ทัวร์เสบียงสวรรค์ ตอนที่ 1 "บุญขนทรายเข้าวัดเพื่อชำระหนี้สงฆ์ " 31มี.ค.56 - ห้อง ทริปทัวร์บุญเสบียงสวรรค์ อาจารย์เจน.com

อาจารย์เจน.com

 ลืมรหัสผ่าน
 ลงทะเบียน
ดู: 14107|ตอบ: 29
พิมพ์หน้านี้ ก่อนหน้า ถัดไป

ทัวร์เสบียงสวรรค์ ตอนที่ 1 "บุญขนทรายเข้าวัดเพื่อชำระหนี้สงฆ์ " 31มี.ค.56

[คัดลอกลิงก์]

111

กระทู้

280

โพสต์

2หมื่น

เครดิต

ผู้ดูแลระบบ

Rank: 9Rank: 9Rank: 9

เครดิต
24700


สวัสดีค่ะ ทุกท่าน สบายกันดีไหมคะ ?


ดิฉัน ไม่ได้หายไปไหนนะคะ แต่ดิฉันมีภารกิจในการช่วยเหลือคนมากขึ้น ดิฉันรู้ว่ามีคนที่มีทุกข์อยากพบดิฉันมากมาย และในการที่ดิฉันได้มีโอกาสออกสื่อต่างๆ ดิฉันก็มิเคยลืมสอดแทรกหลักธรรมต่างๆของพระพุทธองค์ไปด้วยเสมอ  แต่สิ่งนี้ ก็เป็นเพียงแนวทางให้ท่านได้่ส่วนหนึ่งแต่ไม่สามารถช่วยเหลือทุกท่านได้ อย่างทั่วถึง ดิฉันจึงประชุมกับพี่รุ้งตะวันพี่สาวของดิฉัน และทีมงานของ ดิฉัน ได้ผลสรุปว่า วิธีที่จะช่วยเหลือทุกท่านได้ เพื่อให้ทุกท่านได้แนวทางในการสะสมเสบียงบุญ เสบียงสวรรค์ เพื่อนำไปสู่ความพ้นทุกข์ได้อย่างแท้จริงนั้น

      ดิฉันจึงมีกิจกรรม ทริปทัวร์บุญ ชื่อ " เสบียงสวรรค์ " ขึ้น โดยจะพยายาม ให้มีกิจกรรมนี้ อย่างน้อย เดือนละหนึ่งครั้ง   และจะมีกิจกรรมงานบุญต่างๆ หลากหลายรูปแบบ ในแบบฉบับ ของอ.เจนเอง แต่จะมีรูปแบบไหนบ้างนั้น ขอทุกท่านได้ติดตามกันต่อไป เพื่อให้ทุกท่านที่มาร่วมงานบุญกับดิฉันได้ประโยชน์อย่างสูงสุด ได้แนวทางการสะสมบุญที่ถูกต้อง ตามหลักของพระพุทธศาสนาค่ะ
  
ในทางพระพุทธศาสนา พระพุทธเจ้าทรงแนะนำให้พุทธบริษัท หมั่นทำทาน เพื่อเป็นเสบียงบุญ ไว้ใช้ในภพชาติต่อไป เพื่อที่เราเมื่อเกิดมาเป็นมนุษย์อีก จะได้ไม่ลำบากเกินไป เพราะถ้าเราเกิดในตระกูลที่ยากจนเข็ญใจแล้ว เราก็จะยุ่งแต่การหาเลี้ยงปากท้องไปวันๆ ไม่มีโอกาสที่จะสร้างบุญได้  แต่มาในชาตินี้เราพบพระพุทธศาสนาแล้ว รู้ว่าทานเป็นสิ่งที่ดี ก็ควรหาโอกาสทำตามกำลังของเราค่ะ มีมากทำมาก มีน้อยทำน้อย อย่าให้ตนเองเดือดร้อน สะสมเสบียงบุญไปเรื่อยๆ ดังที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า  

       “บุคคลไม่ควรดูหมิ่นบุญว่า บุญเล็กน้อยจะไม่มาถึง แม้หม้อน้ำย่อมเต็มด้วยน้ำที่ตกที่ละหยาด
ได้ฉันใด คนมีปัญญาสั่งสมบุญอยู่ แม้ทีละน้อยๆ ก็ย่อมเต็มด้วยบุญได้ฉันนั้น” ...     

        หลายท่านอาจสงสัยว่า การทำบุญมีหลายอย่าง ทำบุญแบบไหนถึงจะได้บุญมาก ? บุญที่เกิดจากการทำให้คนหมู่มาก หรือสาธารณประโยชน์  นั่นแหละเป็นบุญมาก ในทางพระพุทธศาสนาก็คือบุญวิหารทานนั่นเองค่ะ บุญวิหารทานนี้มีอานิสงส์มาก สามารถพลิกผันชีวิตของท่านให้เปลี่ยนแปลงได้ค่ะ จากชาวบ้านธรรมดาให้กลายเป็นเศรษฐี หรือจากคนธรรมดากลายเป็นพระอริยเจ้าหมดทุกข์ถึงพระนิพพานก็ได้ค่ะ






ธรรมดาของชีวิตที่มีการเกิดขึ้น ตั้งอยู่และการดับไปในที่สุด ชีวิตหลังความตายเป็นสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวสำหรับผู้ที่ยังไม่ได้สั่งสมบุญเอาไว้ แต่ สำหรับผู้เป็นบัณฑิตที่ได้สั่งสมบุญมาด้วยดีแล้วนั้น จะเห็นว่าการเกิดแก่เจ็บตายเป็นเรื่องธรรมดาค่ะ เป็นเพียงการเปลี่ยนภพเปลี่ยนที่อยู่ใหม่เท่านั้นเอง ไม่ใช่เรื่องที่เลวร้ายอะไร อย่างที่คนส่วนใหญ่มักจะทุกข์อกทุกข์ใจกัน แม้เมื่อหมู่ญาติอันเป็นที่รักได้จากไป ส่วนหลักประกันที่มั่นคงในการเดินทางไปสู่สัมปรายภพนั้น ก็คือการทำทานสะสมบุญ ถือศีลและปฏิบัติธรรมเพื่อ ให้เข้าถึงพระรัตนตรัยภายในตัวค่ะ เมื่อบุคคลใดมีพระรัตนตรัยเป็นที่ยึดเหนี่ยวอย่างมั่งคงแล้ว ย่อมที่จะเลือกทำแต่กรรมที่ดีๆ ละเว้นกรรมชั่ว ชีวิตก็จะประสบแต่ความสุข และมีความเจริญรุ่งเรืองทั้งในทางโลกและทางธรรมยิ่งๆขึ้นไป จนกระทั่งพ้นทุกข์ถึงพระนิิพพาน

     การให้ทานจัดเป็นบุญที่ทำได้อย่างง่ายๆ ที่เราควรหมั่นทำค่ะ บุญที่เราทำไม่ได้สูญหายไปไหน เมื่อถึงคราวส่งผลก็จะทำให้เราสมบูรณ์พร้อมในทุกสิ่ง จะมีแต่ความสุขความเจริญรุ่งเรือง ประสบความสำเร็จในชีวิตทุกด้าน ยิ่งถ้าได้ทำบุญถูกเนื้อนาบุญอันประเสริฐ กำลังบุญก็ยิ่งเพิ่มพูนขึ้นเป็นทับทวี

     เพราะ ฉะนั้น บุญจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต ที่จะทำให้ชีวิตของเราเปลี่ยนแปลงไปในทางที่เจริญขึ้น จากยากจนเข็ญใจก็จะกลายเป็นมหาเศรษฐีได้ หรือจากสามัญชนคนธรรมดาให้กลายเป็นพระราชามหากษัตริย์ จนกระทั่งเป็นอริยชน หมดกิเลสอาสวะเป็นพระอริยเจ้าก็ได้ เหมือนดังเรื่องของพระราชามหากัปปินะ ผู้ได้เคยสร้างวิหารถวายสงฆ์เอาไว้ ทำให้ท่านได้บรรลุนิรามิสสุข เข้าถึงธรรมได้อย่างง่ายดาย






ดัง เรื่องมีอยู่ว่า ในสมัยของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่ากัสสปะ ท่านได้เกิดเป็นกุฎุมพีในกรุงพาราณสี เป็นหัวหน้าของช่างหูก อาศัยการทอผ้าเลี้ยงชีวิต มีอยู่วันหนึ่ง มหาชนได้ป่าวประกาศให้ไปฟังธรรมกันในพระวิหาร กุฎุมพีท่านนี้ได้ยินแล้ว ก็มีจิตเลื่อมใส จึงชักชวนภรรยาและเพื่อนบ้านไปฟังธรรม ในขณะที่ท่านเดินทางไปนั้น ฝนได้ตั้งเค้าขึ้นอย่างฉับพลันแล้วก็ตกลงมาโดยที่ยังไม่ทันได้ตั้งตัว

     ญาติ โยมที่มีความคุ้นเคยกับพระภิกษุสามเณรรูปไหน หรือเคยได้ร่วมบุญสร้างศาลาหลังไหนเอาไว้ ก็พากันเข้าไปพักพิงในกุฏิหรือศาลาเหล่านั้น เหลือแต่กุฎุมพีพร้อมด้วยภรรยาและเพื่อนๆ ที่ไม่กล้าเข้าไปหลบฝนในศาลาหลังไหน เพราะว่าตนเอง ไม่มีความคุ้นเคยและไม่รู้จักภิกษุสามเณรรูปใดเลย อีกทั้งยังไม่เคยได้สร้างศาลาวิหารเอาไว้ จึงได้แต่ยืนกลางร่มอยู่กลางแจ้ง ต้องเปียกปอนไปตามๆ กัน

     หัวหน้าช่างหูกเป็นคนฉลาด ปรารภเหตุที่ตัวเองต้องมายืนตากฝนอย่างนี้ จึงได้เอ่ยขึ้นว่า ที่ เราต้องยืนตากฝนเปียกปอนไปตามๆ กัน ก็เพราะเราไม่เคยได้ทำบุญสร้างศาลาวิหารถวายวัดเลย เราควรร่วมมือร่วมใจกันสร้างวิหารหลังใหญ่สักหลังหนึ่ง จะได้อาศัยร่มเงาในบวรพระพุทธศาสนาเพื่อ สร้างบารมีอย่างสะดวกสบาย ไม่ต้องลำบากกันอย่างนี้ เกิดกี่ภพกี่ชาติจะได้มีที่อยู่อาศัย มีเสนาสนะไว้สำหรับประพฤติธรรมอย่างสะดวกสบาย ไม่ต้องมายืนเปียกฝนเช่นนี้อีกต่อไป

