|
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Wwwarjanjencom เมื่อ 2013-8-14 13:34
สวัสดีค่ะผู้ใฝ่ฝักธรรมทุกท่าน ดิฉัน อ.เจน ญาณทิพย์ มีโครงการทัวร์บุญดีๆ ที่หาทำร่วมกันได้ยากยิ่ง กับทัวรบุญเสบียงสวรรค์ ตอนที่4 "ร่วมหล่อเทียนพรรษา ถวายเป็นพุทธบูชา สืบสานพระพุทธศาสนา" ซึ่งจะเดินทางในวันเสาร์ที่ 13 - 14 กรกฎาคม 2556ที่จะถึงนี้ค่ะ
"อาจารย์เจนกล่าวสวัสดี ผู้จิตดี ใฝ่กุศล"
สวัสดีค่ะทุกๆ ท่าน กลับมาพบกันอีกแล้วนะคะกับดิฉันอาจารย์เจน ญาณทิพย์ ที่หากคุณได้ยินชื่อนี้เมื่อไหร่ ก็มักจะมีมหากุศลใหญ่ติดตามมาให้ทุกท่านอยู่เสมอ
เคล็ดลับดีๆในการสร้างบุญให้เกิดประโยชน์วันนี้ ดิฉันอยากจะบอกทุกท่านไว้นะค่ะ ว่าความดีที่เราทำในชีวิตประจำวันทุกๆ วันเนี่ย ต่อให้เป็นการปฏิบัติที่ดูง่ายๆ ดูเล็กน้อย ที่ทุกท่านสามารถทำได้ทุกที่ ทุกเวลา ไม่จำกัดว่าการทำบุญนี้จะต้องเป็นเพียงในวัดเท่านั้น อย่างเช่นการถือศีล และฝึกจิตภาวนา ทำจิตใจให้แข็งแกร่ง ทนทานต่อสภาวะรบเร้าต่างๆ ที่อาจจะเข้ามากระทบจิตใจเราเมื่อไหร่ไม่มีใครทราบ แต่หากเรามีพื้นฐานของสมาธิจิตที่แน่วแน่ สงบ และมั่นคงแล้ว สิ่งเร้าที่จะเข้ามากระทบเหล่านั้น ต่อให้เป็นเรื่องที่ร้ายแรงขนาดไหน หนักหนาเพียงใด เราก็จะเหมือนว่ามีรากฐานที่มั่นคงสำหรับรองรับสภาวะจิตเหล่านั้นไว้อยู่แล้ว ซึ่งจะทำให้ง่ายต่อการปล่อยวาง มีสติ รับรู้ปัญหา และหาทางต่อกรกับมันได้ นอกจากนี้การฝึกสมาธิจิตให้นิ่ง สงบ แต่เข้มแข็ง ก็จะเป็นรากฐานของ วิปัสนาสมาธิ ขั้นสูงขึ้นมาจากสมถะสมาธิอีกด้วย หากจะเปรียบเทียบให้เห็นภาพ ก็อาพพูดได้ว่า พื้นฐานสมาธิจิตที่สงบ นิ่ง แต่เข้มแข็ง เปรียบเสมือนเทียนไขที่มีเปลวเทียนลุกโชติช่วงชัจชวาล สว่างไสวในความมืดมน และทนต่อการต้องลมที่มาทำให้เปลวเทียนวูบไหวได้ แม้ลมจะแรง โหมกระหน่ำแค่ไหน ก็มิอาจทำให้เปลวเทียนนั้นดับแสงไป ทำได้แค่แสงเทียนโอนอ่อน บิดพริ้วไป แต่ไม่นาน เปลวเทียนนั้นก็จะกลับมาสว่างไสว เจิดจรัสมั่นคงดั่งเดิม
"ทริปดีๆ ที่อาจารย์เจนมีในวันก่อนวันเข้าพรรษา"
เมื่อพูดถึงแสงเทียนแล้ว ก็อดที่จะพูดถึงเหตุการ์ณที่มีความเกี่ยวเนื่องกับวันสำคัญของพุทธศาสนาของชาวพุทธเราไปไม่ได้ นั่นคือเทศกาลวันเข้าพรรษา ที่ปีนี้ได้เวียนบรรจบมาครบรอบอีกปีหนึ่ง ซึ่งพระภิกษุสงฆ์จะต้องจำพรรษาเพื่อถือศีลปาฏิโมกข์เป็นเวลา ๓ เดือน อย่างเคร่างครัด และเทียนที่ว่านี่ก็มีความสำคัญกับวันเข้าพรรษาโดยตรง ดิฉันจึงมีทริปทัวร์บุญดีๆ ที่เกี่ยวข้องกับเทียน และวันเข้าพรรษา มาฝากทุกๆ ท่าน ไว้เป็นหนึ่งในทางเลือก สำหรับท่านผู้ที่คิดจะทำบุญสร้างกุศลในวันก่อนวันเข้าพรรษา ซึ่งถือเป็นวันสำคัญที่บรรดาพระภิกษุสงฆ์ต้องจำพรรษาอยู่เฉพาะในวัดวันนี้
"ทริปทัวร์บุญเสบียงสวรรค์ ก่อนวันเข้าพรรษา!"
