คุณแท็กซี่...เชิญ อ.เจน ทัวร์บุญ ภาคเหนือ - ห้อง จี๊ดจ๊าดเล่าเรื่อง อาจารย์เจน.com

อาจารย์เจน.com

 ลืมรหัสผ่าน
 ลงทะเบียน
ดู: 10711|ตอบ: 21
พิมพ์หน้านี้ ก่อนหน้า ถัดไป

คุณแท็กซี่...เชิญ อ.เจน ทัวร์บุญ ภาคเหนือ

[คัดลอกลิงก์]

77

กระทู้

517

โพสต์

2หมื่น

เครดิต

ผู้ดูแลพิเศษ

Rank: 8Rank: 8

เครดิต
26516

วันที่ 8-13 ธันวาคม 2555  


คุณแท็กซี่...เชิญ อ.เจน ทัวร์บุญ ภาคเหนือ  (เชียงใหม่  เชียงราย ลำปาง ลำพูน แม่ฮ่องสอน)


ตามคำเชิญของคุณแท็กซี่..ที่เป็นทั้งกัลยาณมิตร สารถี และไกด์ ด้วยมีความประสงค์ให้ อ.เจน/คณะติดตาม เดินทางไปทัวร์ทำบุญและกราบสักการะสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สำคัญๆ ในจังหวัดภาคเหนือ เชียงใหม่  เชียงราย ลำพูน ซึ่งคุณแท็กซี่..ก็ได้อำนวยความสะดวกให้ทุกสิ่งอย่างค่ะ ก็จะที่ไหนเสียอีกพักที่บ้านของคุณแท็กซี่

คุณแท็กซี่ มีหน้าที่หลายอย่างด้วยกัน อาทิเช่น สารถี ไกด์ อำนวยความสะดวกให้แก่คณะฯ ตลอดการเดินทางค่ะ ดิฉันในฐานะผู้ติดตาม ก็ต้องขอขอบพระคุณมา ณ โอกาสนี้  เมื่อได้รับทราบว่า คุณแท็กซี่จะพาไปแอ่วเหนือ จุดประสงค์หลักไหว้พระบาท 4 รอย ดิฉันไม่รอช้า..จำเป็นจริ๊งๆจริงๆ จำเป็นต้องลางานถึง 4 วัน กลับมาทำงานวันแรกหัวหน้างานเดินมาที่โต๊ะพร้อม ไม้ที่ปลายเป็นรูปดาว แล้วบอกว่าต่อไปนี้ฉันขอสาบไม่ไห้เธอหยุดงานอีกแล้ว เซ็งเป็ด ถูกหัวหน้างานสาบ....(อย่างนี้เขาเรียกว่าถูกหมายหัวเอาไว้แล้ว)

วันเสาร์ที่ 8 ธันวาคม 2555

เวลา 6.30 น. ออกเดินทางโดยคุณแท็กซี่... คณะเดินทาง ประกอบด้วย อ.เจน  คุณรุ้งตะวัน และดิฉัน รวม 4 ท่านค่ะ เดินทางโดยรถ..วอลโว่ ของคุณแท็กซี่ ซิ่งได้ใจเหยียบไป 120-140  เหมือนนั่งรถเหาะค่ะ แต่ก็ เพลินกับวิวทิวทัศสองข้างทางและก็หลับผล่อยไปในที่สุด....ตื่นมาอีกที ก็ได้ยินเสียงเรียกจากคุณแท็กซี่ เชิญเข้าห้องน้ำ รับประทานอาหาร เป็นแบบนี้ตลอดทางค่ะ


1. พระธาตุลำปางหลวงจ.ลำปาง

เป็นสถาปัตยกรรมที่สมบูรณ์แบบที่สุด นอกจากความสวยงามแบบโบร้านโบราณแล้ว ดิฉันยังมีความรู้สึกถึงความศักดิ์สิทธิ์อย่างบอกไม่ถูก แลดูเคร่งขรึมดีพิลึก

อ.เจน บอกว่า สถานที่แห่งนี้มีพระธาตุศักดิ์สิทธิมาก เพราะได้เห็นด้วยตาทิพย์ว่า มีรุกขเทวดา เฝ้าอยู่โดยรอบ พวกเราทั้ง 4  กราบนมัสการสวดมนต์ และขอพร ก่อนกลับก็ได้ทำบุญซื้อวัสดุก่อสร้างที่ทางวัดต้องการปัจจัยบูรณะโบสถ์วิหาร

ถึงเชียงใหม่ ประมาณ ๕ โมงเย็น เราจะไปพักบ้านคุณแท็กซี่กัน

ทำนายทายทักก่อนเข้าบ้าน       คุณแท็กซี่ขับรถเข้าซอยแต่ยังไม่ถึงตัวบ้าน จึงให้ อ.เจน พูดว่าเห็นบ้านผมมั้ยครับเป็นอย่างไรบ้าง อ.เจน ดูด้วยญาณ แล้วพูดว่า ที่บ้านคุณแท็กซี่มีลักษณะเป็นบ้าน หลังคาทรงไทย มีคุณตาใจดีเป็นเจ้าที่เจ้าทางที่บ้าน และมีวิญญาณอยู่อีก เมื่อถึงบ้านก็เป็นไปตามนั้นจริงๆ ทั้งๆที่เพิ่งเคยมาเป็นครั้งแรก เจ๋งจริงอาจารย์

ตื่นเต้นๆ ไปพักที่บ้าน (ดิฉันขอเรียกว่า เรือนมยุรา) ของคุณแท็กซี่ ซึ่งอยู่ในตัวเมืองใกล้สนามบินสะดวกสบายมาก แต่ซอยทางเข้าบ้านลึกลับซับซ้อนมากกว่าจะถึงบ้าน เมื่อมาถึงบ้านก็ต้องตกใจอีกครั้ง...อุ๊..แม่เจ้า..บ้านคุณแท็กซี่ หรือ คฤหาสน์ หรือ คุ้มเจ้าเมืองเชียงใหม่ เป็นลักษณะบ้านเรือนไทยหลายหลังปลูกในพื้นที่บริเวณเดียวกัน ดิฉันชอบและประทับใจมั๊กมาก เพราะเป็นคนชอบบ้านเรือนไทย อะไรที่อนุรักษ์ไทยดิฉันชอบหมดค่ะ และเคยไฝ่ฝันว่า ถ้าเรามีวาสนากะเขาก็ขอให้มีบ้านแบบนี้ล่ะ เอาน่ะ ชาตินี้ไม่มีบ้านในฝันก็ขอเข้าพักบ้านที่เคยฝันว่าจะได้อยู่ไม่กี่วันก็ยังดี ทำให้ดิฉันนึกถึงว่า หากได้ผ้าซิ่นสักผืนนำมานุ่ง ห่มด้วยสไบ ทัดดอกไม้ นั่งเป็นเจ้านาง บนลานรับแขก จะโบราณซะขนาดไหนหนอ  


ขณะที่ คุณแท็กซี่ นำ อ.เจน เดินชมบ้านอยู่นั้น ดิฉันกับคุณรุ้ง ทำไรกันอยู่เหรอค่ะ ดูเอาก็แล้วกัน ตามรูปภาพนั่นแหละ ภาพมันฟ้อง วิ่งถ่ายรูปกันทั่วบ้านเขาเลย มาถึงบ้านเขาหายเหนื่อยมัวแต่ตื่นเต้นบ้านของเขา ยังไม่ได้นั่งพัก เดินรอบบ้านยังถ่ายรูปไม่หมดเลย คุณแท็กซี่บอกจะพาไปไหว้เจ้าแม่กวนอิมและรับประทานอาหารเย็น แต่เมื่อก้าวเข้าไปในห้องนอน โอ้.....เตียงนอนในฝัน ชอบมากๆ อะ ชอบเตียงนอนแบบนี้มาก ได้เห็นแต่ในหนังทีวี วันนี้ล่ะดิฉันจะได้นอนเตียงที่มีม่านบางๆ สีขาว..แบบนี้  และด้วยความไม่คุ้นเคย ขาเตียงที่สูงมากๆ ทำให้คุณรุ้ง หยั่งขาไม่ถึงพื้น ถึงกับสดุดตกเตียงเสียงดังโครม....ทำให้คุณแท็กซี่ ได้ยินเสียงดังโครมครามจึงแซวในตอนเย็นมื้อค่ำว่า เหมือนมีใครคนหนึ่งตกเตียงหรือครับ อ.เจน กับดิฉันตอบพร้อมๆ กันว่า คุณรุ้ง

2. วัดพระแม่กวนอิม จ.เชียงใหม่ ออกจากบ้านพักคุณแท็กซี่ ได้พาไปไหว้เจ้าแม่กวนอิมที่คุณแท๊กซี่บอกว่าศักดิ์สทธิ์มาก อยากให้ อ.เจน ไปกราบไหว้   ตอนนั้นประมาณ 6 โมงเย็น แล้วก็มี ผู้หญิง ผู้ชาย ประมาณ 5 - 6 คน ยืนสวด**บทสรรเสริญพระคุณ**นะโมกวงซิอิม..ผ่อสัก…นำโมไต๋.....

ที่ไม่มีตัวตนก็มายืนสวดด้วย ตัวดิฉันเห็นว่ามีอยู่ 5-6 คน สวดเพราะมาก แต่ อ.เจน บอกว่า พี่มีมากกว่านั้น เต็มลานเลยค่ะ ดิฉันก็...ออ..เหรอ ค่ะ ดิฉันไม่เห็นค่ะ อ.เจน เห็นคนเดียว ดิฉันก็ถามไปว่า อาจารย์แล้วเป็นใครกันบ้าง อ.เจน บอกว่าเป็นญาติของพวกคนที่มาสวดและสัมภเวสีด้วย


เจ้าแม่กวนอิม...ศักดิ์สิทธิ์  รูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมองค์นี้ สวยงามมาก ท่านอยู่ในท่ายืนยกมือขวามือซ้ายถือคนโทเทน้ำ และยืนบนมังกร อ.เจน บอกว่า ท่านมีองค์ในของท่านอยู่ค่ะพี่  ขณะเดียวกัน คุณแท็กซี่ ก็ไปซื้อเครื่องไหว้มาและบอกว่า ไหว้ท่านครับท่านศักดิ์สิทธิ์ เรา 3 คน ก็นั่งเรียงกัน ดิฉัน อ.เจน คุณรุ้ง ขณะที่ เรามาสวดบทสรรเสริญ.....อยู่ในอาการสงบอยู่นั้น อ.เจน บอกให้ขอพรค่ะ ท่านๆ มีเมตตามาก (ถ้า อ.เจน พูดแบบนี้ ก็ต้องมีอะไรค่ะ) ดิฉันไม่รอช้าขอพรทันทีเหมือนกัน

แสงสีเหลืองทองจากองค์เจ้าแม่...  หลังจากนั้น อ.เจน เล่าให้ฟังว่า เมื่อเห็นว่าญาณวิถีของท่านได้รับรู้ว่าพวกเรามากราบสักการะแล้ว จึงได้กล่าวว่า  “หนู อ.เจน ตรวจกรรมช่วยเหลือคนที่มีความทุกข์ใจทุกข์กายทั้งหญิงและชาย และพระองค์ท่านเป็นพระโพธิสัตย์มีบารมีช่วยเหลือคนด้วยเช่นกัน ดังนั้น จึงขอบารมีจากพระองค์ท่านช่วยปกป้องคุ้มครองลูกด้วย เพราะบางครั้งการช่วยเหลือคนมากมายก็ต้องมีทั้งเจ้ากรรมนายเวรและสัมภเวสีของผู้คนเหล่านั้นไม่พอใจลูกด้วยจึงขอพรจากท่านและขอบารมีจากท่าน ทันใดนั้น ก็มีก็เห็นแสงแห่งพระธรรมแผ่รัศมี เป็นแสงสีเหลืองทองเป็นวงกลมๆ หลายเส้นประมาณ 4 เส้น แผ่รัศมีออกมาจากองค์ท่านมาถึงพวกเราที่นั่งกันอยู่นั้น

เปรต...มาขอส่วนบุญ เสร็จจากการไหว้เจ้าแม่กวนอิม ต่างก็ลุกขึ้นนำเอากระดาษเงินกระดาษทองไปเผาในเตา แต่ปรากฏว่า ถาดกระดาษคุณรุ้ง เหมือนมีใครมาปัดตกพื้นกระจาย เมื่อเก็บขึ้นมา คุณรุ้ง ก็กระซิบกับดิฉันว่า พี่เปรตๆ เป็นหญิงชรา แต่ดิฉันไม่เห็นค่ะ แล้ว อ.เจน ก็มากระซิบอีกว่า พี่เปรต เขายืนขอส่วนบุญอยู่ที่ข้างเตาที่พวกเรายืนอยู่ค่ะ คุณแท็กซี่ก็เห็นเหมือนกัน ท่านผู้อ่านลองตรองดูซิค่ะ เขาเห็นเปรตมายืนอยู่ใกล้ๆ กันทุกคนยกเว้นดิฉันไม่เห็นอยู่คนเดียว  แต่ดิฉันก็ไวค่ะ รีบยกมือพนมอุทิศบุญให้กับเปรตตนนั้นทันทีไม่มีชักช้า ด้วยบุญที่ข้าพเจ้าทำสำเร็จแล้วในวันนี้ขออุทิศให้กับเปรตตนนี้ด้วยค่ะ