     เพื่อนๆ ได้ฟังอย่างนั้นก็เห็นด้วย จึงร่วมกันบริจาคทรัพย์สร้างมหาวิหารให้ใหญ่กว่าของใครๆ ไว้ในบริเวณวัดนั้นหัว หน้าช่างหูกได้บริจาคทรัพย์หนึ่งพันกหาปณะ คนที่เหลือก็บริจาคกันคนละ ๕๐๐ พวกผู้หญิงบริจาคคนละ ๒๕๐ แล้วเริ่มทำการก่อสร้าง หวังไว้ว่ามหาวิหารนี้จะเป็นที่สร้างบารมีและเป็นที่ประทับของพระบรมศาสดา แต่ เมื่อทรัพย์ไม่เพียงพอในการก่อสร้าง หัวหน้าช่างหูกก็เทกระเป๋าทุ่มสุดตัวสุดหัวใจ อีกทั้งภรรยาและเพื่อนๆ ก็ได้ทุมเทเช่นนั้นตามด้วย เพื่อให้การก่อสร้างสำเร็จทันใช้งาน เมื่อสร้างสำเร็จก็ได้ทำการฉลองด้วยการถวายมหาทานแก่ภิกษุสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุขตลอด ๗ วัน แล้วจัดจีวรถวายพระทั้งสองหมื่นรูป

     ฝ่าย ภรรยาของหัวหน้าช่างหูก นอกจากจะทำบุญเหมือนคนอื่นๆ แล้ว ยังตั้งใจจะถวายทานที่พิเศษกว่าใครๆ จึงได้ถือเอาผอบดอกอังกาบกับผ้าสาฎกที่มีสีเหลืองเหมือนดอกอังกาบน้อมเข้าไป ถวายพระบรมศาสดา แล้วตั้งความปรารถนาว่า“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอสรีระของหม่อมฉันจงมีสีดุจดอกอังกาบนี้ และขอให้หม่อมฉันจงมีนามว่าอโนชาด้วยเถิด”พระบรมศาสดาก็ได้ทรงอนุโมทนา

     ตั้งแต่ วันนั้นเป็นต้นมา หัวหน้าช่างหูกและเพื่อนๆ ก็เป็นผู้ที่คุ้นเคยกับพระผู้มีพระภาคเจ้า และหาโอกาสสั่งสมบุญเรื่อยมา ทำให้จิตผูกพันกับพระรัตนตรัย เมื่อละโลกไปแล้ว ด้วยอานิสงส์ที่ได้ทำบุญถวายวิหารในครั้งนั้น ทำให้ได้ไปเสวยทิพยสมบัติในสวรรค์เป็น เวลานานถึงหนึ่งพุทธันดร เมื่อจุติจากอัตภาพนั้น ก็มาบังเกิดในราชตระกูล ในกุกกุฏวดีนคร ได้เป็นพระราชาพระนามว่ามหากัปปินะ พระองค์มีมเหสีคู่บุญชื่อว่า อโนชา ซึ่งมีผิวพรรณเหมือนดอกอังกาบตามที่ปรารถนาเอาไว้ ส่วนผู้ที่เคยร่วมบุญกันมา ก็ตามลงมาเกิดเป็นอำมาตย์ข้าราชบริพาร

     มีอยู่วันหนึ่ง เพียงแค่ได้ยินถ้อยคำอันเป็นสิริมงคลว่า พุทฺโธ โลเก อุปฺปนฺโน พระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นแล้ว ก็เกิดมหาปีติซาบซ่านไปทั่วสรรพางค์กาย ทั้งพระราชา มเหสี รวมไปถึงเสนาอำมาตย์ข้าราชบริพาร ต่างก็พร้อมใจกันเดินทางไปเข้าเฝ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทันที พระบรมศาสดาทรงเห็นว่าพระเทวีและบริวารได้ สั่งสมบุญมาดี เคยถวายผ้าไตรจีวรเอาไว้มาก จึงประทานการบวชด้วยเอหิภิกขุอุปสัมปทา และในการฟังธรรมครั้งที่ ๒ ก็ได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ผู้ทรงอภิญญา เข้าถึงความเต็มเปี่ยมของชีวิตกันหมดทุกคน

     เรา จะเห็นว่าการทำบุญถวายวิหารทานนี้ เป็นบุญใหญ่จริงๆ เพราะเป็นสถานที่รองรับผู้มีบุญที่จะมาสร้างบารมี บุญนั้นเป็นบุญใหญ่ที่ส่งผลข้ามภพข้ามชาติ ทำให้ได้ทั้งมนุษย์สมบัติ สวรรค์สมบัติและนิพพานสมบัติ เหมือนอย่างนายช่างหูก ผู้พลิกผันชีวิตจากสามัญชนกลายมาเป็นพระราชา จากชีวิตของปุถุชนคนธรรมดากลายมาเป็นพระอริยเจ้าได้
  
        ในทริปทัวร์บุญ "เสบียงสวรรค์" ในครั้งที่ 1 ปี 56 นี้ ดิฉันได้แสวงหาวัดที่กำลังขาดแคลน ในการสร้างหรือบูรณะ เสนาสนะสงฆ์ ขึ้น เพื่อเป็นเนื้อนาบุญอันประเสริฐ และเพื่อ ประโยชน์ในพระพุทธศาสนาแด่พุทธบริษัท 4 นั่นคือ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ได้ใช้สอยทำกิจกรรมในทางพระพุืทธศาสนาร่วมกัน   และในทริปนี้ ดิฉันมีกิจกรรมขนทรายเข้าวัด ก่อพระเจดีย์ทราย เป็นพุทธบูชาด้วย ค่ะ เพื่อช่วยเหลือวัดให้มีวัสดุในการก่อสร้าง เป็นบุญวิหารทาน เพื่อเป็นการสะสมเสบียงบุญ ให้เราเกิดภพชาติใด ให้เรามีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง ไม่ลำบากเรื่องที่อยู่อาศัย และเป็นการชำระหนี้สงฆ์ที่หาทำไม่ได้ง่ายๆค่ะ  ในอดีตที่ผ่านมาเราเกิดมานับ ภพชาติไม่ถ้วน หากเราเคยกินข้าวน้ำ ของวัด เคยใช้น้ำ ใช้ไฟวัด หรือกระทั่งเมล็ดทรายที่ติดรองเท้าเราไป ด้วยผลวิบากกรรมนี้ อาจทำให้ชีวิตของเราติดขัดไม่ราบรื่น ไม่ว่าจะด้านการงาน การเงิน ชีวิตครอบครัว ควา่มรัก  อาจมีผลได้ทุกเรื่องค่ะ

    และที่วัดท้าวอู่ทองดิฉันมีกิจกรรมเพื่อสาธารณะกุศลอีกอย่างหนึ่งที่ให้ทุกท่านได้ร่วมบุญกันคือ การมอบอุปกรณ์การเรียนและอุปกรณ์กีฬา ให้กับโรงเรียนประถมวัดท้าวอู่ทอง ซึ่ง มีเด็กนักเรียนที่ยากจนเรียนอยู่จำนวนกว่า 250 คน เพื่อเป็นการสนับสนุนการศึกษาและเพิ่มโอกาสในการพัฒนาและเรียนรู้ให้กับ เด็กๆเหล่านี้ ซึ่งจะเติบโตเป็นพลเมืองที่ดีของประเทศชาติต่อไปค่ะ โดยท่านสามารถร่วมบริจาคเป็นอุปกรณ์การเรียนหรืออุปกรณ์กีฬาก็ได้ หรือจะบริจาคเป็นปัจจัยเงินเพื่อซื้อสิ่งของก็ได้ค่ะ (อ่านรายละเอียดและวิธีร่วมบริจาคได้ด้านล่างค่ะ)

   ดิฉันจึงขอเชิญชวนทุกท่านได้มีเมตตาจิตร่วมกันบริจาคหยิบยื่นน้ำใจและโอกาสเพื่อช่วยเหลือน้องๆที่กำลังขาดแคลน เหล่านี้ ร่วมกันนะคะ โดย เฉพาะท่านที่เคยมีส่วนรู้ร่วมเห็น ในการทำแท้ง หรือท่านที่มีปัญหา ลูกหลานดื้อรั้น ไม่เชื่อฟังคำสั่งสอน หรือเป็นเด็กที่เลี้ยงยาก ไม่แข็งแรง สามวันดี สี่วันไข้ หรือเป็นเด็กพิเศษ เหล่านี้ ขอให้ท่านมาทำบุญกับเด็กนักเรียนเหล่านี้ค่ะ และอธิษฐาน ผลบุญนี้จะช่วยลดทอนผลวิบากกรรมที่ไม่ดีนั้นให้เบาบางลงได้ค่ะ

        สุด ท้ายนี้ ดิฉันขอกราบอนุโมทนาบุญ และ ขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ผลบุญกุศลที่ทุกท่านได้ทำมาดีแล้ว และที่ท่านตั้งใจจะทำในครั้งนี้  ขอจงเป็นพล วปัจจัยให้ทุกท่าน ประสบแต่ความสุข มีความเจริญรุ่งเรืองในชีวิตทุกๆด้าน ทำมาค้าขึ้น คิดเงินให้ได้เงิน คิดทองให้ได้ทอง มีความอุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพย์และปัจจัย 4 ในที่ทุกสถาน ในกาลทุกเมื่อ และสุขสมบูรณ์บริบูรณ์ด้วย มนุษย์สมบัติ สวรรค์สมบัติ และพระนิพพานสมบัติ เป็นที่สุดเทอญ ฯ



*** ส่วนรายละเอียดในการหาวัดแต่ละวัดว่าเป็นเนื้อนาบุญอย่างไร ทุกท่านสามารถติดตามอ่านได้ในเรื่องเล่า ของพี่จี๊ดจ๊าดด้านล่างนะคะ ***
บัญชีเสบียงสวรรค์ ที่ดิฉันจะพาทุกท่านไปทำบุญ มีดังนี้ค่ะ


1.วัด(ร้าง) วิหารแดง อ.ค่ายบางระจัน  จ.สิงห์บุรี บุญขนทรายเข้าวัด ก่อพระเจดีย์ทรายเป็นพุทธบูชา เป็นวิหารทานและชำระหนี้สงฆ์

