แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย จี๊ดจ๊าด เมื่อ 2014-2-5 20:47
เมื่อวันที่ 24-26 มกราคม 2556 ที่ผ่านมา อ.เจนได้จัดให้มีการปฏิบัติธรรมสัญจรครั้งที่ 4 ของชมรมวิปัสสนาญาณ ครั้งนี้ออกจะสัญจรไปไกลอยู่สักหน่อยค่ะเขาค้อไม่ง้อใคร ที่ จ.เพชรบูรณ์
ไม่มีใครรู้ว่าไปปฏิบัติธรรมที่ไหน ตลอดเส้นการเดินทางผู้ที่มาปฏิบัติธรรมต่างก็ไม่รู้และไม่ถามประมาณว่าอ.เจน พาไปไหนฉันไปด้วย (เพราะว่า งานบุญ อ.เจนจะไม่บอกล่วงหน้าว่าไปไหนกันค่ะทุกคนก็ยินดีไป) คณะเราเดินทางไปด้วยรถตู้ 6 คัน ตอนที่ดิฉันเข้าห้องน้ำยืนรอต่อแถวกันอยู่นั้นก็ให้นึกเอ๊ะใจว่าอ้าวผู้ปฏิบัติเขารู้มั้ย..เนี้ยว่าเราไปไหนกันดิฉันก็ได้หันไปถามเพื่อนร่วมเดินทางว่า น้องๆรู้หรือไม่ว่าเราจะไปไหนกันจำได้ว่าชื่อ น้องเป็ด น้องก็ตอบเสียมั่นอกมั่นใจว่าไม่รู้ค่ะ แต่ถ้า อ.เจนไปไหนก็ไปด้วยค่ะ อ้าว ค่ะ ดิฉันจึงต้องรีบอกกับน้องเพื่อให้น้องบอกเพื่อนๆอีกทอดหนึ่งค่ะตลอดเส้นการเดินทางเป็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงามมากมีหุบเขาน้อยใหญ่ยอดหญ้าปลิวไสวกับต้นไม้ที่เขียวชอุ่มค่ะ
พักเต็นท์ เดินทางถึงที่พักเวลาประมาณบ่ายๆ อากาศก็ดีแต่ดูเหมือนทุกคนจะตื่นเต้นว่านอนเต็นท์ด้วยหรือใช่ค่ะเราจะนอนเต็นท์กันแต่ยังไม่เข้าพักเพราะเราต้องรอพระท่านมาบวชให้ศีล 8 และเริ่มปฏิบัติธรรมกันเลยค่ะทุกคนก็ได้แต่มองเต็นท์กับบรรยากาศรอบขุนเขาแต่ยังเข้าพักไม่ได้ค่ะอ.เจนขอให้ทุกคนคิดถึงการปฏิบัติธรรมเป็นหลักเพราะเวลา 3 วัน 2 คืน เป็นเวลาที่มีค่ามากทุกคนจึงได้แต่มองกันค่ะ
นิมนต์พระเจ้าคณะวัดที่เขาค้อมาให้ศีล พระท่านก็ได้ให้โอวาสแก่ผู้ปฏิบัติตามสมควรแก่เวลาโดยย้ำว่าคืนนี้ละก็ไม่ต้องพูดถึงกันว่าเขาค้อขนาดไหนเป็นข้อคิดที่ทิ้งท้ายอย่างน่ากลัวว่าจะหนาวมากแต่ขณะนั้นยังบ่ายรู้สึกลมเย็นสบายดีค่ะไม่คิดมากค่ะ และจากการที่ผ่านด่านหนาว5-6 องศาฯที่ อินเดีย โอ้ยสบายมากค่ะ คิดอย่างนั้น
เมื่อพระท่านกลับไปแล้วอ.เจนก็ไม่รอช้าโดยการสอนให้กำหนดลมหายใจ หายใจเข้าก็รู้หายใจออกก็รู้ให้ทำอยู่อย่างนี้ ที่ อ.เจนได้สอนนี้เป็นวิธีที่ถูกต้องหากใครไม่รู้ดิฉันขอบอกว่า ครั้งที่ อ.เจน ไปเยือนประเทศอินเดียอ.เจนได้ยืนอยู่ใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ซึ่งเป็นสถานที่ที่พระพุทธเจ้าท่านทรงตรัสรู้และได้เห็นเหล่าเทวดามากมายอยู่ในสมาธิและคอยเฝ้าปกปักรักษาต้นพระศรีมหาโพธิ์นั้นเมื่ออ.เจน ได้เห็นด้วยตาทิพย์เช่นนั้นจึงได้ถามไปด้วยจิตว่าพระพุทธเจ้าท่านปฏิบัติสมาธิภาวนาแบบใดที่เป็นวิธีที่ถูกกต้องทันใดนั้น ก็มีเสียงของเทวดาที่ปกปักรักษาอยู่ณ ที่แห่งนี้ได้ตอบกลับมาว่าให้กำหนดลมหายใจรู้ตัวทั่วพร้อมลมหายใจเข้าก็รู้ลมหายใจออกก็รู้ ให้ดูลมหายใจ
