แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย จี๊ดจ๊าด เมื่อ 2017-1-18 16:26
คนมันบ้า เรื่องที่จะเล่าเป็นเรื่องที่มักเกิดขึ้นกับจี๊ดอย่างสม่ำเสมอและเป็นเรื่องที่ อ.เจน กับ คุณรุ้ง ก็มักจะขบขันจี๊ด อยู่เสมอด้วยเช่นกันค่ะ ตะก่อนตะไรจี๊ดก็ไม่ได้คิดอะไรนักหรอกค่ะแต่มาวันนี้ต้องคิดแล้วเขียนให้ฟังขำ ๆ นะค่ะ ซึ่งส่วนมาเป็นเรื่องของคน ทั้งน้านค่ะ
คนพูดมาก พบบ่อยมากค่ะ บางครั้งจำเป็นต้องนั่งรถแท็กซี่และส่วนมากก็จะไปกัน 3 คน ถ้า อ.เจน กับ คุณรุ้ง ไปกันสองคนไม่มีปัญหาค่ะ แท็กซี่ไม่มาก้าวก่ายอะไรเลยค่ะแต่ถ้าจี๊ดนั่งรถไปด้วยก็จะเกิดเหตุการณ์ เช่น ไม่ว่าเราจะคุยกันด้วยเรื่องอะไรคนขับแท็กซี่ก็จะหันมาแทรกพูดคุยด้วย แบบมาเสนอตัว “ผมอยากรู้ครับ ที่นั่นที่ไหนครับผมอยากรู้ครับ บอกผมหน่อยครับ” หรือไม่ก็พูดคุยโม้อะไรไปเรื่อยเปี่อย พวกเราก็ต้องทน นั่งฟังไปตลอดทาง ทั้ง อ.เจนและคุณรุ้ง ก็จะหันมาพูดกับจี๊ดว่า พี่นะพี่อีกแล้วมากับพี่เป็นอย่างนี้ทุกทีเลยค่ะ คนขับรถแท็กซี่ มีหลากหลายอารมณ์หลายหลายรูปแบบ เคยมีอยู่ครั้งหนึ่งเมื่อเข้าไปนั่งในรถแท็กซี่ก็อู้ยดีใจ คนขับคงต้องเป็นคนใจเย็นรู้ได้จากเสียงเพลงแอร์เย็นกับเพลงฟังเบาสบายประเภทสุนทราภรณ์ ฟังแล้ว ช่างเย็นจิตเย็นใจสบายน่านั่งเสียนี่กระไรแต่ที่ไหนได้คนขับแกเหยียบคันเร่งแซงซ้ายปาดขวาฝ่าไฟแดง ทุกคนต้องนั่งเกร็งกันจนสุดปลายทางลงรถแล้วเกิดอาการเหนื่อยเชียวค่ะ
คนเจ้าอารมณ์ อีกครั้งหนึ่งค่อนข้างโหด คนขับแท็กซี่เป็นผู้หญิงก็ดีใจนานๆ จะได้นั่งรถผู้หญิงขับ แต่ดูเธอค่อนข้างจะเจ้าอารมณ์อารมณ์เสียอยู่ตลอดเวลาขับไปก็ด่าไปแบบด่าลอยๆ ไป อ.เจน ไม่ต้องพูดถึงค่ะเงียบ คุณรุ้งปกติไม่ยอมใครนะค่ะก็นั่งเงียบแต่เงียบแบบดูท่าทีอ้าวอาจารย์ของฉัน เงียบไปทั้งสองคนแล้วเราล่ะ ครั้งแรกก็ขุ่น ๆ ใจอยู่เหมือนกันแต่มานึกถึงคำสั่งสอนของ อ.เจน ได้ว่า ถ้าคนเราเห็นคนที่โกรธเกรี้ยวแล้วเราก็โกรธเกรี้ยวตอบถกเถียงกันเกิดอารมณ์โทโสใส่กัน นั่นย่อมแสดงว่าเราไม่ผ่านการทดสอบเราต้องปล่อยวางมันลงให้ได้แล้วเราผ่านพ้นกับบททดสอบ ของความมีขันติ เออ จริงค่ะสักพักจี๊ดก็มองเห็นเป็นธรรมมะอย่างที่ อ.เจน พูดไว้ได้จริง ๆ วันนั้น ดีจั้ยดีใจค่ะ ฉันไม่โกรธตอบได้ด้วย เมื่อลงจากรถ อ.เจน กับคุณรุ้งก็มองหน้ากัน แล้ว อ.เจน จึงพูดว่า ผู้หญิงคนนี้ อดีตชาติเคยเป็นผู้คุมนักโทษที่มีจิตใจโหดเหี้ยมมาเกิดใหม่เป็นผู้หญิง ก็ติดนิสัยเดิมมาแม้จะได้ไปรับผลกรรมในนรกมาแล้วก็ไม่เข็ดหลาบดังนั้น เรานิ่งเสียอย่างนี้ดีแล้วค่ะ