นี่ก็เป็นอีกหนึ่งทริปดีๆ ที่มีแต่ได้กับได้ไม่มีเสีย คือ ได้บุญ ได้ความสุข และได้ใจไปเต็มๆ สำหรับทริปที่ผ่านๆ มาของเสบียงสวรรค์ ก็เป็นเครื่องการันตีได้ถึงความอลังการในงานบุญของดิฉัน เรียกได้ว่ามากกว่าคำว่าพึงพอใจเสียอีก สำหรับทริปนี้ก็จะเป็นทัวร์บุญที่จะจัดขึ้นในวันก่อนวันเข้าพรรษา ชื่อเต็มๆ ว่า "ทริปทัวร์บุญเสบียงสวรรค์ ตอน มหาวิหารทานใหญ่ หล่อเทียนชัยเข้าพรรษา ด้วย ๒ มือ ๑ กายา อธิษฐานผ่อนกรรมหนักให้เป็นเบา" แหม แค่ได้ยินชื่อก็จะจินตนาการได้ถึงความยิ่งใหญ่ และทรงคุณค่ามากมายมหาศาลแล้วล่ะค่ะ แต่ขอบอก อย่าเชื่อ! จนกว่าจะได้สัมผัส
รายละเอียดของทริปทัวร์บุญนี้ ดิฉันจะพาทุกท่านไปสร้างมหากุศลกันที่วัดในจังหวัดหนึ่ง ที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ เรานี่แหละค่ะ โดยเราจะไปกอบโกยบุญกันอย่างเต็มที่เหมือนเช่นเคย และวัดที่ดิฉันจะพาทุกท่านไปก็เป็นวัดที่ดิฉัน และทีมงาน เลือกสรรมาเป็นอย่างดีแล้วว่าเป็นวัดปฏิบัติ และขาดแคลนสาธารณูปโภในพุทธศาสนาจริงๆ
วัดที่1.
ที่แรกเราจะไปกันที่วัดแห่งหนึ่ง เป็นสำนักสงฆ์ในย่านชานเมือง ผ่านถนนสายเลี่ยงเมือง ไปยังเรือกสวนไร่นา ที่โอบล้อมได้วยเวิ้งหุบเขา บรรยากาศที่พบเห็นได้เฉพาะในชนบทนี้เท่านั้น วัดนี้ค่อนข้างที่จะเป็นวัดที่ปฏิบัติดี แต่ห่างไกลความเจริญ ดูจากถนนที่เป็นดินลูกรังอยู่ก็พอจะทราบได้ ว่าไม่ค่อยมีคณะทัวร์บุญผ่านเข้ามาเลย ซึ่งวันที่ดิฉัน และทีมงานขับรถไปเซอเวย์ก็จะเห็นได้เลยว่า สำนักสงฆ์นี้กำลังก่อสร้างเมรุอยู่แต่ยังไม่แล้วเสร็จเลย เห็นได้ชัดว่ากำลังขึ้นโครงร่างเป็นไม้กับปูนอยู่ หลวงพ่อเจ้าอาวาสซึ่งเป็นพระเพียงรูปเดียวที่จำวัดอยู่ที่นี่ ท่านก็เล่าให้พวกดิฉันฟังคร่าวๆ ว่า เคยมีชาวบ้านผู้ใจบุญในหมู่บ้านนี้แหละสร้างไว้ แต่ปัจจัยเงินหมดเลยสร้างต่อไม่ได้ ห้องน้ำหรือก็ขาดแคลน กุฎิสงฆ์ พระอุโบสถก็ใกล้จะเสื่อมโทรมเต็มที ดิฉันเล็งเห็นถึงความตั้งใจอย่างแท้จริงของเจ้าอาวาสรูปนี้ที่มีต่อพระพุทธศาสนา จึงเป็นที่มาของคณะทัวร์บุญเราที่ตะลงที่นี่เป็นวัดแรก
ที่สำนักสงฆ์แห่งนี้ ดิฉัน และทุกท่านจะร่วมกันทำบุญทอดผ้าป่าสามัคคี ถวายสังฆทาน ทั้งที่เป็นข้าวของบริวาร และปัจจัยเงิน ที่จะร่วมทำนุบำรุงซ่อมแซมเมรุ และวิหารทานต่างๆ ที่ได้กล่าวมาแล้วตอนต้น ปิดท้ายด้วยการกรวดน้ำหมู่ร่วมกันค่ะ
การสร้างเมรุไว้ให้แก่วัด หรือสำนักปฏิบัติธรรมของสงฆ์ ซึ่งถือเป็นศูนย์กลางในการรวบรวมความศรัทธาแห่งพุทธศาสนิกชน จึงเป็นดั่งการทำบุญให้แก่บุคคลทั้งหลาย ไม่เพียงเฉพาะแต่กับพระภิกษุสงฆ์เท่านั้น แต่กับกายสังขารของผู้ที่จำเป็นต้องใช้เมรุนี้เพื่อพิธีทางพุทธศาสนา รวมถึงเหล่าวิญญาณของผู้ที่วายชนม์ไปแล้ว ให้เป็นไปตามประเพณีที่สมควรอันสืบทอดกันมายาวนานอีกด้วย
ซึ่งอานิสงฆ์ที่เราทำนั้น ได้กลายเป็นวิถีแห่งบุญ ที่มุ่งอนุเคราะห์สนับสนุนค้ำชูบูชาคุณ เรียกอีกอย่างว่า เป็นการสร้างสถานมรณานุสรณ์ให้แก่ผู้ตาย เป็นการพิจารณาสัจจะชีวิตทั้งปวง ว่า "เรามีความแก่เป็นธรรมดา ไม่มีใครสามารถล่วงพ้นความแก่ไปได้ เรามีความเจ็บเป็นธรรมดา ไม่มีใครสามารถล่วงพ้นความเจ็บไปได้ เรามีความตายเป็นธรรมดา ไม่มีใครวามารถล่วงพ้นความตายไปได้ เราจะต้องพลัดพรากจากของอันเป็นที่รัก ที่พอใจไปทั้งสิ้น เรามีกรรมเป็นของตนเอง ทำดีได้รับผลดี ทำชั่วก็ย่อมได้รับผลชั่ว เป็นของธรรมดา เป็นของเที่ยง"
ดังนั้นหากพวกเราทุกคน ได้ร่วมสร้างเมรุ ด้วนความศรัทธาแล้วนั้น ผู้ที่กระทำบุญนี้บูชาอย่างโอฬาร ต่อผู้ที่ละโลกนี้ไปแล้ว ถือเป็นมหากุศลมิใช่น้อย ส่งผลให้บังเกิดเป็นอานิสงส์เหล่านี้
อานิสงส์ ของการสร้างเมรุถวายต่อพระพุทธศาสนา
1.จะเป็นผู้มีความอยู่ดี กินดี มีปัจจัย๔ ครบถ้วน
2.ได้อยู่ในสถานที่ที่สบาย ยามกินก็ไม่ร้อน ยามนอนก็ไม่ทุกข์
3.มีบริวารดี ไร้ซึ่งโรคภัยไข้เจ็บ
4.ไม่ว่าท่านจะเกิดภพใดชาติใด ก็จะร่ำรวยเงินทอง โภคทรัพย์ และบริวารสมบัติ
รู้ถึงอรรถประโยชน์ที่คุณจะได้อย่างไม่รู้จบอย่างนี้แล้ว ก็ไม่ควรรอช้า ในการที่จะร่วมถวายปัจจัยเพื่อร่วมสร้างเมรุ ถวายต่อสำนักสงฆ์แห่งนี้แล้วใช่ไหมล่ะคะ
วัดที่2.
"ศาลาไม้ทรงเก่าที่ใหญ่โตโอ่อ่า พร้อมรับศาสนพิธีในอนาคตที่อาจจะเกิดขึ้นให้เป็นไปได้อย่างเสถียรภาพ หากแต่ถูกทิ้งไว้ให้เก่าแก่ตามสภาพวาระบุญและกรรม ท่ามกลางความนิ่งของแมกไม้ ท่ามกลางความเงียบของขุนเขา จะเป็นการน่าเสียดายอย่างยิ่งหากสถานที่แห่งนี้ถูกทิ้งไว้เบื้องหลังโดยไม่มีผู้ใดที่คิดจะแยแส ถูกตัดขาดและหลงลืมจากการสร้างต่อของผู้คนรุ่นหลัง อันเหมือนความตั้งใจที่มีแต่แรกเริ่มของคนรุ่นก่อนถูกลืมเลือนไปด้วย" ประโยคความคิดเหล่านี้ผุดขึ้นในห้วงความคิดของดิฉันอาจารย์เจน ขณะที่กำลังขับรถผ่านเข้าไปยังบริเวณลานวัดอย่างช้าๆ เฝ้ามองดูศาลาปฎิบัติธรรมขนาดใหญ่ ที่น่าจะจุคนได้ราวๆ สี่ร้อยกว่าคน ที่กำลังมีการวางโครงสร้างไว้แต่ยังสร้างไม่เสร็จ อาจเป็นเพราะขาดปัจจัยในการสร้างต่อก็เป็นได้
วัดนี้ก็เป็นวัดที่สอง ที่ดิฉันมีความตั้งใจที่จะพาทุกท่านมาสานต่อการทำบุญในทริปนี้ให้สมความตั้งใจ แต่ดูเหมือนว่าสถูปสถาน และวิหารทานของวัดตามชนบทในประเทศไทยเราส่วนใหญ่จะเป็นไปในลักษณะนี้ คือ ยังขาดความสำเร็จลุล่วงในการสร้าง และยังรอปัจจัยจากผู้มีจิตศรัทธาอีกเป็นจำนวนมาก และที่วัดนี้ก็เป็นอีกวัดหนึ่งที่ดิฉันอยากจะช่วยบูรณะค่ะ
ตัววัดตั้งอยู่ในป่าที่ห่างจากถนนใหญ่ไม่ไกลนัก แต่ภายในบริเวณร่มรื่นมาก สุนัขและแมววัดจะเยอะเป็นพิเศษ อาจเป็นเพราะว่าแม่ชีที่นี่ใจบุญ และรักสัตว์มากก็เป็นได้ ใช่ค่ะ อย่างที่พูดไป นอกจากพระภิกษุสงฆ์ที่จำวัดอยู่ที่นี่กว่าสิบรูปแล้ว วัดนี้ยังเป็นที่อาศัยในการสืบสานความดีงามในพระพุทธศาสนาของบรรดาอุบาสิกาอีกด้วย วันนั้นที่ไปเซอเวย์ แม่ชีท่านก็ออกมาต้อนรับ ทั้งยังพาเดินแนะนำสถานที่รอบวัดอีกด้วย ก็เป็นอีกหนึ่งภาพความประทับใจที่ดิฉันเห็นแบ้วก็เป็นปลื้ม เพราะรอยยิ้มของแม่ชีรูปนั้นอ่อนโยน สุขุม แต่แฝงด้วยความสดใสในการต้อนรับขับสู้อีกด้วย
สาเหตุที่ทำให้ดิฉันเลือกวัดนี้เป็นวัดที่สองที่จะพาคณะทัวร์บุญเสบียงสวรรค์มาลง คือความตั้งใจของท่านเจ้าอาวาส ในการที่ต้องการจะสร้างศาลาปฏิบัติธรรมหลังใหญ่นั่นให้แล้วเสร็จ ซึ่งก็เหมือนบังเอิญ เพราะนั่นเป็นความตั้งใจของดิฉันด้วย เพราะในอนาคตดิฉันเล็งเห็นด้วนญาณวิถีว่าที่นี่จะเป็นวัดที่โด่งดัง มีชื่อเสียง และศานุศิษย์คับคั่ง อีกทั้งศาลาปฏิบัติธรรมที่ดิฉันตั้งใจจะร่วมสร้างยังเป็นสถานที่ที่ให้ชนรุ่นหลังจากนีิ้ไว้ใช้ให้เกิดประโยชน์อีกด้วย นั่นก็ยังมีความหมายอีกว่า อานิสงฆ์ของบุญที่เราทำได้สำเร็จแล้วเพราะมีผู้ใช้สอยต่อ เปรียบเสมือนผู้ที่บังเกิดดวงตาเห็นธรรมอันมีเราเป็นต้นบุญ ดังนั้นอานิสงฆ์เหล่านั้นย่อมย้อนกลับมาส่งผลดีกับเราอย่างเต็มที่ และได้อย่างเหลือล้นคณานับ
"อานิสงส์ของการที่เราได้ก่อสร้างศาลาปฏิบัติธรรมถวายวัด"
แบ่งเป็นสองลักษณะ คือ อานิสงฆ์ที่ส่งผลต่อภพนี้ และ ส่งผลต่อภพหน้า
อานิสงฆ์ที่ส่งผลในภพนี้ จะทำให้ชีวิตท่านมีแต่ความเป็นศิริมงคล มีความสุขสมร่มเย็นเป็นสุข พ้นจากทุกข์ภัย ไร้โรค ทำให้จิตใจสงบ เยือกเย็นประดุจผืนน้ำ แต่อบอุ่นไปถึงลูกหลาน ครอบครัวมีแต่ความสุขความเจริญตลอดไป
อานิสงส์ที่ส่งผลต่อภพหน้า จะทำให้มีอริยทรัพย์ทุกภพทุกชาติ ไม่ทุกข์ยากลำบากเข็ญใจ เมื่อชีพสิ้นตามอายุขัยแล้ว ดวงจิตย่อมไปบังเกิดในสวรรค์ชั้นวิมาน เสวยทิพยสมบัติ มีเหล่าเทพบุตร นางฟ้าบริวาร มีวิมานแก้ว วิมานทองสูงตระหง่านหลายสิบโยชน์ และหากต้องกลับมาเกิดในภพมนุษย์อีกก็จะได้ไปเกิดในบวรพระพุทธศาสนาตลอดไป ได้พบเจอพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าไปตลอดกาล
ซึ่งที่กล่าวมาทั้งหมดย่อมเป็นผลดีอย่างยิ่ง เพราะมนุษย์เรากว่าจะมาบังเกิด และเติบโตสมบูรณ์มาได้นั้นเป็นเรื่องยาก การจะมาเกิดอยู่ในบวรพระพุทธศาสนานั้นยากยิ่งกว่า ดังนั้นเราท่านหากได้เกิดมาภายใต้ร่มโพธิ์ร่มไทรแห่งองค์สมณโคดมบรมครูแล้ว ย่อมควรมีความยินดีอย่างยิ่งในชาติกำเนิดของตนเอง ในศาสนาเกิดของตนเอง และควรทำตัวเป็นเยี่ยงอย่างแห่งพุทธศาสนิกชนที่ดีพร้อมด้วย นั่นจึงจะเรียกได้ ว่าเป็นมนุษย์ผู้ประเสริฐ
วัดที่3.