ดิฉันก็ อ๋อ อ.เจนก็ได้อบรมสั่งสอนผู้ปฏิบัติให้กำหนดลมอย่างนี้ยังจำได้ว่า อ.เจนดีใจมากที่ได้รับรู้ถึงสิ่งที่อ.เจนได้ตั้งใจอยู่และเป็นแนวทางของหนทางพ้นทุกข์อย่างแท้จริงตั้งแต่วันนั้นมาดิฉันก็ได้ตั้งใจปฏิบัติอย่างนี้ๆไม่น่าเชื่อนั่งสมาธิได้ดีมากค่ะลองดูซิค่ะ ซึ่งอ.เจนไม่เคยหวงวิชามีแต่ต้องการให้ผู้ปฏิบัติทำได้และทำให้ดีให้เห็นผลค่ะ
ไฟฟ้าดับเพราะเทวดา เมื่อทำสมาธิเสร็จแล้วอ.เจนแจ้งให้ทุกคนเข้าห้องน้ำให้เรียบร้อยเพราะโอกาสต่อไปจะนำเสนอสไลด์เรื่องเกี่ยวกับกรรม เป็นเครื่องเตือนใจก่อนที่จะออกไปเดินจงกลมกลางสนามหญ้าและแล้วเรื่องที่เหลือเชื่อไม่น่าจะเชื่อก็เกิดขึ้นเพราะว่า อยู่ๆไฟฟ้าก็ดับไม่สามารถฉายสไลด์ได้ ซึ่งอ.เจน รู้แล้วว่าเป็นเพราะเหตุใดจึงสั่งการขอให้ทุกคนออกไปเดินจงกลมกลางสนามหญ้า แต่ อ.เจน บอกกับดิฉันว่าท่านเทวดาท่านรอไม่ไหวท่านไม่ต้องการให้ฉายสไลด์ท่านต้องการบุญจากพวกเราท่านจึงทำให้ไฟฟ้าดับและให้เราต้องปรับแผนเดิมค่ะ
เรื่องของเทวดา เทวดาไม่สามารถทำบุญได้แต่สามารถมาอนุโมทนาบุญกับเราได้เมื่อท่านอนุโมทนาบุญแล้วท่านจะได้บุญกลับไปท่านจึงต้องการให้เราทำบุญกันค่ะ
มีเรื่องที่ใครๆ ไม่รู้คือ อ.เจนก็ต้องการบุญจากการปฏิบัติด้วยเช่นกัน เมื่อวันที่หนึ่งผ่านไปแล้วอ.เจนก็ได้สอนวิธีการนั่งสมาธิให้แก่ผู้ปฏิบัติเพื่อทำตามได้แล้ว ดังนั้น วันที่สอง อ.เจนเห็นว่าเหล่าเทวดาเป็นจำนวนมากที่อยู่ทั่วบริเวณนั้นท่านต้องการบุญ อ.เจนจึงขอให้ท่านเทวดามาอนุโมทนาบุญและช่วยเดินตรวจตราผู้ปฏิบัติให้ด้วยอีกทางหนึ่งค่ะซึ่งผู้ปฏิบัติบางท่านอาจจะรู้สึกได้ว่าเหมือนมีใครมาเดินผ่าน แต่น้องเบิร์ดก็ยังหน้าตาตื่นถามอาจารย์ๆเมื่อกี้นี้เบิร์ดรู้สึกได้ว่ามีนิ้วใครมาจิ้มที่ข้างเอว..แรงมากแรงจนรู้สึกได้ อ.เจน ก็ตอบยิ้มๆ ไปว่า อ๋อ เทวดาค่ะ ไม่เป็นไร
ที่ขำมากก็หมอเบิร์ดคุณหมอเพิ่งมานั่งสมาธิครั้งแรกและนั่งอยู่ข้างหน้าเสียด้วยแต่คุณหมอนั่งหลัดตาได้ไม่ถึง 10 นาที เห็นว่านานมาก จึงค่อยหรี่ตาข้างหนึ่งแอบดูว่า อ.เจน พี่รุ้งพี่จึ๊ด ยังนั่งอยู่หรือเปล่า เมื่อเห็นว่ายังนั่งนิ่งอยู่คุณหมอก็หลับตาต่อไปอีกไม่นาน หมอเบิร์ดเห็นว่ายังเงียบอยู่ก็หลี่ตาอีกข้างหนึ่งแอบดูอีก ก็ยังเห็นว่าไม่เห็นมีใครขยับตัวเลยก็หลับตาลงไปอีก เป็นอยู่อย่างนี้ แต่เมื่อนั่งต่อไปมีเสียงคนเดินก็นึกว่าเทวดามาเดินอย่างที่ อ.เจน บอก ก็รีบลืมตาตกใจนึกว่าเทวดาที่ไหนได้ผู้ปฏิบัติเขาเดินไปเข้าห้องน้ำ ฮาดีค่ะ อ.เจน จึงสอนว่าการนั่งปฏิบัติต้องตั้งมั่นอย่างมากค่ะนี่ก็เป็นคำสารภาพของผู้ปฏิบัติใหม่ค่ะ