คนชอบโทษผู้อื่น จี๊ดนั่งแท็กซี่ก็พบกับคนขับแท็กซี่ที่คุยเก่งมากก็ต่างคนต่างก็คุยกันไปซึ่งก็ ชี้ชวนกันคุยกันอย่างออกรดออกชาดกันทีเดียวค่ะ ในขณะนั้น รถแท็กซี่กำลังขับขึ้นสะพานสูง แต่เจ้ากรรมจริง จริ้ง ได้มีนกพิราบตัวหนึ่งบินมาในระดับสูงของสะพานหัวของนกพิราบบินมาชน เข้าอย่างจังกับกระจกหน้ารถแท็กซี่ เสียงดังบรั๊กครบเลื้อดเล่ะติดกระจกหน้ารถเลยค่ะจี๊ดเห็น อย่างนั้นจึงรู้ได้ทันทีว่าไม่รอดตายแน่ตายแน่ ทันใดนั้นจี๊ดรีบทำการเบิกบุญและอุทิศบุญให้กับ เจ้านกชะตาขาดตัวนั้นด้วยความสงสารเวทนาแต่แทนที่แท็กซี่จะเห็นว่า เป็นเรื่องของอุบัติเหตุ ที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้กลับหันมาว่า จี๊ดว่านี่เป็นเพราะคุณแท้ ๆ เลย ที่คุยกับผมทำให้ผมชนนกตาย อ้าวทำไมถึงเป็นแบบนี้ เหวอเลยค่ะ จี๊ด งงกับคนขับคนนี้มากจากที่พูดคุยกันถูกคอเกิดความเงียบ ในบัดดล จี๊ดคิดในใจว่าการตายของนกพิราบนี้ เป็นคราวเคราะห์ดวงชะตาของนกที่ต้องตาย หรือเป็นจี๊ดที่ผิดคุยกับแท็กซี่หรือแท็กซี่คุยกับจี๊ด และทุกคนก็เห็นว่า นกมันบินมาหากระจกรถ เองตลกดีค่ะเรื่องนี้ ค่ะบางครั้งก็คิดนะค่ะว่า คนมันบ้าจริง ๆ
มันคือ ?.....เรื่องของคนไม่จบง่ายมีเยอะค่ะมีอยู่วันหนึ่งขึ้นรถเมล์ มีผู้ชายคนหนึ่งหอบของ พะรุงพะรัง เมื่อได้เห็นแล้วก็อดสงสารแกไม่ได้จึงมองดูว่าแกจะนั่งตรงไหนลุงแกก็มองไป รอบรถที่ว่างมีสรุปแกมานั่งตรงหน้าจี๊ดแล้วหันมาถามว่า “มียาดม..มั้ย ขอยาดม” ด้วยความ เป็นห่วงว่าแกจะเป็นลมอย่างแน่นอน จึงรีบค้นหายาดมในกระเป๋าเพราะเป็นคนติดยาดม ไม่ได้เป็นคนเวียนหัวนะค่ะชอบยาดมชื่นใจดีค่ะเป็นคนติดยา และก็ชอบสะด้วยยาดมขวดจิ๋ว ยี่ห้อ แม่มะลิ น้ำสีสีเขียวเมื่อคว้ามาได้ก็รีบส่งให้ลุงแกทันที ในใจก็คิดอยากที่จะช่วยเหลือ แกจะช่วยนวดให้ดีมั้ยน้า ทั้ง ๆ ที่ลุงแกมีเนื้อตัวสกปรกมอมแมม แต่ใจก็คิดถ้าลุงเป็นลมไป จะทำยังไงขณะที่คิดอยู่นั้น จี๊ดก็ยังเห็นลุงแกเปิดขวดยาดมแตะยาดมไปทาที่จมูกบ้างขมับ บ้างก็มองๆ แกอยู่พอดีแกก็หันมา พูดว่า “ไม่มียาดมสีเหลืองเหรอ ห๊า ไม่มีเหรอฉันชอบ ยาดมสีเหลือง”แบบนี้จี๊ดก็ไปไม่เป็นเหมือนกันนะค่ะ ก็ตอบลุงแกไปว่า “เออ ก็มีแต่ยาดม สีเขียว”แต่ใจก็คิดนะค่ะ นี่มันคือ ?.....