ลานศาลาชั่วคราววัดวิหารแดง





         
ศาลาปฏิบัติธรรม พึ่งสร้างเสร็จ ได้เพียงพื้นค่ะ

  

ไก่แจ้ที่วัดค่ะ

  

จากหลักฐานบางอย่าง (เช่นอิฐ ก่อสร้างวิหาร)  เชื่อได้ว่า วัดวิหารแดง เป็นวัดสมัยเดียวกับ วัดโพธิ์เก้าต้น  ซึ่งเคยเจริญรุ่งเรืองในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย

         ในสมัยศึกบางระจัน ชาวบ้านบางระจันได้ใช้ วัดวิหารแดงเป็นจุดรวมพล เป็นแนวต้านสู้รบกับพม่าจุดหนึ่ง
         เมื่อค่ายบางระจัน แตกและเสียกรุง ชาวบ้านวิหารแดงจึงได้พากันอพยพหนีภัยพม่า วัดวิหารแดงจึงต้องร้าง ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา
         เมื่อประมาณปี 2509 มีการตัดถนนผ่านใกล้ วัดวิหารแดง จึงมีชุมชนชาวบ้านเกิดขึ้น ชื่อหมู่บ้านทองเลื่อน

    ประมาณเดือนเมษายน 2554 ชาวหมู่บ้านทองเลื่อน ได้ร่วมกับ หลวงพ่อเอกชัย เจ้าอาวาสวัดดอนทอง จ.นครปฐม (ซึ่งนำพระภิกษุ สามเณร มาปักกลดปฏิบัติธรรม เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับวิญญาณนักรบบางระจัน เป็นประจำทุกๆปี  ) ปรึกษากันว่า ควรจะบูรณะฟื้นฟู " วัด (ร้าง) วิหารแดง" ให้กลับคืนดีดังเดิม


       หลวงพ่อเอกชัยจึงตกลงใจมอบหมายให้หลวงปู่ปรีชา ปัญญาธโร ร่วมกับผู้นำชุมชน ช่วยกันบูรณะ วัด(ร้าง)วิหารแดงขึ้น  ตั้งแต่ปี 54 เป็นต้นมา โดยลักษณะพื้นที่ ของวัดนั้นเป็นที่ลุ่ม มีน้ำท่วมขัง และมีต้นไม้และวัชพืชปกคลุมอยู่อย่างหนาแน่น  การบูรณะวัดเป็นไปด้วยความยาก ลำบาก ต้องรื้อถอนวัชพืชและซากอิฐ มีการถมดินจำนวนมาก จนปัจจุบัน วัดมีเพียง ลานศาลาชั่วคราว มีเพียงหลังคาไม่มีผนัง   มีห้องน้ำ 3-4 ห้อง และมีกุฏิพระเป็นกระท่อมหลังเล็กๆ 1 หลัง  และมีการก่อสร้างพื้นศาลาปฏิบัติธรรม ขนาดใหญ่ไว้ 1 หลัง แต่ยังไม่ได้ขึ้นเสาและก่อสร้างต่อ เนื่องจากยังขาดปัจจัย อีกจำนวนมากนั่นเองค่ะ ซึ่งวัดนี้ยังไม่วิหาร โบสถ์หรืออะไรมากนัก ซึ่งพวกเราทุกท่านจะร่วมกันขนทราย เข้าวัดพร้อมร่วมกันก่อพระเจดีย์ทรายเป็นรูปเจดีย์ตามแบบจิตตนาการของทุก ท่านเป็นกิจกรรมค่ะสำหรับทุกเพศทุกวัยเพราะการที่เราทำบุญร่วมกันสร้างวิหาร ทานต่างๆเป็นบุญใหญ่มากเพราะเป็นสาธารณะประโยชน์ที่ใช้ร่วมกันซึ่งตามหลัก แล้วการถวายสังฆทานที่มีองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นประธานแม้จะมากถึงร้อย ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่า การถวายวิหารทานแม้จะได้กระทำแต่เพียงครั้งเดียวก็ตาม วิหารทาน ได้แก่ การร่วมสร้างโบสถ์ วิหาร ศาลาการเปรียญ ศาลาท่าน้ำ โรงพยาบาล สิ่งก่อสร้างสาธารณะต่างๆที่ใช้ประโยชน์ร่วมกัน. คิดดูนะค่ะทุกท่านเราอาจจะเคยร่วมสร้างบุญแค่ปัจจัยแต่นี้เราลงแรงขนทรายก่อ พระเจดีย์ ด้วยแรงของเราเองจะปิติแค่ไหน คิดภาพดูนะค่ะ. ดิฉันจะนำอธิษฐานเพื่อร่วมกันชำระหนี้สงฆ์ด้วยที่เราทุกท่านได้เคยใช้น้ำ ใช้ไฟวัด กินของวัด แม้กระทั่งเม็ดทราย เม็ดดินที่ติดรองเท้าเรามาจะได้ไม่ติดกับที่ธรณีสงฆ์ค่ะ ถึงเป็นเหตุใก้ร่วมกันก่อพระเจดีย์ทรายร่วมกันค่ะ

ประเพณีก่อเจดีย์ทราย เป็นประเพณีสำคัญประเพณีหนึ่งในช่วงเทศกาลของชาวไทย ประเพณีนี้มีที่มาจากหลักฐานใน พระไตรปิฎก ที่กล่าวพรรณาถึงอานิสงส์ที่พระโพธิสัตว์ก่อพระเจดีย์ทรายเพื่อถวายเป็นพุทธบูชา

ในประเทศไทยนั้น ประเพณีก่อพระเจดีย์ทรายถือว่าเป็นประเพณีหนึ่งที่มีที่มาเกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนาโดย ตรง โดยคนไทยผูกโยงประเพณีนี้เข้ากับคติความเชื่อเรื่องเวรกรรมในพระพุทธศาสนา มีการก่อพระเจดีย์ทรายถวายวัดเพื่อนำเศษดินทรายที่ติดเท้าออกจากวัดไปมาคืน วัดในรูปพระเจดีย์ทราย และเพื่อถวายเป็นพุทธบูชาให้เป็นกุศลอานิสงส์ และนอกจากประเพณีเพื่อเป็นพุทธบูชาแล้ว ยังเป็นกุศโลบายของคนในอดีตให้มีการรวมตัวของคนในชุมชนเพื่อร่วมกันจัด ประเพณีรื่นเริงเป็นการสังสรรค์สร้างความสามัคคีของคนในชุมชนด้วย


    2.วัดพยัคฆาราม (วัดเสือ) อ.ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี กราบ นมัสการขอพรพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ หลวงพ่ออู่ทอง ในวิหารเก่าสมัยอยุธยา กราบขอพร หลวงพ่อสาย อดีตเจ้าอาวาส พระเกจิอันเลื่องชื่อสมัย ร. 5 และร่วมบุญวิหารทาน ผ้าป่าสร้างศาลาไม้สักทอง
         วัดพยัคฆาราม หรือวัดเสือนี้ สร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย พ.ศ.2335 บริเวณวัดเคยขุดพบ โบราณวัตถุจากซากของฐานเจดีย์เก่า เป็นพระพุทธรูปสมัยลพบุรี พระงาแกะ สมัยสุโขทัย และถ้วยสังฆโลกอันล้ำค่าต่างๆ  สิ่งก่อสร้างในวัดมี เจดีย์เก่า หอระฆัง พระอุโบสถสร้าง พ.ศ.2459 (สมัยหลวงพ่อเสือ) วิหารเก่า ศาลาการเปรียญ มีกุฎีสงฆ์ 8หลัง  วิหารหลวงพ่อสาย สร้าง 2548 ศาลาธรรมสังเวชสร้างปี 2549 (ไม้สักทอง) ปูชนียวัตถุ มีพระประธานในพระอุโบสถ และพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ในวิหารเก่า ชาวบ้านเรียก หลวงพ่ออู่ทอง มีพุทธลักษณะที่งดงามแบบสมัยอู่ทอง และมีรูปหล่อหลวงพ่อสายขนาดเท่าองค์จริง ให้สาธุชนได้สักการะบูชา
พระอุโบสถวัดเืสือ


ศาลาไม้สักทองที่กำลังก่อสร้าง
  
วิหารหลวงพ่ออู่ทอง
  
หน้าบรรณศาลากำลังแกะสลักค่ะ
  
เรือของหลวงพ่อสาย
  

  

3.วัดชีแวะ อ.เมือง จ.ลพบุรี ทำ บุญกับสำนักปฏิบัติธรรม บุญวิหารทาน สมทบทุนสร้าง อาคารโรงเรียนพระปริยัติธรรม สร้างสเบียงบุญก่อเกิดปัญญาอันรู้แจ้งทั้งทางโลก และทางธรรม

    เดิมชื่อวัดโคก เป็นวัดเก่าแก่ สมัย ก่อนเป็นโคก ป่าทึบ มีสัตว์อาศัยอยู่จำนวนมาก เมื่อในอดีตเป็นวัดที่เจริญ มีคนมาทำบุญจำนวนมาก บ้างก็มาวิปัสสนา ต่อมาเกิดโรคระบาด ผู้คนล้มตาย จนอพยพย้ายถิ่นฐาน จนกลายเป็นวัดร้าง


    ต่อมามีเจ้าจอมนางในของ รัชกาลที่ 5 เป็นผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา เมื่อถึงวัยกลางคนได้ทูลลา รัชกาลที่ 5 เพื่อออกบวชเป็นแม่ชีเพื่อปฏิบัติธรรม พระองค์ทรงอนุญาต เจ้าจอมท่านจึงไปบวชเป็นแม่ชีและปฏิบัติธรรมอยู่ที่ วัดเขาวงพระจันทร์ จ.ลพบุรี โดยมีฉายาในขณะบวชว่า แม่ชีสัพยังค์ ต่อมาเมื่อปฏิบัติธรรมจนได้ธรรมชั้นสูง จึงเดินทางไปเฝ้า รัชกาลที่ 5 เพื่อแสดงธรรมะที่ได้ แก่พระองค์ท่าน ตามที่ได้รับปากไว้ พระองค์ท่านก็ได้อนุโมทนากับแม่ชีด้วย ขากลับ มีทหารพายเรือมาส่งแม่ชี 4 นาย เมื่อเข้าเขต ลพบุรีก็พลบค่ำ จึงหยุดพักที่ดงไม้ร่มรื่น คือวัดโคกที่ถูกทิ้งร้างนี้