การเดินจงกลมบนพื้นหญ้าท่ามกลางบรรยากาศที่เย็นสบาย เป็นอะไรที่สุดยอดมากเพราะว่าเท้าเราได้สัมผัสดิน กับสายลมอ่อนๆพร้อมกับอากาศที่เย็นสบาย โดย อ.เจนได้นำคณะออกไปเดินจงกลมบนพื้นหญ้า ซึ่ง อ.เจนมาบอกกับดิฉันภายหลังว่าเหล่าเทวดามานั่งสมาธิและอนุโมทนาบุญกับคณะบุญเราอย่างมากมายเต็มไปหมดซึ่งดิฉันเชื่อว่าผู้ที่เดินจงกลมและนั่งสมาธิที่พื้นหญ้าด้วยกันในวันนั้นก็ต้องรู้สึกได้ว่าเหมือนมีพลังงานบางอย่างอยู่ใกล้ตัวเราโดยที่เราก็ไม่รู้ตัวค่ะ
ไม่ไหวแล้วหนอ หนาวหนอแมลงตอมหน้าหนอจะเข้าปากแล้วหนอ แมลงอะไรหนอ วันแรกนั่งได้ดีมากค่ะแต่วันที่2 มานั่งในเวลาเย็นมากกว่าวันแรก ผลของมันหรอค่ะ หนาวหนอ เย็นหนอ ปากสั่น ฟันกระทบหนอ อ.เจนจึงใช้จิตถามไปว่าอาจารย์ขา...เมื่อไหร่จะสั่นกระดิ่งหนอ จะไม่ไหวแล้วหนอ
เมื่อ อ.เจนสั่นกระดิ่งให้ออกจากสมาธิแล้ว อ.เจนจึงบอกว่าที่นี่นั่งสมาธิดีมาก จิตนิ่งมากไม่อยากถอนออกจากสมาธิแต่ด้วยจิตของทุกคนส่งกระแสจิตมาแรงเหลือเกินจนก้องไปหมดก็อดสงสารไม่ได้จึงสั่นกระดิ่งให้ถอนออกจากสมาธิก่อนเวลาที่กำหนดฮา.... กันมากก็ตรงนี้แหละค่ะพวกเราทุกคนใช้จิตพูดกับ อ.เจน อย่างนี้จริง ๆ ค่ะ
ผ่านพ้นค่ำคืนที่แสนหนาวเหน็บ เมื่อพระอาทิตย์ตกดินความมืดก็คืบคราญเข้ามาพร้อมกับอากาศที่หนาวเย็นที่สุดแสนจะทนอากาศเริ่มลดลงไปเรื่อยๆ จนถึงประมาณ 5-6 องศาฯแต่ทำไมไม่เหมือนที่อินเดียล่ะที่นั่นอากาศ 5-6 องศาฯยังเอาอยู่ ใส่เสื้อหนาวแบบขำๆก็เพราะลักษณะอากาศที่นั่นแห้งๆผิดกับที่นี่มันช่างเป็นฤดูที่แตกต่างอะไรจะขนาดนี้ที่นี่มันเป็นลักษณะหนาวเย็นเข้าขั้วหัวใจหนาวแบบชื้นๆสุดแสนจะทรมานตอนกลางคืนก็นอนไม่หลับเพราะหนาวยันหัวหูทั่วร่างไม่รู้ว่าจะซุกตัวยังไง
เมื่อแรกมาถึงที่พักทุกคนก็ตื่นเต้นว่าจะได้นอนเต็นท์แต่เมื่อมีเต็นท์เป็นของตนเองแล้วทุกคนกลับหอบผ้าหอบผ่อนไปนอนในห้องประชุมกันประมาณ80%ส่วนที่เหลือนั้น...พวก..ศรีทนได้ค่ะ ใครจะเก่งสู้แม่ตี้ CNNกับคุณสุดารัตน์ และพวกที่อดทนมากๆไม่ย้ายไปนอนรวมห้องประชุมต้องขอชมสามารถจริงๆ
ส่วนตัวดิฉันขอจร..ไปก่อนค่ะคาดว่า ต้องป่วยแน่ๆถ้าไม่ปกป้องตนเองคงแย่ค่ะ
เช้าวันต่อมา 25 ม.ค.57 ตื่นสวดมนต์ทำวัตรเช้านั่งสมาธิ ผู้ปฏิบัติทุกคนมายืนเข้าแถว6.00 น.พร้อมสังฆทานคนละ 1 ชุด เพื่อเดินจงกลมไปยังวัดรัตนปัญญา ระยะทาง 800 เมตร คณะเราเดินไปตามเส้นทางของถนน ท่ามกลางสายหมอก
บางท่านที่ไม่ทราบว่าอากาศหนาวเย็นมากพวกเขาทั้งหลายก็นำชุดที่ใส่มาแล้วมาใส่ซ้ำๆและทับไปหลายชุดค่ะต้องเอาตัวให้รอด อันนี้ก็ต้องขออภัยในความไม่สะดวกเพราะอ.เจนและทีมงานก็ไม่ทราบว่า จะเป็นอย่างนี้ เพราะวันที่ไปสำรวจเส้นทางอากาศกำลังเย็นสบายใจดีมากแต่มาครั้งนี้มันเป็นฤดูกาลที่แตกต่างอย่างมากทีเดียวค่ะ
คุณรุ้งห่อหุ้มตัวเองด้วยผ้าห่มสักพักทุกคนก็ไปหาผ้าห่มมาห่มตัวบ้าง หนาวจริง ๆควันลอยออกจากปากเลยมือแข็งเชียวค่ะ ดิฉัน ถุงเท้า 2 กางเกง 3 เสื้อ 4 หมวก ถุงมือพร้อมผ้าพันคอก็พออยู่ได้ค่ะ
