แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย รุ้งตะวัน เมื่อ 2016-12-17 15:09
ความประทับใจ ทริปทัวร์ลี้ลับ 4
จี๊ดจ๊าดมาเล่าเรื่อง การไปทำบุญกับทริปทัวร์ลี้ลับ 4 ระหว่างวันที่ 10 – 12 ธันวาคม 2559 ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านที่ได้ร่วมปัจจัยกันมาและบุญที่ทุกท่านได้ตั้งใจก็ เสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้วแสนสุขจะดีใจและปลื้มใจแทนทุกท่านด้วยค่ะ คืนวันศุกร์ที่ 9 ธันวาคม 2559การเตรียมความพร้อมในเย็นวันนั้นทีมงานบางส่วนก็นอนที่บ้านของอาจารย์เจน เพื่อจัดการทุกสิ่งอย่าง ดังนั้น ทุกคนออกจากที่ทำงานของตนก็มุ่งตรงไปยังบ้านอาจารย์เจนอย่างรีบด่วน เพราะมีงานต้องทำอีกมาก โดยคุณรุ้งแจ้งว่า ครั้งนี้พวกเราต้องตื่นกันตั้งแต่ตี 3 เพื่อช่วยกันขนของขึ้นรถตอนตี 3 ครึ่ง รถออกเดินทาง ตี 4 ดังนั้น คืนนี้นอนแต่วันเลยเราจะไม่นอนดึก น้องดา ชิงพูดเป็นลางขึ้นมาว่า อะไรค่ะคืนนี้เราจะไม่นอนแล้วไปนอนกันในรถตู้ คุณรุ้ง บอกไม่มีอะไรแล้วงานเสร็จหมดแล้ว ปรากฏว่าคืนนั้นทั้งคืนไม่ได้นอนงานเสร็จตี 3 แต่งตัว ขนของขึ้นรถไปถึงจุดนัดพบ ตี 4 ก่อนถึงจุดนัดพบคุณรุ้ง หันมาพูดกับน้องดาว่า วันหลังอย่าพูดนะมันเป็นไปตามปากคือไม่ได้นอนกันเลยค่ะ วันเสาร์ที่ 10 ธันวาคม 2559 ทุกคนมากันพร้อม ตี 4 มีมาสาย 2 ราย เราก็รอจนถึงเวลาที่จะต้องออกรถแล้วพวกเรา ลุ้นกันแทบแย่ซึ่งก็เป็นผู้ใดก็ไม่รู้จัก อาจารย์เจน เห็นว่า เวลายังพอรอได้อยู่แต่สายกว่านั้น ก็ให้ขับรถตามป้ายหน้าที่ปั้มน้ำมัน 2 ราย สรุปมากันครบไม่มีขาดค่ะ จำนวนผู้เดินทาง 104 คน การเดินทาง “ล่องบุญ” ไปยังจังหวัดต่าง ๆ ดังนี้ สกลนคร อุดรธานี หนองบัวลำภู ขอนแก่น ชัยภูมิ รวม 3 วัน 2 คืน วัดที่ 1 (ทอดผ้าป่าฯและสังฆทานสร้างห้องน้ำห้องสุขา) ด้วยเหตุผลที่ต้องออกเดินทางจากกรุงเทพฯ ตั้งแต่เช้าตรู่ก็เพราะว่า ถ้าสายกว่านั้นไม่อยาก จะคิดว่ามันจะมืดตึดตื๋อและจะมองอะไรไม่เห็นค่ะ แต่สุดท้ายก็ถึงวัดเย็นจนได้ค่ะ ประมาณ 5 โมงเย็น เข้าไปแล้วกว่าจะทำพิธีการทอดผ้าป่าฯ สร้างห้องน้ำห้องสุขาเสร็จก็มืดพอดี แต่ อ.เจน ก็ไม่ย่อท้อยังคงเดินหน้าต่อไป โดยมีกิจกรรมบุญต่อค่ะ เดินจงกลม นำทุกคนฝึกเดินจงกลมภายในศาลาเอนกประสงค์ โดยกำหนดเดิน ซ้ายย่างหนอ-ขวาย่างหนอ ใช้เวลาไปพอสมควร นั่งสมาธิ อ.เจน ได้นำทุกคนมานั่งสมาธิที่ภายนอกศาลาเอนกประสงค์ ตอนนั้นอากาศเย็นสบายมากค่ะ โดยทุกคนได้เตรียมอาสนะนั่งสมาธิติดตัวกันมาด้วยตามที่ได้แจ้งไปก่อนหน้านี้แล้ว ทุกคนก็ปฏิบัติตามมีกันทุกคนค่ะ อ้าว...แล้ว อาสนะของ อ.เจน กับ ของจี๊ด รวมทั้งผ้าพันคอ ผ้าฝ้ายอย่างดีราคาแพงซึ่ง อ.เจน บอกว่ามีคนให้มาเขาจะได้บุญด้วยหนูจะเอามาห่มตอนนั่งสมาธิ เพราะอากาศเย็นมากจะป่วย จึงฝากให้จี๊ดถือมาหายไปไหน ร้อนเลยเดินหาซะร้อนหาไม่เจอ หายไปไหนๆๆ ใครช่วยหาหน่อยมีอาสนะ 2 ผืน ผ้าฝ้ายสีเนื้อ 1 ผืนอยู่ในถุงพลาสติก แต่แล้วสายตาก็เหลือบไปเห็นบนโต๊ะที่ทางวัดเอาไปกองรวมไว้เพราะได้ถวายเป็นสังฆทานไปแล้ว เฮ้ย นั่นเราถวายพระไปตอนไหนกันเนี้ยะ น้องดา บอกว่าตอนที่หยิบส่งต่อนำถวายยังคิดว่า อันนี้ทำไมไม่ผูกโบว์สวยงามแต่เป็นสีกระของพระทั้งหมดก็ไม่คิดอะไรส่งต่อถวายไป แต่ผ่านมือของจี๊ดทำไมไม่เห็น จำเป็นต้องไปเอามาคืนเพราะพระคงไม่ห่มผ้าพันคอผู้หญิงเป็นแน่ค่ะ หลังจากนั้น อ.