  ครั้นถึงเวลาเที่ยงคืนก็เกิดเหตุ อัศจรรย์ขึ้น มีเทวดามาปรากฏกายต่อหน้าแม่ชี ขอร้องให้แม่ชีช่วยบูรณะวัดนี้ขึ้นอีกครั้ง แม่ชีจึงบอกบุญไปยังชาวบ้านให้มาช่วยกันบูรณะวัด จนสำเร็จสมประสงค์ และจึงนิมนต์พระสงฆ์มาอยู่ดูแลสืบต่อไป และแม่ชีก็ได้เดินทางกลับวัดเขาวงพระจันทร์เช่นเดิม ชาวบ้านบางส่วนออกบวชตามแม่ชีก็มี วัดนี้จึงมีชื่อวัดว่า "วัดชีแวะ" ดังกล่าว


   ปัจจุบันวัดชีแวะ (สำนักปฏิบัติธรรม) มีพระครูบุญสิริวัฒน์ (ลูกศิษย์หลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน) มาจำพรรษา เป็นเจ้าอาวาส และบูรณะวัด ขณะนี้ท่านกำลังสร้างโรงเรียนพระปริยัติธรรม เพื่อพระภิกษุสงฆ์สามเณร ได้ใช้เรียนหนังสือสืบต่อไป


อาคารปริยัติธรรมที่กำลังก่อสร้างค่ะ






   4.วัดท้าวอู่ทอง อ.บ้านแพรก จ.พระนครศรีอยุธยา บุญใหญ่วิหารทาน บูรณะพระอุโบสถ สถานสังฆกรรม ของพระภิกษุสงฆ์ และบริจาคอุปกรณ์การเรียนและอุปกรณ์กีฬา  ให้กับโรงเรียนประถมวัดท้าวอู่ทอง เพื่อลดวิบากกรรมทำแท้ง และกรรมเกี่ยวกับเด็ก

วัดท้าวอู่ทอง เป็นวัดเก่าแก่ตั้งแต่ปลายสมัยกรุงศรีอยุธยา เมื่อเวลาผ่านไปสิ่งก่อสร้างก็ชำรุดทรุดโทรม โดยเฉพาะพระอุโบสถ ที่เคยถูกน้ำท่วมเมื่อปลายปี54 ได้ชำรุดทรุดโทรมลง ทางวัดกำลังบูรณะอยู่ แต่ยังขาดปัจจัยอีกจำนวนมาก  และที่วัดนี้เราจะบริจาคอุปกรณ์การเรียนและ อุปกรณ์กีฬา ไว้ให้กับโรงเรียนประถมวัดท้าวอู่ทองเป็นส่วนกลางด้วยค่ะ  มีนักเรียนที่ยาก จนเรียนอยู่ประมาณ 250 คนค่ะ

ท่านใดที่เคยทำกรรม ในการมีส่วนรู้ร่วมเห็น หรือทำแท้งเองก็ดี หรือคนที่มีลูกแล้วดื้อ ไม่เชื่อฟัง เลี้ยงยาก , ลูกมีปัญหาทางสมองเป็นเด็กพิเศษ , ลูกหัวไม่ดี เรียนไม่เก่ง

ดิฉันขอแนะนำให้ทำบุญกับเด็ก ด้วย การบริจาคอุปกรณ์การศึกษาและอุปกรณ์กีฬาต่างๆ ให้กับเด็กที่ขาดแคลน บุญนี้จะช่วยลดทอนผลวิบากกรรมของท่านได้ค่ะ  (สามารถบริจาคเป็นสิ่งของ หรือเงินก็ได้ค่ะ ดิฉันจะรวบรวมไปซื้อมาให้ค่ะ)

พระอุโบสถชำรุดมากค่ะ









โรงเรียนที่เราจะมอบอุปกรณ์การเรียนค่ะ


  



5.วัดพระนอนจักรสีห์ อ.เมือง จ.สิงห์บุรี  นมัสการพระนอนศักดิ์สิทธิ์ ขอพรสมเด็จโต องค์ใหญ่ และเลือกซื้อ ทานอาหารและขนมตามอัธยาศัย

สันนิษฐานว่า วัดนี้สร้างสมัยก่อนกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี ภายในวิหารเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธไสยาสน์ขนาดใหญ่ มีพุทธลักษณะแบบสุโขทัย ที่มีความงดงามมาก มีความยาวทั้งสิ้น 1 เส้น 3 วา 2 ศอก 1 คืบ และ 7 นิ้ว ลักษณะ พระพักตร์หันไปทางทิศเหนือ พระเศียรหันไปทางทิศตะวันออก พระกรขวายื่นไปด้านหน้า ไม่งอพระกรขึ้นรับพระเศียร เหมือนแบบไทย นอกจากนี้ยังมีพระแก้ว พระกาฬ เป็นพระพุทธรูปนั่งศิลา ลงรักปิดทอง และพระนั่งขัดสมาธิเพชร อันศักดิ์สิทธิ์ และมีพุทธลักษณะงดงาม ด้านหน้าวิหารมีต้นสาละลังกาใหญ่ ต้นไม้สำคัญในพุทธประวัติ ผลิดอกบานสะพรั่ง อยู่เสมอ


ประวัติหลวงพ่อพระนอนจักรสีห์

  "หลวง พ่อพระนอนจักรสีห์ " เป็นรูปของพระพุทธเจ้าปางไสยาสน์เทศนาปาฏิหาริย์ แก่อสุรินทราหู ผู้เป็นยักษ์ เพื่อลดทิฎฐิของอสุรินทราหูที่ถือว่ามีร่างกายใหญ่โตกว่ามนุษย์ พระพุทธเจ้าจึงเนรมิตร่างกายให้ใหญ่กว่ายักษ์ "หลวงพ่อพระนอน" จึงเป็นพระพุทธรูปที่ใหญ่และยาว สร้างโดยท้าวอู่ทอง มีความยาว ๓ เส้น ๓ วา ๒ ศอก ๓ คืบ ๗ นิ้ว ( ๔๗.๔๐ เมตร ) พระเศียรชี้ไปทางตะวันออก หันพระพักต์ไปทางทิศเหนือ มีความงดงามอย่างมาก

มีเรื่องเล่าสืบกันมาว่า สิงหพาหุมีพ่อเป็นสิงห์พอรู้ความจริงคิดละอายเพื่อนว่าพ่อเป็นสัตว์เดรัจฉาน จึงฆ่าสิงห์ตาย ภายหลังรู้สึกตัวกลัวบาปและเสียใจเป็นอย่างมาก จึงสร้างพระพุทธรูป โดยเอาทองคำแท่งโต ๓ กำมือ ยาว ๑ เส้น เป็นแกนขององค์พระ เป็นการไถ่บาปและพระพุทธรูปมีอยู่ให้พุทธศาสนิกชนได้กราบไหว้บูชามาหลายชั่ว อายุคน จนองค์หลวงพ่อพระนอนได้พังทลายลงเป็นเนินดิน กาลนานต่อมา ท้าวอู่ทอง ได้นำพ่อค้าเกวียนผ่านมาทางนี้ แล้วพบแกนทองคำฝังอยู่ในเนินดิน และทราบเรื่อง สิงหพาหุ เกิดความเลื่อมใสและเห็นเป็นประโยชน์แก่พระพุทธศาสนา จึงชักชวนพ่อค้าเกวียนก่อสร้างพระพุทธรูปนี้ขึ้น โดยใช้ทองแท่งทองคำที่พบนั้นเป็นแกนองค์พระ จน พ.ศ. ๒๒๙๗ และ พ.ศ. ๒๒๙๙ พระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ แห่งกรุงศรีอยุธยา ได้เสด็จมานมัสการและซ่อมแซมองค์พระพร้อมทั้งได้สร้างพระวิหาร พระอุโบสถ และเสนาสนะต่าง ๆ ขึ้นใหม่ พ.ศ.๒๔๒๓ และ พ.ศ. ๒๔๔๔ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๕ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ได้เสด็จมานมัสการ และวันที่ ๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๑๙ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช รัชกาลปัจจุบัน ได้เสด็จมานมัสการพร้อมพระบรมวงศานุวงศ์

    จึงนับได้ว่า " หลวงพ่อพระนอนจักรสีห์ " เป็นปูชนียวัตถุที่ทรงไว้ซึ่งปาฏิหาริย์ล้ำค่า เป็นที่พึ่งที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจ และมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ เพราะแม้แต่การสร้างองค์หลวงพ่อพระนอนในครั้งที่ ๒ ก็ยังไม่ทราบเวลาที่แน่นอน แต่องค์พระยังสมบูรณ์ขนาดนี้ จะป่วยการกล่าวไปใยถึงประวัติในการสร้างครั้งแรกที่ทรุดโทรมลงจนมีสภาพเป็น เนินดินธรรมดา ว่าจะต้องใช้เวลานานเท่าใด

    เพราะเหตุนั้น " หลวงพ่อพระนอนจีกรสีห์ " จึงเป็นที่เคารพศรัทธาเลื่อมใสของพุทธศาสนิกชนให้การเดินทางมากราบไหว้บูชา เพื่อเป็นพุทธานุสสติ ในอันจะน้อมนึกถึงคำสั่งสอนของพระพุทธองค์ เสมอมาไม่เคยขาดมานานแสนนานแล้ว และเพื่อให้สมพระเกียรติของ " หลวงพ่อพระนอนจักรสีห์ " และการเป็นอารามหลวงชั้นตรี ชนิด วรวิหาร " ท่านเจ้าคุณพระเมธีปริยัติโยดม " จึงได้วางแนวทางในการพัฒนาพระอารามออกเป็น เขตพุทธาวาส เขตสังฆาวาส เขตฆราวาส

    นอกจากนี้ ทางวัดก็ยังมีนโยบายที่จะเผยแผ่พระพุทธศาสนาทั้งปริยัติ ปฏิบัติแก่พระภิกษุสามเณร ตลอดถึงพุทธศาสนิกชนให้มีความเข้าใจในคำสอนของพระพุทธศาสนา
กำหนดการเดินทาง วันอาทิตย์ที่ 31 มี.ค. 56 แบบไปเช้า-เย็นกลับ




รถออกเช้าวันที่ 31 มี.ค.56 หน้าห้างเทสโก้โลตัส จรัญสนิทวงศ์ค่ะ     มีอาหารเช้าให้บนรถค่ะ
6.00 น. ออกเดินทาง
19.00น.
เดินทางกลับถึงกรุงเทพ หน้าห้างโลตัส จรัญฯ โดยสวัสดิภาพ ฯ

