แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย จี๊ดจ๊าด เมื่อ 2014-4-18 15:24
สงกรานต์ปีนี้ทำบุญกันหรือเปล่าค่ะ หรือไปเที่ยวกันหรือไปสนุกสนานแบบไร้พรหมแดนกันค่ะ ตามวิถีไทย และการสืบสานวัฒนะธรรมไทยแต่โบราณ ก็คือ เทศกาลสงกรานต์ โดยปกติที่บ้าน อ.เจน ก็จะมีการทำบุญถวายสังฆทานและ บังสุกุล ให้แก่ญาติผู้ล่วงลับไปแล้ว เป็นประจำทุกปี ซึ่งงานบุญนี้เป็นการทำบุญส่วนตัว ภายในครอบครัวแต่ แม่ตี้ อ.เจน และคุณรุ้ง ได้กรุณาอนุญาตให้ทีมงานที่ ช่วยเหลืองานบุญ อ.เจนมาร่วมทำบุญเป็นกรณีพิเศษ ซึ่งดิฉันก็ขอเป็นตัวแทน กลุ่มขอขอบคุณ แม่ตี้ อ.เจน และคุณรุ้ง และอนุโมทนาบุญอีกครั้งหนึ่งกับบุญที่ สำเร็จแล้วค่ะแต่มีเรื่องเล่าที่มหัศจรรย์เกี่ยวกับงานบุญของคณะเราด้วยค่ะ อยากฟังละซีอยากฟังก็ตามมาฟัง เร็ว เร็ว มาฟังทางนี้
วันนรกภูมิเปิด อ.เจน เล่าให้ฟังว่า ช่วงเทศกาลสงกรานต์เป็น วันหยุดของนรกภูมิ ประมาณว่า ท่านยมบาลท่านหยุดงานในช่วงเทศกาล สงกรานต์โดยไม่ต้องทำหน้าที่ลงโทษมนุษย์ที่ตกอยู่ในอบายภูมิ (นรกภูมิ) ถ้าหากญาติพี่น้องของเราที่ล่วงลับไปแล้วยังคงอยู่ในนรกในวันนั้นก็ สามารถมารอรับบุญจากญาติพี่น้องที่เป็นมนุษย์ของตนเองได้ค่ะเรื่องนี้เป็น เรื่องจริงเพราะท่านได้มาบอกกล่าวกับอาจารย์ค่ะ ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ท่านได้ให้ฝากบอกมนุษย์ด้วยว่า “เตือนมนุษย์ขอให้อยู่ในศีล 5 จะไม่ลงอบายภูมิ”แต่สำหรับดิฉันว่า เป็นเรื่องที่ยากมากๆ ค่ะ สำหรับดิฉันและอาจจะเหมือนใครหลายคนที่เป็นอย่างดิฉัน ทำได้ยากมากค่ะ เพราะต้องข่มใจและพยายาม กับศีล ข้อที่ 4 (มุสาวาทา..เวรมณี...) ข้อนี้ยากมากที่สุดสำหรับดิฉันค่ะ ดิฉันมักพูดเสมอกับเพื่อนๆ ว่า จั นทร์-ศุกร์ มักจะผิดศีลข้อ 4 (ตำหนิ..นินทาว่ากล่าวเจ้านายตนเองและผู้อื่น ก็ด้วยเรื่องของคนที่มีความโลภ และหลอกลวงให้คนอื่นหลงเชื่อในทางที่ผิด อ้เราก็เป็นคนรักความยุติธรรมยิ่งชีพ บางทีก็มี จิกด่า เจ้านาย ด้วยอาการที่สงบนิ่ง จนเจ้านายคิดว่าเป็นผู้มีญาณวิเศษ เพราะดิฉันจะว่ากล่าวด้วยอาการที่สงบมาก ว่าด้วยเหตุด้วยผล แต่เขาเจ็บและบอบช้ำกลับไปค่ะอาจเกิดแรงอาฆาตกับดิฉันได้ค่ะ รู้แต่ต้องทำ มีครั้งหนึ่งเจ้านายถามดิฉันว่านี่เธอ.. เธอจะใช้ญาณมาดูจิตฉันหรือไง ดิฉันขำค่ะ และรีบตอบกลับไปว่า ไม่ค่ะ แต่เมื่อนึกได้ก็รีบบอกไปว่าอ๋อ ที่นั่งเหม่อ ๆ อยู่นี่ก็เพราะป่วยค่ะ น้ำยาไก่แสนอร่อย แม่ตี้ ตื่น ตั้งตี 3 ไปตลาดเพื่อทำขนมจีนน้ำยาไก่ และ ฟักทองเชื่อม ที่สุดแสนอร่อย สมแล้วกับที่แม่ตี้ ได้เคยเป็นต้นห้องมาในอดีตชาติค่ะ สรรพวิญญาณมายืนกันตรึมที่หน้าบ้าน อ.เจน ช่วงเช้า ดิฉันนั่งห่อ ของสังฆทาน พร้อมน้อง ๆคอยให้กำลังใจกันมากค่ะ ทุกคนต่างก็ แบ่งแยกหน้าที่กันทำงาน ครั้งแรก แม่ตี้ นิมนต์พระสงฆ์ 9 รูป ทำไปทำมา กลายเป็น 15 รูป เพราะทั้งญาติที่บ้าน อ.เจน และพวกบรรดาลูกศิษย์ข นของสังฆทานมากันเต็มบ้าน แทบไม่มีทางจะเดินจะนั่งกันเชียวค่ะ พระท่านคงเห็นว่าเป็นบ้าน อ.เจน มั้งค่ะ ท่านสวดมนต์แบบจัดเต็มค่ะ ดิฉันนั่งฟังพระท่านจนเกือบจะได้สมาธิเชียวค่ะ ระหว่างที่ พระท่านสวดคาถา มงคลจักรวาลใหญ่ อ.เจนบอกว่า ได้เห็นด้วยตาทิพย์ ว่า มีบรรดาญาติ พี่น้องของสานุศิษย์ และญาติของครอบครัวเป็นจำนวนมาก มายืนรอรับ ส่วนบุญส่วนกุศลกันที่รั้วหน้าบ้านเต็มไปหมดมีแต่คุณยายสิริ (คุณแม่ของแม่ตี้) ท่านนั่งรอรับบุญอยู่ที่บนระเบียงบ้านเพราะท่านเป็น นางฟ้าบนสวรรค์ และท่านก็เข้ามาได้ค่ะ แต่คาถาบทนี้เหล่าสรรพวิญญาณ จะเกรงกลัวมากเมื่อวิญญาณได้ฟังเสียงสวดมนต์แล้วก็จะกระเด็นกระดอนไป คนละทางสองทาง เมื่อ อ.เจนได้เห็นในญาณทิพย์อย่างนั้นแล้ว จึงได้บอกกับสรรพวิญญาณทั้งหลายว่าช้าก่อนอย่าได้ถือโทษโกรธเคือง ท่านจงมารอรับบุญเถิด เมื่อวิญญาณแต่ละตนได้รับบุญส่วนกุศลจาก ญาติพี่น้องของตนแล้วแต่ละตนต่างก็ปิ้งหายวับไปค่ะ อ.เจน มีตาทิพย์ มีญาณวิถี แต่ดิฉันไม่เห็นอย่างที่ผู้มีตาทิพย์ได้เห็นแต่ดิฉันก็ดีใจค่ะที่ ได้รับรู้จากผู้มีญาณ เพื่อเก็บสะสมข้อมูลบันทึกค่ะ แล้วนำมาบันทึกบอก ต่อว่าอ.