เจน ได้นำขึ้นบันไดเล็กข้างบนนั้นมีรอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ และได้เห็นเหล่าเทวดามากมายที่ปกปักรักษาอยู่บริเวณรอยพระพุทธบาทและเทือกเขาต่าง ๆ จ้องมองลงมา เนื่องจากพวกเราสวดมนต์กันเสียงดังก้องและนั่งสมาธิกันท่านเห็นมนุษย์กำลัง ทำความดีท่านก็ได้มาร่วมอนุโมทนาบุญกับพวกเราด้วย บางท่านก็นั่งสมาธิกับพวกเราด้วย น่าปลื้มใจนะค่ะในการทำความดีนี้สวรรค์แซ่ซ้องสรรเสริญชอบมากค่ะ การนั่งสมาธิยังสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ อ.เจน ย้ำว่า ศักดิ์สิทธิ์ เยื้องออกไปหน่อยเป็นเนินเขาเล็ก ๆ มียอดเจดีย์สีทองสวยงาม และเหนือไปบนท้องฟ้าพระจันทร์สว่างสวยงามลำแสงของพระจันทร์ ทำให้มองอะไรได้บ้างเพราะข้างบนนี้มืดมากค่ะ โปรยทาน อ.เจน นำเหรียญโปรยทานที่ได้อธิษฐานจิตมาด้วยแล้วเพื่อให้ผู้ที่ได้นำไปเก็บเป็น สิริมงคลหรือทำทานต่อยอดบุญไปก็ได้ วันนั้น อ.เจนพูดว่า หากใครได้รับไปมากก็โยนลง ไปในรอยพระพุทธบาทเพื่อทางวัดนำไปทำบุญต่อไปเราก็ได้บุญเพราะเหรียญนั้นเป็นของ เราแล้วแต่เราสละทำบุญต่อไปเราก็ได้บุญค่ะ มีเรื่องตลกนิดหน่อย ด้วยความเป็นคนโก๊ะ(ซุ่มซ่าม) จี๊ดช่วย อ.เจน ถือพานเหรียญโปรยทาน แต่ อ.เจน ก็เป็นห่วงพี่โก๊ะ จึงร้องเรียกน้องดาให้ดูแลพี่จี๊ดกลัวจะพลัดตกลงไปยังเบื้องล่างเพราะบนเนิน รอยพระบาทนี้สูงมากไม่มีรั้วกั้นและมืดมากด้วยค่ะ ออกจากวัดเป็นเวลาที่มืดค่ำมองอะไรแทบไม่เห็น แต่ทุกคนก็มีความสุขมากจากสีหน้าที่ได้เห็น ไม่ได้มีความอิดโรยจากการเดินทางเลยค่ะ จี๊ดขออนุโมทนาสาธุกับทุกท่านที่มีจิตใจเป็นบุญกุศลด้วยนะค่ะ รับประทานอาหารเย็น ที่ร้านอาหารแห่งนี้มีอาหารอร่อยแต่โต๊ะนั่งเล็กไปหน่อยก็ เพราะทางร้านเขามีแบบนี้และดีที่สุดของจังหวัดนี้แล้ว หายากนะค่ะร้านอาหารแต่ก็ดีที่สุดแล้วค่ะ ซึ่งเจ้าของร้านเป็นคุณป้าและค่อนข้างจะ..เฮ้อ.. สะหน่อยแต่ก็ไม่เป็นไรเน้นย้ำต้องทำให้ดีนะค่ะ ข้าวเกิน 1 โถ ราคา 60บาท ป้าก็ไม่ลดหย่อนให้เลยละเหี่ยใจค่ะ อาหารมือกลางวัน ของวันนี้ก็เช่นกัน ค่อนข้างจะ..เฮ้อ.. สะหน่อย น้ำแกงส้มเติม 1 ครั้ง คิดราคา ครั้งละ 50 บาท ไท้เคยพบเจอค่ะ สรุปเติมน้ำแกงทุกโต๊ะ เพราะอะไรพี่เล่นใช้ถ่าน หุงต้มที่ร้อนแรงมาก ทำให้น้ำแกงส้มเดือดจัดและเหือดแห้งในเวลาดันรวดเร็วทำให้ต้อง เติมน้ำแกงเพราะจะแห้งและไหม้ กรรมสัมมาอาชีพ การค้าขายควรทำอย่างตรงไปตรงทำด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ที่เขาเรียกว่า “ซื่อกินไม่หมด...คดกินไม่นาน” ฉันใดก็ฉันนั้นค่ะ ซึ่งเรื่องนี้ อ.เจน พูดว่า ส่วนมากจะติดกรรม จากสัมมาอาชีพกันก็เพราะเป็นแบบนี้แล้วจะมาถามใครต่อใครว่า ทำไมทำมาค้าขายไม่ เจริญรุ่งเรืองก็เป็นกันสะอย่างนี้นั่นแหละค่ะ เซอร์ไพรส์วันเกิด จากรูปภาพที่เห็นอาจจะสงสัยอะไรกันล่ะนั่น อ๋อ วันเกิดคุณรุ้ง พี่สาว อ.เจน ย้อนหลังค่ะ คนเขารู้เขาก็มาเซอร์ไพรส์ด้วยเค้กวันเกิดที่เห็นนั่นแหละค่ะ งานนี้คุณรุ้ง ฝากขอบคุณด้วยนะค่ะ พี่เขาก็อุตส่าห์แต่งหญิงแต่งชายโดยมารในชุดของเจ้าพ่อเจ้าแม่นาคี “เราจะอยู่กันดีดีไม่ได้ใช่มั้ย” พี่ๆแกมาแรงจัดเต็ม และต่อด้วยการเต้นไก่ย่างถูกเผาสนุกสนาน กันมากท่ามกลางบรรยากาศสบายๆในยามค่ำคืนนั้น ทำให้นอนหลับฝันดีในคืนแรกนี้ค่ะ วันอาทิตย์ที่ 11 ธันวาคม 2559 วัดที่ 2 (ทำบุญใส่บาตรพระสงฆ์ 15 รูป) เพราะเหตุใด อ.