เดินทางโดยรถปรับอากาศ vip 2 ชั้น
ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง (ท่านละ 600 บาท ต่อที่นั่งค่ะ)  
อัตรานี้รวม   - ค่าเดินทาง+ค่าประกันอุบัติเหตุ   
               - อาหารเช้า+นมสด+เครื่องดื่ม ,
               -อาหารกลางวัน (ก๋วยเตี๋ยว) +น้ำดื่ม
               -อาหารเย็น ข้าวกล่อง+ ของว่าง+น้ำดื่ม+ผ้าเย็น

รับสมัครผู้ร่วมเดินทางเพียง 6 บัส  บัสละ 50 ท่าน รวมทั้งหมด  300 ท่าน ค่ะ

*** สำหรับเด็กเล็ก  นั่งตัก ไม่คิดเงิน แต่ท่านต้องเตรียมอาหารมาเองค่ะ    สำหรับเด็กที่นั่งเบาะคิดค่าใช้จ่ายเท่าูผู้ใหญ่ค่ะ***

~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
ปิดรับจองทีนั่ง ชั่วคราว ยังไม่ต้องโอนเงินเพื่อจองมาน่ะครับ แต่ยังบริจาคปัจจัยได้
บัญชีสำหรับโอนค่าเดินทางค่ะ (กรุณาใส่เศษสตางค์ด้วยเพื่อง่ายต่อการตรวจสอบเช่น 1,000.15 / 1,000.25 เป็นต้นค่ะ )

ชื่อบัญชี น.ส. รุ้งตะวัน ชนะศึก

บัญชีออมทรัพย์ ธ.ไทยพาณิชย์ สาขาบางพลัด

เลขที่ 011-256882-1
*** ท่านใดจองไว้แล้ว โอนเงินมาก่อน มีสิทธิ์ได้ที่นั่งก่อนนะคะ  รับจำนวนจำกัดค่ะ  การโอนเงินค่าทัวร์ ปิดรับการโอน ไม่เกินวันที่ 25 มีนาคม 2556 ค่ะ ***


วิธีการแจ้งเมื่อโอนแล้ว
    - เมื่อโอนผ่านตู้atm มาแล้ว ส่ง s.m.s. แจ้งการโอนเงิน เข้าที่เบอร์โทรศัพท์ 089-5155324 คุณรุ้งตะวัน (พี่สาวอ.เจน)
     - หรือถ้าฝากเข้าที่สาขาก็ไม่ต้อง sms.  
     - แต่ทุกท่านที่โอนเงินเข้ามา ต้องส่งสลิปการโอนเงิน พร้อมรายละเอียดการโอน วันและเวลาที่โอน พร้อมทั้งชื่อและเบอร์โทรศัพท์ผู้ร่วมเดินทาง มาให้ ทางอีเมลล์ที่  jenmedia@hotmail.com  ด้วยค่ะ  



*** และเมื่อเช็ครายละเอียดการโอนของท่านแล้ว จะนำรายชื่อลงประกาศที่หน้าเวปค่ะ ท่านต้องตรวจดูรายชื่อของท่านให้ถูกต้องด้วยค่ะ และค่าเดินทางที่โอนเข้ามาแล้ว จะไม่มีการคืนให้ท่านไม่ว่ากรณีใดๆทั้งสิ้นค่ะ  ***


~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~


และดิฉันขอบอกบุญมายังทุกท่านที่สนใจร่วมบุญตามกำลังศรัทธา
-ร่วมบุญวิหารทานต่างๆ ในแต่ละวัด เช่น บูรณะพระอุโบสถ , สร้างศาลาการเปรียญ , สร้างโรงเรียนพระปริยัติธรรม , ซื้อทรายขนทรายเข้าวัด และบุญวิหารทานต่างๆที่วัดกำลังขาดแคลน  บุญนี้จะช่วยให้ท่านไม่ลำบากใน เรื่องที่อยู่อาศัย เกิดภพชาติใดมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง และเป็นการชำระหนี้สงฆ์ ที่เราเคยกิน เคยใช้ของวัด ลดทอนวิบากกรรม ที่ทำให้เราติดขัดในเรื่องเงิน ชีวิตคู่ การงาน มีอุปสรรคต่างๆ
-ร่วมบุญบริจาคอุปกรณ์การเรียนและอุปกรณ์กีฬาให้กับเด็กนักเรียนที่ขาดแคลน โดยบริจาคให้กับโรงเรียนเพื่อใช้เป็นส่วนร่วม หรือจะบริจาคเป็นปัจจัยก็ได้ค่ะ ดิฉันจะรวบรวมปัจจัยนี้ ไปซื้ออุปกรณ์การเรียนและกีฬาให้น้องๆเด็กนักเรียนค่ะ เป็นบุญสาธารณะประโยชน์ แบ่งปันนำใจ สร้างโอกาสให้กับเด็กๆที่ขาดแคลน บุญนี้ช่วยลดทอนวิบากกรรมเกี่ยวกับการมีส่วนรู้ร่วมเห็นในการทำแท้ง หรือคนที่มีบุตรเลี้ยงยาก ไม่เชื่อฟัง , คนที่มีบุตรยาก , คนที่มีบุตรเรียนไม่เก่ง , หรือมีบุตรมีปัญหาทางสมอง เป็นเด็กพิเศษ ควรที่จะทำบุญนี้นะคะ
ท่านใดไม่ได้เดินทางไปกับ ดิฉัน ก็สามารถโอนปัจจัยร่วมทำบุญได้ค่ะ บริจาคได้ตั้งแต่วันนี้ จนถึง วันที่ 30 มี.ค.2556 ตามบัญชีด้านล่างนี้ค่ะ

บัญชีสำหรับบุญวิหารทานและบริจาคซื้ออุปกรณ์การศึกษาให้กับเด็ก

บัญชีออมทรัพย์ ธ.ไทยพาณิชย์ สาขาบางพลัดชื่อบัญชี น.ส. รุ้งตะวัน ชนะศึก
เลขที่ 011-256883-9

เมื่อโอนผ่านatm แล้ว s.m.s. มาที่เบอร์โทรศัพท์ 089-5155324 คุณรุ้งตะวัน (พี่สาวอ.เจน)  ถ้าฝากที่สาขาไม่ต้อง sms ค่ะ แต่ทุกท่าน ต้องส่งสลิปการโอน พร้อมแจ้งรายละเอียด ชื่อผู้ทำบุญ  มาให้ ทางอีเมลล์[/url] [url=mailto:jenmedia@hotmail.com]jenmedia@hotmail.com  ด้วยค่ะ
ดิฉัน อ.เจนญาณทิพย์ พี่รุ้งตะวัน และทีมงาน ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านนะคะ

เหล่าเทวดามาช่วยสำรวจเส้นทางเสบียงบุญ

ด้วย อ.เจน มีความประสงค์ที่จะนำพาผู้คนไปร่วมกันสร้างบุญสร้างกุศลอย่างถูกต้องตามหลัก คำสอนของพระพุทธศาสนาบำรุงพระพุทธศาสนา และเพื่อสร้างวิหารทาน เพราะเป็นมหาทานที่มีอานิสงส์อันยิ่งใหญ่ส่งผลทำให้มีความสุขในทุกที่ ทุกสถานและสมบูรณ์ด้วยมนุษย์สมบัติ ทิพยสมบัติกระทั่งนิพพานสมบัติ ดิฉันเชื่อในเรื่องนี้มากค่ะเพราะ อ.เจน มักพูดเสมอๆ ว่าการสร้างสาธารณะประโยชน์ให้คนได้ใช้ร่วมกันเป็นมหากุศลค่ะ อ.เจน จึงคิดว่า จัดผ้าป้าสามัคคีและจัดงานบุญสร้างเจดีย์ทราย ขนทรายเข้าวัด เป็นบุญที่หาทำได้ยาก อานิสงส์นี้เกิดภพใดชาติใดก็จะได้มีบ้านอยู่อาศัยเป็นของตนเองแบบไม่มีหนี้ มีสินหากอยู่บนสวรรค์ก็จะมีวิมานแก้ววิมานทองรอรับเรา ตกในนรกภูมิก็ไม่ตกอยู่นานด้วยแรงอธิษฐาน เพราะในวันนั้น อ.เจน จะนำจบอธิษฐานอย่างเต็มรูปแบบค่ะ

เมื่อ กำหนดแผนการจัดผ้าป่าสามัคคีและกำหนดวันที่แน่นอนแล้ว(31 มี.ค.56) นัดทีมงานสำรวจเส้นทางในวันเสาร์ที่ 2 มี.ค.56 ที่ผ่านมาสิงที่ดิฉันจะเล่านี้ไม่ใช่เรื่องของ อภินิหารหรืออิทฤทธิ์ใดๆแต่เป็นเรื่องของคนที่มีญาณมีตาทิพย์ หูทิพย์ ที่สามารถ รับรู้ สื่อสารและสัมผัสกับสิ่งเหนือธรรมชาติ ซึ่งหากเป็นคนธรรมดาอย่างเราๆ ไม่สามารถมองเห็นได้แต่ อ.เจน สามารถค่ะ การเล่าเรื่องราวต่างๆ จากการติดตาม อ.เจนมันเป็นประสบการที่เหลือเชื่อ ผ่ามิติจริงๆ ค่ะซึ่งเรื่องที่เล่าให้ฟังทุกครั้งขอยืนยันว่าเป็นเรื่องจริงไม่ได้เสริม แต่งใดๆแต่เหลือเชื่อจริงๆ มาในครั้งนี้การร่วมสำรวจเส้นทางไปกับคณะเพื่อเตรียมงานบุญใหญ่นี้ดิฉันก็ ได้มีเรื่องนำมาเล่าให้ฟังอีกแล้วค่ะ เรื่องมีอยู่ว่า

วัน เดินทางทีมงานก็ได้นัดหมายกันที่บ้านตั้งแต่เช้าทีมงานพร้อมเกือบครบทีม ยกเว้น พระเป็ก/พระเชน ที่ไม่สามารถไปด้วยได้ค่ะก่อนออกเดินทางพวกเราก็มีการประชุมงานกันก่อน งานนี้เดินทางไป-เช้าเย็นกลับต้องหาจังหวัดที่ใกล้กรุงเทพฯ เล่า ดังนั้น อ.เจน คิดว่า ถามครูบาอาจารย์ของ อ.เจนดีกว่า  ที่ต้องเลือก คือ ชัยนาท กับลพบุรี และต้องเป็นวัดที่ขาดแคลนปัจจัยในการบำรุงบูรณะปฏิสังขรณ์แต่จะไปจังหวัดไหน กันเล่าค่ะ