เจน ได้เห็นบรรดาญาติของพวกเรามารอรับบุญค่ะ เรื่องของหมอกและควัน ครั้งนี้เราเตรียมปี๊บ 1 ใบสำหรับเผากระดาษบังสุกุล และตั้งใจที่จะเผากระดาษนอกห้องเมื่อมอดแล้วค่อยมากรวดน้ำกัน เ พราะมีบทเรียนจากปีที่แล้ว จำได้ว่าพระสงฆ์ท่านมาก่อนเวลา และต้องนั่งรอพระอีก2-3 รูป ยังมาไม่ถึงระหว่างนั้น พวกเราก็เล่ากันแต่เรื่อง ผี ผีก็หลายเรื่องโดยลืมไปว่าพระท่านก็นั่งฟังพวกเราคุยกันด้วย ในครั้งนั้น เราใช้แค่กะละมังใบเล็ก ๆ เผากระดาษกันที่หน้าพระสงฆ์ท่านนั่น แหละค่ะ พระสงฆ์ 9 รูป ญาติมากันไม่มากนัก ก็ออกจะอยู่ในความสงบ และเงียบแต่ระหว่างนั้น ปรากฏว่า อยู่ ๆ ตาลปัตรพระท่านหล่นลงมาโคร่ม พระท่านสะดุ้งสุดตัวเพราะฟังเรื่อง ผี ผี ที่พวกเราได้เล่าสู่กันฟังแต่ต้น ท่านก็รีบสวดกันใหญ่เพื่อให้เสร็จเร็ว ด้วยความรีบกัน อยู่ ๆ เทียนก็ล้มลง ไปในกะละมัง เผากระดาษพร้อมๆ กับพระท่านก็สวดบังสุกุล แต่ปรากฏว่า หมอกและควันเต็มภายในห้องมองไม่เห็นหน้ากัน พระท่านก็ไอ คนก็ไอ พระก็ขำ คนก็ขำ ฮากันมาก ๆ เลยค่ะ ปีนั้นมาปีนี้จึงรอบคอบสะหน่อยค่ะ ห่มผ้าพระใหญ่ (พระพุทธศรีศากยมุนีศรีบางพลัด) อ.เจน เห็นว่าพระใหญ่ ที่เป็นที่เคารพนับถือของชาวบางพลัด ประดิษฐานอยู่กลางแจ้ง หน้าวัดบางพลัดโดย อ.เจน คุณรุ้ง และ แม่ตี้ นับถือท่านมาก และทุกครั้ง ที่เดินผ่านทุกเคารพกราบไหว้ท่านเสมอ แต่ อ.เจน เห็นว่า ท่านไม่มีผ้าห่ม สไบสวย ๆจึงคิดว่า เปลี่ยนผ้าห่มพระในวันสงกรานต์ปีใหม่ไทยดีกว่า จึงได้บอกแก่ลูกศิษย์ถึงจุดประสงค์ใครจะร่วมบุญเท่าไหร่ก็ได้ ดังนั้น พวกเราก็ได้รวมเงินกันคนละคนละน้อยตามกำลังมอบให้อ.เจน เจ้าภาพใหญ่ เมื่อพระกลับวัดแล้ว นำทีม โดย อ.เจน นำขบวนถือผ้าห่มพระ (เป็นดิ้นทองถักทอได้สวยงามแวววาว) แสงสีทองของผ้ากระทบกับแสงแดด สะท้อนสวยงามตระกานตาอะไรอย่างนั้นก็ไม่รู้ค่ะตอนนั้นรู้สึกดีมากค่ะ ปิติใจ ค่ะ ติดตามด้วยสานุศิษย์ อ.เจนนำท่องพระพุทธคุณไปตลอดทาง เ มื่อขบวนไปถึงที่หน้าพระพุทธรูปท่านที่ด้านข้างวัดก็มีเสียงดนตรีนักร้อง... ร้องกันดังสนั่น มองให้เป็นธรรมมะนะค่ะ ขบวนแห่บุญเดินสวดพระพุทธคุณ แข่งกับเสียงของดนตรีนักร้องถ้าไม่มีสติสตางค์ก็คงร้องเพลงไปตามจังหวะ ของเสียงเพลงที่มันส์เร้าใจ ดังนั้นจึงต้องใช้สติ แยกเสียง ให้เป็นสมาธิ ด้วยจิตน้อมในการห่มผ้าพระพุทธศรีศากยมุนีศรีบางพลัด