อ.เจน ตาทิพย์ได้เห็นสุนัขที่มีอดีตชาติหนึ่งเป็นคนระหว่างเดินทางมีสุนัขตัวอนึ่งสีขาวลายน้ำตาลมาคอยเดินตามคณะตลอดเส้นทางเดินไปถึงวัด แต่เมื่อ อ.เจนมองไปจึงรู้ได้ด้วยญาณในตาทิพย์ได้ว่าเจ้าสุนัขตัวนี้เคยเป็นคนมาก่อนแต่ทำผิดจึงมาเกิดเป็นสุนัข และชื่อว่า “นุ” อ.เจนได้เห็นใบหน้าชัดเจนว่าเป็นชายรุ่นหนุ่ม จึงได้เล่าสู่กันฟังระหว่างบรรยายเรื่องกรรมเพื่อให้เชื่อเรื่องของการเวียนว่ายตายเกิดมีจริงให้ทุกคนทราบระหว่างที่ อ.เจนบรรยายเรื่องกรรม จึงได้แจ้งแก่ทุกคนทราบ ว่าเจ้าสุนัขตัวนี้ที่มาคอยเดินตามคณะเราไปทำสังฆทานกับหลวงตาที่วัดแห่งนี้(คณะเรามาทำสังฆทานที่วัดนี้2 วัน ก็เพราะว่า อากาศหนาวมากหลวงตาพักอยู่รูปเดียวและอาพาธ อยู่ด้วย อ.เจน จึงมีเจตนาว่าทำสังฆทานแด่หลวงตารูปนี้ท่านจะได้ไม่ลำบาก)
วันที่2 นี้เองที่ดิฉันจึงขอเป็นตัวแทนจริงๆแล้วอยากรู้อยากเห็นส่วนตัวเมื่อเล็งเห็นว่าจะถามใครดีก็ไปถามลุงที่ช่วยหลวงตานั่นแปละถามว่า ลุงๆ ลุงอาศัยอยู่ที่วัดนี้นานมั้ยค่ะลุงก็บอกว่า อ๋อ อยู่ตั้งนานหลายปีดิฉันจึงถามว่า ถ้างั้น ที่บริเวณวัดนี้มีคนชื่อ นุ หรือไม่ ลุงแกนึกตั้งนานแล้วแกก็บอกว่า อ๋อ เจ้านุ มันตายตั้งนานแล้วมันอยู่ หมู่ 5 นี่เอง จบแระ อยากรู้แค่นี้แหละค่ะ
ไหว้พระเจ้า 5 พระองค์ ที่วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว ที่วัดนี้สร้างได้สวยวิจิตรตระการตาสวยงามมาก อ.เจน เห็นด้วยตาทิพย์ว่าที่นี่เป็นดินแดนของสวรรค์ ชั้นที่ 3 ยามาภูมิเป็นเทวภูมิ ชั้นนี้เป็นสวรรค์ชั้นที่สวยงามและประณีตกว่าสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เป็นสวรรค์ที่พรั่งพร้อมด้วยความสุขที่เป็นทิพย์ ปราศจากความยากลำบาก พระสยามเทวาธิราช หรือ เรียกว่า พระสุยามะหรือ ยามะ ผู้เป็นใหญ่เป็นผู้ปกครองในสวรรค์ชั้นนี้ เป็นภูมิที่ตั้งอยู่ในอากาศจึงไม่มีเทวดาประเภทที่อาศัยบนพื้นดิน คือ กุมมัฏฐเทวดามีแต่พวกอากาสัฏฐเทวดาพวกเดียว มีวิมาน ทิพยสมบัติ ร่างกายสวยงามและประณีตกว่าเทวดาชั้นดาวดึงส์ อายุขัยก็ยืนกว่าด้วย พื้นที่ของยามาภูมิอยู่ในอากาศสูงกว่ายอดเขาสิเนรุ ๔๒,๐๐๐ โยชน์ มีบริเวณกว้างขวางขยายออกไปจนจดกำแพงจักรวาล มีวิมานของเทวดาเรียงรายอยู่โดยทั่วไป ๒๐๐ ปี ในมนุษย์ เท่ากับ ๑วัน ในสวรรค์ชั้นยามา
นั่งสมาธิ และทำการทักษิณา เวียน 3 รอบ ที่พระเจย์ดี เบื้องหน้าพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ ช่วงบริเวณนั้นแหละค่ะเป็นแดนสวรรค์ ชั้นยามาภูมิ อ.เจน ชี้ให้ทุกคนดูและได้ทุกคนสวดมนต์ นั่งสมาธิ เสียตรงนั้นเลยค่ะ ขอบอกว่า ขลังมากเพราะว่านั่งสมาธิได้ดีมาก ทุกคนก็ว่าอย่างนั้นจนไม่ต้องการออกจากสมาธิเลยแต่เนื่องจากวันนี้จะต้องเดินทางกลับบ้านกันแล้วหากล่าช้าจะกลับบ้านดึกค่ะ
