จี๊ดจี๊าด มาเล่า....ค้า..... ดิฉันขอเล่าเรื่องราวที่ได้เคยติดตามอ.เจน และคุณรุ้ง ไปสำรวจเส้นทางหาที่ดินสร้าง สถานที่ปฏิบัติธรรมที่มากกว่า 50แห่ง ไม่ได้โม้นะค่ะ ตัวดิฉันเองบางครั้งนั่งจนเส้นหลังแข็ง และเส้นคอแข็ง บางครั้งอัดแน่นกันอยู่ในรถเป็นชั่วโมงๆ ค่ะ กว่าจะงัดตัวเองออกมาจากรถ ก็ขาเป๋ลงจากรถเชียวค่ะ ที่ดินในแต่ละแห่งแดดร้อนจนเหงื่อไหลไคลย้อย หิวแต่ก็อดทน เพราะบางแห่งกว่าจะได้รับประทานอาหารก็ปาเข้าไปบ่าย 3 บ่าย 4 จนถึงเหงื่อตก อ่อนเพลียอ่อนแรง พอตกเย็นคุณรุ้งก็จะจ่ายยาป้องกันป่วยของทีมงาน เพราะคณะเดินทาง ต้องนั่งรถตั้งแต่เช้าจรดเย็น ลงจากรถและขึ้นบนรถ ทำอยู่อย่างนี้ สำหรับการเดินทางไม่ ต้องพูดถึงคณะเดินทางก็จะเดินกันเป็นกิโลๆและบางครั้งไม่ได้เดินธรรมดาต้องเดินขึ้นภูเขา หรือขึ้นเนินที่สูง ๆ วันรุ่งขึ้นต้องเจ็บปวดที่หน้าขาทำให้เดินไม่ไหวค่ะ การไปสำรวจที่ดินต้องมีการวางแผนวางตัว ทีมงานที่ติดตามว่าใครมีหน้าที่อะไร แต่ถึงกระนั้นบางทีก็ไม่เป็นไปตามแผนการที่วางเอาไว้ ที่เขาเรียกว่าผิดแผนบางที่ ก็ต้องมีแผน Aแผน B อาจจะมีถึงแผน C and Z ค่ะ ก็เพราะว่า การหาที่ดินส่วนมาก จะมีนายหน้าที่ดิน เจ้าของที่ดิน ที่ได้ติดต่อกันไว้แล้วบางทีก็มารับช่วงต่อกันเป็นทอด ๆ และนายหน้าแต่ละคนก็พยายามจะชี้แนะ แนะนำด้วยวิธีการต่าง ๆ นานา โดยหารู้ไม่ว่า อ.เจน เป็นผู้มีญาณ เป็นผู้หยั่งรู้ ดิฉันขอเล่าเรื่องฮาๆ ขำๆ ดีกว่าค่ะ แบ่งทีมทำงาน ทุกครั้งเราจะจัดแบ่งทีมกันทำงาน โดย คุณรุ้งคุณเต้ย มีหน้าที่ คอยช่วยเจรจาตรวจสอบรางวัดและคุยกับเจ้าของที่ดิน คุณภุชงค์ มีหน้าที่ถ่ายรูป คุณสุดารัตน์ คุณเป็ก น้องเก่ง มีหน้าที่คอยดูแลโดยรอบ น้องเชน มีหน้าที่ สะเก็ตภาพที่ดินโดยรอบ ส่วนดิฉันมีหน้าที่ติดตาม อ.เจน จดรายละเอียดเกี่ยวกับ การสื่อด้วยญาณของอ.เจน โดย อ.เจน จะสื่อสารกับเจ้าที่ หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และภพภูมิต่าง ๆ ว่าผืนดินนี้อยู่แล้วจะดีหรือไม่น้ำท่วมหรือเปล่า และอะไรต่อมิอะไรอีกมากมาย อาทิเช่น อยู่แล้วดี เป็นที่สัมปายะ เหมาะแก่การปฏิบัติธรรมฯลฯ ปลอมตัว มีครั้งหนึ่ง คุณรุ้ง ได้กำหนดแผนให้คณะทีมงานทุกคนอย่าเรียกชื่ออ.