แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย รุ้งตะวัน เมื่อ 2015-2-7 13:35
ประตูสวรรค์ (เล่าวันที่ 4 กพ 58)
การที่คุณสุดารัตน์ มีหน้าที่ตรวจดูเว็ปไซด์เกี่ยวกับการรับบริจาคงานบุญไม่ว่าจะเป็น ประตู หน้าต่าง กำแพง และงานทริปทัวร์บุญต่าง ๆ และที่แน่ ๆ ก็คือ ประตูสวรรค์ ซึ่งดิฉันอยากจะเล่าเรื่องประตูสวรรค์นี้แหละค่ะ และ
การที่คุณสุดารัตน์ตรวจสอบยอดเงินรับบริจาคงานบุญทุกวัน ๆ นั้นมีอานิสงส์บุญมากนะค่ะ อ.เจน ว่าอย่างนี้จริง ๆ แล้ว

มีอยู่คืนหนึ่งด้วยอานิสงส์บุญนี้ทำให้คุณสุดารัตน์ ฝันไปว่า ขณะที่กำลังเดินอยู่ในสถานที่ปฏิบัติธรรม จำได้ว่ามีความสุขมาก อากาศเย็นสบาย แล้วก็มีคนเดินไปในทิศทางเดียวกัน เขาไปมุงดูอะไรกัน คุณสุดารัตน์ก็เดินตามหลังคนพวกนี้ไป แล้วก็แหงนหน้ามองไปตามทิศทางที่ผู้คนกำลังยืนมองดูอยู่นั้นก็คือ ซุ้มประตูทาสีด้วยสีฟ้า ด้านบนประตูเป็นมุมมนโค้ง และมีเทพเทวาหลายตนตั้งประดับประดาอยู่ด้านบน ซึ่งเทพเทวาเหล่านั้นก็ทาสีอย่างสวยงามเชียวค่ะ คุณสุดารัตน์ บอกว่า ผู้คนเป็นจำนวนมากยืนดูซุ้มประตูกันอย่างสนใจไม่มีใครมองหน้ากันเลย ซึ่งภาพเหตุการณ์นี้ชัดเจนมากเหมือนกับเป็นเรื่องจริงเลยค่ะ

คุณสุดารัตน์ จึงได้มาถาม อ.เจน ว่าทำไมถึงฝันอย่างนี้ เพราะปกติไม่เคยฝันเลยค่ะ อ.เจน จึงอธิบายว่า จริง ๆ แล้ว เบื้องบนเขาจะตักเตือนคุณสุดารัตน์ฯ ผ่านความฝัน เพราะอะไรหรือค่ะ ก็เพราะมีคำอธิบายเพิมเติมมากมายค่ะ อยากรู้ละสิ เห็นมั้ยอยากรู้ เล่าก็ได้ค่ะ ต้องเกริ่นความเป็นมาก่อนค่ะ เรื่องมีอยู่ว่า

คุณสุดารัตน์ฯ ได้รับมอบหมายให้มีหน้าที่ตรวจสอบรายชื่อหน้าเว็บไซด์ และต้องติดต่อติดตามผู้คนที่มาทำบุญตลอดเวลา แม้กระทั่งการโอนเงินทำบุญหรือการโทรแจ้งทำบุญ ซึ่งยังไม่ทันข้ามวัน ก็โทรมาแล้วว่า ทำไมโอนเงินไปแล้วยังไม่เห็นชื่อเลย ค่ะ/ครับ
โถ ใครจะรู้ ว่าจริง ๆ ด้วยหน้าที่การงานบังคับอยู่ ซึ่งดิฉันมักจะพูดเสมอว่า ทีมงานเขาทำงานกันทุกคนค่ะ และด้วยหน้าที่ของนักวิทยาศาตร์อย่างคุณสุดารัตน์ฯ นั้นต้องวิจัยพืช มีงานประชุมวิชาการ เป็นอาจารย์สอนงาน งานเยอะมั้ยละค่ะ ดังนั้น ถ้าจะมานั่งตรวจสอบเว็ปไซด์และลงชื่อหน้าบอร์ดในทันทีทันใดก็คงจะไม่ได้แน่ เพราะเป็นเวลาทำงานและคงไม่เหมาะสมจริงมั้ยค่ะ จึงจำเป็นต้องรอเวลาหลังเลิกงาน ซึ่งก็ไม่ทันใจใครๆเขาเลยค่ะ แต่ดิฉันก็เข้าใจนะค่ะ คนที่โอนเงินเขาก็คิดทั้งวันว่า เฮ้ย เงินเรานะ..จะหายป่าวเนี้ย ต่างก็รอคอยดูที่หน้าบอร์ด และบางครั้งก็โทรเข้าเครื่องคุณรุ้งตะวัน บางครั้งก็โทรสอบถามโดยตรงกับเจ้าตัว ว่าได้รับเงินหรือไม่อย่างไรประมาณนี้ค่ะ