เสียงเทวดานำทางถวายมหาสังทาน เมื่อแรกที่ไปถึงวัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว ก็ได้เห็นผู้คนมากมายกำลังอยู่ในพิธีเบิกเนตรพระพุทธเจ้าองคฺ์ที่ 3 ทำให้ไม่ทราบว่าเราจะไปถวายสังฆทานที่ส่วนไหนของวัดดี เพราะที่วัดแห่งนี้เป็นวัดที่มีห้องโถงหลายชั้นสำหรับการรับรองผู้มาเยือน ประกอบกับมาทั้งทีก็ต้องการพบเจอกับท่านเจ้าอาวาสผู้ก่อตั้งหรือผู้สร้างว่างั้นเถอะค่ะ ที่วัดนี้มีพระที่ช่วยกันก่อสร้างสถานที่แห่งนี้ให้สวยงามวิวิตรตระการตาขนาดนี้ 2 ท่าน คือ หลวงพ่ออำนาจ และหลวงพ่อปารมี ในขณะนั้นก็มีผู้คนที่มาเที่ยวในวัดแห่งนี้มากมาย จนไม่รู้ว่าเราจะไปกันทิศทางใดดี
แต่ปรากฏว่า (คำบอกเล่าของ อ.เจน) อ.เจน ได้ยินเสียงเทวดาบอกว่า ให้เดินไปทาง...ไปทางนี้ อ.เจน ก็เดินไปตามเสียงของเทวดา ต้องไปโดยเร็วจึงไม่ได้หันมาเรียกทุกคนให้เดินตามไป เพราะคนมากและชุลมุน แต่อย่างไรก็คิดว่าให้ลูกศิษย์ติดตามไปเรียกในภายหลังได้ ซึ่งขณะนั้น จึงทำให้ทุกคนไม่ทราบว่า อ.เจน หายไปทางไหน
ตัวดิฉันเองซึ่งได้เคยเดินทางมากับ อ.เจน ในครั้งที่สำรวจเส้นทางบุญมาวัดนี้ จึงจำได้ว่า บริเวณที่ทุกคนยืนอยู่นั้นไม่ใช่ สถานที่ที่จะทำการถวายสังฆทาน โดยจะต้องขึ้นไปชั้นบนอีก 1 หรือ 2 ชั้น ก็จำไม่ได้ แต่ก็สงสัยอยู่ว่า ทำไม อ.เจน ถึงไม่ขึ้นไปชั้นบนเหมือนกับครั้งวันที่ได้มาสำรวจกัน ซึ่งทุกคนก็รอคอยอยู่พอสมควร ต่างก็เริ่มจะหันรีหันขวางกันแล้วก็ไม่รู้ว่าจะไปทางไหน ทั้งคุณรุ้ง แม่ตี้ และทีมงานก็ยืนคอย กันอยู่ ไม่สามารถติดต่อได้เพราะเป็นเขาสูงไม่มีสัญญาณโทรศัพท์
ทุกคนต่างก็รอคอยให้ อ.เจน กลับมา สักพักใหญ่ ๆ แต่ดิฉันเชื่อมั่นว่า อ.เจน หายไปครั้งนี้ต้องมีการเปลี่ยนแปลงสถานที่ถวายสังฆทานเป็นแน่ค่ะ คงไม่ไปถวายสังฆทานชั้นบน แต่ในใจก็คิดว่า อ.เจน ไปไหนกันแน่
ระหว่างที่รอคอย อ.เจน กันอยู่นั้น ก็มีเจ้าหน้าที่ (ผู้หญิง) ซึ่งเห็นว่า ในมือของทุกคนถือสังฆทาน จึงได้สั่งการให้ทุกคนนั่งถวายสังฆทานกับพระรูปหนึ่ง ที่กำลังประชาสัมพันธ์จำหน่ายเพชรประดับต้นเสาให้กับวัด ซึ่งท่านก็รับสังฆทานแก่ผู้ที่สัญจรไปมาด้วยเช่นกัน เมื่อทุกคนได้ยินเสียงผู้หญิงคนนี้สั่งให้ถวายสังฆทานตรงนี้ ทุกคนก็นั่งรอพระท่านว่างจากจำหน่ายพชรเพื่อถวายสังฆทานค่ะ ซึ่งดิฉันเห็นว่า ไม่ใช่ที่นี่แน่นอน อ.เจน ต้องมีสถานที่จัดเต็มในการทำสังฆทานแบบเต็มรูปแบบและอิ่มบุญกันเป็นแน่ เพราะการทำสังฆทานกับพระสงฆ์ตั้งแต่ 4 รูปขึ้นไปเป็นมหาสังฆทาน ซึ่งเครื่องสังฆทานที่ทุกคนถือมานี้ อ.เจน ตั้งใจให้เป็นมหาสังฆทานมากกว่า ไม่ใช่แบบนี้แน่นอน ดิฉันจึงแจ้งแก่ทุกคนว่า ขอให้ลุกออกมาจากที่ตรงนี้ก่อนค่ะ ขอให้ไปรอ อ.