หิวแล้ว   คุณแท็กซี่ ได้นัดหมายกับเพื่อนสนิทของคุณแท็กซี่ ซึ่งเป็นข้าราชการมีงานนอกเวลาคือร้านอาหารที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของจังหวัด โดยมีศรีภรรยาดูแลร้าน ร้านอาหารตั้งอยู่ริมแม่น้ำปิง อาหารพื้นเมืองแบบล้านนา คนเต็มร้าน ดนตรีไพเราะมาก อากาศหนาวมาก และที่ชอบมาก ก็คือที่ร้านจะให้แขกของร้านปล่อยโคมลอย โต๊ะเราก็ได้ปล่อยโคมลอยด้วยค่ะ แต่ด้วยคำอธิษฐานของ อ.เจน ที่ว่า ขอให้ความทุกข์โศกของผู้คน จงอย่าได้มีความทุกข์โศกเลย ที่นี่ความทุกข์โศกของคนเรามันหนักหนา มั้ยล่ะท่าน ผู้คนมีเป็นจำนวนมากค่ะ โคมที่ปล่อยมันจึงดิ่ง ไม่ขึ้นลอยเรี่ยระดับหัวคนที่เขานั่งรับประทานอาหาร ละเรี่ยดไปตามโต๊ะต่างๆ กว่าโคมจะลอยไปได้สวยก็ลุ้นกันจนเหนื่อยค่ะ  ก็ได้ยินเสียงผู้ชายคนหนึ่ง ตะโกนแบบขบขันว่า จะมาไหม้หัวผม..มั้ยครับ

นางตานี...ยิ้มต้อนรับ    ประมาณ 4 ทุ่มแล้ว ถึงบ้านเรือนไทยของคุณแท็กซี่ บ้านเรือนไทยมีหลายหลัง หลังที่เราพักต้องเดินผ่านตั้งแต่หลังแรก มีแสงไฟส่องรำไรตลอดเส้นทางเดิน ทำให้ อ.เจน ได้พบกับนางตานี ใส่ชุดไทยโบราณ ห่มผ้าสไบ มายืนยิ้มต้อนรับ อ.เจน เมื่อเห็นดังนั้น ก็หันมากระซิบเบาๆ ว่า พี่นางตานียิ้มให้พวกเราด้วยค่ะ ซึ่งคุณแท็กซี่ก็บอกว่า อ๋อ/ตรงโน้นก็มีอีกครับ แหม่อันนี้ไม่ขำเลยน่ะ เพราะบริเวณบ้านในยามค่ำคืนมีเพียงแสงไฟสาดส่องแบบสลัวไปทั่วทั้งบริเวณบ้าน ทำให้เพิ่มความขลังน่าสะพรึงกลัว (ถ้าอยู่คนเดียว) นอกจากนี้พวกเราก็เดินกันด้วยความเงียบๆ มากๆ  เมื่อ อ.เจน พูดเยี่ยงนี้ ดิฉันจึงเดินนำหน้าเป็นคนแรก อ.เจน อยู่รั้งท้ายกับคุณเจ้าของบ้าน ถึงตอนนี้ดิฉันเดินเรียบร้อยที่สุดเกรงใจนางตานีเขาจะไม่พออกพอใจต้องสงบเสงี่ยมหน่อย จริงๆ แล้วเป็นคนพูดมาก แต่ไม่มีใครคุยกันเลยสักคนในตอนนั้น เดินแถวตอนเรียงหนึ่ง ถ้าพวกเราไม่คุยกันจะเงียบเชียบมากๆ เพราะที่นี่ไม่มีใครพัก นอกจากพวกเรา 4 คน

คุณแท็กซี่ ก็พูดคลายความเงียบออกมาว่า ที่นี่มี (๑) คุณตาใจดี ซึ่งเป็นเจ้าที่ที่บ้านเรือนไทยทั้งหมดนี้ (๒) นางตานี  (๓) ผีบ้านผีเรือน เป็นผู้หญิง (๔) มีพญานาคที่มองไม่เห็นเฝ้าอยู่ในบ่อเล็กๆ ที่มีรูปปั้นเป็นรูปพญานาค ซึ่งลูกแก้วพญานาคของจริงอยู่ในปากรูปปั้นพญานาคนั่นเอง ประดิษฐานอยู่กลางลานสวนหย่อม และคุณแท็กซี่ จะอธิบายโดยละเอียดทำไมในยามวิกาลขณะเดินเยี่ยงนี้

ซึ่งเรื่องนี้ อ.เจน ก็เห็นด้วยญาณทิพย์ล่วงหน้าก่อนแล้วและที่แน่ๆ พบนางตานี มายืนต้อนรับแล้ว  สิ่งศักดิ์สิทธิ์และวิญญาณมีอยู่จริงทุกประการ

ผีบ้านผีเรือน..ชุดไทยสีขาว ที่บ้านเรือนไทย แม้จะมีหลายหลังแต่ไม่มีคนพัก คุณแท็กซี่ขึ้นเหนือปีละ 2 ครั้ง จึงต้องจ้างคนงานเฝ้าดูแล ปัญหามันอยู่ตรงที่ว่า ตู้เย็น..ไม่ได้อยู่ภายในเรือนที่พักของพวกเรา และคุณแท็กซี่ก็ไม่ได้บอกกล่าวอะไรกับดิฉันเล้ย..ว่าที่นี่เขามีไร..ที่คนธรรมดาอย่างดิฉันมองไม่เห็นและต้องรู้บ้าง


คุณแท็กซี่ขอให้ดิฉันช่วยเดินไปเอาน้ำเย็นในตู้เย็นที่มันไม่ได้อยู่ในร้อนพักเสียอีก และตู้เย็นที่ว่าเนี้ยนะ ต้องลงบันไดบ้านไปอย่างโดดเดี่ยว ไฟฟืนก็ไม่รู้มันอยู่ตรงไหนบ้าง ก็เดินใจกล้าไปเรือนที่มีตู้เย็นนั่นแหละ เมื่อแรกเข้าไป เปิดประตูก่อน มองเห็นตู้เย็นนั่นแล้วโดยอาศัยแสงไฟสลัวๆด้านนอก เมื่อย่างก้าวเข้าไปหมุนตัวโดยรอบ บรรยากาศได้เลยตอนนั้น ภายในห้องมีเสาไม้สักสีน้ำตาลไหม้ ต้นใหญ่เท่าคนโอบ 4 มุม 4 ตัน ไม่คิดมากแล้วตอนนี้หยิบน้ำขวด 4-6 ขวด หอบเข้าไว้กับตัวเปียกหน่อยก็ไม่เป็นไรจะได้ไม่ต้องเข้ามาอีกหลายหน ลืมบอกไปก่อนหยิบน้ำดิฉันก็มีมารยาทนะค่ะต้องบอกกล่าวก่อนค่ะ “ขออนุญาตนำขวดน้ำไปให้เพื่อนๆ นะค่ะเจ้าของบ้านเขาให้มาค่ะ...หยิบเสร็จแล้วก็บอกว่า ขอบคุณค่ะ..ย่อตัวเล็กน้อย..ย่องออกมาเลยค่ะ” ถามว่า ทำไมต้องบอกกล่าว จะไม่ให้บอกกล่าวได้อย่างไรได้ แม้ดิฉันจะไม่เห็นอะไรอย่างที่ อ.เจน และคุณรุ้ง และคุณแท็กซี่ แต่ดิฉันจะมีความรู้สึกทุกครั้งที่มี...ตัวปริศนา...มองมายังดิฉัน และพอรู้สึกอย่างนี้ครั้งใด ถ้าได้ซักถาม อ.เจน เขาก็บอกว่า มีพี่อยู่ตรงโน้น อยู่ตรงนี้ แล้วแต่ ตัวปริศนาจะอยู่บริเวณไหน..นั่นแหละค่ะ

มาถึงที่เรือนพักก็ได้แจ้งเหตุให้คุณรุ้ง รับรู้เบื้องต้น และก็ต้องมีเหตุต้องไปที่ตู้เย็นนั่นอีกเพราะต้องนำมะม่วงดองที่ซื้อมาไปเก็บ ครั้งนี้ ดิฉันบอกคุณรุ้ง ไปดูกันให้ชัดเจนกันเลยว่าดิฉันคิดไปเองหรือว่ามันเป็นเรื่องจริงที่รู้สึกว่ามีคนมายืนจ้องดูอยู่  เมื่อเดินเข้าไปทั้งคู่ดิฉันก็ขออนุญาตใช้ตู้เย็นอีกค่ะ แต่คุณรุ้ง ไม่พูดอะไร เพียงแต่ส่งสายตามาว่าเรากลับกันเถอะ ซึ่งหน้าตาอย่างนี้ดิฉันเข้าใจได้ จึงถามว่าใช่มั้ย คุณรุ้งก็ตอบทันทีว่าใช่ค่ะ ดังนั้น ดิฉันจึงตอบไปว่าสวัสดีค่ะไปแล้วค่ะ

เมื่อมาถึงเรือนพัก อยู่กันครบดีเลย ดิฉันก็บอก อ.เจน ที่ในห้องที่มีตู้เย็นมีผีด้วย คุณรุ้ง ก็บอกว่าใช่ใส่ชุดไทยสีขาว  ทันใดนั้นเองคุณแท็กซี่เจ้าของบ้านก็บอกว่า ครับผีบ้านผีเรือนอยู่ในห้องนั้นใส่ชุดสีขาวครับ จบมั้ย


วันอาทิตย์ที่ 9 ธันวาคม 2555
โป่งน้ำร้อน จ.เชียงราย  ออกเดินทางกันแต่เช้า เพื่อจะไปวัดพระเจ้าทองทิพย์ที่ชาวจังหวัดเชียงรายบอกว่าศักดิ์สิทธิ์มาก  แต่เส้นทางไปผ่านโป่งน้ำร้อน จึงแวะชมสถานที่และต้มไขนกกระทากินกันอร่อย

3.  วัดพระเจ้าทองทิพย์   มาถึงวัดประมาณ 11.00 น. เป็นวัดที่เงียบสงบ วันที่พวกเราไปไม่มีผู้คนแม้แต่คนเดียวแปลกมาก พระสงฆ์ก็ไม่มีอยู่เฝ้า ห่างจากวัดเป็นแม่น้ำ (แม่น้ำลาว) มีเรืออยู่ลำหนึ่งสร้างไว้เป็นอนุสรณ์สถานและสำหรับปฏิบัติธรรมด้วย เมื่อแรกเดินเข้ามาไม่ได้สังเกต พวกเราเพียงแต่มากราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น เมื่อกราบเสร็จแล้วเตรียมจะกลับอยู่ๆ อ.เจน ก็ลุกขึ้นมาพูดว่า หนูอยากจะเช่าพระพุทธรูปพระเจ้าทองทิพย์กลับบ้าน ดิฉันกับคุณรุ้ง งงๆกันมาก เพราะ อ.เจน ไม่เคยเช่าพระกลับบ้าน แต่ดิฉันก็มาคิดอีกที อ้อ อ.เจน จะช่วยบูรณะวัดเพราะเขาเขียนที่ตู้บริจาคว่า เช่าเพื่อบูรณะวัด องค์ใหญ่ราคาองค์ละ 4,999 บาท  เสร็จแล้ว อ.เจน ก็หันมาบอกว่า เสียงบอกว่าให้นำกลับไปบูชาและก่อนกลับขอให้ไปที่เรือแล้วเดินกลับมาที่นี่อีกครั้ง

เกิดเหตุมหัศจรรย์        ดิฉันสงสัยมากทำไมต้องทำแบบนี้ และสักพักคุณแท็กซี่ ก็เดินมาบอกว่า อาจารย์ต้องทำเหมือนกับครั้งที่ อ.เจน เคยทำมาแต่โบราณกาล เพราะมีเสียงครูบาอาจารย์บอกผมด้วยเช่นกัน และผมก็รู้แล้วด้วยว่า อ.เจน เป็นใครในอดีต

ขณะที่ งงๆ กันอยู่นั้น ดิฉันสังเกตเห็น อ.เจน ก็ทำหน้าสงสัยต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยเช่นกัน แต่ก็ทำตามเสียงที่บอก ด้วยการอาราธนาพระพุทธรูปเดินไปที่เรือ ซึ่ง อ.เจน ให้คุณรุ้ง ถ่าย VDO เก็บไว้ด้วย เมื่อเดินมาถึงเรือ อ.เจน ก็นำพระพุทธรูปวางบนแท่น และกล่าว อัญเชิญพระพุทธรูปกลับไปที่วัด  