ที่นี้คุณสุดารัตน์ ก็ทุกข์ใจสิค่ะว่า จะทำงานไม่ทัน เพราะทั้งวี่ทั้งวันงานตรึมอยู่แล้ว ตกเย็นก็ไม่มองหน้าใครทำงานเว็ปไซด์ตรวจรายชื่อคนโอนเงินทำบุญจนมืดค่ะกว่าจะได้กลับถึงบ้าน ทำงานที่บ้านไม่ได้ค่ะ เพราะไม่มี Wifi ต้องใช้ของที่ทำงานค่ะ แต่ถ้าจำเป็นต้องทำงานที่บ้านก็ต้องใช้ Hotsport แต่ก็ต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ คุณแม่ และพี่สาว ด้วยค่ะ เพราะที่บ้านนับถือศาสนาอิสลาม เหนื่อยมั้ยล่ะค่ะ คนเขียนยังเหนื่อยเลยค่ะ

ด้วยเหตุนี้ทำให้คุณสุดารัตน์ฯ รู้สึกเบื่อหน่ายและเหนื่อยมาก ที่ต้องตรวจรายชื่อคนทำบุญหน้าเว็บและลงรายการบุญ ส่วนที่ดิฉันจะเล่าต่อไปนี้ก็คือสืบเนื่องมาจากความฝันที่นำมาถาม อ.เจน นี่แหละค่ะ
อ.เจน ถามคำเดียวว่า ทุกวันนี้พี่สุดารัตน์รู้สึกเบือ คือเบื่อทั้งหน้าที่การงานและงานบุญด้วย เพราะรู้สึกเหนื่อยจึงเบื่อมาก และมักจะบ่น แต่คำว่า "เบื่อ... ไม่ไหวแล้ว... ไม่อยากทำแล้ว... เหนื่อยมากแล้ว... มันมากมายเหลือเกิน..." ใช่หรือไม่ค่ะ

ดิฉันและน้อง ๆ ทุกคนที่นั่งฟังอยู่ก็คอยคำตอบจากคุณสุดารัตน์ฯ เช่นเดียวกันค่ะ สายตาของทุกคนมองหน้าคุณสุดารัตน์ เพื่อค้นหาคำตอบ แหม..ลุ้น ๆ,, แต่กว่าที่คุณสุดารัตน์ฯ จะพูดออกมาได้ลุ้นกันเหนื่อยเชียวค่ะ แล้วคุณสุดาฯ ก็ตอบ ว่า "ใช่ ค่ะ ใช่ หนูใช้คำพูดอย่างนี้จริง ๆ ค่ะ

อ.เจน จึงพูดขึ้นว่า พี่รู้มั้ยว่า หนูเห็นภาพของพี่ตอนที่อยู่บนสวรรค์ เห็นภาพ กำปั้นทองคำ ๆ นี้ มีรายชื่อผู้คนเต็มไปหมดสลักจารึกไว้บนกำปั้นทองคำนี้ พี่เป็นนางฟ้าบนสวรรค์ ก็จะมีหน้าหมุนรายชื่อของผู้ที่ขึ้นสวรรค์และมีหน้าที่จัดการส่งรายชื่อไปอยู่ตามสวรรค์ชั้นต่าง ๆ และทำผิดกฎสวรรค์ด้วยการรับสินบนในหน้าที่ นอกจากนี้ บนสวรรค์นางฟ้สุดารัตน์ฯ ก็พูดคำนี้ทุกคำค่ะ "เบื่อ... ไม่ไหวแล้ว... ไม่อยากทำแล้ว... เหนื่อยมากแล้ว... มันมากมายเหลือเกิน..." พี่พูดเหมือนในชาติที่เป็นมนุษย์เลยค่ะ เขาให้ลงมารับกรรมเสียในชาตินี้เลยค่ะ และจะต้องบ่นไปอีกเป็น 1,000 ครั้ง ทำให้ชาตินี้พี่ไม่มีความรัก ไม่มีความสุขที่ต้องหลบซ่อนการทำบุญค่ะ ดังนั้น พี่ต้องยอมรับผลกรรมนั้นแล้วตัดกรรมที่เคยทำผิดมา พี่ต้องชดใช้ค่ะ เมื่อคุณสุดารัตน์ ฟังแล้วก็อึ่งไปพร้อม ๆ กับผู้รับฟังอย่างพวกเราด้วยค่ะ