ปาฏิหาริย์เกิดขณะห่มผ้าพระ เมื่อเสร็จพิธีห่มผ้าพระและกลับมาถึงบ้าน อ.เจน แม่ตี้ ก็เล่าให้ฟังอย่างตื่นเต้นว่า พูดแล้วขนลุก แม่ตี้พูดต่อไปว่า ขณะที่ผู้ชายเป็นตัวแทนขึ้นไปห่มผ้า แม่ตี้ก็แหงนหน้าขึ้นไปมองพระพักตร์ท่าน และก็ต้องตกตลึง เมื่อใบหน้าขององค์พระท่านเปลี่ยนไปโดยที่ดวงตาด้านขวา ของท่าน ได้มีหยดน้ำตา ไหลออกมาจนถึงปลายจมูกและที่น่าอัศจรรย์ใจยิ่งนัก ก็เพระว่าน้ำตาที่ไหลออกมานั้น เป็นหยดน้ำสีทอง และที่มุมปากด้านขวา ของท่านมีรอยยิ้ม ที่เหมือนเนื้อหนังของคนปกติที่มีรอยย่นไปตามมุมปากที่ยิ้ม ขณะที่แม่ตี้กำลังเล่าให้ฟังอยู่นั้น อ.เจน ก็เดินเข้ามาสมทบพร้อมกับพูดว่า เมื่อกี้นี้หนูเห็นพระท่านยิ้มด้วยค่ะ ท่านรับรู้ค่ะ ท่านรับรู้ที่พวกเรามาทำความดีค่ะ อาจารย์พูดว่า การที่ แม่ตี้ สามารถเห็นสิ่งปาฎิหารมหัศจรรย์นี้ได้ก็เพราะ ได้ทำบุญสะสมเสบียงบุญมาตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบันเป็นการสร้างสมบารมีมา ในตอนนี้บุญได้ถึงระดับแล้ว จึงสามารถเห็นได้ด้วยตาเนื้อแต่ อ.เจน เป็นคนมีญาณวิถี จึงเห็นได้ในตาทิพย์ค่ะ ซึ่ง อ.เจน พูดว่า เราอย่าคิดว่า การทำความดีด้วยการห่มผ้าพระประธานนี้จะไม่มีใครรับรู้รับเห็นแต่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ และเบื้องบนท่านมองดูเราอยู่ตลอด อย่าคิดว่าการทำความดีนี้ไม่มีคุณค่า แม้แต่องค์พระปฏิมายังสะเทือนเลื่อนลั่น พระองค์ท่านยังต้องมายิ้มให้ กับคนทำความดี เป็นการให้ขวัญและกำลังใจกับคนทำความดีค่ะ ไม่ใช่ว่าทุกคนที่จะเห็นได้สิ่งปาฎิหารเหมือนกันหมดทุกคนผู้ที่จะเห็นได้ ก็ต้องเป็นผู้สะสมบุญ ทุกคนจะได้ ผู้คนที่มาร่วมกันทำความดีในครั้งนี้ค่ะ และในทางตรงกันข้ามถ้าเราทำความชั่ว แม้แต่ในนรกภูมิ เขาก็เห็นการทำ ความชั่วของเราด้วยเช่นกันค่ะแล้วเราจะยังคงรอให้เขามาเก็บเกี่ยววิญญาณของเราหรือ ถ้าเราทำความดีครั้นเมื่อตายไปก็จะมีพาหนะต่าง ๆ มารอรับวิญญาณ อยู่เบื้องหน้าของทุกท่านที่มีความดีพร้อมและพร้อมกับพาชนะที่มารอรับ อยู่แต่ละชั้นระดับของความดีค่ะ เช่น อาจจะเป็นราชรถ หงส์ ที่มีขนาดใหญ่ ท่านควรจะภูมิใจไปที่เบื้องบนมีพาชนะส่งมารับค่ะ จากเรื่องที่ดินได้เล่าให้ฟังครั้งนี้ก็ต้องขอความกรุณาจากท่านผู้อ่านเมื่อได้ อ่านเรื่องราวแล้วก็ช่วย