ทันใดนั้น อ.เจน ก็หันมาเรียก คุณรุ้งว่า “พระน้องนาง” ตามมา และหันมาเรียกดิฉันว่า “ทัสดา..เธอ ตามมานี่” ดิฉันก็ถามกลับไปว่า อ.เจน เรียกใครค่ะ แล้ว อ.เจน ก็บอกว่า มีเสียงเรียกพี่จี๊ดกับพี่รุ้ง แบบนี้หนูก็เรียกตามเสียงที่เรียกพี่นั่นแหละค่ะ


คำอธิษฐาน อ.เจน “บัดนี้ ข้าพเจ้า น.ส.......หากข้าพเจ้ามีความเกี่ยวข้องกับสถานที่แห่งนี้หรือมีบุญสัมพันธ์กันแล้วไซร์ หรือเคยมีกรรม ณ ที่แห่งนี้ จะระลึกได้ก็ดีระลึกไม่ได้ก็ดี บัดนี้ข้าพเจ้ามาขอขมากรรม ณ สถานที่แห่งนี้ด้วยเทอญ ทั้งนี้ ข้าพเจ้าขอพรจากพระเจ้าทองทิพย์  ให้ข้าพเจ้าสำเร็จทั้งทางโลกและทางธรรม”

ขณะเดินจากเรือกลับมาที่วัด อ.เจน ถือพระพุทธรูป ยืนอยู่ตรงกลาง ดิฉัน ยืนข้างซ้าย (มือถือธูป3ดอก คุณรุ้งยืนข้างขวา ถือเทียน โดยคุณแท็กซี่..ได้จุดไฟให้เรียบร้อยแล้วนำมาส่งให้

ณ ขณะนั้น เหมือนต้องมนต์ขลัง เรา 3 คน อ.เจน บอกให้ถอดรองเท้า มีเสียงบอก “เธออย่าใส่รองเท้าเดินขึ้น” พวกเราก็ถอดรองเท้าทันที ขณะนั้น อ.เจน ก้มมองรองเท้าของตนเอง เห็นว่าเป็นรองเท้าสวมปลายแหลมโค้งงอนเหมือนรองเท้าเจ้าสมัยก่อนและท่าทางเดินแบบผู้ชายที่ร่างสูงใหญ่


พวกเราก็เดินแบบหน้ากระดานเรียง 3 โดยเดิน ทีละก้าว..ทีละก้าว...เหมือนกำลังอยู่ในพิธีการอันศักดิ์สิทธิ์ ด้วยอาการสงบนิ่ง สายตาเพ่งมองไปที่วัดเพียงอย่างเดียว ไม่มีการคุยกัน เพราะเป็นอารมณ์ในสมาธิ ในตอนนั้นมีอาการอธิบายไม่ถูกค่ะ เปรียบได้ว่าเป็นพิธีการจริงๆ เหมือนมีผู้คนมากมายมามองดูการกระทำของเราอยู่ อารมณ์นั้นอธิบายยากค่ะ แต่วันนั้น เรามีแค่ 4 คน

อ.เจน นำพระพุทธรูปพระเจ้าทองทิพย์วางประดิษฐานบนแท่นบูชา พร้อมเทียน และธูป และอธิษฐานขอนำกลับไปบูชาที่บ้าน ทันใดนั้น อ.เจน ก็บอกว่าให้นำน้ำมนต์ในโอ่งนั้นมาดื่มและนำกลับไปด้วย ซึ่ง อ.เจน และทุกคนก็ทำตามนั้นค่ะ


ประวัติพระเจ้าทองทิพย์ รบกวนต้องไปศึกษาอ่านเองนะค่ะ ดิฉันได้อ่านแล้วถึงเพิ่งรู้ว่าในอดีตได้มีการอัญเชิญท่านขึ้นมาจากแม่น้ำจริง เมื่อทราบแล้วก็ต้องขนลุกค่ะ

ทำให้ดิฉันต้องเชื่อว่าคนเราเมื่อมาเจอกันต้องมีบุญสัมพันธ์กันมา เราจึงได้มาพบกัน มาเป็นเพื่อน เป็นพี่เป็นน้องและรู้จักกัน ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตของเราไม่ใช่เรื่องบังเอิญ

4.  วัดห้วยปลากั้ง  จ.เชียงราย คุณแท็กซี่ มาทำบุญ ณ วัดแห่งนี้บ่อยหากเดินทางมาเหนือ จึงได้รู้จักกับเจ้าอาวาส ชื่อ พระอาจารย์พบโชค ท่านมีใบหน้าอิ่มด้วยบุญยิ้มแย้ม มีคนใหญ่คนโตมากราบนมัสการท่านมากมาย วันที่ไปก็ยังได้พบกับรัฐมนตรีกระทรวงหนึ่งเรานั่งใกล้ๆ กัน แต่พระอาจารย์พบโชค เมื่อได้พบกับคุณแท็กซี่ซึ่งคุ้นเคยกันดีก็ดีใจทักทาย ซึ่งคุณแท็กซี่ ก็ได้แนะนำ อ.เจน ว่าได้พามากราบท่าน ซึ่งท่านก็จำได้ และขอให้เจ้าหน้าที่วัดมาถ่ายรูป อ.เจน เพื่อเป็นที่ระลึกการมาเยี่ยมเยือนวันของท่าน

ธรรมเจดีย์ 9 ชั้น ทันทีที่ก้าวเข้าไปภายในวัดจะรู้สึกได้ถึงพลังสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ภายในเจย์ดีย์แห่งนี้ ตั้งอยู่บนเนินดินสูงมากและสวยงามมากค่ะ ภายในเจย์ดีย์มีเจ้าแม่กวนอิม ขนาดใหญ่มหึมาที่ประดิษฐานอยู่ กลางห้องเจย์ดีย์ ซึ่งแกะสลักด้วยไม้จันทร์หอมไปทั่วบริเวณ แต่ละชั้นของธรรมเจดีย์นี้บอกเล่าเรื่องราวของพระโพธิสัตว์แต่ละปางให้ได้ศึกษาเรียนรู้ตลอดทุกชั้น เมื่อเดินขึ้นไปจนถึงชั้นสุดท้ายคือ ชั้นที่ 9 จะพบกับวิวทิวทัศน์ของภูเขาที่โอบล้อมวัดแห่งนี้ไว้โดยรอบ ท่องเที่ยวทริปนี้จึงอิ่มบุญกันถ้วนหน้า


ปรากฏการณ์ เจ้าแม่กวนอิม  เมื่อเดินกราบสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มีเจ้าแม่กวนอิมทุกๆปาง รวมทั้งพระพุทธรูปที่แกะสลักด้วยไม้จันทร์หอมครบทั้ง 9 ชั้นแล้ว ก่อนลากลับจึงได้มากราบขอพรจากเจ้าแม่กวนอิม องค์ใหญ่มากๆ อ.เจน ได้พูดกับดิฉันว่า ท่านศักดิ์สิทธิ์มาก เพราะว่าการแกะสลักเจ้าแม่กวนอิมด้วยไม้ธรรมชาติอย่างนี้ จะดีมากเพราะเป็นไม้ที่เกิดจากธรรมชาติ จะทำให้สิ่งศักดิสิทธิ์ เหล่าเทพเทวามารักษา และยังทำให้ญาณวิถีของเจ้าแม่กวนอิมเสด็จมาได้โดยง่าย ยิ่งกว่าการประดิษฐ์ด้วยปูนหรือสิ่งอื่นๆ ก่อนกราบสักการะก็ได้ซื้อดอกบัวใส่พานถวายเจ้าแม่กวนอิม พร้อมคำอธิษฐาน คุณแท็กซี่ สามารถสัมผัสถึงญาณวิถีของเจ้าแม่กวนอิมได้ แต่ไม่มีตาทิพย์  และสัมผัสได้ว่าท่านมาแล้ว ระหว่างเดียวกัน อ.เจน ก็พูดพร้อมๆ กับคุณแท็กซี่ว่า ท่านเสด็จมาแล้วพี่ ดิฉันเหรอค่ะไม่เห็นและสัมผัสอะไรได้..ซ้ากอย่าง ก็รีบพนมมือขอพรตามที่ต้องการแหละค่ะส่วนมากเน้นปฏิบัติธรรมให้พัฒนา  แต่ตอนนี้เป็นโรคทรัพย์จาง จึงอธิษฐานขอทรัพย์ด้วยค่ะ  และทุกคนต่างก็อธิษฐานในเรื่องของตนเอง

ทันใดนั้น อ.เจน ก็เห็นลำแสงสีทองจากมือเจ้าแม่กวนอิมพุ่งตรงมาที่ตัว อ.เจน ๆ จึงร้องออกมาว่า โอ้ อัศจรรย์จริงๆ ค่ะ หนูเห็นลำแสงสีทองออกมาจากฝ่ามือเจ้าแม่กวนอิม เหมือนที่มือของท่านมีจุดอะไรอยู่ตรงฝ่ามือ ซึ่งองค์ท่านสูงใหญ่มาก หากไม่ได้สังเกตจะไม่เห็นจุดที่ฝ่ามือขององค์เจ้าแม่กวนอิมเลย แต่คุณแท็กซี่ ได้มาสถานที่แห่งนี้หลายครั้งแล้วตั้งแรกแรกแกะสลักองค์ท่าน จึงได้อธิบายว่าที่ฝ่ามือขององค์ท่านมีปุ่มตาไม้อยู่ด้วยเป็นรูปดวงตา แล้วพวกเราก็เพ่งดูเห็นเป็นอย่างนั้นจริงๆ ด้วย ดิฉันจึงถาม อ.เจน ไปว่าอธิษฐานอะไรล่ะค่ะ ถึงมีลำแสงแผ่รัศมีถึง อ.เจนๆ พูดว่า หนูอธิษฐานต้องการปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ นำพาคนไปทำบุญปฏิบัติธรรม และขอให้หนังสือเล่มใหม่ ชื่อ “ตัดเวรหยุดกรรม” ที่ได้เขียนสั่งสอนเรื่องบุญกรรม เพื่อคนจะได้รู้เรื่องบาปบุญคุณโทษ ซึ่งกำลังจะออกสู่ตลาด ขอให้เป็นที่สนใจของผู้คนค่ะ


5.  วัดร่องขุน  จ.เชียงราย คุณแท็กซี่ นำพามาให้เห็นสถาปัตยกรรมที่คุณเฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ซึ่งเป็นจิตรกร สร้างผลงาน เป็นงานตกแต่งลวดลายปูนปั้นประดับกระจก สวยงามมาก

6.  น้ำพุร้อน  จ.เชียงราย  คุณแท็กซี่ พาไปชมน้ำพุร้อนเวียงป่าแข็ง เราก็ซื้อไข่นกกระทาไปแช่ในน้ำพุร้อน สุกกินกันอร่อยมาก เผอิญเป็นทางผ่านก็เลยแวะซะหน่อยค่ะ

วันจันทร์ที่ 10 ธันวาคม 25557. พระธาตุดอยอินทนนท์ จ.เชียงใหม่ โดยพระมหาธาตุนภเมทนีดล สร้างถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระมหาธาตุนภพลภูมิสิริสร้างถวายสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ พระมหาธาตุทั้ง 2 องค์นี้มีรูปทรงคล้ายคลึงกัน คือ มีฐานเป็นรูป 12 เหลี่ยม มีระเบียงแก้วโดยรอบเป็น 2 ระดับ เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุและพระพุทธรูปบูชา

วันนี้ คณะของเรามีสองสามีภรรยา (คุณที่ดิน+คุณดอกไม้) เพื่อนสนิทคุณแท็กซี่ เป็นผู้นำคณะฯ เดินทางชมดอยอินทนนท์ ทำให้วันนี้คุณแท็กซี่ได้พักการขับรถไปหนึ่งวันค่ะ คุณดอกไม้ไปซื้อดอกไม้มาให้คณะฯขึ้นไปกราบไหว้บูชาพระบรมสารีริกธาตุและพระพุทธรูปบูชาเพื่อเป็นสิริมงคลด้วยค่ะ

บนยอดดอยนี้ เราสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของดอยอินทนนท์ รอบบริเวณ มีดอกไม้ มีกล้วยไม้ป่า สวยงาม ประทับใจมาก อากาศก็ดีเย็นสบายไม่หนาวมากอย่างที่คิด แต่อุณหภูมิตอนเช้า 6 องศาฯ  ลมพัดจนผมกระจาย พวกเราวิ่งถ่ายรูปกันเหมือนเด็กนักเรียนมาพักค่ายเลยค่ะ

8.  วัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร พระอารามหลวง จ.เชียงใหม่  พระธาตุส่วนที่เป็น พระเศียรเบื้องขวาของ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีขนาดโตประมาณ เมล็ดพุทรา

อ.เจน พูดว่า มีเทวดารักษาอยู่โดยรอบ อ.เจน เห็นด้วยตาทิพย์ จึงได้นำพวกเราสวดมนต์ และขอพร และทำบุญตามกำลังศรัทธาตามตู้บริจาคของวัดค่ะ


