ดิฉันขอเชิญทุกท่านบรรยายความประทับใจและร่วมอนุโมทนาบุญกับโครงการปฏิบัติธรรมสัญจร ครั้งที่ 4

เจนญาณทิพย์

เจนญาณทิพย์

Tharathep

อนุโมทนาบุญกับผู้ปฏิบัติธรรมทุกท่านครับถึงอากาศจะหนาวมากก็ไม่เป็นอุปสรรคในการปฏิบัติธรรมเป็นครั้งแรกที่ไปปฏิบัติธรรมรู้สึกเกิดปิติหลายครั้งทั้งตอนเดินจงกรมและตอนที่ไปทำบุญที่วัดรัตนปัญญา และที่ดีใจที่ได้ไปนั่งสมาธิที่วัดพระธาตุ
ผาซ่อนแก้วและร่วมพิธีเบิกเนตรพระพุทธเจ้าห้าพระองค์และฟังเทศน์จากหลวงพ่อที่วัดเขาค้อรู้สึกอิ่มบุญมากครับต้องขอขอบคุณอาจารย์เจน ที่อบรมและสอนการนั่งสมาธิที่ถูกต้องและขอบคุณ คุณรุ้ง พี่จี๊ด ที่คอยชี้แนะและขอบคุณทีมงานทุกท่านที่คอยช่วยเหลือดูแลผู้ที่เข้าฝึกอบรมทุกท่านเป็นอย่างดี ขอบคุณครับและจะนำสิ่งที่อาจารย์เจนสอนนั่งสมาธิไปฝึกปฏิบัติต่อที่บ้านครับ ขอบคุณครับ

แจ็ค

" ร่วมอนุโมทนาบุญ สาธุการด้วยครับ ขอให้มีความสุขด้วยแรงแห่งกุศลผลบุญนี้หนุนนำนะครับ ... เดินทางปลอดภับ ดูแลสุขภาพด้วย คุณพระคุ้มครองครับ "

firsty

ขอร่วมอนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านค่ะ สาธุ

narutogetbird

ผมรู้สึกปีติทุกครั้งที่ได้ไปทัวร์บุญกับอาจารย์เจน และไปปฏิบัติธรรม ครั้งนี้ก็เป็นอีกครั้งหนึงเช่นกันครับ

พระตถาคตทรงตรัสไว้ว่า "อานิสงส์สูงสุดสองอย่าง เมื่อเธอกระทำให้มากซึ่งกายคตาสติ คือ อรหัตผลในปัจจุบัน หรือ ถ้ายังมีอุปาธานเหลืออยู่ก็จะเป็นอนาคามี"  ผมภูมิใจมากๆๆ ที่ได้เกิดมารู้จักกับศาสนาพุทธ ได้ดำเนินชีวิตแบบมีธรรมะมากยิ่งขึ้น ซึ่งผมก็โชคดีเหมือนกันที่ผมไม่หลงไปกับการแก้กรรมอย่างอื่น พระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ว่า การแก้กรรมที่ดีที่สุดก็คือ การเจริญอานาปานสติ หรือการทำสมาธินั่นเอง ไม่จำเป็นต้องเป็นการนั่งอย่างเดียว เดิน นอน หรือ ยืน ก็สามารถทำความเพียรเผากิเลสได้เช่นกันครับ


ขอให้ทุกๆๆ ท่าน ที่กำลังขี้เกียจ หรือกำลังที่จะผลัดวันที่จะทำสมาธิภาวนานั้น จงนึกถึงพระสูตรนี้ไว้นะครับว่า "มีเต่าตาบอดตัวหนึ่ง ๑๐๐ ปี จะโผล่ขึ้นมาเจอแอกไม้ไผ่ที่มีรูเดียวที่ลอยอยู่ในมหาสมุทรทั้งสี่ บางทีลมก็จะพัดไปทางทิศเหนือบ้าง ออกบ้าง ตกบ้าง ใต้บ้าง พระตถาคตจึงถามภิกษุทั้งหลายว่าจะเป็นการยากแค่ไหนที่เต่าตาบอดที่ ๑๐๐ ปีจะโผล่ขึ้นมาเจอแอกไม้ไผ่ที่มีรูเดียว สาวกตอบว่า ยากมากพระเจ้าข้า นั่นแหละคือการได้อัตตภาพในการเกิดเป็นมนุษย์ นั่นแหละคือความยากที่อรหัตสัมมาสัมพุทธะจะบังเกิดขึ้นในโลก นั่นแหละคือความยากที่ธรรมะจะขยายไปทั่วโลก" ผมมักจะนึกถึงพระสูตรนี้เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจว่าเราได้ทำความเพียรเผากิเลสแล้วหรือยัง    หรือว่าจะเป็นพระสูตรนี้ "การเกิดเป็นมนุษย์เทียบได้กับเศษดินที่ปลายเล็บ เปรียบด้วยดินทั้งมหาปฐพี"