ดัง นั้น อ.เจน คิดว่า ถามครูบาอาจารย์ของ อ.เจนดีกว่า  สรุป ไป จ.ลพบุรี ออกเดินทางกันเลยแต่ยังก่อน อ.เจน บอกกับพวกเราว่าขอให้อธิษฐานบอกกล่าวกับเทวดาประจำตัวของแต่ละคนว่า วันนี้เราจะไปทำอะไรกันและขอให้ท่านช่วยหาวัดที่มีพระปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ และวัดที่กำลังบูรณปฏิสังขรณ์ซึ่งพวกเราจะเดินทางไปเส้นทาง จ.ลพบุรีโดยขอให้ท่านมาอนุโมทนาบุญกับเราและช่วยเหลือเราด้วย เสร็จพิธีการ Let’s go เรา มาติดตามเส้นการเดินทางจากกรุงเทพฯ ไป จ.ลพบุรี แต่ด้วยเทวดานำทาง จึงไปถึง 3 จังหวัด เส้นทางผ่านมากกว่า 50 วัด และมีเรื่องที่เหลือเชื่อมาเล่าให้ฟังค่ะ

สำนักสงฆ์วิหารแดง (วัดร้างในอดีต)  (พระภิกษุสงฆ์ 1 รูป) อ.ค่ายบางระจัน จ.สิงห์บุรี   ใน ขณะนั้น อ.เจน ก็พูดกับพวกเราว่าวัดที่เราจะก่อเจดีย์ทรายหายากมาก ขอให้เทวดาช่วยกันหาให้เจอค่ะ ระหว่างนั้น อ.เจนก็ขับรถเข้าไปในสถานที่แห่งหนึ่งที่พวกเราต่างก็มองหน้ากัน และถามพร้อมๆ กันว่าที่นี่ที่ไหนไม่เห็นมีวัดหรืออะไรสักอย่างที่บ่งบอกได้ว่าเป็นวัด อ.เจนจึงหันมาพูดว่าพี่ฟังหนูก่อน ขณะที่ขับรถอยู่ พวกเหล่าเทวดาที่พวกเราอัญเชิญกันมาอยู่ที่เหนือเศียรเกล้าของทุกคนต่างก็ ปรึกษาหารือกันหนูได้ยินเสียงอยู่คนเดียวพวกพี่ไม่ได้ยินเสียงท่าน ท่านหารือกันและคุยกันค่ะแต่เสียงเบาๆ ไม่ชัดเจน และก็มีเสียงเทวดาท่านหนึ่งที่ชัดเจนเป็นผู้บอกเส้นทางให้หนูก็ขับมาทางนี้ บอกให้เลี้ยวซ้ายเลี้ยวฃวาก็ทำตามมาตลอด ให้จอดก็จอดและยังบอกว่าที่นี่แหละ แต่ก่อนที่จะลงจากรถ อ.เจน ก็สื่อด้วยญาณวิถีตัวเองว่าครั้งหนึ่งพวกเราทั้งหมดเป็นทหารมาพักค่ายกองทัพ อยู่ ณ สถานที่แห่งนี้ที่นี่เป็นค่ายทหารบางระจัน  จาก การติดตาม อ.เจน มานานดิฉันเชื่ออย่างแน่นอนและไม่คิดติดใจสงสัยเมื่อลงจากรถก็เดินหาว่าวัด อยู่ที่ไหนแต่เมื่อเดินมาก็พบกับพระภิกษุสงฆ์รูปหนึ่งหน้าท่านมีบารมีมาก ท่านยิ้มแย้มแจ่มใส อ.เจน ก็เข้าไปกราบและแจ้งความประสงค์ว่าจะนำพาคนมาทำบุญที่นี่ แต่ อ.เจน เองก็ทราบดีอยู่แล้วว่าที่นี่ต้องการ อิฐ หิน ปูนทราย เป็นจำนวนมากตามที่เทวดาท่านบอกและรู้ได้ด้วยญาณทิพย์ของตนเองด้วยว่าเป็น อย่างนั้นแต่ก็ถามท่านไปว่า ที่นี่ยังขาดอะไรบ้างค่ะ เพราะดิฉันจะนำพาคนมาทำบุญค่ะท่าน  พระท่านจึงแจ้งว่า ที่นี่กำลังต้องการ อิฐ หินปูน ทราย กำลังก่อสร้างแบบค่อยเป็นค่อยไป เพราะที่นี่เป็นวัดร้างๆ มานานประมาณ 200กว่าปีแล้ว เมื่อปีที่แล้วอาตมาก็ได้มาถางป่าให้โล่งได้ขนาดนี้เมื่อครั้งอดีตวัดนี้เคย เป็นที่พักค่ายทหารบางระจันโอ้ย..พวกเราหันมามองหน้ากันเลย อ.เจน จริงๆ ด้วย แต่พวกเราก็ไม่แจ้งว่า อ.เจนเป็นใคร มาจากไหนก็ที่ผ่านมาก็ไม่ได้บอกสักวัดค่ะ
      พระรูปนี้ท่านเป็นพระสมถะปฏิบัติเคร่งมาก ท่านถามว่ารู้ได้อย่างไร มาได้อย่างไร ท่านถามหลายครั้งมาก ว่ารู้ได้อย่างไรที่นี่ยังมีวัดอยู่(ปัจจุบันเป็นสำนักสงฆ์)  อ.เจน จึงเรียนท่านว่า หนูก็ไม่รู้ว่ามาได้อย่างไรเหมือนกันค่ะท่านพระ ท่านจึงอธิบายต่อไปว่า เดิมทีอาตมาไม่ได้อยู่ที่นี่แต่ด้วยครูบาอาจารย์ของอาตมาท่านมาในนิมิตให้มา ช่วยสร้างวัดร้างแห่งนี้ให้เจริญเกิดขึ้นมาอีกครั้งซึ่งท่านก็ได้อธิษฐานจิต ไว้ว่า“หากอาตมามีบารมีพอที่จะสร้างวัดวิหารแดงขึ้นมาได้อีกครั้งหนึ่งก็ขอ ให้เทวดาฟ้าดินจงดลจิตดลใจผู้มีบุญบารมีหรือผู้ที่มีจิตศรัทธาในบวรพุทธ ศาสนามาช่วยกันทำนุบำรุงวัดแห่งนี้ให้เจริญรุ่งเรืองสืบไป”  ดังนั้น ในวันนี้ พวกโยมคงไม่ต้องสงสัยแล้วว่ามาได้อย่างไร
วัดพยัคฆาราม  (พระภิกษุสงฆ์ 12 รูป) ออกจากวัดหนึ่งก็มาอีกวัดหนึ่งจนมาถึง อ.ศรีประจันต์จ.สุพรรณบุรี บรรยากาศ เก่าแก่มากมีอายุกว่า 200 กว่าปีที่นี่มีต้นไม้ใหญ่ อ.เจน เห็นว่ามีรุกขเทวดาอยู่หลายองค์ต่างยิ้มและหัวเราะดีใจและมาอนุโมทนาบุญกับ คณะฯ นอกจากนี้ยังมีหลวงพ่ออู่ทองพระเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองนัยว่าศักดิ์สิทธิ์ มาก ประดิษฐานอยู่ภายในโบสถ์ ซึ่งปกติแล้วทางวัดจะไม่เปิดให้ใครเข้าชมเนื่องจากเป็นประพุทธรูปสำคัญจะถูก พวกมิจฉาชีพลักขโมยค่ะแต่เจ้าอาวาสท่านได้เห็นว่า อ.เจน เป็นผู้มีจิตศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาและเป็นผู้นำพาคนมาทำบุญถึง300 คน ท่านจึงอนุญาตให้เปิดโบสถ์เป็นกรณีพิเศษ แหมๆดิฉันพูดถึงขนาดนี้แล้วท่านสนใจมั้ยค่ะ เพราะในวันนั้น อ.เจนจะนำทุกท่านสวดมนต์/นั่งสมาธิกันในโบสถ์นี้เพื่อเป็นศิริมงคลแก่ทุก ท่านและถ้าทุกท่านได้เข้าไปในโบสถ์ที่ศักดิ์สิทธิ์นี้คิดดูซิว่า นอกจากจะได้ชมบารมีหลวงพ่อยังได้รับพลังบารมีของหลวงพ่อท่าน และด้วยจิตศรัทธาในบุญของทุกท่านดิฉันเชื่อว่าท่านคงจะเกิดความปิติแห่งสุข ที่ยากจะลืมเลือนกันเลยทีเดียวเชียวแล
เทวดามาทักทาย อ.เจน คณะ เราได้เดินไปดูพระท่านดูแลช่างแกะสลักลวดลายไม้ยกเว้น อ.เจน เดินไปอีกทางหนึ่ง แต่ปรากฏว่า เทวดาท่านมาพูดคุยและหัวเราะว่าทำไมไม่เดินตามเขาไปล่ะไปดูซิว่าที่นั่นเขา มีอะไร ทำให้ อ.เจนต้องเดินตามคณะเรามาดูบ้าง ปรากฏว่า เทวดาท่านกล่าวขึ้นมาอีกว่า เห็นเรือนั่นมั้ย(บริเวณนั้นมีเรืออยู่ลำหนึ่งทาสีใหม่สวยงาม แท้จริง แล้วเป็นเรือสมัยเก่าทางวัดอนุรักษ์เอาไว้ ที่หัวเรือมีผ้าสามสีผูกอยู่) อ.เจน จึงเงยหน้าไปดูเทวดาท่านจึงบอกกับ อ.เจน ว่า กาลครั้งหนึ่ง อ.เจนเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อสายติดตามนั่งเรือลำนี้มาด้วยกัน เรื่อง นี้ต้องไปสืบค้นประวัติค่ะเพราะตัวดิฉันไม่รู้จักชื่อท่านมาก่อนก็ได้รับฟัง จาก อ.เจน ซึ่งได้พูดว่าหลวงพ่อสายท่านเป็นพระเกจิดังองค์หนึ่งสมัยก่อนค่ะ