เจน จึงจัดกิจกรรมทำบุญใส่บาตรซึ่งมีเหตุผลหลายประการ อ.เจน พูดว่า มีหลายคนที่ไม่เคยตื่นเช้ามาทำบุญใส่บาตรและมีอีกหลายคนที่ไม่ได้ให้ความสำคัญในการทำบุญใส่บาตร แต่จะมีผู้ใดรู้ได้บ้างว่า สิ่งสำคัญอยู่ที่การเริ่มต้นสิ่งนี้เป็นเรื่องแรกที่เป็นต้นบุญก็ว่าได้ค่ะ เพราะการทำทาน (ใส่บาตร) จะทำให้เราเป็นผู้มีจิตสะอาดผ่องใส จะช่วยในเรื่องของนั่งสมาธิ ได้พัฒนายิ่งขึ้น ซึ่งเราจะต้องทำทานเสียก่อน ผลที่ตามมาคือ ครั้นเมื่อตายไปก็จะได้มีกินไม่อด ไม่อยากไม่ว่าจะไปอยู่ภพภูมิใดแม้ในชาตินี้ก็ตามบุญนั้นจะส่งผลอย่างไม่รู้ตัวเลยค่ะนอกจากนี้ ญาติผู้ล่วงลับไปแล้ว เจ้ากรรมนายเวร และสัมภเวสี ต่าง ๆ ก็จะได้รับบุญกุศลจากเราไปด้วย ตัวเราก็ได้บุญวิญญาณต่าง ๆ ก็ได้บุญ เจ้ากรรมนายเวรได้รับบุญจากเราบ่อยครั้งเข้าเขาก็จาก ไปไม่จองเวรก็มีนะค่ะ ที่สำคัญพระพุทธศาสนายังดำรงคงอยู่ได้เพราะพวกเราจะเป็นส่วน หนึ่งที่มีส่วนช่วยสนับสนุนทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาให้สืบต่อไปค่ะ อ.เจน บอกว่านี่เป็นการฝึกความอดทนต่อการตื่นเช้าทำบุญใส่บาตร วันนี้เราทำได้วันอื่น ๆ เราก็ต้องทำได้ค่ะ ตักบาตรข้าวเหนียวชาวบ้านหรือผู้เฒ่าผู้แก่ได้รับการปลูกฝังให้ใส่บาตรซึ่งจากการเดินทาง ไปยังจังหวัดที่มีข้าวเหนียว ก็จะเห็นแบบนี้ คนมีเงินขับรถเก๋งมา หรือคนหาเช้ากินค่ำเขาก็ ใส่บาตรข้าวเหนียวกัน อ.เจน และผู้ติดตามก็มีข้อสงสัยมาก แล้วพระท่านจะฉันอะไรเพื่อให้ กายสังขารดำรงอยู่ได้ แต่เมื่อไปที่วัดก็จะมีแม่ชีหรืออุบาสิกาช่วยกันทำอาหารให้พระได้ฉัน อ.เจน พูดว่า การใส่บาตรข้าวเหนียวเพียงอย่างเดียวก็คือการใส่บาตรเรียบร้อยแล้วแต่ใน โลกหน้านั้นไม่เป็นเช่นนั้น ใส่อย่างไรได้อย่างนั้น ใส่ข้าวเหนียวคุณก็ได้กินแต่ข้าวเหนียว ไม่ได้แปรเปลี่ยนเป็นอื่น ดังนั้น การทำบุญใส่บาตรที่ถูกต้องหากเราชอบรับประทานหรือชอบสิ่งของเลิศหรูเพียงใด เราก็ต้องใส่บาตรสิ่งของเหล่านั้น ยกตัวอย่างเช่น เราใส่อาหารแกงร้อน เราก็ได้กินอาหาร แกงร้อนในโลกทิพย์เบื้องหน้านั้น โดยอย่าไปคิดว่า ใส่ของร้อนไปกว่าพระจะฉันก็พอดีเย็น ไม่จำเป็น แต่ไม่ใช่อย่างนั้นนะค่ะ เพราแสงบุญจะนำพาไปทันทีที่หย่อนสิ่งของลงบาตรพระ อ.เจน เคยเห็นมาแล้ว และคนที่ตายไปแล้วก็มาเล่าให้ฟังอย่างนี้ด้วยเช่นกันค่ะและ อย่าไปคิดแทนพระนะค่ะ การทำบุญใส่บาตรเราต้องทำให้ดีที่สุดเหมือนกับเรารับประทานเอง เลยค่ะสำหรับสิ่งของที่เหลือกินเหลือใช้เราทำบุญใส่บาตรได้ค่ะแต่ควรตรวจสอบคุณภาพสิ่งของนั้น ๆ ก่อน ซึ่งขึ้นอยู่กับเจตนาของผู้ทำบุญ แต่ก็มีนะค่ะที่ใส่บาตรของเหลือนั้นเพราะคิดว่าเราก็ได้บุญนี้ มากเหมือนที่เราตั้งใจซื้อมาใส่ไม่มีใครรู้แต่ใจของเรารู้ทำอย่างไรก็ได้อย่างนั้นจริง ๆ นะค่ะ เรื่องจริงที่พบกับตัวเอง เห็น ๆ กันในชาตินี้เลยค่ะจี๊ดเป็นคนตื่นเช้าและใส่บาตรเสมอเมื่อก่อน ไม่เคยใส่บาตรนอกจากวันพระกับวันเกิด แต่ อ.