อ.เจน บอกว่า คุณสุดารัตน์ฯ เป็นนางฟ้าตกสวรรค์ โดนทำโทษที่ทำผิดกฎสวรรค์จึงได้ลงมาเกิดในโลกมนุษย์ แต่มาเกิดทั้งทีก็ไม่สวยงามอย่างนางฟ้านางสวรรค์เขาเลยค่ะ อ.เจน บอกว่า คุณสุดารัตน์ฯ อยู่บนสวรรค์ดีดีแต่ต้องมารับวิบากกรรมนี้ ในความฝันนั้น เทพเทวาท่านมาตักเตือนผ่านความฝัน ท่านให้เห็น ว่า บุญนั้นมีจริง และขอให้ทำต่อไป ทำไป อย่าท้อถอย ค่ะ แต่ถ้าเลิกการทำงานบุญรับรองได้ว่า ก็ต้องไปทำอะไรอย่างนี้เหมือนกันเหนื่อยเหมือนกัน ซึ่งจะเป็นรูปแบบของหน้าที่การงานจนแทบไม่ได้พักไม่ได้ผ่อนเหมือนกันสู้ทำงานบุญดีกว่าเพราะได้บุญจริง ๆค่ะ

เนื่องจากประตูสวรรค์ นั้นมีความสำคัญมาก อ.เจน ได้เห็นในสมาธิแล้ว ว่าต้องสร้าง ณ ตรงบริเวณใด เพราะเป็นทางผ่านไปสวรรค์ และทุกคนที่เข้าประตูสวรรค์นี้ก็เข้าไปกำหนดจิตทำสมาธิปฏิบัติธรรม ผู้สร้างผู้สนับสนุนและผู้บริจาคก็จะได้บุญทุกครั้งค่ะที่มีผู้เดินผ่านเข้าไปปฏิบัติธรรมค่ะ

ตามที่ดิฉันมักพูดออกบ่อยว่า ทีมงานทุกคนจ้นจน กร้อบกรอบ สรุป ไม่มีกะตังทำบุญมากอย่างใคร ๆ แต่ อ.เจน เตือนว่าทำบุญอย่าให้เดือดร้อนค่ะ พวกทีมงานมีเพียงแต่กำลังกายและกำลังใจเท่านั้นเป็นที่ตั้งมั่นเพื่อเหนี่ยวรั้งสร้างขวัญกำลังใจ เพื่อช่วยให้งานบุญสำเร็จ ซึ่งเป็นความภาคภูมิใจของทีมงานค่ะ

สำหรับดิฉันบอกได้เลยว่า ดิฉันไม่เสียดายเวลา ไม่เหน็ดเหนื่อย และไม่เสียชาติเกิด ที่ได้ทำความดีงานบุญของอาจารย์ทั้งสองคนนี้เลยค่ะ

