
เรื่องของ ...ลุงข้างบ้าน อ.เจน
ลุงคนนี้น่าสงสารมาก ทุกครั้งที่ดิฉันไปบ้าน อ.เจน ก็มักพบเจอลุงคนนี้ยืนอยู่ข้างตู้โทรศัพท์สาธารณะฝั่งตรงข้ามกับบ้านของ อ.เจนแกขายอาหารตามสั่งมีรายได้พอประทังชีวิตไปวัน ๆ ราได้จากการขายของลุงตก ประมาณวันละ80 บาท บางวันก็ขายไม่ได้ แต่ทุกวันต้องเสียค่าใช้จ่ายประจำ เป็นค่าเช่าที่ ตั้งเตา+กระทะตกวันละ 50 บาท สรุปว่า ลุงคนนี้มีเงินพอกินพอใช้ประมาณวันละ 30 บาทหรือบางวันก็ไม่ได้เลยค่ะ เพราะอาหารที่ลุงแกทำนั้นไม่อร่อยเอาเสียเลยแต่ลุงแกไม่รู้จะไปทำมาหากินอะไร แม้ว่าลุงคนนี้จะมีอาชีพหาเช้ากินค่ำไปวันๆแต่แกไม่เป็นคนที่คดโกงใครมีน้อยใช้น้อย ลูกชายก็ไปรับจ้างเขาทำงานเพราะเรียนมาน้อย ส่วนลูกสาวก็ไม่เป็นโล้เป็นพาย
น้ำใจของลุงคนนี้ก็คือ ทุกครั้งที่มีของสังฆทานงานบุญของอ.เจน มาส่งที่หน้าบ้าน เพราะ อ.เจน จะสั่งมาครั้งละมาก ๆ ทุกครั้งที่ของสังฆทานหรืออะไรก็แล้วแต่ ไม่ว่าจะเป็นของบริจาคอื่นใดลุงแกก็มักจะกุลีกุจอ..มาช่วยเหลือและช่วยขนของจิปาถะให้ทุกครั้งพวกเราก็จะอนุโมทนาบุญกับแกทุกครั้งไป แต่ลุงแกคงไม่เข้าใจเรื่องการอนุโมทนาบุญเพราะแกไม่รู้ในเรื่องของบุญเท่าใดนัก ความมีน้ำใจของลุงอยู่ในสายตาของพวกเราเสมอๆค่ะ ซึ่งลุงหารู้ไม่ว่า การที่มาช่วยขนของงานบุญก็เป็นกุศลและมีอานิสงส์บุญมาก ลุงแกก็เป็นคนจนๆคนหนึ่งที่ไม่มีปัญญาไปทำบุญที่ไหน แม้อยู่ใกล้วัดบางพลัดก็ไม่มีเงินจะไปทำบุญ แต่ลุงแกมีน้ำใจกับแรงกายของแกที่ช่วยเหลือผู้อื่นทำด้วยใจไม่ได้มุ่งหวังอะไรจากบ้าน อ.เจน เลย ทำให้แม่ตี้ อ.เจน คุณรุ้ง ก็จะอดที่จะสงสารลุงแกไม่ได้ หากวันใดมีข้าวของที่ลูกศิษย์ลูกหานำมาฝากมากมาย บางครั้งก็มากเสียจนไม่รู้จะทำอย่างไรแม่ตี้ ก็จะจัดการแบ่งปันทันที ส่วนที่ 1 ทำบุญใส่บาตรตอนเช้า (แม่ตี้จะไม่เคยขาดการใส่บาตรแม้สักวัน) ส่วนที่ 2 แจกคนข้างบ้านที่ยากไร้ (ยังมีผู้ที่ไม่มีเงินเลี้ยงปากเลี้ยงท้องอีกมากมายผู้ที่ขัดสน) อาศัยอยู่แถวๆ บ้าน อ.เจน หลายหลังคาเรือน ดังนั้น ลุงก็เป็นหนึ่งในคนพวกนั้น เป็นคนที่แม่ตี้มักจะคิดถึงเสมอและแบ่งปันอาหารการกินให้แก่เสมอๆ แต่มีอยู่วันหนึ่งแม่ตี้ ให้อาหารแกมากเกินไปแกจึงพูดขึ้นว่า ให้ผมมากอย่างนี้ก็ไม่รู้วาจะเก็บไว้ที่ไหนได้มันจะเสียของเพราะกินไม่ทัน แม่ตี้ จึงได้ถามไปว่าอ้าวแล้วไม่มีตู้เย็นแช่ของกินหรือไงล่ะลุงจึงพูดว่าที่บ้านไม่มีแม้ตู้เย็นสักเครื่อง