วันนี้เราได้ย้ายที่พัก จากเรือนมยุรามาพักที่รีสอร์ทของคุณที่ดิน/คุณดอกไม้ เพื่อนสินทของคุณแท็กซี่ ทั้งสองเป็นผู้มีจิตใจโอบอ้อมอารีและเป็นกันเองมาก โดยเฉพาะคุณดอกไม้ดีใจมากเป็นแฟนพันธุ์แท้รายการคนอวดผี เมื่อได้รับหน้าที่ดูแล อ.เจน และคณะฯจึงทำอย่างเต็มที่พวกเราก็เกรงใจมากๆอาหารที่อร่อยมาก

วิญญาณข้าทาส            เมื่อย่างเท้าเข้าบ้านพักและรับประทานอาหารเช้าที่รีสอร์ทแห่งนี้ของคุณพี่ทั้งสองนี้ อ.เจน สื่อได้ว่าที่นี่เป็นคุ้มเจ้าเมืองเหนือสมัยโบราณ และคุณแม่ของคุณดอกไม้เป็นเชื้อสายเจ้านายเมืองเหนือ ทำบุญมามากปีนี้ท่านอายุ 85 ปี ท่านดูแข็งแรงอยู่มาก และที่สำคัญยิ่งกว่านั้น ที่นี่มีวิญญาณข้าทาสที่ยังไม่ไปผุดไปเกิดอีกเป็นจำนวนมาก อ.เจน จึงแนะนำให้คุณดอกไม้หมั่นทำบุญ สังฆทาน ทำบุญทุกเดือน และถ้าทำได้ขอให้นั่งสมาธิเป็นประจำ โดยอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้พวกเขาเหล่านั้นเพราะพวกเขาจะได้ไปผุดไปเกิดและไม่จองเวรจองกรรมกับเรา เนื่องจากเราก็เป็นทายาทแห่งกรรม

ระห
ว่างที่ อ.เจน แนะนำคุณดอกไม้อยู่นั้น อ.เจน ก็หันมาบอกว่า พี่เขามานั่งยองยกมือไหว้ท่วมหัว และแสดงความดีใจกันมาก  ดิฉันก็คิดและพูดขึ้นว่า เอ..ถ้าเขาดีใจกันขนาดนั้น คืนนี้เรานอนที่นี่ก็ต้องจัดหนักซิค่ะ อ.เจน พูดยิ้มๆ ว่า คงงั้นค่ะพี่ คุณรุ้ง บอกได้เลย ที่พูดเช่นนี้เพราะทุกวัน พวกเราจะสวดมนต์ทำวัตรเช้า-เย็น นั่งสมาธิ แต่ที่บ้านเรือนไทยแววมยุรา มีวิญาณแค่ 3 ตน  ก็ ok นะ  แต่ที่มีวิญญาณข้าทาสตรึมขนาดนี้ ไม่อยากจะคิด

เป็นจริงอย่างที่คิดค่ะ เมื่อนั่งสมาธิเสร็จ ดิฉันก็ไม่พลาดที่จะต้องอุทิศส่วนบุญส่วนกูศลให้กับวิญญาณข้าทาสที่อยู่ ณ ที่แห่งนี้ และยังรวมถึงวิญญาณ 3 ตน ที่เรือนมยุราด้วย และแล้ว อ.เจน กับคุณรุ้ง ก็พูดพร้อมๆ กันว่า พี่มานั่งยองยกมือไหว้ท่วมหัวเต็มหน้าประตูห้องพักเลยเป็นไงล่ะค่ะ อ.เจน บอกว่าเขาตามแสงบุญมา พวกเราทำบุญกันทุกวัน ประกอบกับวิญญาณพวกนี้รู้ว่า อ.เจน สื่อและรับรู้ถึงพวกเขาได้ รวมทั้ง ต้องการบุญจากพวกเราด้วยค่ะ

พี่ชายสองคน ของคุณดอกไม้เสียชีวิตแล้ว คุณดอกไม้จึงได้ถามว่าเป็นเพราะเหตุใด เขาโดนไฟว็อตเสียชีวิตค่ะ และวิญาณยังอยู่หรือไม่ อ.เจน จึงบอกว่า เรื่องนี้รู้ด้วยญาณแล้ว คุณดอกไม้ถามก็ต้องขอบอกว่า ยังอยู่และในอดีตชาติพี่ชายทั้งสองคนนี้เป็นเจ้านายอยู่ที่คุ้มแห่งนี้ ซึ่งได้ทรมานข้าทาสบริวารเป็นจำนวนมาก ด้วยแรงอาฆาตของเจ้ากรรมนายเวรที่เป็นข้าทาสติดตามอยู่ เมื่อเขาได้มาเกิดใหม่ก็ยังอยู่ที่คุ้มเดิมแห่งนี้จึงง่ายที่จะทำให้ต้องตายตกไปตามกัน


บ้านพักสร้างได้อย่างคลาสสิกและอนุรักษ์แบบเรือนไทยสมัยเก่า และยังมีรีสอร์ทหลังเล็กๆ สร้างติดต่อกันเป็นแถวประมาณ 10 หลัง บรรยากาศดีมาก อากาศค่อนข้างหนาว เพราะคุณแท็กซี่ได้อธิษฐานไว้ว่า ระหว่างที่ อ.เจน และคณะ มาพักที่เชียงใหม่นี้ขอให้อากาศดีเย็นสบาย แต่รู้สึกว่าเย็นสบายมากไปหน่อยเย็นจนหนาวสั่น อุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ 10 องศาฯ เสื้อผ้าแต่ละท่านก็บางเบา เพราะก่อนหน้าที่จะเดินทางมาเหนือได้วิเคราะห์กันแล้วว่า อากาศร้อนมาก ไม่ต้องเตรียมเสื้อหนาว แต่เมื่อมาถึงวันแรกก็หนาวเสียแล้ว ทำไงกันดีสั่นกันเป็นลูกนกตกน้ำเลยเรา คุณดอกไม้จึงมีเมตตานำเอาผ้าพันคอเป็นผ้าไหมอย่างดีแจกให้คนละผืน ต้องขอบน้ำใจเป็นอย่างมาก เพราะตกลงกันว่าจะต้องไปหาซื้อผ้าพันคอในตลาดวันรุ่งขึ้น แต่เพราะทำบุญมาดี..ถวายผ้าไตรจีวรหรือผ้าห่มกันเน้อ จึงได้อานิสงส์ดีๆ อย่างนี้ จึงไม่ต้องไปหาซื้อก็ได้ใช้ผ้าพันคอของคุณดอกไม้ทุกวัน แต่วันท้ายๆ อ.เจน ต้องทนหนาวหน่อยเพราะผืนของ อ.เจน ตกพื้นบ่อย อ.เจน บอกว่า มันตกหลายหนพี่ เริ่มจะมีกลิ่นแล้วไม่กล้านำไปใช้อีกค่ะ

วันอังคารที่ 11 ธันวาคม 2555

9. วัดป่าหมู่ใหม่    จ.เชียงใหม่  หลวงพ่อประสิทธิ์ ปุญญมากโร เป็นเจ้าอาวาส อายุประมาณ 70 ปี คุณแท็กซี่เคยมากราบท่านแล้ว ศรัทธาที่ท่านเป็นพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ จึงต้องการให้ อ.เจน และคณะฯ ได้กราบท่านสักครั้ง เพราะท่านมีนิสัยค่อนข้างสงบเงียบ พูดน้อย ท่านมีเมตตาต่อทุกคนเสมอกัน ที่วัดนี้มีพระสงฆ์กว่า 20 รูป

ที่วัดแห่งนี้จะมีเลี้ยงภัตตาหารเช้าทุกวัน คุณแท็กซี่ จึงบอกว่าต้องรีบกันหน่อยเดี๋ยวไม่ทันเวลา ดังนั้น เมื่อถึงตลาดต่างคนต่างก็วิ่งลงจากรถแล้ว รีบๆ ซื้อๆ แล้วก็วิ่งขึ้นรถ ปรากฏว่า รีบมากไปหน่อย ดิฉันวิ่งผ่านรถของนายแท็กซี่ ไปยังรถของใครไม่รู้จักค่ะ (อธิบาย..รถของนายแท็กซี่ เป็นรถ ยี่ห้อ วอลโว่  สีน้ำเงินเข็ม คันใหญ่เบ้อเริ่ม ภายในกว้างขวางนั่งแสนสบาย) จากคำอธิบาย เหตุไฉนดิฉันจึงวิ่งเลยผ่านคุณแท็กซี่และทุกคนไป อ.เจน และคุณแท็กซี่ ก็งง ที่ดิฉันวิ่งผ่านไปอย่างรวดเร็วไปที่รถของใครก็ไม่รู้จักเป็นรถมินิเล็ก..สีบรอนเงิน ดิฉันเอื้อมมือไปจะจับที่ประตูรถเขาอยู่แล้ว และแล้วก็ได้ยินเสียงร้องอันดังออกมาว่า พี่จี๊ดๆ เท่านั้นเองสติที่ขาดลอยไปก็คืนกลับมา ดิฉัน ชะงัก เห้ย...นี่รถใคร..วะเนี้ย ส่วนเจ้าของรถค้นนั้นเขาก็ตกใจด้วยเหมือนกัน เขาคงคิดว่าผู้หญิงที่ไหนว่ะ จะมาขึ้นรถของเขา ซึ่งเขาก็ไม่รอช้าเช่นกัน เขาก็รีบขับรถออกไปอย่างรวดเร็วด้วยเช่นกัน ซึ่งตัวดิฉันเองก็ยืนตะลึงอยู่อย่างนั้น แล้วเมื่อมองไปที่ อ.เจน  คุณรุ้ง และคุณแท็กซี่ ทั้งหมดกำลังยืนหัวเราะดิฉัน เขาฮา...กันมาก  อ.เจน ขำมากใครๆ พูดไปขำไปว่าพี่ๆจะไปไหน คุณรุ้ง พูดว่าพี่ก็ทำไปได้ ส่วนคุณแท็กซี่ พูดว่า พี่จี๊ดรถของผมต่างกับรถของเขามาก ทั้ง สี ขนาด และ ยี่ห้อ  ดิฉันก็...เออ จริงด้วย แล้วอะไรมาบังตาของเรา..วะ..เนี้ย อ.เจน บอกว่า ญาติ และเจ้ากรรมนายเวรเขารอรับบุญกันแล้ว เรา รีบไปกันเถอะ

ธรรมมะสอนใจเรา       เมื่อมาถึงวัดก็เข้าไปที่โรงครัว อ.เจน วิ่งเข้าไปในครัว ก็เข้าไปหยิบถ้วย ชาม จาน มาใส่อาหารคาวหวาน คุณรุ้ง ก็วิ่งไปเอาถาด คุณแท็กซี่ ก็แกะอาหารออกจากถุง  ระหว่างกำลังง่วนอยู่อย่างนั้น ก็ได้เห็นธรรมะสอนใจเราอย่างหนึ่ง  เรื่องมีอยู่ว่า อ.เจน ไปหยิบถ้วยมาหลายใบ ก็มีผู้หญิงใส่ชุดขาวเดินมาทำสีหน้าไม่พอใจ แล้วตะคอก อ.เจน ด้วยเสียงอันดัง คนมองกันหมดแหละค่ะ “นี่ นี่ ตายกันพอดี หยิบถ้วยชามมามากขนาดนี้  ล้างกันตาย” แต่ อ.เจน และคณะ เรา ได้วางอุเบกขาไม่โกรธด้วยอภัย ผู้ที่ไม่รู้ อย่างที่ อ.เจน บอกนั่นแหละค่ะ ใครทำใครได้ ใครกินใครอิ่ม อ.เจน บอกว่า ชั่งเขาค่ะพี่ ถ้าเราจัดวางอาหารดี จัดสวยงาม จัดอย่างเลิศ ถวายพระอย่างนี้ ทุกอย่างก็ไปรอเราอยู่บนสรวงสวรรค์และดีกว่าที่เราจัดนี้อีกเป็นร้อยเป็นพันเท่า เพราะทำด้วยใจ  ส่วนคนที่ล้างถ้วยชามของพระก็ได้กุศลมากมายมหาศาล เป็นบุญทั้งนั้นค่ะ

