกมาว่า “โถอีลุงเอ้ย”
***มีเรื่องเล่าที่สยองมากๆไว้เล่าให้ฟังวันหลัง ขอบอกสยองมากค่ะ แต่ แต่ ว่าตอนนี้เล่าไม่ได้ค่ะ***
ไหว้ศาลหลักเมืองเพชรบูรณ์ยามวิกาล เมื่อเสร็จจากการซ้อมแต่ปรากฏว่า อ.เจน บอกว่าพี่หนูอยากไปไหว้เจ้าพ่อศาลหลักเมืองเพชรบูรณ์ท่านผู้อ่านลองคิดดูซิว่านยามวิกาลเยี่ยงนี้ไม่มีชาวบ้านร้านตลาดเขาไปกราบไหว้ท่านหรอกค่ะเพราะเขานอนกันหมดแล้วมีแต่ อ.เจน และทีมงานที่ไปบรรยากาศชวนสยองเป็นอย่างมากพวกเราเดินกันอย่างเงียบเชียบเชียวค่ะทุกคนสงบเสงี่ยมมากค่ะค่อย ๆ เดินขึ้นไปกราบบนศาลนี้


เสียงเรียก พวกเราสวดมนต์อุทิศบุญให้กับเจ้าพ่อหลักเมืองและทันใดนั้นคุณรุ้ง ก็หันมาถามทีมงานว่าใครเรียก เป็นเสียงผู้ชายเขาเรียกว่าคุณรุ้ง ๆ ซึ่งไม่มีใครเรียกอย่างแน่นอนก็อย่างที่ดิฉันบอกนั่นแหละทุกคนเงียบสนิมมากอ.เจนจึงบอกว่าท่านรับรู้ และครั้งหนึ่ง
คุณรุ้ง เป็นพญาชื่อรุ่งและคุณรุ้งก็เคยมาเฝ้าหัวเมืองที่นี่มีบุญสัมพันธ์กับที่นี่แต่ครั้งอดีตชาติหนึ่งค่ะ
เสียงดังตุ๊บ เมื่อทุกคนกราบไหว้ท่านแล้วและได้คุยกันว่าใครเรียกอยู่นั้นปรากฏว่า มีเสียงเหมือนของตกจากที่สูง ดัง...ตุ๊บเป็นเสียงที่ดังและหนักแน่นมาก ทุกคนที่อยู่ในที่แห่งนั้นได้ยินกันหมดทุกคนต่างก็หันไปตามเสียงแต่ก็ไม่เห็นว่ามีอะไรและก็มีเสียงในทีมตะโกนขึ้นมาว่าคงจะเป็นมะม่วงตกจากต้น แต่ดิฉันก็ได้ชะเง้อดูเพราะเป็นคนที่ชอบพิสูจน์อยู่แล้วจึงเดินไปตามเสียงนั้นและไม่เห็นมีต้นมะม่วงสักต้นเพราะไม่มีต้นไม้ที่เป็นผลเลยแม้แต่ต้นเดียวมีต้นไม้ที่เป็นไม้ดอกดิฉันก็เดินมารายงานแต่ อ.เจน ได้พูดขึ้นว่า อ๋อไม่มีอะไรท่านจะแสดงให้พวกเราได้รับรู้ว่าท่านได้รับทราบว่าจะทำสิ่งใดก็จะได้ผลที่ดีค่ะเมื่อทุกคนรู้อย่างนี้แล้วก็กราบลากันออกไปด้วยความเคารพอย่างสูงค่ะ
โบสถ์ศักดิ์สิทธิ์ในวัดแห่งหนึ่ง เช้าวันรุ่งขึ้นอ.เจนให้ทุกคนเตรียมตัวเพื่อออกสำรวจหาวัดที่พวกเราจะนำเทียนพรรษาแห่ไปวัด ซึ่งคงจะมีบุญสัมพันธ์กับ อ.เจน จริง ๆ ค่ะไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อเมื่อย่างก้าวเข้าไปภายในวัดยังไม่ได้พบเจอกับท่านเจ้าอาวาสแต่อย่างใดอาจารย์ก็มีสัมผัสได้ว่าสถานที่แห่งนี้ศักดิ์สิทธิ์มากจากการที่ดิฉันติดตาม อ.เจน มาถ้าที่ไหนที่ อ.เจนสัมผัสได้ว่าศักดิ์สิทธิ์ก็จะรีบบอกและตื่นเต้นดีใจที่จะได้นำพาผู้คนมากราบไหว้สถานที่ที่ศักดิ์สิทธิ์อย่างนี้ค่ะ