เจน สั่งสอนว่า พี่ต้องใส่บาตรหนูเห็นในญาณ ว่าพี่นั่งสมาธิอย่างเดียวไม่ได้นะค่ะพี่จะไม่มีกินในภพชาติหน้าและชาตินี้ หลังจากนั้นก็ปฏิบัติ จนเป็นนิสัย แล้วอยู่มาวันหนึ่งจึงประจักษ์ว่า เราทำบุญจนมันล้นนี่อาจารย์รุ้งบอกนะค่ะ ว่าพี่ทำบุญจนล้นแล้ว จี๊ดไม่เคยสังเกตเรื่องของตัวเองเลย แต่ครั้งนี้ได้เห็นได้พบกับตนเอง เรื่องมีอยู่ว่า วันนั้นกำลังจะขึ้นรถเมล์ที่ตลาดได้เหลือบไปเห็นลูกพลับปลอกหั่นแพ็คไว้ สวยงามอยากรับประทานเป็นที่สุดแต่รถเมล์ก็มาทำไงดีถ้าพลาดรถคันนี้สายแน่ตัดใจขึ้นรถเมล์ไป ระหว่างทางนั่งมองไปเห็นร้านขนมลูกชุบน่ารับประทานมากในใจก็คิดชอบกินนะลูกชุบร้าน นี้ต้องอร่อยแน่ขนาดมาเปิดร้านวันหลังต้องไปซื้อให้ได้เลย คิดอย่างนี้ค่ะ แต่เมื่อมาถึงที่ ทำงานหัวหน้าบอกว่าจี๊ดวันนี้พี่ไม่ว่า มีงานของกระทรวงฯ รัฐมนตรีเปิดงานเธอไปแทนพี่หน่อยนะ จี๊ดรับคำสั่งแล้วก็ไปตามบัญชาค่ะ เมื่อไปถึงงานก็มีนักข่าวสื่อมวลชนมากมายจึงถอยมา ยืนหลบอยู่ตรงจุดอาหารพอดีซึ่งก็มีน้องคนหนึ่งบอกว่าพี่ลูกพลับอร่อยมากพี่หยิบรับประทานได้เลยค่ะ ระหว่างรับประทานอยู่นั้น ก็มีน้องอีกคนหนึ่งเอาขนมลูกชุมมาให้บอกว่าพี่ลูกชุบเจ้านี้อร่อยมาก พี่ลองชิมดูสิค่ะมีเยอะค่ะ พร้อมกันนี้ก็มีเจ้าพนักงานนำชาร้อนมาเสริฟให้อีก จี๊ดงงกับเหตุการณ์นี้มาก นึกถึงอาจารย์ทั้งสองมากค่ะที่อาจารย์พูดนั่นเป็นจริงและได้เห็นในชาตินี้เลยค่ะ วัดที่ 3 (ไหว้พระศักดิ์สิทธิ์ สวดมนต์ นั่งสมาธิ) จี๊ดจำได้ว่าวันที่มาเซอร์เวย์ อ.เจน บอกว่า พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์องค์ท่านมีองค์ในเป็นเทวดา ชั้นสูงท่านได้เศร้าหมองและได้สื่อมายัง อ.เจน โดยพูดว่า “เราทุกข์เหลือเกินที่ได้เห็นมนุษย์ เป็นกันอย่างนี้ พระสงฆ์ทำผิด มนุษย์ทำผิด กันมากมายเหลือเกิน ทุกคนต่างก็มาขอให้ช่วยเหลือ แต่ทุกผู้ทุกตนไม่ได้ช่วยเหลือตนเอง ไม่ทำความดีมีแต่มาขอให้ช่วยและยินดีที่ได้พบคนทำความดีอย่างเจ้า” ซึ่งวันนั้นที่ อ.เจน เล่าให้ฟังก็ดีใจและภูมิใจแทนอาจารย์เขาด้วยนะค่ะ เห็นหรือยังการทำความดีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านเห็นนะค่ะ ในครั้งนี้ อ.เจน ได้นำพาทุกท่านเข้าไปกราบไหว้สักการบูชา สวดมนต์ และนั่งสมาธิ ต่อหน้าพระพุทธรูปองค์นี้ อุทิศบุญให้ท่าน และขอพรอันเป็นมงคลต่อองค์ท่าน เพราะการทำความดี คุณพระจะคุ้มครอง เทวดารักใคร่คุ้มครอง และวิญญาณรักใคร่ให้โชคท่านได้นะค่ะ ซึ่งจริงอยู่การ ทำบุญเราไม่หวังผลและผลของบุญจะเข้ามาหาเราเองค่ะ เพราะบุญที่เราทำทั้งหมดทั้งมวล จะช่วยเหลือเมื่อยามคับขันค่ะ คนเมืองฟ้อนรำ มีพวกสาว ๆ ตั้งแต่วัยรุ่นจนถึงประมาณ 70 ปี ใส่ชุดพื้นเมืองฟ้อนรำแบบ คนเมืองขบวนสวยงามมากจนแขนขาอยากจะขยับตามเขาไปเลย จี๊ดวิ่งไปถามว่า งานอะไรกันค่ะ “จุดไต้ตำตอ” อย่างที่โบราณเขาว่า จริงเชียวค่ะ ก็เพราะจี๊ดไปซักถามกับ ผู้ชายคนหนึ่งอายุมากแล้วยืนอยู่ท่ามกลางผู้คนนับร้อย ผู้คนตั้งมากมายไปถามคนนี้ ชายผู้นั้นตอบกลับมาว่า เป็นการทำบุญข้าวสาร ให้กับผู้ตาย เป็นแม่ผมเองแหละครับ อึ้ง ๆๆๆๆ อ๋อเหรอค่ะขอบคุณค่ะ ขบวนฟ้อนรำสวยงามมากค่ะ มึนตึบกลับมา เฮ้อ ถามใครไม่ถามดันไปถามเจ้าภาพของงานซะนั่น งานใหญ่มากค่ะต้องมีสตางค์อย่างสตรองนะค่ะจึงจัดงานอย่างนี้ได้ วัดที่ 4 (ทอดผ้าป่าฯ/สังฆทาน สร้างเสนาสนะต่างๆ) หลวงพ่อเจ้าอาวาสท่านไม่รู้จักท่านค่อนข้างประหลาดใจว่าผู้ใดหนอเป็นผู้หญิงและเก่งมาก สามารถนำผู้คนมาได้มากถึงเพียงนี้ เมื่อทอดผ้าป่าฯ เสร็จแล้วท่านได้เทศน์แสดงธรรม