เมื่อได้ฟังคำพูดของ อ.เจน ดิฉันก็สุขใจและดีใจที่ตัวเองก็ไม่ได้โกรธผู้หญิงคนนั้นด้วย ส่วนหน้าที่ของดิฉันต้องนำผลไม้สาลี่ ไปผ่าซีกเพื่อพระท่านจะได้ฉันท์สะดวก ก็กำลังจะหามีด หาจาน และหาสถานที่ล้างผลไม้อยู่นั้น ก็ได้เห็นจานและที่ล้างผลไม้แล้วแต่มองไม่เห็นมีด จึงเดินไปถามผู้หญิงชุดขาวคนนี้วัยรุ่นกว่าคนที่ว่า อ.เจน ดิฉันก็ถามว่า “น้องๆ หามีด ได้ที่ไหนค่ะ น้องคนนี้ก็ทำสีหน้าแบบไม่ค่อยพอใจที่จะพูด แล้วพูดขึ้นว่า “ผลไม้นี่จะถวายพระก็ต้องล้างเสียก่อนรู้มั้ยเนี้ย” ดิฉันก็พูดกับเขาดีๆ อีกครั้งค่ะ “น้องๆ คือมีดอยู่ทางไหนค่ะ” น้องคนนี้ ก็เริ่มไม่พอใจแล้วพูดว่า “แล้วล้างหรือยังล่ะผลไม้นั่นน่ะ” ดิฉัน จึงพูดว่า “คือว่า พี่จะต้องหามีดก่อนเพื่อจะได้นำไปล้างพร้อมกับมีดค่ะ” แล้วเธอคนนั้นก็พูดว่า “ก็อยู่ในครัว” ดิฉันก็ถามว่าแล้วครัวอยู่ตรงไหนค่ะ “โน่น” ดิฉันก็ตอบไปว่า “ขอบคุณค่ะ” ซึ่งถ้าจะถามในใจของดิฉันคิดอย่างไร ดิฉัน ไม่ได้ถือโกรธ เพียงแต่สงสารว่า เธอผู้นี้ใส่ชุดขาวมาช่วยเหลือพระพุทธศาสนา แต่ชุดสีขาวที่ใส่มานี้ เธอลืมใส่ใจให้ขาวเหมือนผ้าที่สวมใส่ และใจของคนมีธรรมมะ ใจของผู้มีเมตตาช่วยเหลือ ผู้มาวัดด้วยกันเช่นนี้หรือ


10. วัดอรัญญวิเวก เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และสำคัญแห่งหนึ่งของพระป่ากรรมฐาน ท่านพระอาจารย์เปลี่ยน ปัญญาปทีโป..หนึ่งในพระป่ากรรมฐานสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต เป็นเจ้าอาวาสที่วัดนี้

ในวันนั้น อ.เจน คุณรุ้ง คุณแท็กซี่ และดิฉัน ได้ไปกราบนมัสการท่านพระอาจารย์เปลี่ยน โดยนำปัจจัยเงินถวาย และขณะนั้น ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งหน้าตาสวยมาก กล่าวถวายสังฆทานเป็นผ้าห่มหลายผืน พร้อมถวายกระเช้าดอกไม้ (แบบกระเช้าขึ้นบ้านใหม่ มีดอกไม้ สวยงามมากมาย) พระอาจารย์เปลี่ยน รับถวายแล้วพูดขึ้นว่า ดีๆ จะได้ดอกไม้สวย...ได้ยินไม่ถนัด ซึ่งผู้หญิงคนนั้นฟังไม่เข้าใจพูดขึ้นว่า หลวงพ่อจะได้สดชื่น ซึ่งท่านก็บอกไปว่า อย่าลืมกรายผู้มีพระคุณ เช่น พ่อและแม่ของเราด้วย และน้องคนนี้ก็ถามท่านว่า กลับได้หรือยังค่ะ ….???

ปาย จ.แม่ฮ่องสอน วันนี้คุณแท็กซี่ จะพาคณะเราไปพักและค้างคืนที่... ปาย จ.แม่ฮ่องสอน  พวกเราเดินทางออกจากที่พักตั้งแต่เช้า คุณแท็กซี่ ขับด้วยความชำนาญเส้นทาง ระหว่างขับก็สอนเทคนิคการขับรถขึ้นเขาและลงเขาตลอดเส้นทาง เพื่อโอกาสต่อไป หาก อ.เจน จะเดินทางมาเองหรือหากเจอเส้นทางอย่างนี้จะต้องใช้เกียร์รถแบบไหน อ.เจน ก็ศึกษาดีอยู่หรอกในตอนแรก หลังจากนั้นก็เงียบเสียงไป ดิฉันมาถามในภายหลังทราบว่า พี่หนูก็ไม่ไหวเหมือนกันเส้นทางหลายโค้งขนาดนั้น นั่งข้างหน้าด้วยเวลามีรถผ่านโค้งมาหาเราทีหวาดเสียวมากจำเป็นต้องหลับตาและก็หลับไปเองจริงๆ ในที่สุด ส่วน คุณรุ้ง รู้สึกหวาดเสียวมากกับเส้นทางคดโค้ง และรถที่สวนไปมาจนทำให้เกิดความรู้สึกหวาดเสียวเป็นยิ่งนัก จึงนั่งหลับตาและนอนหมอบลงไปกับรถไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมามองดูถนนและวิวทิวทัศน์เป็นเด็ดขาด คุณแท็กซี่ก็ชี้ชวนให้ดูวิวสองข้างทางตลอดเส้นทาง สุดยอดจริงๆ ค่ะ ขับไปคุยไปอธิบายไปกับเส้นทาง เมืองปาย ที่มีโค้งถึง 762 โค้ง ตอนแรกๆ ดิฉันก็นับค่ะตอนหลังนับไม่ไหวค่ะ รู้สึกจะมีดิฉันคนเดียวที่นั่งเงียบๆ อยู่คนเดียว มองวิวทิวทัศน์บ้าง ลุ้นรถที่สวนไปมาบ้าง งีบหลับบ้าง  หลากหลายอารมณ์ แต่ดิฉันก็ไม่ยอมชวนคุณแท็กซี่คุยเด็ดขาดกลัวจะเสียสมาธิ แต่ต้องยอมรับว่า คุณแท็กซี่ขับรถได้เก่งมาก ขับไม่มีพัก จากเชียงใหม่ ถึงแม่ฮ่องสอน เมืองปาย

ได้แวะจิบกาแฟ ขนม ข้างทาง วิวสวยมั๊กมาก ถึงที่พักที่คุณแท็กซี่ได้ให้เพื่อนที่เป็นปลัดอำเภอจองไว้ให้ ชื่อ พี่อ้อย พี่อ้อย รูปร่างท่วมแต่มีนิสัยน่ารัก จริงใจ และคุยสนุก ขำ ฮา

ตกกลางคืนก็พาพวกเราไปเดินถนนคนเดินที่เมืองปาย อากาศที่นี่หนาวมาก ประมาณ 10 องศาฯ เดินซื้อของกินกันจนขาลากเลยค่ะ คุณแท็กซี่ ได้ซื้อโคมลอยประมาณ 10 โคม เพื่อจะได้ไปอธิษฐานโคมลอยกันที่บ้านพักหลังจากเดินชิมและชมถนนคนเดินแล้ว สนุกมากค่ะ

เมื่อถึงบ้านพักก็มืดค่ำแล้วประมาณ 4 ทุ่ม เดินจากบ้านพักไปยังสนามที่โล่งมีลำธารไหลผ่าน มีต้อนไม้โดยรอบ มีสนามเป็นลากกว้าง บรรยากาศได้เลยค่ะ ทั้งมืด สงบเงียบ และวังเวง มีแต่พวกเรา 5 คน อยู่ท่ามกลางความมืดและดวงดาวเต็มท้องฟ้า พวกเราก็ปล่อยโคมกันสนุกสนานมาก แต่อีกแล้วครับท่าน โคมของ อ.เจน ลอยไม่ค่อยขึ้นอีกแล้ว แต่โคมของพวกเราลอยขึ้นกันสูงๆ ยกเว้นของ อ.เจน ซึ่ง คุณแท็กซี่ ดิฉัน คุณรุ้ง จึงบอกว่า สงสัยอาจารย์อธิษฐานเหมือนเดิมแล้วซิว่า ขอให้ความทุกข์โศกของผู้คนจงหมดไป มันจะไปหมดได้อย่างไรความทุกข์ของคนจำนวนมาก อ.เจน บอก เออ..จริงๆด้วย หนูก็ลืมทุกที ดังนั้น โคมต่อไปขออธิษฐานใหม่ ปรากฏว่า พุ่งฉิวเลยค่ะเพราะเปลี่ยนคำอธิษฐานนี่เอง

หญิงสาว(ผี)บนต้นไม้    เมื่อปล่อยโคมลอยเสร็จแล้ว และก็เหนื่อยมากแล้วด้วย เรา 3 คน ขอตัวคุณแท็กซี่กับพี่อ้อย เดินกลับบ้านพักก่อน  แต่เส้นทางระหว่างเดินกลับนี่ซิ จากเดิน 5 คน เหลือ 3 คน เงียบมาก สองข้างทางเป็นต้นไม้ และมีต้นไม้ใหญ่อยู่ต้นหนึ่ง ต้นใหญ่มากต้องแหงนคอมองจึงจะเห็นได้เต็มตา และก็เห็นได้เต็มตา เมื่อ อ.เจน บอกว่า พี่ๆ อยากเห็นผีมั้ยค่ะ ดิฉันอยากอยู่แล้วก็ตอบไปว่า ตางไหนค่ะ อ.เจน บอกว่าอยู่บนต้นไม้  และแล้วดิฉันก็แหงนหน้าขึ้นไปดูที่ต้นไม้ ปรากกฎเป็นผู้หญิงผมยาวชุดสีขาวโพลนมองมายังพวกเรา ดิฉันก็จ้องให้นานๆ เพราะไม่เคยเห็นมาก่อน คือ ให้แน่ใจอีกครั้งก็ยังคงเห็นเป็นเช่นนั้น แต่ไม่กลัวนะค่ะ ถ้ากลัวก็ไม่ได้เพราะมีเส้นทางขึ้นบ้านพักทางเดียวเท่านั้น คือ ต้องเดินผ่านต้นไม้ต้นนี้ ดังนั้น ทั้ง 3 คน จึงคิดได้ว่าก้มหน้าเดินดีกว่าจะได้ไม่ต้องประสบพบหน้ากัน อ.เจน อย่าไปมองเพราะเขาต้องการสื่อกับหนูถ้าเขารู้ว่าสื่อได้ รีบเดินดีกว่า เดินกันเร็วมากถึงบ้านพักอย่างเร็ว หายเหนื่อยเลย เมื่อตั้งหลักได้ ดิฉันกับคุณรุ้ง จึงถามว่า ทำไมไม่สื่อกับผีล่ะจะได้รู้ว่าเขาต้องการอะไรถึงมาปรากฏตัวให้เห็น อ.เจน บอกไม่ดีกว่า เราค้างที่นี่คืนเดียวพรุ่งนี้ก็กลับ ไปดาบน้ำสวดมนต์นั่งสมาธิกันดีกว่า แล้วแผ่เมตตาให้กับสัพพะวิญญาณทั้งหลาย ณ บ้านพักแห่งนี้...


วันนี้กลับแล้วค่ะ เดินทางกลังอีก 762 โค้ง คุณแท็กซี่ขับคนเดียว ไป 762 + กลับ 762 = ?  สงสารคุณแท็กซี่ แต่ไม่มีใครช่วยคุณแท็กซี่ได้เล้ย  การขับรถบนเส้นทางแบบนี้ต้องมีความชำนาญจริงๆ ค่ะ คุณแท็กซี่ขับรถได้สุดยอดจริงๆ ค่ะ


เรื่องเหลือเชื่อ  คุณแท็กซี่ขับรถไปเชียงใหม่ แต่กลับเครื่องบินกัน เมื่อกลับมาถึงกรุงเทพฯ ไม่กี่วัน คุณแท็กซี่ ซึ่งเดินทางกลับไปเชียงใหม่อีกครั้งเพื่อทำบุญบ้าน ได้โทรศัพท์มาเล่าให้ฟังด้วยความตื่นเต้นว่า พี่ๆ วันนี้จะนำระไปใช้งานสตาร์ทไม่ติด จึงไปตามช่างยนต์มาตรวจสอบ ปรากฏว่า แบตเตอร์รี่ ฉีกขาดเหมือนซองมาม่าถูกฉีกอย่างไรก็อย่างนั้น และที่ขั้วของสายเกือบจะหลุดออกจากกันเผยอออกมาแต่ยังไม่ขาด คุณแท็กซี่ แจ้งว่า ช่างยนต์เขาบอกว่า ไม่น่าเชื่อว่า รถคันนี้จะขับกลับมาจากเมืองปาย โดยสวัสดิภาพ เพราะจากสิ่งที่เห็นสภาพแบตเตอร์รี่ ของรถขับไม่ได้แน่ๆ แปลกมากจริงๆ ช่าง..งงๆๆ  สำหรับพวกเราคิดว่าด้วย.......ด้วยอานิสงส์ของบุญแท้ๆ.....
คนหายออกไปจากบ้าน   อ.เจน มาเมืองเหนือครั้งนี้ เพื่อมาพักผ่อนแต่ไม่ได้มาเปล่าๆ ทำบุญมาตลอดทางค่ะ ถือว่า มาชาร์ตแบ็ตเตอรี่ไปในตัวค่ะ ดิฉันเป็นแค่ตัวแถมเท่านั้นเอง แต่เชื่อมั้ยค่ะ ไม่ได้มีความสุขเต็มที่อย่างที่คิดหรอกค่ะ เพราะตัวดิฉันจะทราบดี เนื่องจากมีโทรศัพท์เข้ามาตลอดเวลาไม่ว่างเว้นที่คุณรุ้ง ต้องคอยตอบรับโทรศัพท์ หาก อ.เจน ต้องมารับอีกคนไม่ต้องทำอะไรกันล่ะ ดิฉันจะทราบดีเพราะไปไหนไปกันตลอด หากดิฉันอยู่ด้วยก็จะช่วยรับโทรศัพท์แทน คุณรุ้ง เขาจะได้พักผ่อนบ้าง