ซึ่งนอกจากจะแห่เทียนพรรษาแล้วทุกท่านก็ยังจะได้ร่วมบุญห่มผ้าที่ไม่ใช่การห่มผ้าพระแต่เหนือกว่านั้นเป็นบุญที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นค่ะ เมื่อท่านไปแล้วก็จะรู้ได้เองค่ะ
ดิฉันเชื่อว่าการเดินทางบุญในวัดศักดิ์สิทธิ์อย่างนี้ถือว่าสำคัญและไม่ธรรมดาค่ะ ดิฉันได้ประสบมาแล้วว่าที่วัดแห่งนี้ศักดิ์สิทธิ์จริงก็เพราะว่าอ.เจนพูดไว้ตั้งแต่เมื่อวันก่อนหน้านี้หนึ่งวันว่าจะไปวัดนี้เพื่อขออนุญาตแห่เทียนพรรษาทั้งๆที่ยังไม่เคยไปวัดแห่งนี้เลย แต่ อ.เจนบอกกับดิฉันว่าเหมือนมีอะไรบางอย่างมาบอกว่าต้องไปวัดนี้ให้ได้ ดังนั้นก่อนจะไปวัดก็หาอาหารตามสั่งข้างทางรับประทานกันก่อนค่ะและที่ข้างร้านอาหารนี้มีร้านน้ำดื่มชงโดยผู้หญิงชาวจีนคุยเก่งและชงน้ำดื่มได้อร่อยมากด้วยปกติดิฉันจะไม่ดื่มน้ำซ้ำร้านเดิมแต่วันนี้กลับอยากจะไปซื้ออีกรอบเมื่อรับประทานข้าวเสร็จดิฉัน อ.เจน และคุณรุ้ง ก็ไปสั่งน้ำดื่มอีกรอบ ทั้งๆที่ไม่เคยทำแบบนี้ทำให้ทุกคนต้องมานั่งรอเพราะเจ้แกคุยเก่งคุยไปทำไปทำให้ล่าช้าออกไปอีกนานกว่าจะได้ค่ะ
เมื่อไปถึงวัดก็มีเสียงประชาสัมพันธ์วัดก็พูดขึ้นมาว่ามีนักท่องเที่ยวมามีนักท่องเที่ยวมาเชิญ เชิญ ครับเชิญมาใส่บาตรพระบวชใหม่พวกเราเดินขึ้นบันใดโบสถ์จึงเห็นภายในมีพระบวชใหม่ 3 รูปประชาสัมพันธ์วัดก็พูดขึ้นว่าเชิญครับเชิญเข้าแถวใส่บาตรพระใหม่ครับเราขึ้นกันมาอย่างงง งงเพราะเหตุการณ์นี้เร็วมาก เขาให้ยืนเข้าแถวทุกคนก็รับเลยค่ะเพราะคำว่า “ใส่บาตรพระบวชใหม่” ทำให้อ.เจนและทีมงานต่างก็ดีใจกันทุกคนเพราะนี่เป็นบุญใหญ่ อ.เจน เคยบอกว่าบุญจากการใส่บาตรพระบวชใหม่นี้ดีนักแลเนื่องจากพระท่านมีศีลบริสุทธิ์มีศีล 227ข้อ ของพระท่านยังมีอยู่ครบค่ะ
คำว่า บุญนี้ทำให้พวกเราทุกคนรีบกันมากรีบไปยืนเรียงกันเป็นแถวตามที่ประชาสัมพันธ์วัดแจ้งกำหนดเรายืนเขาเรียกพวกเราว่าพวกนักท่องเที่ยวค่ะแต่เมื่อยืนเรียงเป็นแถวแล้วดิฉันก็มองเรื่องนี้เป็นธรรมมะเพราะอะไรหรือค่ะดิฉันเชื่อเรื่องเลื่อนเหลื่อมของเวลาเสียแล้วค่ะเหมือนกับคนที่เขาประสบอุบัติเหตุหรือรอดจากอุบัติเหตุ มันอยู่ที่ลอยเลื่อน
และเหลื่อมของเวลานั่นเองค่ะ