ให้กับผู้ร่วมบุญทั้งหลายสดับรับฟัง จี๊ดเห็นว่าเป็นประโยชน์ก็จดจำมาเล่าพอสังเขปค่ะ “อันลาภ ยศ สรรเสริญ ไม่ได้หมายถึงสิ่งเหล่านี้ดีที่สุดเพราะเป็นสมบัติเป็นทรัพย์ภายนอก แตะทรัพย์ภายในนี้สำคัญที่สุด ถ้าคนเรานั้นมีแต่สมบัติยังไงก็ไม่เท่ากับคนที่มีสมบัติทางใจ เมื่อกายกับใจของเราดีแล้วสิ่งดีดีอย่างอื่นก็หลั่งไหลตามเรามาเอง พระพุทธองค์ตรัสว่า ผู้ใดให้ทานด้วยข้าวและน้ำ ชื่อว่า ให้กำลัง ผู้ใดให้ผ้า เครื่องนุ่งห่ม ชื่อว่า ให้ผิวพรรณ ผู้ใดให้ยานพาหนะ ชื่อว่า ให้ความสุขทั้งกายและใจ ผู้ใดให้ประทีบดวงไฟ ชื่อว่าให้ปัญญา และผู้ใดให้ที่อยู่อาศัย ชื่อว่า ให้ทุกอย่าง คือ ให้กำลัง ให้ผิวพรรณ ให้ความสุข และ ให้ปัญญา” หลังจากทำบุญทอดผ้าป่าฯ เรียบร้อยแล้ว อ.เจน ได้นำพาทุกคนไปกราบไหว้สถูปเจดีย์ เก่าแก่โบราณเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ทุกคนเนื่องจากวัดนี้เป็นวัดเก่าแก่นับร้อยปี และถ่ายรูปร่วมกันเดินทางล่องบุญต่อไปค่ะ วัดที่ 5 (กราบไหว้พระพุทธรูปองค์ใหญ่ ภายในโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์) จี๊ดนะค่ะฮามากค่ะ ครั้งแรกที่มองด้วยสายตาก่อนก้าวขึ้นบันได แหม่บันไดแค่นี้ อ.เจน บอกว่าพันกว่าขั้น โถ อาลั้ย (เสียงสูง) แค่นี้เองสบาย แต่เมื่อเดินต่อไปเรื่อย ๆ เฮ้ย ตั้งนานยังไม่ถึง คือขั้นบันไดหลอกสายตาจะถึงแต่ไม่ถึงเสียที จี๊ดเห็นวีรภพคอยดักอยู่ที่ด้านบน แม้จะเหนื่อยแค่ไหนก็ต้องทำร่าเริง เพราะมีคนจ้องจับผิดอยู่ค่ะ โพสต์ท่าร่าเริง ซึ่งจริง ๆ แล้วพูดกับเทวดา เทวดาเจ้าขาอย่านะเจ่าค่ะอย่าเป็นลมนะเจ้าค่ะเทวดาช่วยด้วยเพี้ยง ค่ะเทวดาช่วยด้วยจริง ๆ ไม่เหนื่อยเลยค่ะสบาย เมื่อเข้าไปภายในโบสถ์ภายในเย็นสบาย และทุกคนได้นั่งต่อองค์พระใหญ่เรียบร้อยแล้ว อ.เจน ให้ทุกคนสวดมนต์ และนั่งสมาธิ หลังจากนั้นได้ทำการอุทิศบุญ และที่สำคัญที่สุด อ.เจน รู้ในญาณวิถีว่า ผู้ที่ติดตามมาทำบุญในครั้งนี้จะส่ามารถตัดกรรมที่ทุกคนได้ทำผิดมา และรู้ในญาณวิถีด้วยว่ามีกรรมใดกันบ้าง จึงได้นำอธิษฐานตัดกรรมเพื่อให้ทุกคนจะได้ ลดผ่อนกรรมหนักให้เป็นเบาและทุเลาหายไปนะค่ะ จี๊ดถือว่าโชคดีมากนะค่ะที่ได้มาทำบุญกับ อ.เจน เพราะอย่างเรา ๆ จะไปรู้จะไปเห็นอะไรได้อย่างนั้นค่ะ ในชาตินี้ได้รู้แล้วว่าเรามีกรรมอะไรเพราะมีอาจารย์สั่งสอนเรื่องบุญบาปแต่ในชาติหน้า เราจะไปรู้ได้อย่างไรว่าเราได้เคยทำบุญอะไรมาเราอาจจะไม่เป็นคนที่ชอบเรื่องบุญกุศล ก็เป็นได้และใช้ชีวิตประมาทคบเพื่อนไม่ดีเป็นได้ทั้งหมดค่ะ ในชาตินี้พอจะจดจำอะไร ได้ในเรื่องของบุญกุศลก็ทำไปเลยจัดไปค่ะ วัดที่ 6 (ผ้าป่าฯและสังฆทานสร้างมหาเจดีย์) ที่วัดแห่งนี้ก็รู้อยู่แล้วตั้งแต่แรกแล้วค่ะว่าจะต้องพบเหจอกับเหตุการณ์ใดบ้าง แต่ อ.เจน ยังคงมีจุดยืนที่จะมาทำบุญที่วัดแห่งนี้ เพราะได้เล็งเห็นในญาณวิถีแล้วว่า การร่วมสร้างมหาเจดีย์ที่ยิ่งใหญ่ที่มีอายุยืนนานจะเป็นผลบุญกุศลที่ยิ่งใหญ่ตราบเท่านาน แสนนานทุกครั้งที่มีผู้คนมากราบไหว้เราผู้ร่วมสร้างก็จะได้บุญกุศลนั้นทุกชาติไปค่ะ ในวันนั้นเมื่อทำบุญเสร็จแล้ว อ.