วัดชีแวะ    (พระภิกษุสงฆ์ 8 รูป) มาถึง อ.เมืองลพบุรี จ.ลพบุรี  อ.เจน จึงหันมาบอกกับพวกเราว่าเทวดาท่านบอกให้เลี้ยวรถเข้าไปในวัดนี้ พวกเราก็บอกอาจารย์แน่ใจนะ อ.เจนบอกเชื่อหนูเถอะพี่ เทวดาท่านบอก พวกเราอ่านชื่อวัดต่างก็มองหน้ากันชื่อแปลกๆวัดชีแวะ (ตอนนั้นพวกเราก็พูดกันเล่นๆ ขำๆ ว่า หรือว่ามีแม่ชีมาแวะ...ซึ่งก็จริงๆด้วย) อ.เจน ก็ยังคงยืนยันว่าที่นี่แหละค่ะ ท่านบอกให้เข้าไปในนี้ จากการสอบถามท่านเจ้าอาวาสท่านแจ้งว่าที่วัดนี้กำลังสร้างโรงเรียน ปริยัติธรรม เป็นโครงการของหลวงพ่อจรัญ ท่านได้ส่งท่านให้มาอยู่วัดนี้เพื่อดูแลขณะที่กำลังฟังหลวงพ่อท่านบรรยาย ประวัติความเป็นมาของวัดอยู่นั้น อ.เจน ก็หันไปเห็นว่าห้องน้ำวัดสีซีดมากจึงประสงค์จะขอเป็นเจ้าภาพทาสีห้องน้ำวัด ให้สวยงาม เจ้าอาวาสท่านก็อนุญาตและอนุโมทนาบุญด้วยอ.เจน พูดว่า พี่ค่ะการทาสีห้องน้ำวัดนี้จะได้อานิสงส์ ก็คือ ไม่ว่าจะเกิดภพในชาติใดผิวพรรณของเราจะผุดผ่องแจ่มใสหน้าตาสะสวย ถ้าใครจะร่วมทำก็แล้วแต่กำลังศรัทธาของพวกเราเมื่อได้รับทราบเช่นนั้นไม่รอ ช้าค่ะ ดิฉันและคณะฯต่างก็บริจาคเงินส่วนตัวของแต่ละคนร่วมกับ อ.เจน ประธานใหญ่ และมอบให้แก่ช่างทาสี ซึ่งท่านเจ้าอาวาสเรียกมาในทันทีทันใดไม่รอช้าหากใครได้มาทัวร์บุญกับเราใน ทริปนี้ก็คงจะได้เห็นห้องน้ำที่ทาสีเสร็จแล้ว โดยจะทาสีห้องน้ำรอบนอกด้วยสีขาวทั้งหลังและทาสีเขียวตัดที่ด้านล่างห้องน้ำ ค่ะเทวดาท่านพูดกับ อ..เจน ว่า ครั้งหนึ่งเธอได้มาอยู่ที่นี่จึงมีวาระที่ต้องมาอีกครั้ง

วัดท้าวอู่ทอง(พระภิกษุสงฆ์ 7 รูป) มาถึง อ.บ้านแพรกจ.พระนครศรีอยุธยา เป็นวัดเก่าโบราณมากกว่า 200 ปี  วัดนี้ยังขาดปัจจัยบูรณะโบสถ์อีกมาก อาทิเช่นฝ้าเพดานเก่าผุพัง ชำรุดเป็นรูพรุน จนเป็นที่อยู่อาศัยของนกไปแล้ว และ ผนังโบสถ์ที่เก่าแก่ไปตามกาลเวลาจากสภาพที่เห็นคงต้องซ่องแซมเกือบทั้งหลัง บรรยากาศ บริเวณวัดร่มรื่นท่านเจ้าอาวาสท่านจะไม่ค่อยได้ยินเสียงเพราะหูค่อนข้างจะ ไม่ได้ยินอะไรมีพระลูกวัดคอยดูแลช่วยเหลือ ซึ่ง อ.เจน พูดกับดิฉันว่า สุขใจมากที่ได้มีส่วนช่วยเหลือวัดที่ยังขาดปัจจัยซ่อมแซมทำนุบำรุงวัดที่ ชำรุดทรุดโทรมให้คงอยู่สืบไปเพื่อคนจะได้ใช้เป็นสาธารณะประโยชน์ในพระพุทธ ศาสนานับว่าเป็นมหากุศลทีเดียวค่ะถ้าท่านได้มาแล้วก็จะอดที่จะสงสารทางวัดเสียไม่ได้ค่ะ
เรื่องที่เล่าที่ยังไม่เปิดเผย มีอีกค่ะ ยังไม่จบ แต่ขออุบ..ไว้เล่าเรื่องสำคัญๆ โดย อ.เจน และทีมงาน ที่ได้พบเจอประสบการต่างๆ นำมาเล่าอย่างละเอียด รับฟังได้ในรถทัวร์ ค่ะ

ประสบการณ์เหลือเชื่อที่จะสรุปให้ได้รับทราบทั่วหน้ากันดังนี้ค่ะ

1.เชื่อหรือไม่ค่ะถ้าดิฉันไม่ได้ไปด้วยหรือใครที่ไม่ได้ร่วมเดินทางไปด้วยกัน ก็จะไม่ได้เห็นถึงความมหัศจรรย์ในส่วนนี้เลยก็เพราะว่าตลอดเส้นทางที่ อ.เจน ขับรถผ่านมีวัดมากกว่า 50 วัด แต่ทำไม อ.เจน ไม่แวะทุกวัดซึ่งวัดก็อยู่ติดๆ กัน   แต่ อ.เจนขับรถนำพาพวกเราไปตามที่ท่านเทวดาบอก ทั้ง 4 วัด นี้กำลังก่อสร้างและขาดปัจจัยในการก่อสร้างจริงๆทางวัดก็ยินดีและดีใจ โดยไม่รู้ด้วยว่า อ.เจน เป็นใครเพราะไม่บอกท่านค่ะ

2.การสำรวจเส้นทางในครั้งนี้ไม่เหนื่อยเลยและใช้เวลาไม่ถึงบ่าย3 โมงก็เสร็จสิ้นลงแล้ว  ถ้าจะนับเวลารวมการสำรวจห้องน้ำว่าสามารถรองรับและ อำนวยความสะดวกให้กับคณะทัวร์  แวะเข้าห้องน้ำ แวะรับประทานอาหารเช้าและกลางวันด้วย  รวมกันแล้วจัดว่าใช้เวลาน้อยมากก็ เป็นเพราะเทวดาของทุกคนที่อันเชิญมาท่านได้ช่วยเหลือจริง  ท่านมีอยู่ จริง  และที่แน่ๆ ทุกวัดจอดรถปุ๊บก็ได้วัดที่ตั้งใจไว้ทุกวัด ไม่มีผิดเพี้ยนแม้แต่วัดเดียว สรุป 4 วัดนี้ จอดรถ 4ครั้ง ไม่มีว่าจอดแล้วไม่ได้ค่ะ ก็เป็นไปตามที่เทวดาบอกกล่าวนั้นเป็นไปตามวัตถุประสงค์ คือ ขาดแคลนปัจจัยบำรุงวัด

3.สรุปได้ว่า สิ่งที่เรามองไม่เห็นก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีอยู่จริง เพราะเราไม่มีหูทิพย์ ตาทิพย์ แต่ อ.เจน มีตาทิพย์หูทิพย์ จึงสามารถค่ะ นี่แหละค่ะเราต้องปฏิบัติดีปฏิบัติชอบในทางธรรม โดยต้องเริ่มที่การทำความดีก่อนทำทานก่อน เพื่อเป็นเสบียงบุญ ในการเจริญภาวนาให้เกิดตัวรู้ จนถึงขั้นอภิญญาญาณ ค่ะแม้จะนานแต่คุณพยายามแล้วหรือยัง

     4.อ.เจนจะสอนอยู่เสมอว่า การทำบุญใดๆ ขออย่าลืมอุทิศบุญให้กับเทวดาประจำตัวของเรา เมื่อท่านได้รับแสงบุญจากเราแล้วท่านจะมีพลังและช่วยเหลือเราได้หากเราร้อง ขอ ร้องขอในทางบุญนะค่ะ ไม่ใช่ร้องขอในทางโลภ ท่านไม่ช่วยค่ะ  และสิ่งที่เหลือเชื่อที่ได้กับตนเองก็คือท่านมาช่วยจริงๆ ค่ะ ไม่งั้นกลับบ้านมืดตึดตือแน่ๆวันนั้น

5.สิ่งที่ควรรู้  ทำไมครั้งสมัยโบราณคนหนุ่มสาวถึงไปวัดเพื่อก่อพระเจดีย์ทราย ร่วมกันจนมีเพลงๆ หนึ่ง จำได้แล้ว เพลงงานวัด ค่ะ เขามีเนื้อร้อง ดังนี้ค่ะ “ครั้งหนึ่ง ครั้งหนึ่งเธอจำได้ไหม สองเราเคยเที่ยวงานวัดบ้านใต้ ทำบุญปิดทององค์พระมาลัยก่อพระเจดีย์ทรายร่วมกัน สาบาน สาบานต่อหน้าหลวงพ่อ สองคนดั่งธูปเทียนที่ต่อ หวังพรจากบุญหลวงพ่อบนบานขอความรักยั่งยืน”  ค่ะในเนื้อเพลงบ่งบอกว่าการก่อ เจดีย์ทรายร่วมกันจะได้เป็นคู่รักที่ยั่งยืน  ดังนั้น คนที่มีกรรมกับความรักเมื่อได้มาก่อพระเจดีย์ทรายเกิดภพชาติใดก็จะมีคู่รัก ที่มีสัมมาทิฐฐิเป็นเครื่องชีนำทางค่ะ

6.อานิสงส์บุญนี้เป็นการชำระหนี้สงฆ์ด้วยการซื้อทรายเข้าวัด สิ่งที่ติดขัดจะจางหาย ยกตัวอย่างจากตัวของดิฉันเองค่ะ  อ.เจน ได้เห็นว่าพบในอดีตชาติหนึ่งดิฉันเป็นเด็กวัดใช้ของวัด กินของวัด และมาในชาตินี้ก็มีชีวิตวนเวียนอยู่กับวัด  ตอนนั้น ดิฉันอึ้งไปพักใหญ่ๆ ค่ะ เพราะ อ.เจนไม่รู้ประวัติชีวิตของดิฉัน แต่ดิฉันรีบชิงพูดให้ อ.เจน รับทราบไปเลยว่า อ.เจนเชื่อมั้ยค่ะว่า มาในชาตินี้ ดิฉันเรียนโรงเรียนวัดตั้งแต่ประถม-มัธยมเรียนอยู่หลายโรงเรียนล้วนเป็น โรงเรียนวัด มีเพื่อซี้เป็นเด็กวัด เดินผ่านวัดไปโรงเรียนทุกวัน เป็นจริงทุกประการ