เพราะฉนั้นแล้วตราบใดที่เรายังต้องเวียนว่ายตายเกิดอยู่นั้น เราก็ควรที่จะรีบทำที่สุดแห่งทุกข์ให้ไวที่สุดครับ อย่าพลัดวัน อย่าขี้เกียจ เพราะเมื่อถ้าเราไม่ทำความเพียรเผากิเลสอยู่เรื่อยๆๆ เราก็จะเป็นผู้ห่างเหินจากญาณ ไม่ทำตามคำสั่งสอนของพระศาสดานะครับ


สุดท้ายนี้ก็ต้องขอขอบคุณผู้บริจาคเงินในชมรมวิปัสสนาญาณทุกๆๆ ท่านนะครับ ขอขอบคุณ อ.เจน พี่รุ้งตะวัน ทีมงานทุกๆๆๆ คนที่ช่วยกันให้งานนี้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี และผมขอให้ทุกๆๆ ท่านมีแต่ความสุข บรรลุมมรรคผลนิพพานในอนาคตกาลอันใกล้นี้ ทุกท่าน ทุกคนเทอญ  สาธุ

" ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ภาษิตของพระองค์แจ่มแจ้งนัก

ภาษิตของพระองค์ไพเราะนัก

เปรียบเหมือนบุคคลหงายของที่คว่ำ เปิดของที่ปิด

บอกทางแก่คนหลงทาง หรือส่องประทีปในที่มืด

ด้วยตั้งใจว่า คนมีตาดี จะได้เห็นรูป ดังนี้

พระองค์ทรงประกาศธรรมเอนกปริยายอย่างนี้ ก็ฉันนั้นเหมือนกัน

ข้าแต่พระผู้มีพระถาค ข้าพเจ้าขอถึงพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระสงฆ์เป็นสรณะ

ขอพระองค์ทรงจำข้าพเจ้าว่า เป็นอุบาสก ผู้ถึงสรณะ ตลอดชีวิต ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป"

แจ็ค

" ขอให้ความมุ่งมั่นตั้งใจในการสร้างมหากุศลให้เป็นดั่งเสบียงทิพย์ในครั้งนี้ ขอจงดลบันดาลความปิติสุขให้บังเกิดขึ้นในชีวิต ในจิตใจที่มีองค์พระพุทธะเป็นสรณะ ขอให้สัมฤทธิ์ผลตามความมุ่งมาดปรารถนา ของอ.เจน ญาณทิพย์ ครอบครัว และผู้ร่วมบุญทุกๆท่นนะครับ ... เดินทางปลอดภัย ดูแลสุขภาพด้วย คุณพระคุ้มครอง "

standby24h

อนุโมทนาสาธุค่ะ

berry

อนุโมทนาสาธุค่ะ

dakanyapat

ขอขอบคุณทุก ๆ ท่านที่มีส่วนทำให้โครงการปฏิบัติธรรมสัญจร สำเร็จลุล่วงลงได้ด้วยดีนะคะ เริ่มตั้งแต่อ. เจน พี่รุ้ง พี่จี๊ด คุณสุดารัตน์ คุณภุชงค์ ทีมงานและจิตอาสาคนอื่น ๆ ทุกท่าน รวมทั้งผู้มีจิตศรัทธาที่ได้บริจาคเงินและข้าวของต่าง ๆ ให้กับทางชมรม ทำให้การนำพาคนไปปฏิบัติธรรมฟรีเกิดขึ้นและสำเร็จลงอย่างสวยงาม

ดาเองได้ไปปฏิบัติธรรมฟรีกับชมรมวิปัสสนาญาณมา 3 รอบแล้ว แต่ละรอบก็จะได้อะไร ๆ กลับมาเยอะแยะมากมายไปหมด ซึ่งทุก ๆ อย่างนั้น ผู้ที่เดินทางไปเท่านั้นถึงจะรู้ค่ะ หรือตามภาษาธรรมเรียกว่าเป็น “ปัจจัตตัง” ซึ่งไม่สามารถนำมาเล่าได้หมดจริง ๆ สิ่งดีงามต่าง ๆ มิตรภาพจากกัลยาณมิตร ความสบายใจและหนทางปฏิบัติตามหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าที่ถูกต้อง ฯลฯ