เจน ก็ได้นำทุกคนไปที่มหาเจดีย์และอธิษฐานจิตร่วมกันค่ะ สิ่งที่มองเห็นเป็นธรรมมะ วัดป่าส่วนมากมักจะมีเจ้าหน้าที่ของวัดมาคอยจัดการความ เป็นระเบียบเรียบร้อยของวัดเนื่องจากพระสงฆ์ต้องอยู่ในส่วนของสงฆ์ต้องไม่มีความวุ่นวาย ที่นี้เมื่อนานวันเข้าก็มักจะเกิดมีเจ้าหน้าที่ที่ลุแก่อำนาจเข้ามาขัดการกิจการของวัดและ เริ่มคอยกีดกันปิดกั้นและตั้งกฎระเบียบให้คนเข้าวัดยากลำบากค่ะ ก็เช่นเดียวกับที่วัดแห่งนี้ จี๊ดคิดว่าความคิดของคนไม่มากก็น้อยที่ได้พบเห็นกับเกตุการณ์นี้ก็ต้องจิตตกเป็นธรรมดา แต่สำหรับ อ.เจน คุณรุ้ง จี๊ด และน้องทีมงาน พบเห็นมามากแล้ว จึงเห็นเป็นเรื่องธรรมดา เพราะใครอย่างไรช่างเขาตัวเราทำดีเป็นพอค่ะ และสิ่งที่ได้พบในวันนี้ได้พบเห็นไปแล้ว ในคราวที่มาเซอร์เวย์แล้วค่ะ วันนั้นก็เหมือนกับวันนี้ไม่มีผิดเพี้ยน ที่วัดป่านี้จะมีเจ้าหน้าที่ผู้ชายนิสัยนักเลงนิด ๆ เขาจะคอยจัดการดูแลข้าวของที่คณะฯ เรานำมาถวาย ระหว่างที่ทุกคนกำลังทยอยเข้ามานั่งกันภายในเพิงชายคาศาลา ทางทีมงานก็ได้นำดอกโบว์สีสวยมาผูกติดที่ถาดอลูมิเนียมใบใหญ่เพื่อเพิ่มความสวยงาม เจ้าหน้าที่คนนี้พูดด้วยเสียงอันดังใหญ่โตยังกับเจ้าของวัดหรือเป็นเจ้าอาวาสประมาณนั้น “ที่นี่ ไม่ต้องทำอะไรมากมายที่นี่ไม่เรื่องมากที่นี่เขาสบาย ๆ กัน ไม่ต้องทำอะไรปล่อยเลย” แต่ทุกคนก็ไม่สนใจยังคงทำสิ่งของสวยงามอยู่อย่างนั้นทำให้ผู้ชายคนนี้ไม่พอใจมาก ครั้งแรกเขาบอกให้กองข้าวของสังฆทานไว้อย่างนั้น เอาเงินใส่กล่องเสร็จแล้ว ไม่ต้องนำยกถวายอะไรทำเหมือนวันที่เรามาเซอร์เวย์ไม่มีผิด วันที่มาเซอร์เวย์ได้ทำหนังสือแจ้งให้พระสงฆ์ท่านรับรู้แล้ว ว่า อ.เจน จะนำพาคนกว่า 100 คน มาที่วัดถวายสังฆทาน แต่วันนี้พระรูปนั้นไม่ได้อยู่ที่นี่ทั้ง ๆ ที่ ได้แจ้งเป็นการล่วงหน้าแล้ว แต่มาวันนี้เหมือนกับไม่มีอะไร เกิดขึ้นไม่มีแม้แต่พระสงฆ์สัก 5 รูป รับของสังฆทานซึ่งมีเพียงพระรูปเดียวที่คงเดินไปมาอยู่ แต่เมื่อเห็นญาติโยมมากันมากก็ทำอะไรไม่ถูกเพราะมีเจ้าหน้าที่ชายคนนี้คอยกำกับบทอยู่ ซึ่ง อ.เจน ก็ไม่สนใจกับบรรยากาศอัมครึมนั้น จี๊ดก็ยังคงเรี่ยไรเงินปัจจัยสร้างเจดีย์เพราะ นึกถึงแต่บุญเท่านั้น แต่ด้วยเป็นบอดี้การ์ดด้วยสายตาก็คอยลอบมองชายคนนั้นด้วย จึงได้รู้ว่าเขาจัดการอะไรบ้างและดูอาจารย์ของเราด้วยว่าจะรักษาสถานการณ์นี้ได้อย่างไร อ.เจน เคยสอนว่า ใครทำอย่างไรต้องได้อย่างนั้น ทุกท่านก็ได้รับอานิสงส์บุญด้วยคำจบอธิษฐาน ก่อนใส่เงินปัจจัยลงขันก็เท่ากับว่าท่านได้บุญระดับหนึ่งแล้ว อย่างอื่นไม่ต้องสนใจจี๊ด ทำหน้าที่เรี่ยไรก็ไม่หยุดเดินยังคงดำเนินการต่อไปรวบรวมเงินแจ้งยอดเงินประกาศให้รับรู้และโมทนาบุญ แต่เมื่อ อ.เจน ประกาศยอดเงินปัจจัยชายคนนั้นก็บอกให้เอาเงินใส่กล่องลงไปเรียบร้อยไม่ต้องอะไรมาก และชายคนนี้ยังคงพูดต่อไปว่า ให้เร่ง ๆ กันหน่อยเสร็จแล้วก็กลับกันได้ เพราะจะได้เวลาสรงน้ำให้หลวงปู่ ตอนนี้อากาศเย็นมากหลวงปู่จะหนาว พูดเหมือนให้พวกเรา เป็นผู้ผิดที่ไม่รีบวางของแล้วกลับกัน เหมือนจะกีดกันไม่ให้พบกับหลวงปู่ ครั้งที่มาเซอร์เวย์ได้เห็นหลวงปู่ท่านนอนในห้องกระจกท่านชราภาพมากแล้ว แต่ม่านเปิดอยู่ทุกคนก็ได้เห็นท่าน แต่มาวันนี้ท่านก็อยู่ตรงหน้าพวกเรานั่นแหละค่ะ แต่ปิดม่านไม่ให้ทุกคนเห็นซะอย่างนั้น จริง ๆ แล้ว ท่านอยู่เบื้องหน้าพวกเรานั่นเองค่ะ และที่สำคัญท่านไม่หนาวหรอกค่ะเพราะท่านอยู่ในห้องกระจกปรับอุณภูมิและได้มีพระสงฆ์ ดูแลอย่างดีท่านคงนำน้ำอุ่นมาเช็ดตัวให้หลวงปู่แล้วหลวงปู่จะหนาวได้อย่างไรค่ะ สรุป ทุกคนจ้องมองพระสงฆ์รูปนี้ ว่าจะยังไงจะรับถวายข้าวของสังฆทานหรือไม่ สายตาพวกเราเป็นร้อย พระรูปนั้นจึงนั่งลงใช้ผ้าสีขาวที่พอหาได้มารับของถวาย จี๊ดลุ้นเสียเหนื่อยเชียวค่ะ แต่ขอบอกว่า ในวันที่มาเซอร์เวยเจ้าหน้าที่ชายคนนั้นบอกกองไว้ พวกเราก็กองเอาไว้ จี๊ดยังคุยกับคุณรุ้งเลยว่าถ้าต้องกองเอาไว้อย่างนี้เรากองไว้ที่บ้านก็ ได้แค่ขนของมากองเท่านั้น อ.