เพราะการที่เรารอเจ้ชงกาแฟนานทำให้พวกเรามาถึงโบสถ์ได้ในเวลาที่เหมาะเจาะมากค่ะเพราะพวกเราต่างก็ยืนอยู่หัวแถวและตามด้วยผู้ที่อยู่ในโบสถ์บวชพระมาบัดนี้ทุกคนต้องไปยืนต่อแถวต่อจากคณะเราแล้วค่ะดิฉันจำได้ว่าแม่ขาว คนหนึ่งอายุประมาณ 60 กว่าปี เดินผ่านดิฉันไปแต่สายตาพยายามหาช่องว่างที่จะยืนโดยไม่ยอมไปต่อแถวสุดท้ายปากก็บ่นว่า ทำไมฉันออกจากโบสถ์มาแล้วต้องเดินตั้งไกลแต่ประชาสัมพันธ์วัดก็เห็นว่าแม่ขาวจะแทรกแถวก็ประกาศเสียงดังว่า ให้ไปเข้าแถวต่อท้ายครับ ป้าต้องไปต่อแถวตรงโน้นครับ แม่ขาวคนนี้ก็พูดขึ้นว่าไม่อยากไปยืนตรงโน้นเดินตั้งไกล
*อ.เจนบอกว่านี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ บุญจัดสรรให้ค่ะและเราต้องมายืนจุดนี้ค่ะ เมื่อพระทั้ง 3รูป เดินออกมาคณะ อ.เจน
ก็ได้นำเงินปัจจัยใส่ถุงย่ามของท่านค่ะคณะเราไปที่หลังแท้ ๆแต่ได้เข้าแถวยืนอยู่ด่านหน้าเลยค่ะ
น่าอัศจรรย์มาก เพราะว่าทุกคนออกไปจากโบสถ์กันหมดคณะ อ.เจน ก็ก้าวเข้ามาทันทีไม่มีผู้ใดอยู่ภายในโบสถ์นอกจากคณะของ อ.เจนเท่านั้นไม่มีคนนอกเลยค่ะ อ.เจน บอกว่า เห็นมั้ยพี่บุญจัดสรรค่ะหลังจากนั้นทุกคนก็สวดมนต์และอธิษฐานจิตกันของแต่ละคนสำหรับ อ.เจน กับคุณรุ้งขอบารมีพระศักดิสิทธิ์เรื่องการสร้างสำนักปฏิบัติธรรมให้สำเร็จโดยเร็ว และขอให้ผู้มีจิตศรัทธามาบริจาคปัจจัยให้มากเพื่อให้บุญสำเร็จค่ะ แต่สำหรับเรื่องของดิฉัน........เล่าต่อวันหลังค่ะ
เรื่องที่ดิฉันจะเล่าต่อไปนี้เป็นเรื่องที่ดิฉันโดนเข้ากับตนเอง และบ่อยมากที่ได้พบเจอ อ.เจน กับ คุณรุ้ง ได้ยืนยันแล้วว่า“ผีน่ะ..เขาชอบพี่” ไปไหนๆผีก็ตามมาทุกที ซึ่งดิฉันควรจะดีใจหรือว่าจะขนหัวลุกดีครั้งนี้ก็อีกเช่นกันค่ะ เรื่องมีอยู่ว่าก่อนวันเดินทางไปกับอาจารย์ วันเสาร์ที่5 ก.ค.57 นั่นแหละค่ะ จำได้ว่าเป็นวันพุธ ก่อนเดินทางไปกับอาจารย์ในวันเสาร์วันนั้นดิฉันทำงานอยู่ที่ทำงานค่ะ ช่วงเช้าก็ได้ไปล้างจานชามที่รับประทานเสร็จแล้วระหว่างนั้น ดิฉันมีความรู้สึก คือ ความรู้สึกนี้ดิฉันรู้แล้วว่ามันเป็นอะไร เพราะเช็คบ่อยกับอาจารย์ส่วนมากดิฉันจะชอบเช็คกับ อ.เจน และคุณรุ้ง ด้วยคำ ถามเดิม ๆ ที่ว่า “มันใช่..ใช่มั้ยค่ะ”ส่วนมากจะถามคุณรุ้ง เพราะ อ.เจน มักจะยิ้มแต่ไม่ตอบ ดิฉันขัดใจมากค่ะ เพราะ อ.เจน เห็นผีอยู่ข้างหลังดิฉันแล้วไม่ยอมบอก แต่ดิฉันต้องการรู้ๆ ให้มันรู้แล้วรู้รอดไปค่ะผีอยู่ใกล้ ๆ ก็บอกๆมาเห้อะค่ะ