เจน ด้านหน้าดีกว่าค่ะ เพราะดิฉันมันใจว่า ต้องเป็นสถานที่อื่นไม่ใช่ที่นี่ค่ะ ทุกคนก็ดีนะค่ะเดินตามดิฉันออกมา เมื่อพ้นจากประตูออกมาได้ไม่กี่ก้าว ผู้หญิงคนนี้ มีความรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก เพราะบางคนเตรียมตัวที่จะนั่งถวายสังฆทานอยู่แล้ว จึงวิ่งมาต่อว่าดิฉันว่า นี่นี่ พระก็อยู่นี่ จะพากันไปถวายสังฆทานกันที่ไหนอีก ดิฉันจึงตอบไปว่า ดิฉันต้องคอยอาจารย์ของดิฉันก่อนค่ะ ผู้หญิงคนนี้ก็เริ่มไม่พอใจมากจึงพูดขึ้นมาว่า พระก็อยู่ที่นี่จะไปหาอาจารย์ที่ไหนกันอีก ดิฉันเห็นว่า เธอผู้นี้เริ่มไม่พอใจมากแล้ว ดิฉันเพิ่งออกจากศีล 8 จิตใจ สงบในบุญอยู่ไม่อยากต่อความ และเห็นท่าว่า เธอผู้นี้จะยอมความกันยาก จึงได้พูดด้วยอาการสงบว่า อ๋อ คือ ดิฉันกับคณะฯต้องรออาจารย์ของดิฉันก่อนค่ะ ซึ่งยังไม่กลับมา เธอผู้นั้นก็ถามว่า อาจารย์นั่นน่ะเป็นใครกัน ดิฉันจึงตอบไปว่า ชื่อว่า อาจารย์เจน ญาณทิพย์ เป็ฯอาจารย์ของดิฉันเองค่ะ ทำให้เธอผู้นี้โกรธมากยิ่งขึ้น สบัดหน้ากลับไปแต่ก่อนที่จะไปก็ทำน้ำเสียงไม่พอใจโดยพูดว่า "งั้นก็ตามใจ" ซึ่งดิฉันก็ไม่โต้ตอบเข้าใจค่ะ เพราะเธอก็ทำหน้าที่ของเธอ ส่วนดิฉันก็ทำหน้าที่ของดิฉัน ซึ่งต้องช่วย อ.เจน ดูแลผู้คนแทน อ.เจน ค่ะ
สักพัก คุณเต้ย ก็วิ่งมาบอกว่า อ.เจน ให้ตามผมไปทางนี้ อ.เจน แจ้งพวกเราไม่ทัน เพราะเทวดาท่านให้ อ.เจน นำคณะฯไปถวายสังฆทานตรงหน้าพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ แต่เมื่อเดินตามคุณเต้ยไปก็ต้องกับตลึง ก็ที่นี่เขาเพิ่งเสร็จจากการทำพิธีเบิกเนตรนี่นา ที่เราไม่ขึ้นมาบนนี้เพราะเขาทำพิธีการอยู่นี่นา แต่น่าประทับใจตรงที่พระท่านนั่งเก้าอี้ท่ามกลางแสงแดดที่เริ่มจะร้อนแล้ว มีลูกศิษย์ลูกหากางร่มให้พระท่านหลายรูปเชียวค่ะ และก็ได้เห็น อ.เจน นั่งพนมมือรอพวกคณะเราอยู่แล้ว
เมื่อมาถึงพร้อมหน้าแล้ว อ.เจน พระท่านก็เทศน์เป็นบทเป็นกลอน สั่งสอนธรรม เป็นคำกลอนสอนใจที่ดีมากแต่ดิฉันจดไม่ทันค่ะ จำได้ว่า คนเรานั้นต้องทำตัวให้เป็นต้นอ้อ..ที่ล้อลม อย่าทำตัวเป็นต้นไม้ที่ต้านลม เพราะจะทำให้เราอยู่ไม่ได้ในโลกนี้ คนเราต้องปรับตัวเองเพื่อให้มีชีวิตที่ดีและอยู่ได้ ทนแดด ทนฝน ตนต่อสภาวะต่าง ๆ ได้ค่ะ ประมาณนี้ หากทุกท่านที่ไปในวันนั้นยังจำได้จะมีพระองค์ที่สองนับจากองค์ที่เทศน์ให้เราฟังกันในวันนั้น ท่านตายแล้วฟื้นค่ะ มีคนกระซิบบอกค่ะ พวกคณะเรารับฟังเทศน์ท่ามกลางแสงแดดที่แผดเผาใบหน้าแต่รู้สึกว่าภูมิใจที่ได้ทำบุญใหญ่กันใน 3 วันที่ผ่านมาไม่รู้สึกเกรงกลัวต่อแสงแดดอะไรเลยค่ะ หลังจากนั้นก็ได้ร่วมถวายมหาสังฆทาน พระท่านให้ศีลบให้พร ประทับใจจังค่ะ
เมื่อกราบลาพระท่านแล้ว ปรากฏว่า หลวงพ่อปารมี ที่ทุกคนตามหา แต่หาไม่เจอนั้น ท่านได้มาโปรย ข้าวตอก ดอกไม้ อย่างที่ไม่มีใครตั้งตัว และไม่รู้ว่าท่านเป็นใคร แต่ อ.เจน คุณรุ้ง และดิฉัน รู้แล้วว่า ท่าน คือ หนึ่งในผู้สร้างสถานที่แห่งนี้ค่ะ ที่ทุกคนตามหาและต้องการพบท่าน แต่พวกเราไม่ได้คิดว่าจะได้พบท่านก็ได้พบค่ะ บุญมีจริงค่ะ