เจน บอกว่า พระไม่ได้รับประเคนก็เท่ากับไม่ได้บุญนะค่ะ และการที่พระท่านรับของสังฆทานเทวดาท่านรับรู้ได้ท่านดลใจให้พระสงฆ์มารับสิ่งของ เพราะจิตของเราทุกคนตั้งมั่นมากค่ะ สาธุ ก่อนกลับยังพบเจอกับชายคนนั้นอีกจนได้ เพราะเขามาเดินตัดหน้ารถพร้อมกับทำสีหน้าเยาะเย้ย แต่แม่ตี้เห็นแล้วก็โมโหใหญ่ อ.เจน ต้องปลอบใจแม่อยู่ตั้งนานกว่าอารมณ์โกรธของแม่ตี้จะเย็นลงได้ โดย อ.เจน พูดขึ้นว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์เขาให้เราได้มาพบเห็นสิ่งเหล่านี้แล้ว เราเห็นแล้วจิตตกไม่อยากทำบุญหรือไม่ เราจะยังคงทำบุญต่อไปหรือไม่ถ้าเราหยุดและ ยอมแพ้เราก็จะไม่ได้ทำบุญสร้างกุศลต่อไป ทำให้มารชนะ ดังนั้นเราต้องตั้งมั่นเชื่อมั่น และศรัทธาในบุญกุศลค่ะ วัดที่ 7 (ถวายสังฆทานสร้างหลังคาศาลา) วัดแห่งนี้มีลักษณะเป็นถ้ำ สร้างเป็นโบสถ์ ภายในมีความเยือกเย็นเพราะเป็นโขดหินและ ถ้ำที่เกิดจากธรรมชาติ คณะฯ เราไปถึงวัดก็ค่ำมากพระท่านเทศนาธรรมให้ฟังนานพอสมควร หวังว่าคงจะได้รับรู้รับฟังสิ่งดีดีและนำไปใช้ปฏิบัติได้กันนะค่ะ แต่จี๊ดก็อดขำบางม่านที่หิวกันแล้ว แต่ไม่มีใครกล้าขัดพระท่านก็ยินดีและดีใจที่ได้มีผู้คนจำนวนมากมาทำบุญท่าน จึงเทศน์สั่งสอนเสียนาน แต่จี๊ดคาดว่า น่าจะมีหิวและอยากกลับพักผ่อนกันแล้วล่ะนะเดินทางกันมาทั้งวัน รับประทานอาหารเย็น ท่ามกลางบรรยากาศของโรงแรมที่ค้างหลอน และที่นี่มี...สะด้วย หุหุ กิจกรรมแสดงเล็ก ๆ กับ ท็อกโชว์ รุ้ง&จี๊ด
- รำปอบผีฟ้า ที่มาของการรำมีค่ะ คือที่ตำบลนั้นมีบ้านปอบผีฟ้าทั้งหมู่บ้านยังนับถือปอบผีฟ้ากันอยู่ค่ะ และมีชุดการแสดงปอบผีฟ้า ซึ่งมีค่าใช้จ่ายในการเข้าร่วมกิจกรรม และถ้าหากมีฝนตกก็เลิกพิธีไม่รับผิดชอบ แต่ อ.เจน ก็ยินดีที่จะนำพาทุกท่านไปเข้าบรรยากาศ ผีผีอย่างนั้นนะค่ะ แต่จากการสอบถามปรากฏว่า คณะของเราจะต้องเข้าพิธีกรรมของหมู่บ้านปอบผีฟ้า มีการท่องคาถาอะไรบางอย่างของพวกเขา ซึ่งเรื่องนี้ไม่สมควรเป็นอย่างมากอ.เจน จึงยกเลิกกิจกรรมนั้นไป และก่อนวันเดินทางเพียง 2 วัน อ.เจน ก็มอบหมายให้น้องดาไปหาเช่า ชุดปอบผีฟ้ามา 2 ชุด และ ชุดปิกาจู้ 1 ชุด (วีรภพ) คงรู้ตัวนะว่าใคร ดังนั้น คืนวันศุกร์นักแสดงตัวเดิม (จี๊ด/ดา)ก็หวังว่าจะได้ซ้อมรำผีฟ้า แต่ปรากฏว่า เราทำงานจนไม่ได้หลับไม่ได้นอน จึงไม่ได้ซักซ้อมและกำหนดท่าทางกันก่อนแสดง ก็อย่างที่ท่านได้รับชมกันนั่นแหละค่ะ - ท็อกโชว์ รุ้ง&จี๊ด ในคืนนั้นทำให้มีบางท่านปัสสาวะราด นอนรวมกัน ดัวยความกลัว นวล แม่ต้นไทร จี๊ดต้องขอขมากรรมด้วยนะค่ะ ไม่น่าเลย ตอนแรกทุกคนก็บอกจะฟังจะฟัง กันแล้วก็เกิดหวาดกลัวกันจี๊ดก็กลัวจะติกรรมกับท่านผู้รับฟังขออภัยและขอขมากรรมด้วยค่ะ ไม่คิดว่าการท็อกเรื่องผีผีจะได้ผลถึงขนาดนั้น แต่แม่นวลต้นไทรมีจริงนะค่ะ หุหุ วันจันทร์ที่ 12 ธันวาคม 2559 วัดที่ 8 (ทอดผ้าป่าฯ สร้างกำแพงและถวายสังฆทาน) เช้าวันนี้มีแต่คนถามหาก็จากเมื่อคืนนี้และไม่น่าเลยเรา อ.