หม้อหุงข้าวก็ไม่มี ซื้อกินไปวันๆเท่านั้น แม่ตี้ พอจะมีหม้อหุงข้าวอยู่หนึ่งใบยังไม่ใช้ก็ยกให้ลุงแกไปเผื่อจะได้หุงข้าวกินแต่ก็มาปรึกษากันที่บ้านว่า ให้หม้อหุงข้าวเขาแล้วน่าใจให้ตู้เย็นให้แกด้วยแต่ก็ได้ไปถามแกว่า แล้วจะเสียค่าไฟฟ้าอย่างไร ลุงแกบอกว่าเช่าเขาเป็นรายเดือนเหมาค่าไฟฟ้าแล้ว จึงมาหารือกับ อ.เจน คุณรุ้งว่าอยากจะช่วยลุงแกเรื่องตู้เย็น
ไปซื้อตู้เย็นให้ลุง ดังนั้นเมื่อลูกศิษย์ลูกหามาที่บ้านมาทำภารกิจพิเศษได้รวมพลกันก็ไปซื้อตู้เย็นเพื่อมอบให้ลุงแกโดย อ.เจน คุณรุ้ง เจ้าภาพก็ออกค่าใช้จ่ายมากโขอยู่ ส่วนบรรดาลูกศิษย์ก็ร่วมบริจาคกันตามกำลังจำได้ว่า วันนั้นดิฉันก็บริจาคตามกำลังที่น้อยนิด แต่อธิษฐานจิตเสียนานกว่าเจ้าภาพเสียอีกค่ะเมื่อตู้เย็นมาส่งถึงบ้าน อ.เจน คุณรุ้ง แม่ตี้ ก็เตรียมส่งมอบก็ได้เรียกลุงแกมารับมอบ ดูหน้าแกซิแกดีใจแต่เก็บความรู้สึกของลูกผู้ชายไม่ให้น้ำตาไหลด้วยความดีใจอย่างสุดกำลังแกมากับลูกสาวที่มีสีหน้าแบบปลาทูแม่กลอง (หน้างอ คอหัก) ดิฉันก็อดสงสัยไม่ได้ว่า ทำไม่ดีใจกับพ่อของตนที่ได้ตู้เย็นกลับบ้านไปใช้ซึ่งลูกสาวก็ได้ใช้ด้วย แต่ อ.เจน ได้บอกว่าลูกสาวไม่พอใจมาก แต่เราภูมิใจมากเพราะพวกเราคิดถึงความดีของลุง ไม่คิดถึงสีหน้าของลูกสาวลุงค่ะ เป็นความภูมิใจเล็ก ๆ ที่ได้ช่วยเหลือลุงแกค่ะ
กรรมจากอดีตชาติของลุง อ.เจน ได้เห็นกรรมในอดีตชาติของลุงคนนี้ในอดีตชาติเป็นเศรษฐีมหาเศรษฐี มีกินมีใช้ไม่อดอยาก แต่เป็นคนรวยที่ตระหนี่ถี่เหนียวมากไม่เคยทำบุญ ทำทาน แม้จะร่ำรวยสักเพียงใด มาในชาตินี้จึงอดอยากไม่มีจะกินกรรมได้ส่งผลในปัจจุบัน
อ.เจนจึงพูดเสมอว่า คนเราเมื่อมีชีวิตอยู่ก็จงมีชีวิตอยู่ด้วยความไม่ประมาท มีชีวิตอยู่ด้วยบุญมีชีวิตอยู่อย่างมีคุณค่า แม้ตายไปก็ไม่เสียชาติที่ได้เกิดมาสร้างบุญบารมีและบุญเท่านั้นที่เรานำติดตัวไปด้วยได้ มิใช่แก้วแหวนเงินทอง เพราะสุดท้ายแล้วเราตายคนเดียว ไปรับบุญบาปคนเดียว ไม่มีเพื่อนที่ว่ารักเรามากไปด้วยไม่มีญาติพี่น้อง สามี ภรรยา บุตร ธิดา ติดตามเราไปเป็นเพื่อน เมื่อถึงวันสุดท้ายของชีวิตมนุษย์ มีแต่ร่างไร้วิญญาณของเรานอนอย่างเดียวดายในโลงแคบๆค่ะ หมั่นสร้างบุญ สร้างกุศล เพื่อตัวเราเองไม่ใช่เพื่อใครทั้งนั้น ตามที่พระพุทธองค์ท่านได้ตรัสไว้นั้นแหละค่ะ
จบ...ค่ะ
|