
สวัสดีค่ะ ตามที่อ.เจน ได้เชิญชวนทุกท่านเดินทางไป จ.เพชรบูรณ์ เพื่อทำบุญสร้างความดีเพื่อช่วยกันขนดินปรับชีวิตตัวเองและครอบครัวด้วยสองมือและแรงกาย ครั้งที่ 1 ในวันเสาร์ที่ 4 และอาทิตย์ที่ 5 เมษายน 2558 รวม 2 วัน ณสำนักปฏิบัติธรรมวิปัสสนาญาณ นั้น บุญใหญ่เสียจริงๆ ค่ะ การทำบุญด้วยการลงมือทำให้สำเร็จด้วยตนเองนั้น ดิฉันเชื่อเหลือเกินว่าหาทำได้ยากมาก ที่ไหนเขาจะให้ไปทำค่ะ และสถานที่แห่งใดเขาจะให้เราไปยุ่งยากกับสถานที่ของเขาแต่สถานที่แห่งนี้เป็นสำนักปฏิบัติธรรมวิปัสสนาญาณ ที่ อ.เจน ญาณทิพย์ได้พูดไว้ตั้งแต่ต้นแล้วว่า แผ่นดินนี้ เป็นแผ่นดินธรรมแผ่นดินทอง และทุกท่านลองคิดดูกันเถอะค่ะสำหรับแผ่นดินแห่งนี้ที่ในอนาคตภายภาคหน้าจะเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมเป็นสถานที่แห่งบุญกุศลผู้ที่มาใช้สถานที่ ผู้ที่เข้ามาปฏิบัติธรรมเขาปฏิบัติดีปฏิบัติชอบเราก็ได้อานิสงส์บุญนั้นทุกภพทุกชาติไปด้วยแรงที่พวกเรามาร่วมด้วยช่วยกันไม่ว่าจะเป็นบุญใหญ่ บุญน้อย กระจ้อยร่อย อะไร พวกเราก็ช่วยกันมาตลอด ส่วนมากจะเป็นปัจจัยเงินแต่ครั้งนี้ เราจะมาลงแรงกายแรงใจกันซึ่งโอ้โฮ อย่าบอกใครเชียว เออ บอกดีกว่า อ.เจนพูดกับดิฉันว่า อานิสงส์การใช้แรงงานให้กับสถานที่ที่เป็นบุญนั้นมากมายเสียเหลือเกินก็เพราะหยาดเหงื่อของท่านแต่ละหยดที่ผุดออกมาจากผิวกายของท่านนี้ ท่านจะได้อานิสงส์บุญนี้โดยอัตโนมัติและทันทีค่ะ
เป็นเรื่องที่น่ายินดีและน่าดีใจนะค่ะที่ทาง อ.เจน ได้เปิดโอกาสให้ทุกท่านได้มาร่วมบุญมหากุศลอย่างนี้การร่วมสร้าง การปรับพื้นดิน สถานที่ปฏิบัติธรรม โดยการใช้แรงกายในการช่วยกัน ขนดิน ปรับพื้นดิน การเสียสละเวลาความเป็นส่วนตัวของเราเพื่อเป็นประโยชน์ต่อคนทั้งหลายจำนวนมาก บุญนั้นจะมากขึ้นทวีคูณและไม่มีวันหมด จนกระทั่งสิ่งก่อสร้างนั้นพังทลายหรือหมดกำลังบุญไปเองแต่พื้นดินไม่มีวันหมดกำลังลงไปได้อย่างแน่นอนค่ะ การไปชักชวนป่าวประกาศให้คนนั้นมาร่วมสร้างบุญ และขออนุโมทนาบุญนั้นทุกครั้งก็จะได้บุญมากด้วยเช่นกัน อยู่ที่เจตนาและใจเป็นที่ตั้งค่ะ อานิสงส์บุญการปรับพื้นฐานดินให้แข็งแกร่ง อันนี้อานิสงส์มากเหลือเกินค่ะ ด้วยอานิสงส์นี้ไม่ว่าจะเกิดภพใดชาติใดท่านจะได้รับอานิสงส์ในผลบุญนั้นอย่างสูงส่ง คือ ในยามยากก็มีผู้เข้ามาช่วยเหลือจะมีแต่คนหยิบยื่นน้ำใจให้อยู่เสมอ เป็นที่รักของคนรอบข้าง หน้าที่การงานมีความมั่นคงถึงเริ่มกระทำสิ่งใดไม่นาน ก็จะมีผู้ใหญ่เห็นใจในความตั้งใจและหยิบยื่นตำแหน่งหน้าที่ที่สูงขึ้นให้ ชีวิตครอบครัวก็จะเหมือนกับพื้นดินที่ร่มเย็นซึ่งแข็งแกร่ง มั่นคง อานิสงส์นี้ส่งผลให้เห็นหนทางแก้ไขปัญหาที่ตีบตันออกไปได้เหมือนมีคนมาช่วยชี้ทางให้แก้ไขได้และไม่ว่าจะเกิดภพใดชาติใดท่านจะเป็นผู้ที่รำรวยด้วยทรัพย์สมบัติจะมีที่ดินอยู่อย่างง่ายดาย หรือบางครั้งไม่ต้องไปขวนขวายหามาเลยค่ะ
อ.เจน กล่าวกับดิฉันว่า ขอให้เล่าเรื่องขององอินทร์ให้กับท่านที่ไม่ทราบว่าด้วยอานิสงส์ใดจึงได้เกิดไปเป็นองค์อินทร์ค่ะ ซึ่งจะเล่าให้ฟังในภายหลังค่ะขออีกนิดก่อนค่ะ อ.เจนฝากบอกมาว่าหากท่านใดไม่สามารถมาร่วมบุญกันได้ก็มาร่วมอนุโมทนาบุญกันได้ค่ะ หรือท่านที่มาไม่ได้แต่เป็นกำลังช่วยสนับสนุนกำลังทรัพย์เป็นค่าอาหาร น้ำดื่ม หรือ ผ้าเย็น ให้กับผู้ที่มาช่วยลงแรงกันในวันดังกล่าวแล้ว เมื่อผู้นั้นได้บริโภคอาหาร น้ำดื่ม เพื่อบำรุงกายสังขารทำให้หายหิว และหายเหนื่อยด้วยแล้ว หรือได้ใช้สิ่งของที่ช่วยบรรเทาความร้อน เช่นผ้าเย็น ท่านผู้บริจาคก็จะได้รับอานิสงส์ผลซึ่งจะเกิดในทันทีทันใดค่ะ อานิสงส์บุญ ที่ได้ให้การสนับสนุนกำลังทรัพย์ดังกล่าวไม่ว่าจะเกิดภพใดชาติใดท่านจะเป็นผู้ที่ไม่อดไม่อยากไปเกิดในประเทศที่เป็นยุคศิวิไลอุดมสมบูรณ์พูนสุข ไปเกิดในที่ที่ร่วมเย็นเป็นสุขเจริญทั้งทางโลกและทางธรรม เป็นผู้ที่เย็นทั้งกายเย็นทั้งใจค่ะ
ทั้งนี้ อ.เจน เมื่อทำการขนดินและปรับพื้นดินสำเร็จแล้ว อ.เจน จะเป็นผู้นำทุกท่านไปที่ประตูสวรรค์และนำจบอธิษฐานบุญที่สำเร็จนี้ รวมทั้งกรวดน้ำ ให้กับตนเอง ครอบครัว และบุคคลที่เป็นญาติที่ล่วงลับไปแล้ว ซึ่งจะได้รับอานิสงส์บุญกันถ้วนหน้าในวันนั้นเลยค่ะ อ.เจน เป็นผู้มีญาณมีบุญบารมีมาและเป็นผู้ที่ทำความดีมาโดยตลอดแม้มีสิ่งขัดข้องใด ๆ ก็จะมีเสียงครูบาอาจารย์หรือเทวดานางฟ้ามาบอกกล่าวเสมอ และสิ่งที่ไม่มีใครรู้อีกเรื่องหนึ่งก็คือ เสียงของผู้มีญาณอย่างอาจารย์นั้นดังก้องไปถึง 3 โลก มนุษย์ สวรรค์ และนรก ค่ะ