ได้ของดีกลับบ้านกันถ้วนหน้า วันที่คณะเราเดินทางมาถึงก็พอดีกับที่ทางวัดได้ทำพิธีเบิกเนตรพระพุทธเจ้าองค์ที่3 อ.เจน จึงได้นำทุกคนไปทำสังฆทานต่อหน้าพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ โดยมีพระอาจารย์ปารมีที่ทุกคนนับถือ โปรยข้าวตอกดอกไม้ให้แก่คณะของ อ.เจนทำให้คณะที่เขาเดินทางมากนตั้งแต่ตี 5 ถึงกับอ้าปากค้าง และมีตัวปริศนาคำถามในใจของพวกที่มาตั้งแต่ตี5 ว่า คณะนี้มาจากไหน เพิ่งมาเมื่อตะกี้ (เวลาประมาณ 8.00 น. เช้า) ได้เครื่องของในพิธีจากพระท่านจนหมดพวกเขาไม่ได้เลยค่ะก็คณะของเราได้ข้าวตอกดอกไม้ แม่ตี้ น้อยไปเสียเมื่อไหร่ได้สับปะรด ขนมถ้วยฟูและผลไม้ ส่วนดิฉันและคนอื่น ๆ ได้ดอกดาวเรือง องุ่น มาขามข้าวตอกดอกไม้ไม่มีเหลือให้พวกเขาเลย เพราะ อ.เจน มาถวายสังฆทานตรงบริเวณนั้นพอดีถวายเสร็จก็ได้บริวารพิธีจากพระท่านโยนไปกลางอากาศและลงมาที่คณะของ อ.เจน พอดีค่ะ มะขามก็เจาะหน้าผากกันเจ็บเหมือนกันน้าแต่มะขามอร่อยมากค่ะ
อ.เจน เห็นอะไร ถึงสะดุ้ง ทุกคนเห็น แต่ไม่กล้าถาม ดิฉันขอเป็นตัวแทนตอบให้หายข้องใจนะค่ะเมื่ออยู่ต่อหน้าพระพุทธเจ้า5 พระองค์และอยู่ต่อหน้าเหล่าสวรรค์ชั้นยามานี้อ.เจน ได้อธิษฐานจิตว่า ณ บัดนี้มีความประสงค์ที่จะหาสถานที่เพื่อก่อสร้างชมรมวิปัสสนาญาณข้าฯ จึงขอบารมีพระพุทธเจ้า5 พระองค์มาปกเกล้าปกกระหม่อมทีเศียรเกล้าของข้าฯขอให้สมปรารถนาตามที่ตั้งใจและสำเร็จทุกประการทันใดนั้นเหมือนมีพลังบางอย่างที่รู้ได้ว่าท่านรับรู้และจำทำได้สำเร็จทำให้มีอาการสะดุ้งสุดกำลังอย่างไม่รู้ตัวและมีอาการขนลุกซู่ไปทั้งตัว ซึ่ง อ.เจนก็ดีใจว่า ด้วยแรงอธิษฐานท่านรับรู้ค่ะ
วิญญาณ...เด็กผู้หญิงที่ผูกคอตาย ก่อนจะเดินทางกลับคนงานชายคนหนึ่งมาถามดิฉันและคนอื่นๆว่ามีใครพบเจอ ผีเด็กผู้หญิงหรือไม่ แปลกมากเพราะว่าทุกคนมีบุญมั้งเพราะว่าทุกคณะที่มาพักที่นี่ก็โดนหลอกกันทั้งนั้น มานั่งขย่มบนเต้นท์บ้างมาถ่ายติดวิญญาณในรูปภาพบ้าง แต่คณะนี้มาปฏิบัติธรรมผีคงกลัวคนทำบุญมั้งแกว่าอย่างนั้น แต่เมื่อ แม่ตี้ ป้าพันมาเล่าสู่กันฟังที่หลังจึงได้รู้ว่าโดนเข้าให้แล้วเพราะแม่ตี้ได้ยินเสียงผู้หญิงมาอ้วกๆเสียงดังมากต้องออกจากเต้นท์มาดูแต่ก็ไม่เห็นมีไรป้าพันก็ได้ยิน คราวนี้เราก็ต้องพึ่งอาจารย์แล้วว่าเสียงที่แม่ตี้และป้าพันได้ยินนั้นมันอะไรกันแน่อ.เจน เฉลยว่า อ๋ออยู่บริเวณตันไม้หลังห้องน้ำรวมนั่นแหละค่ะน้องเขาแขวนคอตายที่ต้นไม้นั้นค่ะวิญญาณเขาทรมานด้วยความเจ็บปวด ก็อย่างที่ อ.เจนพูดเสมอๆ ว่าการฆ่าตัวตายไม่ได้จบเมื่อตายแต่ต้องไปทรมานกับความตายที่เราได้กระทำไปแล้วอีกนานซึ่งทรมานมากกว่าเป็นมนุษย์เสียอีกค่ะเรื่องนี้ก็อาจจะเป็นข้อคิดของคนที่ต้องการฆ่าตัวตายขอบอกย่าทำนะค่ะตายแล้วก็ยังต้องทรมานค่ะ