ช่วงเช้า ระหว่างที่ดิฉัน อ.เจน และคุณรุ้ง เดินชมธรรมชาติที่เมืองปาย เก็บภาพความทรงจำเป็นที่ระลึกว่าครั้งหนึ่งมาท่องเที่ยวเมืองที่ยังคงมีธรรมชาติล้อมรอบ แต่แล้วอยู่ๆ ก็มีโทรศัพท์สายเรียกเข้า จากน้องผู้หญิงวัยรุ่นคนหนึ่ง แจ้งว่า เพื่อนชาย อายุ 19 ปี ได้หายจากบ้าน 3 วันแล้วยังไม่กลับบ้าน สงสารพ่อแม่เขา เกรงจะถูกทำร้ายหรือเป็นอะไรไป เพราะมีเพียงแว่นตากันแดดตกอยู่ เท่านั้นเอง

เมื่อรายงานแล้ว อ.เจน ว่าจะช่วยเขาดีมั้ยค่ะ เพิ่ง 3 วัน อ.เจน ก็ให้เขาส่งรูปมาทาง [email protected] ซึ่งเมื่อได้เห็นรูปน้องชายคนนี้แล้ว อ.เจน จึงบอกว่าให้ดิฉันตอบกลับน้องผู้หญิงที่โทรมาว่า เดี๋ยวก็กลับมาไม่ต้องเป็นห่วง เพราะน้องคนนี้หนีเที่ยวไม่ได้โดนทำร้ายหรือโดนลักพาตัวแต่อย่างใด น้องเป็นเด็กที่ชอบเตะบอล และชอบเที่ยวกับเพื่อน  ซึ่งน้องผู้หญิงคนนั้นก็ตอบว่าจริงๆ น้องผู้ชายคนนี้เป็นคนชอบเตะบอลมาก ๆ ค่ะ

วันพุธที่ 12 ธันวาคม 2555

สื่อวิญญาณสาวจากมหาวิทยาลัยมีชื่อแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ อายุ 20 ปี หายออกจากบ้าน                       ช่วงบ่าย ได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนบ้านของน้องผู้หญิงคนหนึ่งว่า ลูกสาวของเพื่อนบ้านหายไป 10 วันแล้ว สงสารพ่อแม่ที่เป็นเพื่อน จึงรับอาสาติดต่อมาสอบถามว่า อ.เจน จะช่วยได้หรือไม่  ซึ่งดิฉันเห็นว่า ยังอยู่ในเกณฑ์ 10 วันคนหายตามได้ จึงได้บอกให้เขาส่งเรื่องราวมาใน [email protected] และรายงานให้คุณรุ้งและ อ.เจน ทราบเบื้องต้น และรับปากว่า คืนนี้จะช่วยดูให้ว่าน้องเป็นอย่างไรบ้าง

ก่อนอื่นต้องขออนุญาตคุณพ่อของน้องด้วยค่ะ จากข้อความขอความช่วยเหลือที่ส่งมาแจ้งลูกสาวหายออกจากบ้านไป รวม 15 วัน แล้ว และอยากทราบว่าลูกผมเขายังมีชีวิตอยู่หรือไม่???

ถ้าเป็น 15 วัน ก็ถือว่าเลยเกณฑ์ที่กำหนดไว้ 10 วัน ทำไงดีก็ปรึกษา อ.เจน บอกว่าสงสารเขาค่ะ อยากช่วย ดิฉันเข้าใจค่ะ ความเป็นพ่อแม่ก็ต้องเป็นทุกข์อย่างสุดแสนสาหัส หัวอกของพ่อแม่แทบใจสลายที่ลูกของเราต้องมีอันตรายใดๆ

ดิฉัน ได้รับหน้าที่ให้โทรศัพท์ไปหาคุณพ่อของน้องเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมทางโทรศัพท์ จึงได้รับทราบว่า ลูกสาวเป็นเด็กไม่ค่อยพูด เป็นโรคซึมเศร้า รักษาเป็นปรกติดีไม่มีปัญหาอะไร ซึ่งคุณพ่อก็ได้ดูแลลูกสาวเป็นอย่างดีด้วยการไปรับ-ส่งที่มหาวิทยาลัยทุกครั้ง แต่วันที่ลูกสาวหายไปจากมหาวิทยาลัย ลูกสาวกลับก่อนเวลา และดูจากโทรทัศน์วงจรปิดแล้วเห็นว่านั่งแท็กซี่ไป ส่วนคุณพ่อมารับที่มหาวิทยาลัยโดยไม่ทราบว่า ลูกสาวออกไปก่อนเวลา แต่มีคนเห็นว่านั่งแท็กซี่ออกไป คุณพ่อจึงกลับบ้านคิดว่าลูกสาวกลับบ้าน แต่เมื่อถึงบ้านก็ไม่พบจึงออกตามหาและแจ้งความที่โรงพักแล้ว


คืนนั้น หลังจากทำบุญ รับประทานอาหารเย็น ดินถนนคนเดิน และปล่อยโคมลอย เสร็จสรรพก็ปาเข้าไป 4 ทุ่ม แต่ อ.เจน และพวกเราก็ไม่ลืมที่จะทำภารกิจตามที่ได้รับปากกับพ่อของน้องไว้ด้วยการสวดมนต์ นั่งสมาธิ อุทิศบุญให้น้องเขาไป สำหรับ อ.เจน หนักกว่าเราเพราะต้องสื่อสารกับวิญญาณของน้องเขา ที่ใช้เวลาดึกหน่อยกก็เพราะโลกของวิญญาณ ถ้ายิ่งดึกยิ่งมีพลัง (เฮี้ยน) ที่มั่นใจว่าน้องเสียชีวิตแล้วก็เพราะว่า อ.เจน ไม่เคยพลาด ถ้าได้ดูรูปแล้ว 99% ไม่มีชีวิตอยู่ในโลกใบนี้แล้ว จะให้แน่นอนไปอีกก็ต้องใช้สมาธิขั้นสูง แต่ในชั้นแรก ก็หดหู่ใจแทนพ่อแม่น้องเขาแล้ว เรียกได้ว่า เดินเล่นไปกังวลใจไปนั่นแหละ ซึ่งพวกเราไม่มีความสุขเลยค่ะในวันนั้น


อ.เจน เคยบอกว่า อาจารย์มีความทุกข์มากที่ได้รับรู้ด้วยญาณวิถีว่าคนๆนี้จะต้องตาย หรือคนที่เคยทักว่าเขาต้องตายได้ตายไปจริงๆ ทุกครั้งจะเศร้าเสียใจจิตตก บางครั้งถึงกับกินไม่ได้นอนไม่หลับ บางครั้งก็ไม่กล้าที่จะพูดกับเขาตรงๆ เพียงแต่บอกให้เขาไปทำบุญให้มาก แต่เมื่อเวลาผ่านไปนานวันพบแต่เรื่องเช่นนี้ จึงตัดใจได้โดยถือหลักคำสอนขององค์ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ว่า “สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม”


วิญญาณน้องร้องไห้ พูดแต่ว่า ช่วยหนูด้วยๆๆๆๆๆ  เมื่อ อ.เจน อุทิศบุญให้กับน้องและสื่อกับวิญญาณของน้อง โดยเรียกชื่อของน้อง (เราทราบชื่อ-สกุล ของน้องแล้ว จากที่คุณพ่อของน้องส่งมา)  ก็ได้เห็นน้องร้องไห้ ฮือๆๆๆๆๆ ลักษณะของการขาดสติสัมปชัญญะ ร้องไห้เพียงอย่างเดียว ดังนั้น อ.เจน จึงกำหนดจิตดูว่า น้องเป็นคนหรือเป็นผี......ขอให้เรารู้ว่าน้องเป็นคนหรือผี ปรากฏว่า เป็นผี อ.เจน จึงถามว่า ตายยังไงๆๆ น้องตอบว่า โดนฆ่าๆ แท็กซี่..สี.......(ขอไม่บอกสีค่ะ) ขณะสื่อสาร อ.เจน ก็ได้เห็นภาพแท็กซี่และสีของแท็กซี่ เนื่องจาก อ.เจน มีหูทิพย์ด้วยจึงมีเสียงบอกว่า ไปเส้นทางลาดหลุมแก้ว...ลาดหลุมแก้ว

อ.เจน เห็นภาพถุงสีดำ(ถุงขยะ) เห็นสภาพศพของน้องว่า ที่ขาข้างหนึ่งเหมือนถูกทำร้ายบาดเจ็บ โดนทำร้าย โดยผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่ลักษณะหัวล้าน ใช้ของแข็งลักษณะเหมือนด้านร่ม หรืออะไรสักอย่างสีดำ กระทุ้งที่หัวของน้องจนเสียชีวิต สภาพของน้องเหมือนคนตายตาไม่หลับ สาเหตุที่เขาทำร้ายน้องจนถึงชีวิต ก็เพราะว่าน้องร้องด้วยความตกใจกลัว ขอให้คนช่วยเหลือ น้องร้อง...ช่วยด้วยๆๆ เสียงดังมาก ครั้งแรกชายคนนั้นไม่คิดทำร้ายถึงชีวิต แต่ด้วยความที่ต้องการให้น้องหยุดร้องจึงทำให้เขาทำร้ายน้องจนเสียชีวิต

ช่วงที่น้องกำลังจะเสียชีวิตนั้น น้องตกใจกลัวจนขาดสติ ดังนั้น เมื่อน้องเสียชีวิตขณะที่ขาดสติทำให้วิญญาณของน้องก็ไม่ต่างอะไรกับคนที่ไม่มีสติสัมปชัญญะ อ.เจน จึงได้เห็นแต่ว่าน้องร้องไห้อย่างเดียว ไม่สามารถบอกอะไรได้มากกว่านั้น ซึ่งทำให้ อ.เจน ไม่ทราบอะไรจากการสื่อสารกับวิญญาณของน้องได้เลย เพราะวิญญาณน้องเอาแต่ร้องไห้ ฮือๆๆๆๆ

มีเสียงทิพย์ บอกว่า น้องไปหาเพื่อนก่อนที่จะกลับบ้านแต่ไปไม่ถึงบ้านเพื่อน และมีเสียงบอกอีกว่าแล้วจะพบเจอศพของน้องเองในภายหลัง

ดิฉันได้รับมอบหมายให้ติดต่อไปแจ้งกับคุณพ่อของน้องเพื่อรับทราบอีกครั้งหนึ่ง ทั้งนี้ ก็ต้องขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวของน้อง และขอขมากรรมกับคุณพ่อของน้องด้วย ที่ได้นำเรื่องราวของน้องมาเล่าสู่ให้ท่านผู้อ่านฟัง ซึ่งดิฉันคิดว่า เรื่องนี้เป็นวิทยาทานในการดำรงชีวิตของคนที่อยู่ในสังคมที่เปลี่ยนไป คนเริ่มไม่มีศีลธรรม ถ้าเป็นลูกหลานของท่านๆ จะทำแบบนี้หรือไม่ กับอนาคตของเด็กคนหนึ่งและเด็กคนนี้เพียงหวังพึงพาอาศัยไว้ใจคน กลับต้องมาจบชีวิตลงอย่างน่าเสียดาย

11. วัดพระบาทสี่รอย จ.เชียงใหม่ เป็นดินแดนประวัติศาสตร์มีอายุนับพันปี ท่านสามารถไปค้นหาประวัติอ่านเองนะค่ะ เรื่องที่จะเล่านี้ก็คือว่า อ.เจน ไม่เคยทราบประวัติความเป็นมาก่อนหน้านี้เลย แต่เห็นได้ด้วยญาณวิถีของตัวอาจารย์เอง เมื่อเกิดเหตุมหัศจรรย์ขึ้น จึงได้เปิดพี่ googel ซึ่งก็ต้องประหลาดใจเป็นอย่างมาก และที่แน่ๆ ดิฉันเป็นคนอัดเสียง อ.เจน ทุกคำพูดและตรงกันเป็นอย่างมาก ซึ่งก็ขอเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นที่พระบาทสี่ร้อยแห่งนี้ เรื่องเป็นอย่างนี้ค่ะ