เรื่องราวของพระอินทร์ ก็น่าจะเป็นบทเรียนที่ดีในการทำประโยชน์เพื่อส่วนรวม และท่านก็สมารถทำได้ด้วยเช่นกันจนค่ะ การทำความดีไม่ใช่เรื่องห่างไกลและเฟ้อฝันเลยเพราะตัวท่านเองก็ได้ประพฤติปฏิบัติเช่นนี้ได้ในขณะที่เป็นมนุษย์ อดีตชาติของพระอินทร์ ณ หมู่บ้านมจลคามแคว้นมคธ มีมาณพ คนหนึ่งชื่อว่า มฆมาณพ มีใจใฝ่ให้ทาน รักษาศีลอยู่เสมอทั้งยังชอบแผ้วทาง ทำงานสาธารณประโยชน์ต่างๆ เช่น ปรับพื้นที่ให้เรียบเสมอกันสร้างศาลา ปลูกต้นไม้ ขุดสระน้ำ ทำถนนหนทาง ทำสะพาน จัดทำจัดหาตุ่มน้ำและสิ่งทั้งหลายเพื่อประโยชน์แก่ส่วนรวม มีปกติชอบความสะอาดเรียบร้อยต้องการให้ท้องถิ่นดูสะอาดน่ารื่นรมย์ ในขณะที่ มฆมาณพ ทำงานในหมู่บ้านก็ใช้เท้าเกลี่ยฝุ่นในที่ซึ่งยืนอยู่ให้เรียบ คนอื่นเข้ามาแย่งที่ก็ไม่โกรธ กลับถอยไปทำที่อื่นให้เรียบต่อแต่ก็ยังมีคนมายึดที่ที่เกลี่ยเรียบไว้แล้วนั้นอีก ถึงกระนั้นมฆมาณพก็ไม่โกรธกลับเห็นว่าคนทั้งปวงมีความสุขด้วยการกระทำของตนฉะนั้น กรรมนี้ ย่อมส่งผลกลับมาเป็นบุญที่ให้สุขแก่ตนแน่ มฆมาณพ ก็ยิ่งมีจิตขะมักเขม้นตั้งใจที่จะทำพื้นที่ให้เป็นที่น่ารื่นรมย์มากยิ่งๆ ขึ้นจึงใช้จอบขุดปรับพื้นที่ให้เรียบเป็นลานให้แก่คนทั้งหลาย และเอาใจใส่ ให้ไฟ ให้น้ำ ในเวลาที่ต้องการ และได้แผ้วถางสร้างทางสำหรับคนทั้งหลายต่อมาก็มีชายหนุ่มอีกหลายคนได้เห็นก็มีใจนิยมมาสมัครเป็นสหายร่วมกันทำทางเพิ่มขึ้น จนมีจำนวนนับได้ ๓๓ คนทั้งหมดช่วยกันขุดถมทำถนนยาวออกไป จนถึงประมาณโยชน์หนึ่งบ้างสองโยชน์บ้าง ฝ่ายนายบ้านเห็นว่า คนเหล่านั้นประกอบการงานที่ไม่เหมาะสมไม่สมควร จึงเรียกสอบถามและสั่งให้เลิก แต่มฆมาณพและสหายกลับกล่าวว่าพวกตนทำทางสวรรค์ จึงไม่ฟังคำห้ามของนายบ้าน พากันทำประโยชน์ต่อไปนายบ้านโกรธและไปทูลฟ้องพระราชาว่า มีโจรคุมกันมาเป็นพวก พระราชามิได้พิจารณาไต่สวนหลงเชื่อมีรับสั่งให้จับมฆมาณพและสหายมา แล้วปล่อยช้างให้เหยียบเสียให้ตายทั้งหมด ฝ่ายมฆมาณพเห็นเช่นนั้น ก็ได้ให้โอวาทแก่สหายทั้งหลายไม่ให้โกรธผู้ใดและให้แผ่เมตตาจิตไปยังพระราชา นายบ้าน ช้าง