หลังจากเสร็จกิจกรรมสั่งสมบุญในพุทธศาสนาจากสองวัดนี้แล้ว ดิฉันก็จะพาทุกท่านเดินทางต่อยังวัดที่สาม เพื่อที่จะไปสานต่อภารกิจสั่งสมบุญกันอย่างต่อเนื่อง ที่วัดนี้ก็จะถือเป็นวัดสุดท้ายในวันแรกของทริปเราค่ะ ดิฉันจะพาทุกท่านไปถวายสังฆทานหมู่ด้วยกันในถ้ำจำลอง เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศในการถวายสังฆทานแบบเดิมๆ และนิมนต์พระมาเพื่อให้ธรรมเทศนา นอกจากนี้ยังมีไฮไลท์สำคัญของทริปเราในครั้งนี้ด้วย ไฮไลท์ซึ่งเกี่ยวกับ เทียน ซึ่งถือว่าเป็นชื่อทริปเสบียงสวรรค์ในครั้งนี้ค่ะ
ไฮไลท์เสบียงสวรรค์ "หล่อเทียนพรรษา ด้วย ๒ มือ และ ๑ ใจ ของเรา"
หลายต่อหลายคน อาจจะเคยได้ถวายเทียนพรรษาแก่พระสงฆ์เนื่องในวันเข้าพรรษา แต่จะมีสักกี่คนล่ะ ที่จะได้หล่อเทียนพรรษาด้วยสองมือของเราเอง นี่จึงเป็นที่มาของไฮไลท์ในทริปทัวร์บุญครั้งนี้ การหล่อเทียนพรรษาที่มีอาจารย์เจน ญาณทิพย์ เป็นเจ้าภาพ แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นกิจกรรมที่จัดขึ้นเพื่ออาจารย์เจน หากแต่จัดขึ้น เพื่อเราท่านทุกๆ คน ที่มาร่วมบุญ หลายท่านอาจจะเคยไปร่วมในการหล่อเทียนพรรษาตามวัดต่างๆ เนื่องในโอกาศวันพิเศษทางศาสนาพุทธ แต่ดิฉันขอรับรองว่า การหล่อเทียนพรรษาในครั้งนี้ จะเป็นการหล่อเทียนพรรษาที่แตกต่างจากทุกครั้งที่ทุกๆ ท่านได้เคยทำมา เพราะผู้คนมากหน้าหลายตาที่มาร่วมทัวร์บุญในครั้งนี้ อาจจะพูดได้ว่าเราต่างเคยมีบุญสัมพันธุ์กันมาแต่ชาติปางก่อน ชาตินี้ภพนี้แต่ละคนซึ่งอาจจะรู้จัักกันอยู่แล้วก็ดี หรือไม่รู้จักกันก็ดี จะได้มาร่วมสร้างประสบการณ์แปลกใหม่ในครั้งนี้ด้วยกัน เราจะพากันเข้าไปทำกิจกรรมหล่อเทียนพรรษากันในป่า ซึ่งเป็นป่าที่อยู่ภายในบริเวณวัด ที่โอบล้อมไปด้วยหุบเขา และร่มเงาของแมกไม้ นับว่าจะเป็นภาพปรากฏการ์ณที่แปลกใหม่ และมีความน่าตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างยิ่งค่ะ
ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดมาบนโลกใบนี้ที่เราพบเจอนั้น ล้วนไม่ใข่ความบังเอิญ หากเราเชื่อในเรื่องพรหมลิขิต หรือโชคชะตา เราก็เสมือนว่าได้เวียนบรรจบมาสานต่อในเรื่องเดิม ที่เราต่างเคยทำกันมาแล้วในอดีต ในช่วงเวลาที่แสนไกล ดังนั้นสิ่งเหล่านี้เบื้องบนได้กำหนดมาแล้ว เราเพียงมาสานต่อในสัญญากรรมที่ดี ให้เป็นดั่งภาพที่เคยเกิดขึ้นมาในอดีต การเราท่านมาเป็นกัลยาณมิตรกันก็หาใช่เป็นความบังเอิญไม่ หากแต่เราเคยมีบุญกรรมสัมพันธุ์กันมาทั้งนั่น ฉะนั้น อย่ารอช้าในการมาจับมือกัน ร่วมสร้างปรากฏการณ์แห่งบุญด้วยกันอีกครั้ง เพื่อจะเป็นเสบียงบุญสั่งสมของเราไปยังชาติหน้า ภพหน้า
"อานิสงส์ของการหล่อเทียนพรรษา"