ดิฉันเป็นคนที่ไม่เห็นผี แต่ อ.เจนเป็นคนที่เห็นผีได้ชัดเจน คุณรุ้งก็เห็นได้ด้วยเช่นกันเพราะบางครั้งเขาเห็นพร้อมๆกันแล้วหันมาบอกกับดิฉันซึ่งเป็นคนกลางค่ะ ดังนั้น สัมผัสนี้ ต้องเป็นผีมาอยู่ข้างหลังดิฉันแน่ ๆที่ห้องนี้เป็นห้องทึบๆ มืดๆ ดูสยอง ๆไม่ค่อยมีใครเข้าไปหรอกค่ะเพราะเป็นห้องล้างจานชามของนักการภารโรงความรู้สึกอย่างนี้มันใช่แน่ ๆ ดิฉันล้างจานไปก็คิดไปว่า จะถามนักการชื่อ กี(ผู้ชาย) คนนี้ดีมั้ยน้า เขาก็นั่งหันหลังทำอะไร ๆ อยู่ และแล้วทนไม่ไหวจริง ๆ เพราะหลายครั้งแล้วมาห้องนี้ก็จะเจอ กีนั่งอยู่และความรู้สึกของดิฉันก็เป็นอย่างนี้ทุกที กี เป็นคนชอบเล่นของขลังมีทุกรูปแบบ
น่าจะเชื่อเรื่องภูตผีปีศาจเมื่อตัดสินใจได้แล้วก็ถามเลยค่ะ นี่ กี เธอมาทำงานแต่เช้ามืดและกลับค่ำ ๆได้เคยพบเจออะไรประมาณ ผี บ้างหรือปะค่ะ กี ก็ยิ้ม ๆ แล้วหันมาถามดิฉันกลับว่าอ้าวแล้วพี่มองเห็นอะไรแถวนี้หรือจึงถามผมดูมันย้อน ดิฉันบอกว่าพี่ไม่เคยเห็นแตะความรู้สึกเหมือนกับว่าแถวนี้เหมือนมีพลังงานบางอย่าง คราวนี้ กีก็ขำ ๆ แล้วบอกว่า อ้าวงั้นพี่ลองจับขวดนี้ดูสิว่ารู้สึกยังไงดิฉันก็เป็นคนใจเร็วด่วนได้เสียด้วย หยิบมาโดยไม่ได้คิดเป็นขวดเล็ก ๆมีน้ำมันสีน้ำตาลเข้ม ๆ อยู่ข้างใน ก็ถามไปว่า กี นี่มันขวดอะไร จับแล้วเหมือนมีสิ่งเล้นลับมาอยู่ใกล้ตัวมากยิ่งขึ้นก็รีบส่งคืนเขาไป กี ก็ขำ ๆ แล้ว ถามว่าพี่รู้สึกยังไง ดิฉันก็บอกไปว่า รู้สึกว่า อึดอัดรอบตัวเลย กี นี่มันขวดอะไรกันแน่ในใจของดิฉันตอนนั้น คิดถึง “น้ำมันพราย” จึงพูดขึ้นไป ว่า หรือว่าเป็นน้ำมันพรายกี บอกว่า ถูกต้อง พี่รู้จักด้วยเหรอ
ดิฉันบอกว่าไม่รู้จักเพิ่งเห็นเป็นครั้งแรกแล้วเราเก็บไว้ติดตัวทำไม มันไม่ดีแก่ตัวเราเลยแล้วเอาไปใช้กับใครเขาบ้างหรือเปล่าก็บอกว่าไม่เคยใช้กับใครเพราะรู้ว่าจะเป็นโทษเป็นภัยเข้าตัวแต่เป็นของตกทอดกันมาจึงเก็บไว้ นี่ผมก็ไม่ค่อยได้ทำบุญด้วยในนี้มีผีหลายตนทั้งหญิงทั้งชายพี่ทำบุญมามากให้บุญเขาหน่อยสิ เขาคงอยากได้บุญจากพี่ ผมไม่ค่อยได้ทำบุญเลยนี่กะว่าจะให้น้องอีกคนเขาอยากได้ ดิฉันก็เลยบอกว่าไม่ต้องมาบอกพี่เลยอย่างนี้ก็ต้องให้บุญเขาแล้ว ว่าแล้วด้วยเป็นศิษย์มีครูบาอาจารย์ จึงเบิกบุญที่ได้ร่วมเททองหล่อพระประธานญาณเมตตาประทานพรมาให้เหล่าสัมภเวสีทั้งหลายและที่อยู่ในขวดน้ำมันพลายด้วยเซ็งจริง ๆ อยู่ดีดีก็ต้องมาวุ่นวายกับพวกผีผีนี่แหละค่ะ