การเดินทาง      เส้นทางเป็นถนนดินลูกรังซึ่งลดเลี้ยว หักศอก มีรถสวนไปมาตลอดเส้นทาง สองข้างทางเป็นป่าเขียวชอุ่ม เป็นป่าที่สมบูรณ์มาก มองไกลออกไปจะมีหุบเขาและภูเขาน้อยใหญ่ อากาศกำลังเย็นสบายและสดชื่นตลอดเส้นทาง ทำให้คุณแท็กซี่ เปิดกระจกรถ เพื่อต้องการให้พวกเราได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศเมืองเหนือยามเช้าอย่างนี้ให้มากที่สุด ซึ่งห่างไกลจากกรุงเทพฯ เพราะไม่มีอากาศอย่างนี้ เอ้า..พวกเราสูดเข้าไปอากาศอย่างนี้สูดมันเข้าไป คนที่ลำบากมากกว่าเพื่อนๆ ก็คงจะเป็นคุณแท็กซี่เพราะไม่ได้ชมบรรยากาศแต่ต้องขับรถด้วยความระมัดระวัง เพราะจะมีรถขับสวนมาอย่างรวดเร็ว แต่คุณแท็กซี่ชำนาญมากสุดยอดจริงๆ ค่ะ ดิฉันจึงไว้ใจไม่เสียวไส้ค่ะ สองข้างทางเป็นป่าทึบบ้างป่าโปร่งบ้างมีแสงแดดอ่อนๆ ลอดมาบ้าง และก็หันไป อ้อ..มี.ป่าช้า..อยู่ทางขวามือ …สยอง..จ้า

ไม่มีบุญสัมพันก็มาไม่ได้           อ.เจน พูดว่า คนเราเมื่อยังไม่ถึงเวลาก็มาไม่ได้ค่ะพี่ ระหว่างทางก็ได้เจอกับรถจี๊บคันหนึ่ง มีชาย 2 หญิง 1 นั่งรอความช่วยเหลืออยู่ อ.เจน บอกว่า เห็นมั้ยพี่รถคันนี้ขึ้นไม่ได้ค่ะ ต้องกลับขึ้นไม่ได้ เพราะยังไม่ถึงเวลา .....มาถึงแล้วพระบาทสี่รอยแต่ต้องผ่านสะพานบารมี..ก่อน (อ.เจน บอกว่า พี่นี่สะพานสวรรค์ค่ะ)

ถึงแล้วพระบาทสี่รอย  เมื่อมาถึงบันไดทางขึ้นพระบาทสี่รอย นี่เป็นคำพูดของ อ.เจน “สถานที่แห่งที่เป็นแดนสวรรค์มีม่านมิติทับซ้อนกันอยู่ และพวกเราทั้ง 4 คนนี้ ในอดีตเคยมีบุญสัมพันธ์กันมา โดยได้เคยเหาะมากราบไหว้พระบาทสี่รอยแห่งนี้ จากภาพที่เห็น...พวกเราเป็นเหล่าเทวดานางฟ้ากันมา นอกจากนี้เทวดาจะมาสถานที่แห่งนี้ในยามค่ำคืนตอนดึกมากๆ ค่ะ”

อ.เจน พูดว่า ถ้าขึ้นไปพวกเราต้องไปนั่งสมาธิกันนะ เพราะครูบาอาจารย์มาบอกให้นั่งสมาธิตรงพระบาทสี่รอย และเราจะได้พลังพิเศษค่ะ  มิติจะเปิดออกค่ะ ดิฉันฟังดังนั้น จึงบอกว่าจะตั้งใจค่ะ...ได้เลยได้เลย

ขึ้นมาถึงพระบาทสี่รอย อ.เจน คุณแท็กซี่ก็ไปตีฆ้อง 3 ครั้ง อ.เจน คุณรุ้ง และดิฉัน ก็กราบสักการะพระบาทสี่รอย ด้วยอาการสำรวมระวัง สงบนิ่ง มีเรื่องที่แปลกมากในนั้นมีคนอยู่ 3-4 คน เมื่อคณะเราเข้ามาคนเหล่านั้นต่างก็ทยอยออกไปจนหมดเหลือแต่พวกเรา 4 คนเท่านั้น  อ.เจน หันมาบอกว่า พี่ที่นี่ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก มีพลังสิ่งศักดิ์มาก สัมผัสได้ค่ะ

อ.เจน กล่าวนำ ดิฉันและคณะฯ กล่าวตาม ดังนี้ค่ะ


“นะโม 3 จบ” “กล่าวนำอธิษฐานต่อรอยพระพุทธบาทและสิ่งศักดิ์สิทธิ์” และกล่าวคำอาราธนาพระกรรมมัฏฐาน  โดยขอบารมีรอยพระพุทธบาทสี่รอย ในการนั่งสมาธิ และก็เริ่ม..นั่งสมาธิ ประมาณกว่า 30 นาที

สัมผัสได้ถึงพลังบางอย่าง          ขณะที่นั่งสมาธิคู่กับ อ.เจน อยู่นั้น อยู่ๆ อ.เจน ก็เอื้อมมือมาจับมือของดิฉันดึงขึ้นไปวางแตะที่ขอบรอยพระบาท ดิฉันก็ทำตาม โดยใช้มือทั้งสองข้างเอื้อมขึ้นไปแตะที่ขอบรอยพระบาท นิ่งในสมาธิต่อไปอย่างนั้น เกิดปรากฏการณ์ประหลาดกับดิฉัน คือ ที่แขนทั้งสองข้างของดิฉันเหมือนมีพลังบางอย่างวิ่งไหลเข้าสู่แขนทั้งสองข้างของดิฉัน เกิดอาการสั่นไหวเล็กน้อย แต่ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น และในส่วนลึกๆ ของดิฉันแล้วคิดว่าเป็นสิ่งที่ดีที่เกิดขึ้นกับตัวดิฉัน ในขณะสมาธินั้นรู้สึกได้ทันทีว่า นี่ไม่ได้คิดไปเองเป็นแน่  ก่อนเดินทางมาเมืองเหนือ อ.เจน ได้บอกแก่ดิฉันล่วงหน้าแล้วว่า พี่การเดินทางไปเชียงใหม่ในครั้งนี้ พวกเราทั้งหมดจะได้สิ่งดีๆ กลับมา


อ.เจน ได้เห็น พระสงฆ์หูยาวยืนในดอกบัวและศิลาเปรต ขณะที่คณะฯเรานั่งสมาธิอยู่นั้น       อ.เจน ได้อธิษฐานขอเปิดมิติทับซ้อนของสถานที่แห่งนี้เพราะรู้ได้ด้วยญาณวิถี ว่า ที่นี่คือ ดินแดนแห่งสรวงสวรรค์ชั้นนิพพาน เป็นมิติทับซ้อนอยู่เหนือที่พวกเรานั่งกันอยู่นี้เอง และได้เล่าต่อไปว่า ได้เห็นพระสงฆ์มีใบหูที่ยาวมาก และที่นิ้วเท้าเท่ากันเรียบเสมอกันทุกนิ้ว ท่านยืนอยู่บนดอกบัวบาน โดยมีแสงสว่างเป็นรัศมีเรืองรอง ดั่งท่านเป็นผู้มีบารมีหรือมีบุญญาธิการมาก อ.เจน เห็นได้ชั่วเวลาเพียง 1 วินาที และก็ได้เห็นศิลาเปรต รูปร่างสูงใหญ่ ตัวดำ มีหนวดยาวมากสีดำ ไม่ใส่เสื้อใส่ผ้าสีขาวแบบโจงกะเบน  ยืนคุ้มครองพระพุทธบาทสี่รอย และมองมาที่พวกเราที่นั่งสมาธิกันอยู่ที่ข้างรอยพระบาทแห่งนี้  ซึ่ง อ.เจน ได้เห็นในญาณวิถีด้วยว่าศิลาเปรตตนนี้เฝ้าดูแลอยู่ ณ ที่นั่น ดังนั้น อ.เจน จึงสื่อสารขออนุญาตแตะสัมผัสรอยพระบาท ครั้งแรกท่านไม่ยอมอนุญาต อ.เจน จึงอุทิศบุญที่ได้ทำมาให้กับท่านก่อนแล้วจึงขออนุญาตอีกครั้งด้วยแจ้งว่า ลูกมิได้มาลบหลู่หรือมาสื่อสารอะไร เพียงมาขอบารมีจากการนั่งสมาธิเพื่อให้มีบารมีสูงขึ้นและเพื่อจะได้ช่วยเหลือคนต่อไป และขออนุญาตให้พี่จี๊ดสามารถแตะขอพลังบารมีจากท่านได้ด้วยอีกคนหนึ่ง ตอนนั้นคุณรุ้ง ไปนั่งอยู่อีกมุมหนึ่งค่ะ นั่นแหละค่ะ ตอนนั้นที่ อ.เจน ได้เอื้อมมาจับมือของดิฉันขึ้นไปแตะรอยพระบาทจนได้รับพลังประหลาดนั้นแหละค่ะ


เทวดานางฟ้าเฝ้าพระบาทสี่รอยทั้ง 4 ทิศ           อ.เจน ได้พูดว่า ได้เห็นในญาณวิถี มีเหล่าเทวดานางฟ้า ถืออาวุธต่างๆ แปลกบ้างเคยเห็นบ้าง เฝ้าทั้ง 4 ทิศ มีการผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนการมาเฝ้า ขณะที่ อ.เจน เล่าเรื่องเทวดาอยู่นั้นพวกเราก็เดินกันออกมาจากสถานที่นั้นแล้ว ดิฉันก็หันไปเห็น รูปปั้นของเทวดาและนางฟ้า ยืนเรียงกัน มีชื่อเรียกเฉพาะด้วย จึงได้เรียก อาจารย์ๆ แต่งตัวแบบนี้หรือเปล่าค่ะ และแล้วเมื่อ อ.เจน หันมาเห็นก็ตื่นเต้นแล้วบอกว่า ใช่ๆ พี่ชุดแบบนี้เลย ถืออาวุธแบบนี้ด้วย ใช่จริงๆ ด้วย แสดงว่าต้องมีคนมีญาณได้เห็นแล้วนำมาปั้นเหมือนจริงมากค่ะ

เรื่องของศิลาเปรต      ได้มีการบันทึกและเล่าต่อกันต่อๆมานับกัปนับกัลป์ แม้ในสมัยพระผู้มีพระภาคเจ้าของเราพระองค์นี้ พระองค์ได้ทรงตรัสเล่าถึงอดีตกาลที่ผ่านมาแล้วประทานแก่พระอานนท์และพุทธ สาวกว่า " ดูกรอานนท์ ก้อนศิลานี้มิใช่ศิลาแท้จริงดอกแต่เป็นก้อนอสุรา ที่กลับกลายเป็นก้อนศิลา ศิลานี้เคยเป็นพุทธสาวกในพระพุทธเจ้า พระนามว่า วิปัสสี สมัยนั้นท่านเป็นพระสังฆนายกถืออำนาจบาตรใหญ่ บังคับเอาของของคนอื่นมาเป็นของตน ตนเองเป็นพระภิกษุ แต่มักมากถือว่าตนเองฉลาด คิดว่าตนเองได้ของมาโดยบริสุทธิ์ โดยมิได้คำนึงถึงความผิดถูกตามพระธรรมวินัย ถือว่าตนเองเป็นศิษย์ของพระพุทธเจ้า แลเป็นใหญ่เอาของสงฆ์มาใช้ตามอำเภอใจ จึงทำให้เกิดเป็นศิลาเปรต อยู่ในบัดนี้ พระพุทธเจ้าทั้งสามพระองค์ที่ล่วงมาแล้วในอดีตกาล ได้ประทับรอยพระพุทธบาทไว้ ณ ที่นี้ ทุกพระองค์ และแม้พระศรีอริยเมตไตรย ก็จักเสด็จมาประทับรอยพระพุทธบาทไว้ ณ ที่นี้ และจักประทับรอยพระพุทธบาทสี่รอยนี้ให้เป็นอันหนึ่งอันเดียว"


เรามีบุญสัมพันธ์กันมา     เมื่อถอนออกจากสมาธิ อ.เจน ก็ได้เล่าให้ฟังว่า พวกเรามีอดีตกันมาเรามีบุญสัมพันธ์กันมา ดังนี้ค่ะ อ.เจน คุณรุ้ง และคุณแท็กซี่ เคยเป็นพระธุดงค์ มาสวดมนต์ร่วมพิธีบวงสรวงกัน โดยนำดอกไม้ธูปเทียนมากราบนมัสการ ณ ที่แห่งนี้ ซึ่งคุณแท็กซี่ ได้เคยสวดมนต์ในพิธีนั้นและมาในวันนี้ก็ได้มาสวดมนต์ที่แห่งนี้อีก

ดิฉัน ร่วมอยู่ในสมัยนั้นด้วย    หนูเห็นในญาณสมาธิด้วยว่า ในที่นั้น พี่จี๊ด (ดิฉัน) ร่วมอยู่ในขบวนของกษัตริย์ในสมัยก่อนด้วย พี่เป็นข้าราชบริพานใกล้ชิดกับกษัตริย์แต่ไม่ใช่ข้าทาส พี่ใส่ชุดผ้าลูกไม้สีขาวผ่าหน้าชุดข้างในสีกลีบบัว มีข้าทาสรับใช้เดินตามเป็นขบวนใหญ่