ๆกันนำเรื่องนี้มาเล่าสู่กันฟัง ก็เพื่อให้ทุกท่านเชื่อใ นการทำความดี การทำความชั่วเชื่อในเรื่องของ บุญ และ บาป และช่วยกันนำข้อความเรื่องนี้ไปลิ้งส์ต่อ ๆ กันไป และขอให้เขียนแสดง ความคิดเห็นบ้างก็ได้นะค่ะ เพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้กับทีมทำงาน และเพื่อเป็นการเผยแพร่เรื่องราเล่าสู่กันฟังร่วมแสดงความคิดเป็น เพื่อเป็นประโยชน์ต่อผู้เข้ามาอ่านทุกท่านที่เผยแพร่ก็ได้รับอานิสงส์ ของบุญด้วยเช่นกันค่ะ

พิธีรดน้ำดำหัวที่บ้าน อ.เจน เมื่อครอบครัวของ อ.เจน ได้มีการรดน้ำดำหัวกันเสร็จสิ้น คราวนี้ก็เป็นของลูกศิษย์ ที่มารดน้ำดำหัว แม่ตี้ อ.เจน คุณรุ้ง กันบ้างล่ะค่ะ ก็อำนวยพรกันในเทศกาลปีใหม่ไทย ด้วยการนำพวงมาลัย น้ำอบไทย กราบขอขมากรรม และขอพรไปเสียทีเดียวในตัวค่ะ ยังความชื่นอกชื่นใจกันไปทั่วหน้าค่ะ สรงน้ำพระ หลังจากนั้นก็พากันไปสรงน้ำพระ แต่ไปไม่ทันพระทันกลับวัดกันหมดแล้ว อ.เจน บอก ไม่เป็นไรเดี๋ยวไปนิมนต์พระมาให้ใหม่ ปรากฏว่า พระท่านถอดสบงจีวร ไปหมดสิ้นแล้ว แต่บุญมีจริง อ.เจน เดินไปเจอพระสงฆ์ 3 รูป ที่ยังไม่ได้เปลี่ยนผ้าสบงจีวร ก็เลยได้นิมนต์ ท่านมาเป็นกรณีพิเศษ เฉพาะคณะ อ.เจน ซึ่ง อ.เจน บอกว่า บุญมีจริงเห็นมั้ยค่ะ บ่อยครั้งมากที่คนบางคนคิดว่าจะทำความชั่วก็จะไม่กล้าทำชั่ว เพราะว่าได้อ่านบทความที่โดนใจของเขาค่ะ และปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ของตนเองเสียใหม่ผู้บอกต่อและเผยแพร่ก็ได้บุญแล้วค่ะ สิ่งสุดท้ายที่ดิฉันจะบอกก็คือผู้สานต่อจะเป็นผู้ที่มีความสุขกาย สุขใจ และภูมิใจในสิ่งที่ตนทำแม้ตายไปก็ไม่เสียชาติที่ได้เกิดมาเป็นคนที่ทำความดี เป็นคนที่ไม่เบียดเบียนใครเป็นคนที่ช่วยเหลือผู้อื่น เป็นคนที่ช่วยกันสืบสาน พระพุทธศาสนาให้สืบต่อไป ดิฉันเชื่อในเรื่องบุญเชื่อในเรื่องของ การทำความดี เชื่อในเรื่องของการทำความชั่วว่าสุดท้ายแล้วบุคคล นั้นจะเป็นเช่นไรเพราะว่า ได้ผ่านพ้นและมีประสบการณ์ในเรื่องนี้มาแล้ว และประสบการณ์ตรงก็คือการได้ติดตามอ.เจน ไปหลายแห่งรวมถึงการ ทำนายทายทักคนของอาจารย์ ดิฉันเป็นคนช่างสังเกตซึ่งก็เป็นจริง อย่างที่ อ.เจน ทักตักเตือนทุกครั้งไปค่ะ.....
|