เรื่องไม่จบเพียงเท่านี้ วันพฤหัสบดีที่ 3ก.ค.57 อ.เจน และคุณรุ้ง ก็มารับที่บ้าน (บ้านใกล้ๆกัน) เพราะว่าทุกปี อ.เจน คุณรุ้ง และดิฉัน จะต้องมางานวัดภานุรังสี ทำบุญสังฆทาน และขอพรกับหลวงพ่อต่ออาจารย์บอกว่าศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก วันนั้นเป็นวันสุดท้ายและคุณรุ้ง ออกรถใหม่ รถคันน่ารักสีฟ้า แต่ยังขับไม่เป็น อ.เจน ขับมารับดิฉันเพิ่งออกรถวันแรก ประมาณ 2 ทุ่ม เห็นจะได้ เมื่อถึงวัด มัคทายกวัดจำได้ก็พูดออกไมด์เลย มาอีกแล้วครับท่าน อ.เจน ญาณทิพย์มาทำบุญที่วัดเราอีกแล้วครับ
ประกาศเสียงดังมาก เราก็เข้าไปถวายสังฆทานกันอ้าวคนเขานั่งถวายสังฆทานกันเต็ม หลวงตาท่านนี้จำได้ท่านก็ผายมือเชื้อเชิญ อ.เจนและพวกเรา เข้าถวายสังฆทานก่อน แต่คนที่เขามาก่อนประมาณ 6 คนเขาก็จะถวายเขาก็ทำตัวไม่ถูกแต่ อ.เจน ก็ไม่เสียมารยาทข้ามหน้าคนที่เขามาก่อน จึงไม่ยอมถวายก่อนให้คนอื่นถวายก่อนพระท่านก็ยังไม่รับถังสังฆทานคนมาก่อนก็อิลักอิเหลือกันอยู่อย่างนั้น เมื่อพระท่านเห็นว่าอ.เจน ไม่ขยับตัวนิ่งรออยู่ท่านจึงรับสังฆทานคนอื่นก่อนและค่อยมารรับสังฆทาน อ.เจนและท่านก็สวดมนต์ยาวนานเป็นพิเศษ กรวดน้ำเสร็จก็ออกมาหน้าโบสถ์ที่ประดิษฐานหลวงพ่อต่อ อ.เจน ได้นำแผ่นทองคำเปลวแท้ แจกคนละแผ่น ตรงนี้ไม่มีใครเลยเรานั่งกัน 3 คน เราสวดมนต์พร้อมกันอีกครั้ง
อธิษฐานจิต ขอพร อ.เจน คุณรุ้ง ขอให้สำนักปฏิบัติธรรมวิปัสสนาญาณเป็นรูปเป็นร่างและสำเร็จในเร็ววันเพื่อจะได้นำพาผู้คนไปปฏิบัติธรรมส่วนดิฉันก็อธิษฐานขอเป็นแรงสนับสนุนช่วยเหลืออาจารย์ทั้งสองให้งานที่อาจารย์ปรารถนาสำเร็จทุกประการ อ.เจน และคุณรุ้ง มักพูดกับดิฉันเสมอว่า เดี๋ยวนี้ไม่เคยได้ขอพรใดให้กับตนเองเลยขอแต่เพียงจะให้ได้สร้างสำนักปฏิบัติธรรมฯแห่งนี้ให้สำเร็จโดยเร็วค่ะ เพราะว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะต้องมีการเริ่มต้นเมื่อได้เริ่มต้นก็มีการทำงานที่ต่อเนื่องไปได้ค่ะ เมื่ออธิษฐานเสร็จก็ถึงตอนที่จะแปะแผ่นทองอ.