คุณแท็กซี่ สวดมนต์เทวาดมาฟัง           ไปนั่งอีกอยู่อีกมุมหนึ่งของห้องและเริ่มสวดมนต์ คุณแท็กซี่ มีพรสวรรค์อันเยี่ยมยอดคือเป็นคนที่จำบดสวดมนต์ต่างๆ ได้อย่างแม่นยำ ดังนั้น คุณแท็กซี่ จึงเริ่มสวดมนต์ ซึ่งคุณแท็กซี่เล่าให้ฟังในภายหลังว่า ได้สวดมนต์ครอบคลุมแผ่ถึง อ.เจน คุณรุ้ง และดิฉัน  ซึ่งขณะสวดมนต์ อ.เจน ก็รู้ในญาณวิถีว่า มีเหล่าเทวดานางฟ้ามาราบล้อมฟังเสียงคุณแท็กซี่ และมาอนุโมทนาบุญและให้พร ส่วนคุณแท็กซี่ ก็ได้ยินเสียงเทวดามาพูดว่า เสียงสวดมนต์ไพเราะจัง ซึ่งเรื่องนี้ขอยืนยันว่าคุณแท็กซี่เป็นคนที่สวดมนต์ไพเราะจริงๆ ค่ะ

12.วัดหนองก๋าย จ.เชียงใหม่ เป็นวัดที่มีพระพุทธรูปที่ศักดิ์สิทธิ์อายุกว่า 1,317 ปี เป็นวัดที่ครูบาศรีวิชัย ได้เดินทางมาพักตรงนี้เพื่อจะเดินทางไปกราบรอยพระพุทธบาทสี่รอยและก่อสร้างมณฑป (พระวิหาร) ครอบพระบาทสี่รอย คณะเราก็ได้มาทำบุญปิดทองกันที่นี่ อิ่มบุญกันถ้วนหน้าค่ะวันนี้

วันพฤหัสบดีที่ 13 ธันวาคม 2555

ทำบุญสังฆทานที่บ้านพักรีสอร์ท จ.เชียงใหม่  ซึ่งคุณที่ดินและคุณดอกไม้ ต้องการทำบุญสังฆทาน ตามคำแนะนำของ อ.เจน ซึ่งคุณแม่ของคุณดอกไม้ท่านอายุมากแล้ว 85 ปี และชอบทำบุญด้วย จึงได้นิมนต์พระมา 5 รูป   คุณทั้งสองนี้ต้องการให้ อ.เจน แนะนำวิธีการนำจบจนถึงการถวายสังฆทาน เพราะไม่เคยทำด้วยตนเองและทำไม่ถูก เพื่อวันหลังจะได้ทำให้ถูกต้อง เพราะวันนี้เราต้องเดินทางกลับกันแล้ว

เช้าวันนั้นก็ได้บุญกันทั่วหน้า รวมถึงสัพพะวิญาณที่เป็นข้าทาสในอดีต ณ ที่แห่งนี้ด้วย ตอนกรวดน้ำ อ.เจน บอกว่าพวกเขาดีใจกันมาก เขามีความสุข และวิญาณบางดวงก็รับบุญแล้วไปเกิดเลยก็มี น่ายินดีไปกะเขาด้วยนะค่ะ ส่วนตัวดิฉันเอง อย่างกรณีเช่นนี้ อ.เจน และคุณรุ้ง จะพูดเสมอว่า อุทิศบุญให้กับข้าทางและสัพพะวิญาณทั้งหมดอย่าให้ญาติของตนเองเลย ซึ่งดิฉันรู้เรื่องนี้ดีตั้งแต่ติดตาม อ.เจน และคุณรุ้ง ไปไหนๆ ดิฉันก็จะกรวดน้ำโดยตรงให้พวกเขาเลย การให้ก็เป็นบุญที่สูงมากเช่นกัน ดิฉันเชื่อตามที่อาจารย์แนะนำ ประกอบกับพระท่านก็เคยแนะนำเช่นนี้ด้วยค่ะ

13.วัดพระธาตุหริภุญไชยวรมหาวิหาร จ.ลำพูน เป็นพระธาตุเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดลำพูน และยังเป็นที่ประดิษฐานขององค์พระบรมธาตุหริภุณไชย เป็นปูชนียสถานสำคัญยิ่งในล้านนาไทย ตั้งแต่สมัยโบราณ วันนี้คณะเราได้มีโอกาสมาเยือนที่จังหวัดลำพูน เราจึงไม่พลาดที่จะมาสักการะขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์และเก็บภาพสวยๆ ฝากเพื่อน ๆ อิ่มบุญกันทุกคนเลยจ้า

14.วัดพระบาทตากผ้า จ.ลำพูน มีครูบาสี่องค์พ่อลูก ท่านทั้ง 4 รูป เป็นพระปฏิบัติที่ชาวบ้านนับถือ คือ  1.พระครูสุนทรคัมภีรญาณ(คำ คมฺภีโร)  2.พระสุพรหมยานเถระ(พรหมา พรหฺมจกฺโก)  3.พระสุธรรมยาน      4.ครูบาพ่อเป็ง โพธิโก คณะเดินทางวันนี้มีคุณดอกไม้เพิ่มมา 1 คน


บันไดสูงประมาณ 500 ขั้น ลักษณะเป็นบันไดหินปูน สองข้างบันไดเป็นตัวพญานาคยาวจรดบันได สูงประมาณ 500 ขั้น เมื่อเดินขึ้นไปเรื่อยยิ่งรู้สึกเหมือนตัวหนักขึ้นๆ จนเดินก้าวขาไม่ขึ้น ดังนั้น อ.เจน หันมาบอกว่า เราต้องเดินด้วยสมาธิ ด้วยการกำหนดจิต ซ้าย ย่างหนอ ขวา ย่างหนอ เดินด้วยบุญสมาธิ เพราะสถานที่ที่พวกเราจะเดินขึ้นไปนี้เป็นดินแดนสวรรค์ตรงนั้นเป็นจุดเชื่อมต่อมิติ มีพลังของพุทธรังสีมาก หากใครมีสัมภเวสี หรือคุณไสยต่างๆ แขวงอยู่ที่ตัวจะหนักมากเดินขึ้นไม่ได้ บางคนแทบจะเป็นลมไปเลยก็มี แต่หากว่าฝืนเดินขึ้นไปได้พวกที่แฝงและติดตามคนๆนั้นมาก็จะออกไปเข้ามาแฝงเราไม่ได้ เพราะยิ่งใกล้กับจุดที่มีพลังพุทธรังสีสิ่งไม่ดีจะถูกขับออกไปและเราจะรู้สึกเบาสบายในที่สุด แต่ขอบอกเหนื่อยมาก หากกำหนดจิตแบบที่ อ.เจน บอกกว่า ไม่เหนื่อยเลยค่ะ


มีพระธาตุอยู่บนยอด         อ.เจน สื่อได้ว่า ที่บนยอดศาลานี้มีพระธาตุประดิษฐานอยู่ ซึ่งเมื่อมาเปิดข้อมูลในพี่... กรู จึงได้ทราบว่าจริงๆ ด้วย เพราะ อ.เจน เองก็ไม่รู้ประวัติของที่นี่เหมือนกัน คุณแท็กซี่ พามาก็มาตามเขาค่ะ

บุญสัมพันธ์ของเรา            ระหว่างที่เดินขึ้นบันได อ.เจน ก็ได้เห็นภาพว่า พวกเราที่เดินขึ้นมานี้ครั้งหนึ่งเคยมากราบสักการะที่นี่แล้วในอดีตจึงทำให้ต้องมาอีก มีบุญสัมพันธ์กันมากราบสักการะร่วมกันอีกครั้งหนึ่ง


15.วัดพระสิงห์ จ.เชียงราย เป็นพระอารามหลวงเก่าแก่แต่โบราณกาล และเป็นศูนย์รวมใจของชาวเชียงรายมาอย่างยาวนาน วัดนี้เคยเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปสำคัญคู่บ้านคู่เมืองของไทย คือ พระพุทธสิหิงค์ หรือ พระสิงห์เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยศิลปะล้านนาไทย พุทธศตวรรษที่ 21 มีพุทธลักษณะสง่างาม

16.วัดเจย์ดีย์หลวง  จังหวัดเชียงใหม่ สร้างขึ้นในรัชสมัยของพระเจ้าแสนเมือง แห่ง ราชวงศ์มังราย วัดเจดีย์หลวงเป็นพระอารามหลวงแบบโบราณ มีการบูรณะมาหลายสมัย โดยเฉพาะพระเจดีย์ เป็นองค์พระเจดีย์ที่มีความสำคัญที่สุดองค์หนึ่งในเชียงใหม่

17. วัดเด่นสะหลีเมืองแกน จ.เชียงใหม่ เดิมชื่อว่า วัดบ้านเด่น ด้วยความที่ชาวเมืองเหนือเรียกต้นโพธิ์ว่า “ต้นสะหลี” ซึ่งมีความหมายว่าเป็นมงคลดี ก็เลยเอามาตั้งเป็นชื่อวัดเพื่อเป็นสิริมงคลแก่วัด อีกทั้งวัดตั้งอยู่ในเขตเมืองเก่าในสมัยโบราณที่ชื่อว่าเมืองแกน ชาวบ้านก็เลยเรียกชื่อวัดนี้เต็ม ๆ ว่า “วัดเด่นสะหลีศรีเมืองแกน”

ขอบคุณ  สุดท้ายนี้ดิฉันต้องขอขอบคุณ....คุณแท็กซี่ ที่ได้เชิญดิฉันร่วมคณะไปกับ อ.เจน และได้ร่วมบุญกันตลอดเส้นทางทัวร์บุญนี้ โดยเป็นโชว์เฟอร์ชั้นยอด ขับรถจากกรุงเทพฯ-เมืองเหนือ เป็นไกด์นำทาง และให้คำแนะนำต่างๆ มากมาย ซึ่งบางครั้งดิฉันเองก็ไม่เคยทราบมาก่อน ขอบคุณจริงๆ คะ่

ข้อคิด      คนเราเกิดมาพบกันก็ด้วยมีบุญสัมพันธ์กันมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของบุญ หรือเรื่องของกรรม ย่อมล้วนแต่อยู่ในวัฏสงสารหรือ สังสารวัฏ หรือ สงสารวัฏ คือภพภูมิที่มนุษย์ทุกคนต้องเวียนว่ายตายเกิดขึ้นมาในตามหลักของพุทธศาสนา ดังนั้น ไม่แปลกที่คนเราเมื่อมาพบกันบางคนก็รู้สึกถูกชะตาต้องกัน บางคนก็รู้สึกชังน้ำหน้ากันทั้งๆที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน มันเป็นไปด้วยประการเช่นนี้แล

31

กระทู้

665

โพสต์

5432

เครดิต

สมาชิก..

Rank: 8Rank: 8

เครดิต
5432
กำลังจะไปเที่ยวทางภาคเหนือพอดีเลยค่ะ ได้กระทู้นี้เป็นประหนึ่งเครื่องนำทางในการตามรอยบุญอ. เจน พี่รุ้งและพี่จี๊ด

ดาขอโมทนาบุญด้วยนะคะ
ธรรมะคือคุณากร

อัพเกรด  20.49%

3

กระทู้

294

โพสต์

1422

เครดิต

Master

Rank: 4

เครดิต
1422
5#
โพสต์เมื่อ 2013-11-27 01:09:55 | แสดงเฉพาะโพสต์ของสมาชิกนี้
สาธุๆค่ะชอบมากทุกตอนเลยค่ะ

อัพเกรด  6.53%

3

กระทู้

324

โพสต์

794

เครดิต

Master

Rank: 4

เครดิต
794
7#
โพสต์เมื่อ 2013-11-27 12:00:15 | แสดงเฉพาะโพสต์ของสมาชิกนี้
อยู่เชียงใหม่ เคยไปพระพุทธบาทสี่รอย รู้สึกสุขใจเมื่อได้ไปค่ะ  
อนุโมทนาสาธุค่ะ

อัพเกรด  53.4%

2

กระทู้

1298

โพสต์

2903

เครดิต

Master

Rank: 4

เครดิต
2903
8#
โพสต์เมื่อ 2013-11-29 12:53:11 | แสดงเฉพาะโพสต์ของสมาชิกนี้
อนุโมทนาสาธุครับ

อัพเกรด  22%

0

กระทู้

24

โพสต์

83

เครดิต

Junior

Rank: 2

เครดิต
83
อนุโมธนา สาธุค่ะ สนุกทุกตอนค่ะ

สมาชิกที่เพิ่งอ่านหัวข้อนี้

คุณต้องเข้าสู่ระบบก่อนจึงจะสามารถตอบกลับโพสต์นี้ได้ เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

รายชื่อผู้กระทำผิด|อุปกรณ์เคลื่อนที่|Archiver|อาจารย์เจน.com

GMT+7, 2025-3-14 17:34 , Processed in 4.547434 second(s), 20 queries .

Copy right © 2013 อาจารย์เจน.com.

Web Design By modifydiscuz.com

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้