ขอถือโอกาสนี้ ในการที่ดาได้ไปปฏิบัติธรรมมาแล้ว อยากเชิญชวนให้ผู้ที่ยังไม่เคยไป ลองสละเวลา (คนเราถึงแม้จะเกิดมาต่างกันในเกือบทุก ๆ ด้าน แต่สิ่งที่ทุกคนมีเท่ากันคือ “เวลา” ค่ะ อยู่ที่ว่าเราจะใช้มันอย่างเป็นประโยชน์แค่ไหน) ในการนี้เป็นเวลาเพียง 3 วัน ในการไปหาหนทางสว่างให้กับชีวิต โครงการนี้เป็นโครงการปฏิบัติธรรมฟรี ซึ่งอำนวยความสะดวกทุก ๆ อย่างให้กับผู้ไปร่วมบุญ เริ่มตั้งแต่การเดินทาง อาหารการกิน การใช้ชีวิตประจำวัน ที่หลับที่นอน ซึ่งเรียกได้อย่างเต็มภาคภูมิว่า ไม่ขาดตกบกพร่องเลยแม้แต่นิดเดียว แม้แต่ชุดปฏิบัติธรรมยังมีให้ยืม อันนี้แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจในรายละเอียดของทีมงานจริง ๆ ค่ะ

ยิ่งตอนนี้ทางชมรมมีการแบ่งปันโอกาสให้กับผู้ที่ไม่เคยได้ไป โดยการกำหนดให้ผู้ที่ได้ไปแล้วในรอบนี้ ต้องเว้นระยะไปหนึ่งรอบ ในรอบถัดไปที่ทางชมรมจะจัดวิปัสสนาญาณสัญจร คนที่ได้ไปแล้วในรอบนี้ ก็จะไม่ได้ไปอีก เพื่อเปิดโอกาสให้ท่านอื่น ๆ ที่ยังไม่เคยไป หรือว่างเว้นไปนานได้ไปบ้าง ซึ่งถือเป็นวิธีที่ดีและทุกคนต่างก็เห็นด้วยนะคะ ท่านที่โทรไม่ติดก็อย่าละความพยายามค่ะ ดาเองเคยโทรประมาณ 180 กว่าสาย ยังไม่ติดเลยสักครั้ง หรือบางทีติดแต่ไม่มีคนรับจนสายหลุดไป แต่ก็พยายามโทรทุกรอบที่มีการเปิดให้โทรจอง การโทรจองแต่ละรอบ ใช้เวลาเป็นชั่วโมง ๆ กว่าจะได้ เร็วบ้างช้าบ้าง ต่างกันไป แต่ที่แน่ ๆ คือ ไม่เคยท้อนะคะ โทรจนกว่าจะติดหรือปิดเครื่องเท่านั้น คือเป้าหมายค่ะ

ในด้านการปฏิบัติธรรม อ. เจนได้สอนการเดินจงกรม การทำสมาธิโดยหลักวิปัสสนาญาณ หรือการกำหนดลมหายใจเข้าออก การวางตัว ข้อความปฏิบัติต่าง ๆ ซึ่งในแต่ละรอบก็จะมีเหตุการณ์ต่าง ๆ กันไป ที่จะทำให้ผู้ปฏิบัติได้รับความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้อง ตามวาระโอกาสนั้น ๆ รวมทั้งมีเหตุการณ์หลาย ๆ อย่างที่เป็นปัญหาติดขัดหรือเป็นการปฏิบัติในทางอ้อม / เข้าใจผิดของผู้ไปปฏิบัติ ซึ่งอ. เจนสามารถชี้แนะได้ตรงจุด โดยที่เราไม่ได้เอ่ยปากถามเลย (อันนี้เกิดขึ้นกับตัวเองจริง ๆ ค่ะ)  

นอกจากการไปร่วมปฏิบัติธรรมด้วยตนเองแล้ว ทุกท่านยังสามารถสนับสนุนโครงการนี้ให้ดำเนินต่อไปในทางอื่น ๆ ได้เช่นกันนะคะ เช่น การบริจาคเงินสมทบทุน หรือการบริจาคสิ่งของต่าง ๆ เพราะการให้ทั้งสองกรณี เป็นการสนับสนุนให้คนได้ไปถือศีลและปฏิบัติธรรม ซึ่งเท่ากับว่าผู้ให้จะได้มีส่วนในบุญกุศลที่ผู้ปฏิบัติธรรมทุก ๆ ท่านได้ทำด้วยค่ะ เพราะในความเป็นจริงแล้วเรื่องทางธรรมกับทางโลก มักจะมาคู่กัน ชมรมฯ คงไม่สามารถพาคนไปปฏิบัติธรรมได้(ดีมาก)แบบที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ถ้าไม่ได้รับการสนับสนุนอย่างพอเพียงจากผู้มีจิตศรัทธา อย่างดาเอง เวลาที่กลับมาจากการไปปฏิบัติธรรม(ฟรี)ในแต่ละรอบ ก็จะกลับมาบริจาคเงินเข้าชมรม ส่วนหนึ่งก็คือ เรารู้สึกว่าเราได้รับความสะดวกสบาย ทุกอย่างเป็นสัมปายะ ได้รับโอกาสอันดี ก็เลยรู้สึกว่าเราควรตอบแทนในส่วนนี้ให้กับผู้อื่นด้วยเช่นกัน

ท้ายนี้ ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านที่มีส่วนร่วมในชมรมวิปัสสนาญาณสัญจร ตามที่กล่าวไว้ข้างต้นค่ะ