ประเพณีการหล่อเทียนพรรษาในพุทธศาสนานั้น มีมาตั้งแต่โบราณกาล มีมาตั้งแต่สมัยที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ย่างพระบาทอยู่บนพื้นดินของโลกใบนี้ มีตำนานเล่าขานถึงก็มากมาย เกี่ยวกับเรื่องราวของการจำพรรษาอยู่ในวัดของพระภิกษุสงฆ์ผู้ถือศีลปาฏิโมกข์ตลอด ๓ พรรษา เรื่องราวก็ประมาณที่เราท่านได้ศึกษาและรู้กันอยู่
แต่ว่าการหล่อเทียนพรรษาของทริปทัวร์บุญเสบียงสวรรค์ของเรานี้ แตกต่างจากที่ทุกท่านเคยสัมผัสมา ท่านอาจจะเคยที่จะเอามือตักกระบวย ที่ภายในบรรจุไขเทียนที่หลอมละลายร้อนระอุ แล้วบรรจงเทลงไปบนเบ้าหลอมสำหรับหล่อเทียนให้ขึ้นรูปเป็นแท่ง แค่ท่านก็คงไม่เคยที่จะรู้ว่ากว่าที่จะมาเป็นเตาเทียนร้อนๆ แบบนี้ เราจะต้องมีการหาฟืน ผ่าฟืน จุดเตา ตั้งไฟ เพื่อที่จะหลอมเทียนนี้ขึ้น และทั้งหมดนี้ก็คือสิ่งที่พวกท่านทุกคนจะได้มาเป็นส่วนหนึ่ง เป็นคนละไม้คนละมือ ในการทำให้เตาเทียนนี้สำเร็จขึ้นมา อันต้องเกิดจากน้ำพักน้ำแรงของทุกท่าน ทุกคน เช่นเดียวกับการศึกษาธรรมท่านต้องอย่ารู้แต่ทษฏีท่านจะต้องลงมือปฏิบัติด้วยค่ะ
แล้วมวลสารของเนื้อเทียนที่เราจะหลอมขึ้นมา ก็จะมาจากเศษเทียน ไขเทียน ตามบ้านเรือนที่ทุกท่านไม่ใช่แล้ว นับร้อย นับพันแท่ง ที่ทุกท่านจะต้องจัดหามา เพื่อเอามาหลอมรวมเป็นเทียนพรรษาแท่งหนึ่งแท่งเดียวกัน ดังนั้นอาจเปรียบได้ว่าเศษไขเทียนเหล่านั้น ก็คือจิตใจอันบริสุทธิ์ อันเป็นกุศลของทุกๆ ท่าน ที่จะมาหลอมรวมกันให้เป็นหนึ่งเดียว เทียนนับร้อยนับพันแท่งนั้น หากจะสำเร็จเสร็จสมบูรณ์ขึ้นมาได้ คงต้องอาศัยน้ำหนึ่งใจเดียวของพวกคุณทุกคน ขาดคนใดคนหนึ่งไปก็จะเป็นเทียนพรรษาที่สมบูรณ์ที่สุดของอาจารย์เจนไปไม่ได้ ดังนั้นทุกท่านต้องเตรียมเศษเทียนเหล่านั้นมาจากบ้านของท่านด้วย เพื่อที่เศษเทียนที่ไม่ใช้แล้วของทุกท่านเหล่านั้นจะถูกหล่อหลอม จะได้มาเป็นส่วนหนึ่งของเทียนพรรษาแท่งโต ที่ทองอร่าม เปี่ยมไปด้วยแสงแห่งบุญของพวกเรา เพราะทุกท่าน ก็คือส่วนหนึ่งของเรา ขาดกันไปเพียงหนึ่ง ก็เสมือนศาสนาขาดพุทธบริษัทไปไม่ได้ค่ะ
หลังจากเสร็จสิ้นกิจกรรมอันเหน็ดเหนื่อจากการสั่งสมมหากุศลบุญใหญ่ของเรามาทั้งวัน ทุกท่านก็คงอิ่มอก อิ่มใจ อิ่มบุญ กันไปอย่างถ้วนหน้าแล้ว ดิฉันก็จะพาทุกท่านเข้าไปยังโรงแรมที่พักของเราในทริปนี้ เพื่อไปรีแลกซ์ผ่อนคลายสบายอารมณ์ตามอัธยาศัย ในบรรยากาศชิลด์ๆ ของรีสอร์ทระดับห้าดาว ที่บรรยากาศและสไตล์แปลกใหม่ ที่ทุกท่านอาจไม่เคยสัมผัสมาก่อน ด้วยดีไซน์การตกแต่งแบบโมเดิร์น ผสมผสานกับอารยะธรรมสมัยเก่า ช่วงความศิวิไลซ์ของสมัยสงครามโลก ตลอดจนลวดลายตามผนังกำแพงโรงแรม ที่ตกแต่งคล้ายๆ ผาแต้ม ของชนเผ่าโบราณ ที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว เรียกได้ว่าเป็นรีสอร์ท ที่สวยงาม และแปลกใหม่ในเวลาเดียวกัน ที่ดิฉันหวังว่าทุกๆ ท่าน เมื่อมาเห็นแล้วต้องชอบมากๆ เลยค่ะ