เจน แปะก่อน คุณรุ้ง และดิฉัน พอถึงดิฉัน ก็อ้าวแผ่นทองหายไปไหนอีกครึ่งหนึ่งแปลกมากเมื่อตะกี้ยังเต็มแผ่นอยู่เลยดิฉันก็หารอบตัวก็ไม่มี เพราะไม่มีใครเลยนอกจากเรา 3 คน และแผ่นทองไปไหนละแต่ก็ตัดสินใจไม่หาแล้ว ก็แปะแผ่นทองเท่าที่มี ไม่เต็มแผ่นเหมือนอาจารย์ในใจก็อดคิดไม่ได้ว่า ถ้าตกหล่นก็ต้องเห็นสิ เสียดายหายไปครึ่งหนึ่งเมื่อเสร็จแล้วพระสงฆ์ที่อยู่ด้านนอกก็กวักมือเรียกให้ไปรับสายสินเราเกรงใจท่านไม่อยากไปรับ แต่ อ.เจน กลัวจะเสียมารยาทก็ไปรับ คุณรุ้งและดิฉันก็ไปรับตามๆ กัน แต่ปรากฏว่าระหว่างที่คุณรุ้ง หงายมือรับสายสินนั้นแหมชัดเจนในสายตาของดิฉันเลยค่ะ แผ่นทองครั้งหนึ่งที่หายไปติดแนบเนื้อคุณรุ้งเป็นรูปครึ่งแผ่นพอดิบพอดีอย่างไม่น่าเชื่อเลยค่ะดิฉันรีบบอกคุณรุ้งว่า นี่เป็นแผ่นทองที่หายไป ทุกคนขำกันใหญ่ คุณรุ้งก็ว่าพี่อีกแล้ว พี่จี๊ดโก๊ะอีกแล้ว ระหว่างที่ขำกันอยู่นั้น ปรากฏว่าที่แขน อ.เจนก็มีเศษทองชิ้นส่วนเดียวกันแต่เศษเล็กติดที่แขน อ.เจน ด้วยเช่นกันซึ่งหลังจากเลิกขำกันแล้ว อ.เจน ก็พูดขึ้นว่า เรื่องนี้ไม่ได้เป็นเรื่องบังเอิญแต่มันเป็นปริศนา ที่หลวงพ่อต่อท่านต้องการจะช่วยพี่ ซึ่งจริง ๆแล้วท่านคงเมตตาดิฉันเพราะดิฉันอุทิศบุญให้ท่านด้วยค่ะ อ.เจน พูดว่า ปริศนานี้พี่รุ้งจะต้องช่วยพี่จี๊ด มากกว่าหนู ด้วยการผ่านปริศนาแผ่นทองคำเปลวนี้แต่ไม่รู้ว่าเรื่องอะไรตอนนั้นก็ดึกมากแล้วประมาณ 4 ทุ่ม ดิฉันก็คิดๆและคิดไม่ตกว่าจะมีเรื่องอะไรที่อาจารย์สองคนนี้จะช่วยดิฉันได้ มันเรื่องอะไรระหว่างที่ อ.เจน กับคุณรุ้ง ไปส่งดิฉันที่บ้าน ดิฉันก็คิดได้ จึงเล่าเรื่องจับขวดน้ำมันพรายให้อ.เจน รับรู้ ซึ่ง อ.เจน กับคุณรุ้ง พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า พี่น่ะมีแต่เรื่องและก็เป็นเรื่องผีผีทุกทีเลยค่ะ มันเป็นอย่างนั้นจริง ๆ ขนาดไปทำบุญที่ไหนหรือไปไหน ผีก็ตามดิฉันกลับมาทุกที นั่งโม้ที่บ้าน อ.เจน ผีก็มาฟังด้วยแต่ดิฉันไม่เห็นอาจารย์บอกค่ะ อ.เจน บอกว่า พี่เป็นคนดี ทำบุญมาก แสงบุญมากผีก็รัก เทวดาก็รักพวกผีพรายเขาเห็นแสงบุญของพี่ พวกผีเหล่านั้นเขาก็อยากมาอยู่กับพี่แทนเจ้าของเดิมจึงดลใจเจ้าของเดิมนั้นหยิบขวดน้ำมันพรายให้พี่จับ แล้วพรุ่งนี้เขาก็จะเรียกพี่อีกเพื่อจะสื่อสารกับพี่พี่อย่าไปยุ่งอีกนะวันนี้พี่ให้บุญเขาไปเขาไม่มาอยู่กับพี่แต่หลังจากวันนี้เขาจะมาตามพี่เอาไว้หนูจะเช็คให้อีกครั้งว่าเขามาอยู่กับพี่หรือไม่ค่ะ
เรื่องที่เกิดขึ้นกับดิฉัน ก็ได้อาจารย์ทั้งสองช่วยเหลือทอุกครั้งไปค่ะ อ.เจน บอกว่า พี่นี่มีแต่เรื่อง ค่ะ