เจน แต่ให้เรียกคุณรุ้ง ว่า อาจารย์ รุ้ง ก็คือว่า อ.เจนต้องเป็นบุคคลธรรมดาสามัญ ให้คนรู้จักไม่ได้ค่ะ แต่เมื่อเดินสำรวจที่ดินไปนานๆเข้า ด้วยแสงแดด ร้อน ร้อน มากทุกคนก็ลืมแผนการไปบางส่วนก็คือลืมแผนที่ว่า เราทุกคนอย่าสนใจ อ.เจน ปล่อยเดินทิ้งไปให้สนใจ แต่ อ.รุ้ง เมื่อเดินสำรวจที่ดินจริงๆ ขณะที่แดดร้อน มากก็ลืมตัวตนกันไปทุกคนมารวมตัวอยู่ที่ อ.เจน หมด ส่วน อ.เจน ก็เดินอย่าง สง่างามมีหมวก แว่นตาดำ อยู่ภายใต้ร่มที่ลูกศิษย์กางให้รายล้อมพร้อมลูกศิษย์ ขนาบข้างไม่ห่างกาย ส่วน อ.รุ้ง เดินตากแดดหัวแดงให้กระซิบเ แว่นตาดำ ร่ม ก็ไม่มีกะเขาดิฉันก็อดขำเสียไม่ได้เพราะว่า ดิฉันเดินอยู่หลังสุด คนที่เป็นนายหน้า และเจ้าของที่ดินก็แอบมากระซิบถามดิฉันว่า พี่พี่ ใครเป็นคนที่จะซื้อที่ดินครับ ดิฉันก็เดินไปขำไปค่ะ และไม่บอกค่ะ ห้าม อ.เจน ใช้เสียง แต่บางที่เราปลอมไม่ได้ก็เนื่องจากเสียงของอ.เจน เป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นมาก คุณรุ้ง จึงบอกให้ อ.เจน งดเสียงไม่ให้พูดกะใคร ถ้าจะพูดก็ให้อ.เจน ใช้วิธีกระซิบเอาค่ะ แต่เมื่อคณะเราจะเดินทางกลับ เจ้าของที่ดิน หรือนายหน้าก็จะมาถามว่า อ.เจน ใช่มั้ยครับ ผมติดตาม รายการคนอวดผี มาตลอดครับและขอถ่ายรูปเป็นที่ระลึก อันนี้ จ๋อยกันหมดค่ะ ล้อรถเคลือบคาราเมล รถที่ขับเคลื่อนไปตามพื้นที่ต่าง ๆมีทั้งโคลนตม หลุมบ่อ ดินแดง ที่เหลวเละ หลายครั้งการไปหาที่ดินที่ไม่มีนายหน้านำพา เราก็ไปกันเองตามเบอร์โทรศัพท์ที่หาได้ แต่ก็หลงเข้าไปในป่า ลึกเข้าไปเรื่อย ๆสองข้างทางเป็นไร่อ้อย ไร่ข้าวโพด สูงท่วมหัวท่วมหัว จนมองไม่เห็นอะไรเลยเมื่อเห็นว่า ไม่ใช่เส้นทางนี้แน่แล้ว เพราะบรรยากาศน่าอันตรายมากค่ะ บรรยากาศพร้อมกับการฆ่าหมกศพ ได้เลยค่ะน่ากลัวมาก จำเป็นต้องออกมาจากเส้นทางนั้น ปรากฏว่า รถตกหล่ม ช่วยกันเข็นรถของอ.เจน จนโคลนเลอะเทอะไปหมด หลายต่อหลายครั้งที่ อ.เจน ต้องนำรถไปล้าง หากมองไปที่ลูกล้อรถจะถูกเคลือบด้วย ขี้โคลนดินสีแดง ติดลูกล้อรถ....เคลือบคาราเมล ค่ะ