สำหรับวันแรกนี้ หลังจากเข้าที่พักกันแล้ว เราก็จะแยกย้ายกันพักผ่อนตาม ก่อนที่เริ่มกิจกรรมต้อนรับเช้าวันใหม่ ในทริปบุญวันที่สองของเรา
รุ่งอรุณวันใหม่ เช้าวันที่สอง หลังจากที่ทุกท่านตื่นนอนยามเช้า และผ่อนคลายจากความเหน็ดเหนื่อยแล้ว เวลาประมาณหกโมงเช้า เราก็จะมารวมตัวกันที่ริมสระว่ายน้ำใหญ่ด้านหลังรีสอร์ท สถานที่ที่ซึ่งสวยงาม และโอบล้อมไปด้วยเวิ้งหุบเขา และแนวป่าสีเขียวชอุ่ม ในขณะที่แสงอรุณยามเช้าเริ่มทอแสงบนฟ้า ดิฉันอาจารย์เจนจะมีกิจกรรมพิเศษจัดไว้ต้อนรับทุกท่านค่ะ นั่นคือการทำสมาธิในน้ำ คือลงไปนั่งกันในสระน้ำเลยค่ะ และเป็นสระน้ำที่กว้างมากๆ สามารถจุคนได้นับสองร้อยคน ดิฉันจะให้ทุกท่านฝึกสมาธิ เพื่อฝึกการกำหนดลมหายใจเข้า ออก ของปอดเราอย่างถูกวิธี และจะช่วยให้ปอดของทุกท่านแข็งแรงขึ้นค่ะ สุขภาพกายและใจจะดีขึ้นด้วย เราจะสูดลมหายใจเข้ากันลึกๆ ให้เต็มปอด เพื่อรับโอโซนธรรมชาติให้เต็มปอด ที่ซึ่งเราหาไม่ได้จากเมืองหลวง ต่อด้วยกิจกรรมดีๆ ซึ่งเป็นเซอร์ไพรซส์ค่ะ
เสร็จจากกิจกรรมที่สระน้ำ ดิฉันจะให้ทุกท่านกลับเข้าไปยังห้องพักเพื่ออาบน้ำชำระล้างร่างกาย แต่งกายให้เสร็จสรรพ ก่อนที่เราก็จะพากันมูฟมาที่ห้องอาหาร เพื่อรับประทานอาหารเช้ากันค่ะ หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจในโรงแรมเรียบร้อยแล้ว ก็จะเช็คเอาท์ และเตรียมตัวออกไปสร้างบุญกัน ต่อจากมหากิจกรรมบุญที่เราทำค้างไว้เมื่อวานค่ะ
เทียนพรรษาที่เราได้ร่วมกันหล่อไว้เมื่อวาน วันนี้เราก็จะทำการตั้งขบวนแห่กันอย่างอลังการ และเคลื่อนขบวนไปยังวัดเดิม เพื่อที่จะทำการถวายเทียนนี้ให้แก่เจ้าอาวาสพระภิกษุสงฆ์ และคณะ เพื่อที่จะทำให้ภารกิจนี้ของเราแล้วเสร็จอย่างสมบูรณ์ ซึ่งก็ถือว่าเป็นการสานต่อภารกิจเสบียงสวรรค์ครั้งนี้ให้เสร็จสิ้น และเป็นการจบทัวร์บุญในครั้งนี้อย่างเป็นทางการด้วยค่ะ
นี่ก็เป็นข้อมูลคร่าวๆ ที่ดิฉันอาจารย์เจน ญาณทิพย์ อยากจะบอกไว้แก่ทุกท่าน หากท่านที่อยากจะมาสร้างบุญ สั่งสมกุศลบารมีเข้าสู่ตัวเอง เพื่อเป็นดั่งเสบียงบุญของเรา เพื่อกำลังบุญที่จะสนับสนุนเราให้พบเจอแต่สิ่งที่ดีๆ สิ่งที่เป็นมงคลในชีวิต ในอนาคตกาลเบื้องหน้าค่ะ สำหรับท่านที่สนใจ อยากจะมาร่วมบุญกับดิฉันอาจารย์ ญาณทิพย์ ในครั้งนี้ ก็ลงชื่อสมัครกันได้ คราวนี้จำนวนจำกัดค่ะ เพื่อคุณภาพอย่างเต็มที่ เพียง 100 กว่าท่านเท่านั้น
ประวัติการหล่อเทียนพรรษา
"การหล่อเทียนพรรษาเป็นประเพณีที่เกี่ยวกับพระพุทธศาสนาที่มีมาแต่ครั้งโบราณกาลในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์แล้วค่ะ พิธีหล่อเทียน จัดเป็นพระราชกุศล และเป็นงานบุญทั่วไปของชาวบ้านอีกด้วยค่ะ โดยกำหนดจัดงานราชพิธีหล่อเทียนขึ้นในเดือน ๘ ของทุกปี ก่อน เข้าพรรษาค่ะ สมัยก่อนการหล่อเทียนใช้หล่อด้วยขี้ผึ้งทั้งสิ้น ในปีหนึ่ง ๆ จะใช้ขี้ผึ้งเป็นจำนวนมากทั้งนี้เนื่องจากบรรดาวัดต่าง ๆ ที่เป็น วัดหลวงทุกวัด จะได้รับพระราชทานเทียนพรรษาวัดละ ๑ เล่ม หรือมากกว่านั้นทุก ๆ วัด จำนวนเทียนที่หล่อจึงมีมากขึ้นค่ะ