ขำขำ ก็ตามที่บอกไม่มีตัง ก็เหลียวหน้าไปมองเสี่ยมิตร ผู้สนับสนุนและมีปัจจัยเงินมากกว่าใครในกลุ่ม ดังนั้น พวกเราก็จะเชียร์คุณมิตร ประเดิมงานบุญทุกครั้ง เช่น ครั้งที่แล้ว ห้องน้ำ หลายตังอยู่ค่ะ ดิฉันร่วมบุญไป 200 บาท และน้อง ๆ ทุกคนก็ทำตามอย่างนั้นแหละค่ะ คุณรุ้ง ก็จะแซว ๆ ว่า พี่ลูกบิดประตู หรือสายฉีดชำระ ยังไม่ได้เลยนะพี่ ก็จะขำขำกันอยู่อย่างนี้ ครั้งก่อนโน้น ก็เครื่องปรับอากาศ พวกเราหุ้นส่วนกันคนละไม่มาก คุณมิตรก็มาเป็นตัวโป๊ มาครั้งนี้ พวกเราก็ผายมือไปที่พี่มิตร ซุ้งประตู 1 แสนบาท ทุกคนก็อนุโมทนาสาธุ คณมิตร บอกอย่าเพิ่ง ๆ ครับ ร้องจ้าละหวั่นเลยค่ะ แหม หนี่งแสนบาท ผู้ก่อตั้งหัวขบวนบุญคือคุณมิตร ว่าแล้วพวกเราก็อนุโมทนาสาธุค่ะ แล้ว พวกเราก็จะมาร่วมคนละเล็กคนละน้อยเหมือนเดิมค่ะคุณมิตร แต่งานนี้คุณมิตรยังเงียบอยู่เลยค่ะ เข้าใจค่ะ คุณมิตรทำทุกบุญอยู่แล้วค่ะ แต่ประตูสวรรค์นี้สิค่ะคงต้องรอสักกะติ๊ดหนึ่งค่ะ
อ.เจน บอกว่า อานิสงส์บุญมากเราจะมีวิมานที่สวยงามวิจิตรตระการตาอยู่บนสรวงสวรรค์ หากเกิดเป็นมนุษย์ก็จะมีบ้านพักอาศัยเป็นของตนเอง ไปสถานที่แห่งใดผู้คนก็รักใคร่นับถือให้การสนับสนุน เป็นผู้มี่หน้ามีตาในสังคมและมีชื่อเสียงค่ะ ในการที่เราทำบุญทำความดีนี้ก็มิได้หวังผลเลิศอยู่แล้วแต่สิ่งนี้เป็นผลพลอยได้ในการทำความดีค่ะ
จี๊ดจ๊าด