ที่ย้อมแมว ที่ดินบางแห่งถ่ายภาพวิวทิวทัศน์ และภาพบรรยากาศของที่ดินที่สวยงามมาก แต่เมื่อเดินทางไปถึงแล้วกลับกลายเป็นที่ดินที่สุดแสนจะลำบากและรันทดใจสำหรับ คณะเดินทางเป็นอย่างมากเพราะมันไม่ใช่อย่างที่เห็นค่ะ
ดินทะเลทราย มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ดิฉันเดินทางไกลมาก กว่าจะพบกับเจ้าของที่ดินโดย ใช้เวลานานเป็นชั่วโมงแต่เมื่อพบเจ้าของที่ดิน เขาบอกว่า จำเป็นต้องเปลี่ยนรถ ดิฉันก็คิดว่า รถของ อ.เจนก็สูงใหญ่แล้วนี่ถึงกับต้องเปลี่ยนรถอีกด้วยหรือนี่ แต่เราก็ต้องไปกับเขาเพราะเขาบอกว่า ต้องรถลุยๆ ถึงเข้าได้ คุณรุ้ง กระซิบบอกว่าถ้าซื้อที่ดินที่จะถึงข้างหน้านี้คงจะต้องซื้อรถโฟรวิลก่อนเป็นแน่แท้ค่ะ คณะของเราเดินทางต่อไปอีกกไกลจนค่อยๆไต่ขึ้นที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อไปถึงที่ดิน กว่า 50 ไร่ ของเขานี้ก็ต้องตกตลึงกับภาพที่เห็นก็เพราะว่า ที่นี่เขาปลูกแต่ต้น ยูคาลิปตัสต้นมันสำปะหลัง ต้นมะม่วง พูดง่าย ๆ ก็คือไม่ต้องใช้น้ำเพาะปลูกพืชที่ ว่านี้เลยด้วยการปลูกแล้วก็ไปไม่ต้องไปสนใจ ป่าชัด ๆ ไม่มีใครนอกจากคณะเดินทาง และเจ้าของที่และเมื่อเหลือบดูที่พื้นดินโดยรอบทั้งผืนที่ดินจึงพบว่า ดินเป็นทรายละเอียด อ.เจนสื่อดูแล้วจึงได้รู้ว่า ในอดีตเป็นพื้นน้ำใต้ทะเล กลับพลิกเป็นแผ่นดินค่ะน่าอัศจรรย์มาก ๆ เมื่อดิฉันเดินกลับเจ้าของที่ดิน ก็มาเล่าให้ดิฉันฟังว่าบรรพบุรุษโบราณเล่าต่อกันมาว่า ณ ที่แห่งนี้เคย เป็นทะเลมาก่อนค่ะ ดิฉันบอกได้เลยว่า มันเป็นทรายละเอียดดีดีนี่เองเป็นไปได้ไง เมื่อแรกเห็นก็แทบไม่อยากจะลงจากรถ แต่เมื่อมาแล้วก็ต้องลุยเมื่อย่าง เท้าก้าวแรกที่ลงจากรถเชื่อมั้ยค่ะว่าเท้าของดิฉันจมหายไปถึงข้อเท้าและ เราก็หันมามองหน้ากันว่าเอาไงจะต่อมั้ย ปรากฏว่า อ.เจน กับคุณรุ้งบอก ว่ามาแล้วต้องลุย คิดดูซิค่ะ ด้วยเท้าที่ต้องเดินย้ำไปบนทราย บัดนี้ ได้จมทรายตลอดเส้นทางเหนื่อยมากค่ะเพราะเราเดินกันไปกว่า 50 ไร่ เป็นชั่วโมงกว่าที่จะเดินกลับจากบ่ายเกือบเย็นค่ะ หิวน้ำและหิวข้าวมาก เพราะหมดพลังจากการเดินลุยทราย ยังไม่พอยังมีเรื่องต่ออีกค่ะ อ.