กรรม อันนี้จึง ส่งผลให้ แม้ดิฉันจะมีเงินทองเข้ามามากมายเพียงใดก็ต้องมีเรื่องให้ต้องใช้จ่ายรั่ว ไหลออกไปจนหมดสำหรับเรื่องที่ใช้จ่ายไปนั้นมิใช่นำมาทำบุญ แต่เป็นไปในหนทางอื่นเสียหมด และมีมากกว่านั้นจะถูกเบียนเบียนจากเจ้านาย เพื่อพ้อง และบริวาร ครบค่ะไม่ต้องสงสัยค่ะ

อ.เจน จึงให้ดิฉัน ไม่ว่าจะไปทำบุญที่วัดใด ให้พยายามมองหาตู้ชำระหนี้สงฆ์5 บาท 10 บาท ก็หย่อนเงินลงไปด้วยตั้งจิตอธิษฐานตัดกรรมจากอดีตชาติและชาติปัจจุบันถ้า ท่านเห็นดิฉันในงานบุญใดยืนอยู่หน้าตู้ชำระหนี้สงฆ์อธิษฐานออกจะนานอยู่สัก หน่อยไม่ต้องสงสัยค่ะยืนตัดกรรมอยู่ค่ะ
เพิ่มเติมอีกนิดค่ะ เมื่อหาวัดได้ครบแล้วเหล่าเทวดา ต่างยิ้มโมทนาบุญและกลับในทันที อ.เจน ก็หันมาบอกว่า ลาท่านเสียค่ะ เทวดาประจำตัวของทุกคนต่างอนุโมทนาบุญและกลับแล้ว พวกเราไม่เห็นสักคนแต่ก็ยกมือขึ้นตั้งจิตอุทิศบุญค่ะ
สัมภเวสี ชื่อ นายเขียว ขอส่วนบุญ อ.เจน เป็นทั้งคนขับรถ เซอร์เวย์เส้นทางไปพร้อมๆกับต้องฟังเสียงเทวดาท่านนำทางด้วยนั้น ยังจะมีของแถมอีกค่ะคือที่ข้างทางมีแอ่งน้ำอยู่ข้างทางอ.เจนก็หันไปดูว่าใคร เขาเอาศาลไปสร้างอยู่ในแอ่งน้ำนี้มันแปลกจริง  ทันใดนั้น สัมภเวสีตนหนึ่ง เขามาบอกว่าทำบุญให้ฉันด้วยฉันชื่อนายเขียว อย่าลืมนะ อ.เจน ได้ยินดังนั้นก็หันมาบอกกับพวกเราตามที่เล่านั่นแหละค่ะแต่ขณะนั้นยังหาวัด ไมไครบจำนวนจึงให้เขารอก่อน แต่เมื่อขากลับปรากฏว่าลืมนายเขียวไปเลยค่ะ  ระหว่างขับรถอยู่อ.เจน ก็บอกกับพวกเราว่า พี่หนูลืมนายเขียว เขามาทวงค่ะ เขาบอกว่าลืมเขาแล้วใช่มั้ยได้ฟังดังนั้น พวกเราทั้งหมด ก็นั่งพนมมือกันแต้พร้อมเบิกบุญเก่ามาให้นายเขียวเพราะวันนั้นไม่ได้มีบุญ อะไรกันเลยค่ะ รีบๆ กันเลยพวกเราก็ตั้ง นะโม 3 จบ อธิษฐานเบิกบุญของเราอุทิศบุญให้กับนายเขียวค่ะ แล้ว อ.เจนก็หันมาบอกว่า สัมภเวสีตนนี้มีฤทธิ์แรงมาก เขาไปแล้วค่ะ
เรื่องตื่นเต้น เรื่องเล้นลับเรื่องที่เหลือเชื่อ หรือความมหัศจรรย์พันลึก ท่านอาจจะได้พบเจอในงานบุญ (ถ้ามี)เพราะด้วยเหล่าเทวดาและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ได้มาโมทนาบุญกับเราอย่างแน่นอนค่ะ เพราะเรามาทำความดีกันด้วยบุญที่ได้กระทำร่วมกันเป็นมหากุศล
        อ.เจน พูดเสมอว่า การทำบุญร่วมกับคนหมู่มากเป็นมหากุศลเปรียบเหมือนกับคลื่นสึนามิ (การทำบุญกับคนหมู่มาก) กับน้ำเพียงถังเดียว (การทำบุญคนเดียว)

พลัง บุญของคลื่นสึนามิจะต้องแรงมากกว่าพลังบุญของน้ำเพียงถังเดียวอยู่แล้ว ฉันท์ใดก็ฉันท์นั้น เพราะมหากุศลที่พวกเราได้กระทำในครั้งนี้ พวกเราเป็นคนทำด้วยใจ ทำด้วยหยาดเหงื่อแรงกาย อานิสงส์ผลบุญจะแรงมากกว่าสิ่งอื่นใดอย่างแน่นอน  

อ.เจน จะพูดเช่นนี้เสมอว่า คน เราเกิดมาหลายภพชาติ ไม่ว่าจะเป็นอดีตชาติหรือชาติปัจจุบัน ที่เราใช้น้ำใช้ไฟฟ้า หรือกระทั่งหินดินทรายที่ติดรองเท้าออกไปจากวัด จะทำให้เราติดกรรมกับธรณีสงฆ์อย่างไม่รู้ตัวค่ะ เพราะจากการที่ อ.เจน ตรวจกรรมของผู้คนจำนวนมากที่ประสบปัญหาในเรื่อง การงาน ทำมาหาหกินไม่คล่อง การเงินฝืดเคือง และปัญหาต่างๆ มารุมเร้า ก็เพราะสาเหตุของการติดหนี้กรรมจากธรณีสงฆ์

บุญใครทำใครได้ใครกินใครอิ่มค่ะ ดิฉันจึงขอเชิญชวนท่านทั้งหลาย มาร่วมทำบุญมหากุศล เพื่อสะสมเสบียงบุญร่วมกันในวันที่ 31 มี.ค.56
อานิสงส์ของบุญมหากุศลครั้งนี้  ผล บุญจะมีมากมีผลให้สิ่งที่ติดขัดทั้งทางด้านการเงิน การงาน และความรักรวมทั้งอุปสรรคทั้งปวงจะผ่อนคลายลงได้ด้วยอานิสงส์ของบุญนี้ค่ะ
อย่า ปล่อยเวลาอันมีค่าหมดไปวันๆ อย่างไร้ประโยชน์ นะค่ะ พวกเรามาช่วยกันทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาร่วมกัดีกว่าค่ะ เพื่อสะสมเสบียงบุญสู่สรวงสวรรค์ร่วมกับ อ.เจน ซิค่ะ

โพสต์นี้ยังมีเนื้อหาเพิ่มเติม

คุณจำเป็นต้อง เข้าสู่ระบบ ก่อนจึงจะสามารถดูและดาวน์โหลดไฟล์แนบได้ หากยังไม่มีบัญชีหรือยังไม่ได้เป็นสมาชิก กรุณาลงทะเบียน

x

อัพเกรด  38.84%

5

กระทู้

918

โพสต์

2248

เครดิต

Master

Rank: 4

เครดิต
2248
หวนนึกทีไรก็อิ่มเอม และสุขใจทุกครั้ง
  "อัตตา หิ อัตตโน นาโถ" ตนนั่นแลเป็นที่พึ่งแห่งตน  

อัพเกรด  71.33%

16

กระทู้

119

โพสต์

414

เครดิต

Senior

Rank: 3Rank: 3

เครดิต
414
ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านที่่ได้ไปร่วมงานบุญด้วยค่ะ

อัพเกรด  10.33%

0

กระทู้

117

โพสต์

965

เครดิต

Master

Rank: 4

เครดิต
965
5#
โพสต์เมื่อ 2013-9-23 15:54:01 | แสดงเฉพาะโพสต์ของสมาชิกนี้
อนุโมทนากับผู้ร่วมบุญทุกท่านค่ะ

อัพเกรด  5.31%

0

กระทู้

332

โพสต์

739

เครดิต

Master

Rank: 4

เครดิต
739
6#
โพสต์เมื่อ 2013-9-23 23:53:43 | แสดงเฉพาะโพสต์ของสมาชิกนี้
อนุโมทนาบุญด้วยค่ะ

อัพเกรด  60.76%

0

กระทู้

802

โพสต์

3234

เครดิต

Master

Rank: 4

เครดิต
3234
7#
โพสต์เมื่อ 2013-9-24 00:21:39 | แสดงเฉพาะโพสต์ของสมาชิกนี้
ขออนุโมทนาบุญด้วยค่ะ กับทุกท่านที่ได้ไปร่วมบุญนะคะ

อัพเกรด  2.24%

100

กระทู้

188

โพสต์

601

เครดิต

Master

Rank: 4

เครดิต
601
8#
โพสต์เมื่อ 2013-9-24 13:24:37 | แสดงเฉพาะโพสต์ของสมาชิกนี้
อนุโมทนาสาธุค่ะ

อัพเกรด  0.98%

0

กระทู้

222

โพสต์

544

เครดิต

Master

Rank: 4

เครดิต
544
9#
โพสต์เมื่อ 2013-9-24 14:21:12 | แสดงเฉพาะโพสต์ของสมาชิกนี้
โมทนาบุญกัีบทุกท่านด้วย นี่เป็นทริปแรกที่ได้ร่วมเดินทางกับอ.เจนค่ะ

อัพเกรด  10.98%

2

กระทู้

316

โพสต์

994

เครดิต

Master

Rank: 4

เครดิต
994
ทริปร์นี้ได้มีโอกาสร่วมไปด้วย ยังคงประทับและอิ่มบุญอยู่เลยครับ

สมาชิกที่เพิ่งอ่านหัวข้อนี้

คุณต้องเข้าสู่ระบบก่อนจึงจะสามารถตอบกลับโพสต์นี้ได้ เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

รายชื่อผู้กระทำผิด|อุปกรณ์เคลื่อนที่|Archiver|อาจารย์เจน.com

GMT+7, 2025-7-2 01:01 , Processed in 0.078232 second(s), 21 queries .

Copy right © 2013 อาจารย์เจน.com.

Web Design By modifydiscuz.com

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้