วัดสุดท้าย ชื่อ วัดเขาค้อ ระหว่างเดินทางกลับ อ.เจน ได้ยินเสียงเทวดาบอกว่า ให้แวะวัดนี้ ซึ่ง อ.เจน ก็ไม่รู้ว่า วัดนี้ชื่ออะไร เมื่อลงไปจึงอ่านป้ายว่าวัดเขาค้อ จึงหันไปบอกทีมงานว่า ที่นี่เทวดาให้มาแวะที่นี่ค่ะ จำได้ว่า คุณเป็ก ถามว่า อาจารย์นิมนต์พระไว้เหรือครับ อ.เจน ตอบว่า ไม่ได้นัพค่ะ เทวดาท่านให้แวะวัดนี้ก็ไม่รู้ว่าทำไมก็ดีค่ะจะได้ทำบุญเพิ่มอีกวัดค่ะ เมื่อเข้ามาถึงในวัด อ.เจน ก้พบกับเจ้าอาวาสวัดพอดีท่านเพิ่มกลับมาจากกิจนิมนต์ข้างนอก ซึ่งก็มีเจ้าหน้าที่ต้อนรับเป็นพี่ผู้หญิงคนหนึ่งตอบด้วยสีหน้ายินดีว่า ดีนะค่ะคณะนี้โชคดีจังค่ะ เพราะเจ้าอาวาสท่านเพิ่งกลับมาไม่ถึง 10 นาทีเลยค่ะ
เจ้าอาวาสท่านเทศน์สั่งสอนดีมาก ท่านเทศน์จนถึงแก่นลึกของพระพุทธศาสนา และที่สำคัญแม้ท่านเป็นพระ ท่านยังโกยบุญด้วยการเลี้ยงอาหารให้แก่พระภิกษุสงฆ์ ทุกเดือน ๆ ละ 100 รูป ทำอย่างนี้เป็นเวลากว่า 48 ปีมาแล้วไม่เคยหยุดทำบุญเลี้ยงพระเลย และเราที่เป็นฆาราวาสเราควรจะทำอย่างไรเพื่อโกยบุญดีค่ะ การรับฟังธรรมมะของท่านในวันนั้น ขอบอกว่า ดังนี้ค่ะ
อ.เจน บอกกับทีมงานทุกคนว่า ท่านเทศน์ได้ดีมากผู้ที่มีภูมิธรรมมากในวันนั้น คงจะได้อะไรดีดีกลับไปปฏิบัติบ้างไม่มากก็น้อย สำหรับตัว อ.เจน เองนั้น นั่งฟังจนเข้าสมาธิ แม้เจ้าอาวาสถามก็ไม่ได้รับรู้เพราะเข้าสมาธิขั้นสูงไปแล้วจนถึงกับน้ำตาไหลออก มาด้วยความปิติสุข คุณรุ้ง ก็เช่นกันบอกว่า คนที่เข้าใจธรรมมะอย่างลึกซึ่งจะมีมากในวันนี้ ส่วนดิฉันก็ประเภทมีบารมีน้อยแต่ความพยายามมากก็ยังซึ่งและปิติสุขใจมาก เพราะดิฉันไปไหนจะเป็นคนช่างสังเกตค่ะ ดิฉันเห็นว่า เจ้าอาวาสองค์นี้ไม่ธรรมดา ท่านเห็นว่าเราถวายสังฆทานท่านพูดสั่งการพระลูกวัดเลยว่า การทำสังฆทานต้องครบองค์ประชุม 4 รูปขึ้นไป ถ้าพระองค์ใดยังมีกิจธุระอยู่ขอให้ละวางและมาที่นี้ก่อนเพื่อรับมหาสังฆทานจากญาตโยม ประทับใจท่านมากค่ะ และระหว่างนั่งฟังธรรมมะจากท่านดิฉันนั่งฟังไม่รู้เบื่ออยากฟังต่อไปอีกเพราะเกือบจะตั้งหลักสมาธิแล้วค่ะ ประทับใจจริงๆ ค่ะ
ความประทับใจ ครั้งนี้อ.เจน ถามว่า ดิฉันมีความประทับใจอะไรหรือไม่ดิฉันบอกได้ทันทีว่าประทับใจมากไม่ใช่ เพราะอากาศหนาวเย็นนะค่ะ แต่ว่าสถานที่ที่อ.เจนนำพาไปครั้งนี้ไม่ธรรมดากว่าทุกครั้ง การนั่งสมาธินั่งได้ดีมากอธิบายยากว่าดีอย่างไร ที่ชอบมากก็บรรยากาศการเดินจงกลมนั่งสมาธิกลางพื้นหญ้าด้วยสมาธิที่อ.เจน สอนครั้งนี้รู้สึกได้ว่าดีจริง ๆ ค่ะ
ขออนุโมทนาบุญกับ อ.เจน และคุณรุ้ง ผู้ก่อตั้งชมรมฯ ด้วยการนำปฏิบัติดีปฏิบัติชอบทำให้ดิฉันและทีมงานและทุกท่านได้มีวันนี้วันที่เราต้องการปฏิบัติให้ถูกทางและถูกต้องและตั้งใจจะนำไปปฏิบัติอย่างไม่ย่อท้อและท้ายนี้ขออนุโมทนาบุญกับผู้ปฏิบัติทุกท่านค่ะขอความสุขสวัสดีจงมีแก่ท่านค่ะ