เจน รู้ด้วยญาณว่า เจ้าของที่ดินคิดในใจว่า โถคนพวกนี้ แต่งตัวอย่างนี้ จะมีน้ำหน้ามาซื้อที่ดินของเราด้วย หรือแต่ในใจดิฉันคิดว่า โถคนหนอคนจะมาหลอก อ.เจน ของเราได้ อ.เจน เห็นว่ามีคนมาดูที่ดินนี้กันมาก เพราะน้องคนนี้ย้อมที่ดินด้วยรูปภาพ เมื่อมาถึงผิดหวังก็พากันกลับไปหมด ไม่มีใครมาลุยอย่างพวกเราอย่างแน่นอนค่ะ น้องคนนี้ เขาส่งภาพที่ดินที่มีสภาพ ดินดี น้ำดี ต้นไม้สวย มาให้ดู อาจมีคำถามว่า อ.เจน มีญาณไม่รู้หรือถึงแม้ อ.เจน มีญาณแต่ก็ต้อง เหยียบย่างบนที่ดินจริงถึงจะรู้ได้ รองเท้าหัวเหล็ก คุณภุชงค์ พวกเราชอบเรียกแกว่า ตาลุง ชอบใส่รองเท้าหัวเหล็กมากเหตุผลคือ ป้องกันภัยจากลูกล้อรถของ อ.เจน ทับเท้า ก็เพราะว่า อ.เจนเคยขับรถทับลงไปที่หัวรองเท้าเหล็กของตาลุง ไม่ต่ำกว่า 2ครั้ง อันนี้ก็ไม่ใช่ใคร เป็นความโก๊ะของตาลุง เองค่ะ และการไปที่ดินแต่ละแห่งแทนที่จะใส่รองเท้าเดินป่าหรืออะไรดันใส่รอง เท้าหัวเหล็ก รองเท้าคู่นี้ตาลุงได้ไปเหยียบย้ำมาทุกพื้นที่ สังเกตจากสภาพรองเท้าจากรูปด้านล่างค่ะ
ภพภูมิของแดนนรก หลายครั้งหลายคราที่ดิฉันได้ติดตาม อ.เจนไปในสถานที่ต่าง ๆ มักพบกับที่ดินที่เป็นภพภูมิในดินแดนของนรกภูมิทำให้ต้องตัดสินใจกลับ ไปตั้งหลักใหม่ในโอกาสต่อไป หลายพื้นที่ค่ะ ภพภูมิของโลกวิญาณ และก็หลายครั้งหลายคราอีกเช่นกันที่ อ.เจนเหยียบย่างไปยังพื้นดินนั้น หารู้ไม่ว่า ที่ข้างใต้พื้นดินนั้นแต่เก่าก่อน เป็นหลุมศพเป็นป่าช้าเก่า กาลเวลาเนิ่นนานเข้ากลับกลายเป็นพื้นดินที่น่า อยู่น่าอาศัยมีต้นไม้ร่มรื่น น่าอยู่ บรรยากาศดี ตามที่ดิฉันเห็นมันเป็นเช่นนั้น แต่ อ.เจนได้เห็นตรงกันข้ามกับดิฉัน อ.เจน บอกว่า พี่ถ้าตอนกลางคืนพวกเขาจะมีพลังมากค่ะเรากลับกันเถอะ
จริงๆ แล้วมีเรื่องเล่าอีกมากมายค่ะ ถ้าเล่ามากกว่านี้ คงจะหลายหน้าเชียวค่ะ ใกล้จะสำเร็จแล้วนะค่ะ แล้วจะนำมาเล่าเรื่องให้รับทราบต่ออีกค่ะ สวัสดีค่ะ

|