และตนเองให้เสมอเท่ากัน ชายหนุ่มทั้งหมดได้ปฏิบัติตาม ช้างไม่สามารถเข้าใกล้ด้วยอำนาจเมตตา พระราชาเห็นดังนั้น จึงรับสั่งให้ใช้เสื่อลำแพนปูปิดคนเหล่านั้นเสียแล้วปล่อยให้ช้างเหยียบอีก แต่ช้างกลับถอยไปพระราชารับสั่งให้นำคนเหล่านั้นมาเข้าเฝ้า แล้วตรัสสอบถาม เมื่อทรงทราบความจริงก็ทรงโสมนัสและทรงแต่งตั้งมฆมาณพให้เป็นนายบ้านแทนนายบ้านคนเดิมซึ่งตอนนี้ถูกลงโทษให้เป็นทาส บุญเท่านั้นที่เป็นที่พึ่งของสัตว์ทั้งหลาย สหายทั้ง ๓๓ คนนอกจากจะได้พ้นโทษออกมา ยังได้รับพระราชทานกำลังสนับสนุน ก็ยิ่งเห็นอานิสงส์ของบุญมีใจผ่องใสคิดทำบุญให้ยิ่งๆ ขึ้นไปอีกได้สร้างศาลาเป็นที่พักของมหาชนเป็นถาวรวัตถุที่หนทางใหญ่สี่แพร่ง ศาลานั้นได้แบ่งออกเป็น๓ ส่วน คือ ส่วนหนึ่งเป็นที่อยู่ที่พักสำหรับคนทั่วไป ส่วนหนึ่งสำหรับคนเข็ญใจส่วนหนึ่งสำหรับคนป่วย ทั้ง ๓๓ คนได้ปูลาดแผ่นอาสนะไว้ทั้ง ๓๓ ที่ โดยตกลงกันไว้ว่าถ้าอาคันตุกะเข้าไปพักบนแผ่นอาสนะของผู้ใด ก็ให้เป็นภาระของผู้นั้นจะรับรองเลี้ยงดูมฆมาณพยังได้ปลูกต้นทองหลางไว้ต้นหนึ่งในที่ไม่ไกลจากศาลาภายใต้ต้นทองหลางได้วางแผ่นหินไว้ด้วย มฆมาณพและสหาย บำเพ็ญสาธารณกุศลเช่นนี้ตลอดชีวิตเรียกว่า บำเพ็ญวัตตบท ๗ ประการ ครั้นสิ้นอายุได้บังเกิดในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ วัตตบท ๗ ประการได้แก่ ๑. เลี้ยงมารดาบิดาตลอดชีวิต
๒. ประพฤติอ่อนน้อมถ่อมตนต่อผู้ใหญ่ในตระกูลตลอดชีวิต
๓. มีวาจานุ่มนวลสุภาพตลอดชีวิต
๔. มีวาจาไม่ส่อเสียดตลอดชีวิต
๕. มีใจปราศจากความตระหนี่ ยินดีในการแจกทาน ครองเรือนตลอดชีวิต
๖. มีวาจาสัตย์จริงตลอดชีวิต
๗. ไม่โกรธ แม้ว่าถ้าโกรธก็ระงับได้ทันทีตลอดชีวิต จบค่ะ

เรื่องที่อยากเล่าค่ะ เมื่อหลายปีก่อนครั้งหนึ่งนานมาแล้วดิฉันจำได้ว่า เคยอ่านเรื่องของผู้ชายคนหนึ่งมีหน้าที่การงานดีเป็นถึงนายแพทย์ที่เชื่อในเรื่องของวิทยาศาสตร์มากกว่าเรื่องเหนือธรรมชาติอื่นใดแต่มีอยู่วันหนึ่งได้นิมิตฝันไปว่า มีชายคนหนึ่งมีเสียงดังกังวานนาเกรงขามนำพาขึ้นไปบนสรรค์ที่สวยงามวิจิตร ในชั้นนั้นก็ได้พูดคุยกับเพื่อนที่ตายไปแล้วจึงรู้ว่าสถานที่ที่ไปนั้นเป็นดินแดนสวรรค์ (ไปแล้วไม่อยากกลับมาโลกมนุษย์เลย)ด้วยความตื่นเต้นดีใจจึงถามเพื่อนไปว่า คุณตายไปแล้วนี่ และทำความดีอะไรถึงได้มาอยู่บนนี้แล้วนี่ผมตายไปหรือยังถึงได้มาพบกับเพื่อนได้ เพื่อนคนนี้จึงบอกว่า คุณยังไม่ตายแต่เพื่อนอยากจะฝากให้ไปเตือนเพื่อน ๆ ของเราที่ยังเหลืออยู่ (เพื่อนรักกันประมาณ 7-8คน) พวกเราทั้งหมดเป็นเพื่อนกันมาแต่ชาติปางก่อนและมาเกิดใหม่มาเป็นเพื่อนกันซึ่งก็มีหน้าที่การงานแตกต่างกันแต่ล้วนแล้วมียศถาบรรดาศักดิ์แทบทั้งนั้น เช่น นายแพทย์ (หมอ) หรือทหาร ตำรวจ ชายผู้นี้ได้รับฟังก็ เออเห็นจะจริง เพื่อทุกคนมีฐานะดีด้วยหน้าที่การงานทั้งนั้น จึงถามย้ำไปอีกว่าแล้วไปทำอะไรมาล่ะพวกเรานั้นน่ะ เพื่อนคนนี้จึงบอกว่า ก็ในอดีตชาติก่อนหน้าที่เราจะมาเกิดใหม่นั้นพวกเรายากจนไม่มีเงินทางวัดต้องการกำลังคนไปช่วยกันก่อสร้างกำแพงวัดพวกเรานั้นก็ไปช่วยกัน บางคนก็ไปถางหญ้า บางคนก็ไปขนหินดินทรายบางคนก็ก่อสร้างกำแพงวัด จนวัดแห่งนั้นสำเร็จ (เขาบอกชื่อวัดมาด้วยอ่านแล้วจำไม่ได้ค่ะ) ด้วยอานิสงส์บุญในครั้งนั้นทำให้พวกเรามาเกิดใหม่แต่จำกันไม่ได้แล้วพรหมลิขิตให้มาทำงานตามหน้าที่ที่เขาขีดเขียนมาให้แล้วจึงได้มารู้จักรักใคร่เป็นเกลอกัน ชายคนนี้จึงถามไปว่าแล้วทำไมจึงรับผมมารับรู้เรื่องนี้ด้วยเล่า เพื่อนที่อยู่บนสวรรค์จึงได้บอกให้ฝากเตือนเพื่อนอีก2 คน จะมีวิบากกรรมจะต้องตายแล้ว (ระบุวันที่ตายให้มาด้วย) จึงฝากเตือนให้เขาทำบุญและทำความดีให้มากชายคนนี้ไม่เชื่อเห็นว่ากินมากฝันมาก ต่อมาเพื่อนหนึ่งใน 2 คนนั้นตายในวันที่ระบุจริงๆเมื่อเห็นเป็นอย่างนี้จึงไปเตือนเพื่อนที่เหลืออยู่อีก 1 คนเขาไม่เชื่อหัวเราะเยาะว่าเป็นหมอสะเปล่าเชื่อเรื่องงมงายต่อมาเพื่อนคนนี้ก็ตายไปตามวันที่ระบุไว้อีกคนครั้งนี้ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อหลังจากนั้นชายคนนี้จึงได้เชื่อเรื่องการทำบุญและทำความดีและหมั่นปฏิบัติธรรมรวมทั้งเขียนเรื่องราวที่เกิดขึ้นนี้เป็นหนังสือพร้อมระบุ ชื่อ สถานที่อยู่ของเพื่อน ๆ ทุกคนด้วยค่ะ ดิฉันจึงอยากจะบอกว่าเชื่อเถอะค่ะการทำความดี ใครทำใครได้จริง ๆ ค่ะ อยู่ที่ความเชื่ีอในบุญและมีศรัทธาค่ะ จี๊ดจ๊าด |