เป็นเพื่อนกันเหรอ เรื่องมีอยู่ว่า วันนั้นจี๊ดอ่อนเพลียนอนดึกจากเมื่อวานนี้ไปทัวร์บุญเสบียงสวรรค์ มาค่ะ ก็นั่งหลับบนรถเมล์ฟรีเพื่อประชาชน แหมแต่งชุดราชการเต็มยศเชียวค่ะ วันนั้นเป็นวันจันทร์ จี๊ดนั่งตรงบริเวณทางขึ้นลงบันไดรถเมล็ค่ะ และแล้วก็มีผู้ชายคนหนึ่งแต่งตัวมอมแมมเดินขึ้นบันได เอมมือของเขามาตีที่หัวเข่าของจี๊ดดังฉาดจี๊ดตกใจตื่นขึ้นมา เขายิ้มน้อย ๆ แล้วทำตาเล็กตาน้อยใส่ พร้อมกับพูดยิ้ม ๆ ที่มุมปากว่า "แหมเราน่ะ หลับอีกแล้วนะเรา" เฮ้ย งง เราเป็ฯเพื่อนกันมาตั้งแต่เมื่อไหร่ คนหันมามองเป็นตาเดียวกันว่า มันคือ .... จี๊ดหันไปเห็นสายตาตั้งคำถามว่า รู้จักเขาเหรือ พอเข้าใจได้ค่ะ สายตาของทุกคนที่จ้องมองอย่างนั้น จึงนั่งนิ่งเฉย ชายคนนั้นก็เดินผ่านไปแบบไม่รอคำตอบอะไรเขาไป นั่งที่ด้านหลังรถเมล์ พอไดสติ อ้อ คนสติไม่ดีมาทักทาย เข้าใจล่ะ หลับต่อค่ะ จากเรื่องเล่าพอสังเขป มีอีกเยอะค่ะเรื่องของจี๊ดจ๊าด ที่มักจะพบเจอแต่ คนแปลกประหลาด แบบนี้ มันเป็นเรื่องของคนที่นำมาเล่าขำขำนะค่ะจี๊ดไม่ได้ดูถูกคนที่บ้าเสียสตินะค่ะ แต่คนดีดี นี่สิมันบ้า เพราะถ้าคนที่บ้าเพราะเสียสติเชื่อว่าทุกคนรับได้ค่ะ ซึ่งตัวจี๊ดเองไปไหนก็เจอแต่ เรื่องแบบนี้จนเป็นที่ขบขันของอาจารย์ เมื่อบ่อยๆ เข้า อ.เจน จึงกำหนดดูว่าเป็นเพราะอะไร กันแน่ที่ทำให้พี่จี๊ดถึงต้องพบเจอกับคนอย่างที่เล่านี้บ่อยครั้งอย่างไม่น่าเชื่อแล้วปริศนากรรมนั้น ก็ได้แจ้งกระจ่างออกมาค่ะว่า ในอดีตชาติหนึ่ง จี๊ดทำกรรมโดยชอบตำหนิติเตียนผู้อื่น ผลกรรม นั้นทำให้ตกนรกและมาเกิดเป็นคนสติสตางค์ไม่ดีบ้า ๆ บอ ๆ ซึ่งได้รับผลกรรมไปแล้ว และมา ในชาตินี้ยังคงมีเศษกรรมหลงเหลืออยู่บ้างซึ่งจี๊ดก็เห็นว่า ไม่ได้หนักหนาอะไรนักพอรับได้ค่ะ เรื่องของกรรมนั้นช่างละเอียดอ่อนนักนะค่ะ ทุกสิ่งอย่างย่อมมีเหตุมีผลของการกระทำของเรา ทั้งสิ้นค่ะ
|