มูลเหตุที่ต้องมีการหล่อเทียนนั้นก็เนื่องมาจากในฤดูฝน หรือที่เรียกกันว่า "ฤดูการเข้าพรรษา" คือช่วงแรม ๑ ค่ำ เดือน ๘ ถึงวัน ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑ นั้นค่ะ กำหนดให้พระภิกษุทั้งหลายต้องเข้าอยู่ประจำ ณ วัดใดวัดหนึ่งตลอดระยะเวลา ๓ เดือน พระภิกษุสงฆ์ที่ต้อง อยู่จำพรรษาในพระอารามระหว่างนั้นมีการสวดมนต์ทำวัตรทุกเช้าค่ำค่ะ จึงมีความจำเป็นต้องใช้เทียนไว้สำหรับ จุดบูชาให้ตลอดพรรษา พุทธศาสนิกชนจึงพร้อมใจกันหล่อเทียน สำหรับให้พระภิกษุสงฆ์ได้จุดบูชาตลอด ๓ เดือนของกำหนดเวลาเข้าพรรษา จึงเรียกเทียนที่หล่อ ขึ้นนี้ว่า "เทียนพรรษา" หรือ "เทียนจำนำพรรษา"ค่ะ
เมื่อหล่อเทียนในวันรุ่งขึ้นจะจัดขบวนแห่นำไปถวาย ณ วัดใดวัดหนึ่ง เพื่อเป็นพุทธบูชาและ ในวันนั้นมีการทำบุญร่วมกัน ตักบาตร ถวายพระภิกษุสงฆ์ แสดงความศรัทธาโดยพร้อมเพรียงกัน งานทำบุญหล่อเทียน และถวายเทียนพรรษานับเป็นประเพณีที่ดีงามสมควรที่พุทธศาสนิกชนทั้งหลาย จะได้ช่วยกันรักษา ประเพณีนี้ไว้ให้คงอยู่สืบไปชั่วกาลนาน"
ดิฉันจึงอยากขอเชิญชวนทุกท่าน เข้าร่วมพิธีหล่อเทียนพรรษา ด้วยตัวของท่านเอง เทียนของท่านเอง ฟืนที่ก่อไฟด้วยแรงของท่านเอง จนแล้วเสร็จ และในวันรุ่งขึ้นจะมีพิธีแห่เทียนพรรษา ไปถวายวัดค่ะ ซึ่งที่ผ่านมาทุกท่านได้เคยทำบุญด้วยปัจจัยก็ดี ด้วยสิ่งของก็ดี แต่มาคราวนี้ท่านจะได้ร่วมทำบุญด้วยแรงของท่านเอง ด้วยความมานะ พากเพียรของเราทุกคนค่ะ เพื่อที่จะถวายเป็นพุทธบูชา แก่พระภิกษุสงฆ์ที่ท่านต้องจำพรรษาตลอด 3 เดือนค่ะ
อานิสงส์ของการหล่อเทียนหรือถวายเทียนพรรษาแก่พระภิกษุ
1.ทำให้เป็นผู้มีปัญญาดีเจริญก้าวหน้า เหมือนดังแสงเทียนที่สว่างในยามค่ำคืน
2.ทำให้สว่างไสวรุ่งเรือง ผู้ถวายย่อมทำให้มีความรุ่งเรืองด้วย ลาภ ยศ สรรเสริญ
3.ทำให้คลี่คลายเรื่องราวต่างๆ ที่มีปัญหาให้ร้ายกลายเป็นดี
4.เจริญไปด้วยมิตรบริวาร
5.ย่อมเป็นที่รักของมนุษย์ และเทวดาทั้งหลาย
6.เมื่อจากโลกนี้ไปย่อมมีกายทิพย์อันสว่างไสว
7.เมื่อลาลับโลกนี้ไปย่อมไปสู่สุคติสวรรค์
8.หากบารมีมากพอ ย่อมทำให้เกิดดวงตาจักษุ คือปัญญารู้แจ้งเข้าสู่พระนิพพาน
รายละเอียดในการเดินทาง
- กำหนดเดินทางในวันเสาร์ที่ 13 กรกฎาคม และกลับในวันอาทิตย์ที่ 14 กรกฎาคม 2556 ( 2 วัน 1 คืน)
- รับจำนวนจำกัด 150 ท่าน เท่านั้นค่ะ
- ค่าใช้จ่าย ท่านละ 2,500 บาท
|
โพสต์นี้ยังมีเนื้อหาเพิ่มเติม
คุณจำเป็นต้อง เข้าสู่ระบบ ก่อนจึงจะสามารถดูและดาวน์โหลดไฟล์แนบได้ หากยังไม่มีบัญชีหรือยังไม่ได้เป็นสมาชิก กรุณาลงทะเบียน
x
|