เจน และผู้ที่วางตำแหน่งงาน ไว้แล้วได้ช่วยกันล้างหั่นตัดตกแต่งผักและผลไม้ เสร็จเรียบร้อยค่ะ ออกจากโรงแรมแต่เช้าไปถึงวัดได้เวลาพอดีค่ะ หลวงปู่ท่านอายุ 85 ปี แม้จะเจ็บป่วยอาพาธหนัก ท่านมีใบหน้ายิ้มแย้มตลอดเวลา ท่านมีเมตตามากค่ะ คณะบุญเราได้ถวายภัตตาหาร ทอดผ้าป่าฯและสังฆทาน เรียบร้อย ก่อนที่เจ้าหน้าที่วัดจะพูดว่าท่านป่วยเป็นอะไร แต่ อ.เจน รู้ว่าท่านมีอาการป่วยเป็น โรคปอดที่หนักมากค่ะ ถวายภัตตาหารเช้า อ.เจน ถวายภัตตาหารเช้าด้วยผักน้ำสลัดและผลไม้ ซึ่งพระต่างจังหวัดไม่ค่อยได้ฉันก็ดีใจนะค่ะ เพราะได้ใส่จิตใส่ใจลงไปด้วยแล้วตอนที่ช่วย อ.เจน ยกถวาย แม้ไม่ได้เป็นคนประเคนทุกคนก็อย่างลืมตั้งจิตและสาธุพร้อม ๆ กันเท่ากับเราได้ใส่จิตใส่ใจไปถวายแล้วค่ะ หลังจากนั้นทอดผ้าป่าฯและถวายสังฆทานเป็นลำดับต่อไป ฟังเทศน์ จากหลวงปู่ แม้ท่านจะอาพาธแต่ท่านก็ทำกิจของสงฆ์อย่างแม้จริงค่ะ ซึ่งจี๊ดพอจะจดจำได้ว่าหลวงปู่ท่านเทศน์สอนเรื่องของทรัพย์ภายนอกแบทรัพย์ภายใน “คนเรามีอริยะทรัพย์ภายในที่ตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้ใครก็เอาของเราไปไม่ได้ แต่ทรัพย์ภายนอกเอาไปได้ เพราะทรัพย์ภายในเป็นบุญกุศล คนเราต้องสร้างบุญกุศล ต้องมีศีล ต้องรักษาศีล รักษากาย วาจา และใจ ให้โดยรอบทำให้เรียบร้อย คนที่มีศีลจะละอายต่อบาป คนมีศีลต้องมีปัญญา เพราะการมีปัญญาจะไปสู่หนทาง พ้นทุกข์ได้ตามคำสอนของพระพุทธเจ้าผู้จะไปพระนิพพานต้องดับกิเลสให้ได้ ฉะนั้น เราต้อง 1. ให้ทาน 2. รักษาศีล 3.ภาวนา ให้ภาวนา พุทโธๆๆๆ คนเราต้องมีศีล มีสมาธิ และมีปัญญา อย่าไปเที่ยวหาอวิชาที่เป็นความมืดมน ทำบุญด้วยความพอดี ตั้งใจรักษาศีลทำบุญให้ทานและทุกอย่างให้เป็นบุญ” อาหารมือกลางวัน เราเดินทางเข้าสโมสรทหารตั้งอยู่ริมเขื่อน อากาศดีเย็นสบาย และอาหารอร่อยดัวยค่ะ รับประทานกันไปคุยกันไปเมื่อรับประทานกันจนอิ่มหนำแล้ว ทุกคนก็ออกไปถ่ายรูปร่วมกัน ถ่ายรูปกับวิทิวทัศน์ที่สวยงาม ตอนนั้นจี๊ดเห็นว่าทุกคนมีความสุขมาก อ.เจน ก็มีความสุขด้วยเช่นกันที่ทุกท่านมี ความสุขและน่ารักมากค่ะ วัดที่ 9 (ทอดผ้าป่าฯและถวายสังฆทาน) จี๊ดก็เพิ่งจะได้เห็นเจาอาวาสท่านวันนี้เองเพราะวันนั้นก็ส่งจดหมายน้อยไว้ให้แก่ผู้เฒ่าที่ กำลังสวดมนต์อยู่แล้วก็รีบกลับ เพราะไม่ต้องการรบกวนการสวดมนต์ ซึ่งขณะนั้นมีพระสงฆ์อยู่ประมาณ 5 รูป ฆราวาสชายหญิง ประมาณ 10 คน ที่วัดนี้ อ.เจน ได้จัดสรรเงินให้กับวัดแห่งนี้เป็นจำนวนมาก เนื่องจากที่วัดนี้เป็นวัดที่ห่างไกลผู้คน และที่สำคัญประทับใจที่พระสงฆ์ท่านนำชาวบ้านมาสวดมนต์ทำวัตรเย็นพร้อมเพรียงกัน และทำเป็นกิจวัตรประจำวัน ซึ่งเป็นการฝึกฝนที่ดีโดยการฝึกฝนคนใกล้ตัวเสียก่อนค่ะ อาหารมือเย็นก่อนกลับบ้าน เส้นทางเข้าร้านอาหารยามค่ำคืนอย่างนี้ทุกคนคงหลอนกัน น่าดูเหมือนกับล่าท้าผีในป่าเชียวค่ะ ร้านอาหารเป็นประเภทส้มตำ น้ำตก ซกเล็ก ที่สุดแสนจะอร่อยมาภาคอีสานขากลับต้องให้เข้าถึงแหล่งกันนะค่ะ ทริปบุญนี้จี๊ดขออนุโมทนาบุญกับ อ.เจน คุณรุ้งตะวัน แม่ตี้ ทีมงาน จิตอาสาทุกท่านที่ ได้รับมอบหมายให้ทำงาน และที่สำคัญท่านผู้บริจาคทุกท่านค่ะที่มีส่วนทำให้งานบุญ นี้เป็นบุญที่สำเร็จแล้วค่ะ จี๊ดจ๊าด |