ประตูสวรรค์ ดิฉันก็ยังไม่ว่างที่จะมาเล่าเรื่องของประตูสวรรค์กะเค้าเล้ยงานมันยุ่งเหมือนยุงตีกันวันนี้ได้ มาอ่านประกาศเชิญชวนขอรับบริจาคสร้างประตูสวรรค์ก็จึงอยากมาเล่าจังค่ะเมื่อครั้งที่ดิฉัน ได้เดินทางติดตาม อ.เจน มายังผืนดินของสำนักปฏิบัติธรรมวิปัสสนาญาณในช่วงแรกๆ ที่ยัง ไม่มีอะไรเลยมีผืนดินว่างเปล่า พวกเรายืนกันอยู่ท่ามกลางแสงแดดเปรี้ยง ๆ ถ้าใครเคยอ่าน เรื่องเล่าย้อนหลังก็ดูได้ค่ะว่าเล่าไปแล้วแต่บางท่านอาจจะยังไม่ได้อ่านมาทบทวนและ เพิ่มเติมกันดีกว่าค่ะ แผ่นดินธรรมแผ่นดินทอง วันนั้นอ.เจน และคุณรุ้ง จัดใหญ่ค่ะตามโบราณเขาว่ากันไว้ ไปมาลาไหว้เมื่อมาเหยียบผืนดินใหม่ ๆก็ต้องฝากเนื้อฝากตัวกันเป็นธรรมดา จะฝากกับ ใครเสียอีกละค่ะเจ้าที่เจ้าทางที่ดูแลปกปักรักษาผืนดินนี้แหละค่ะ ปรากฏว่า วันทำพิธี ท่านมาด้วย ชุดชีปะขาวเกล้ามวยผม ผมสีขาวทั้งหัว สวมใส่สร้อยปะคำเม็ดเบ้อเริ่ม ท่านรับทราบ อ.เจน เห็นนัยน์ตาทิพย์ค่ะว่าท่านรู้สึกยินดีมากที่เราจะทำสถานที่แห่งนี้ เป็นแผ่นดินธรรมแผ่นดินทองโดย อ.เจน และคุณรุ้ง ร่วมกันทำพิธีดังกล่าว เหล่าองค์เทพ ต่าง ๆ เหล่าเทวดา และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างก็เสด็จมาอำนวยอวยชัยให้พรดิฉันไม่ได้โม้ อ.เจน ก็จะบรรยายตลอดว่า มีใครเสด็จมาบ้างเพราะอาจารย์มีตาทิพย์แต่ดิฉันมีตาถั่ว มองไม่เห็นอะไร สิ่งมหัศจรรย์เห็นได้ด้วยตาเนื้อ สิ่งที่ดิฉันได้เห็นด้วยตาเนื้อก็คือแสงแดดที่สว่างจ้า ท้องฟ้าโปร่ง ไม่มีก้อนเมฆใด ๆ เลยแต่ไฉนระหว่างที่อาจารย์บรรยายอยู่นั้น เกิด เหตุการณ์มหัศจรรย์ที่ดิฉันต้องพูดอีกครั้งว่าช่างมหัศจรรย์จริง ๆ ทุกคนก็เห็นเหตุการณ์นี้ ก็คือว่า แสงแดดแผดจ้าเปรี้ยง ๆ อยู่นั้นอยู่ ๆ แสงแดดก็ร่มไม่มีแสงแดด ร่มอยู่ประมาณ ไม่ถึงนาที แต่แล้วก็กลับกลายเป็นแสงแดดแผดจ้าขึ้นมาอีกประมาณไม่ถึงนาที มันสลับฉากอยู่อย่างนี้ ประมาณ 4-5 ครั้ง มันช่างน่าตื่นเต้นจังค่ะหากใครได้อยู่ใน สถานการณ์นั้นรับรองได้ว่านี่แหละเราได้เห็นด้วยตาเนื้อของเราเองแท้ๆ ค่ะ ประตูสวรรค์ หลังจากนั้น คุณรุ้ง ซึ่งยืนอยู่ข้าง ๆก็พูดขึ้นว่า พี่เห็นม่านหมอกนั้นมั้ยค่ะ ดิฉันมองตามไปก็ไม่เห็นค่ะ สักพัก อ.เจนก็เดินมาบอกว่าพี่พี่ได้เห็นม่านหมอกนั้นมั้ยค่ะ ดิฉันรีบบอกเลยค่ะ โถเห็นกันอยู่สองคนดิฉันไม่เห็นจริง ๆ ค่ะ อ.เจน บอกนั้นเป็นประตู เห็นมั้ย ดิฉันก็ไม่เห็นค่ะ จึงถามว่าประตูนั้นไปไหนค่ะ อ.เจน บอกว่า นั่นเป็นประตูสวรรค์ ผ่านประตูนี้ก็เป็นแดนของสวรรค์เป็นมิติทับซ้อนเรามองไม่เห็นหรอกค่ะแต่หนูเห็น ดิฉันก็ค่ะ ตอนนั้นแหละค่ะ อ.เจน กับคุณรุ้ง จึงมีเจตนาว่า ถ้าหากต่อไปได้ก่อสร้างอะไร ๆ พอสมควรแล้วก็จะสร้างประตูสวรรค์เพราะการสิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านให้เห็นก็แสดงว่า จะต้องดำเนินการสร้างเป็นสัดส่วนและ อ.เจน จึงเล็งเห็นว่า เมื่อเป็นเขตแดนมิติของ เทวดา ก็เท่ากับว่าเราได้อยู่ใกล้กันกับท่านมากถ้าเราได้เข้าไปนั่งสมาธิปฏิบัติธรรมหรือ ได้สัมผัสในมิตินี้จะดีมากค่ะ
อานิสงส์บุญนี้ไม่ธรรมดาเลยนะค่ะ อ.เจน บอกว่า ผู้ที่สร้างประตูเป็นทางผ่านเข้า-ออก นี้จะเป็นใบเบิกทางไปสู่ภพภูมิที่ดี เพราะเป็นประตูที่ีผู้ปฏิบัติได้เดินเข้าไปเพื่อปฏิบัติธรรม ผู้ปฏิบัติย่อมอำนวยอวยพรให้แก่ผู้สร้างผู้อำนวยความสะดวกทุกครั้งที่มีการปฏิบัติคุณจะได้ อานิสงส์บุญตลอดทุกชาติไปค่ะ และประตูนี้จะไปอยู่ในสรวงสวรรค์ชั้นวิมานของคุณผู้บริจาค ไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ ค่ะ หากคุณได้เกิดอยู่ในโลกมนุษย์ก็จะเป็นผู้ที่มีความคิดเป็นเลิศในการ แก้ไขปัญหาที่คิดไม่ออกเพราะคุณได้ทำประตูเปิดทางเข้าออกไว้แล้วค่ะ คุณจะไม่พบทางตัน หรือคุณคิดสิ่งใดไม่ออกในชาตินี้ก็อธิษฐานเลยค่ะ ว่า "ขอด้วยอานิสงส์ผลบุญที่ข้าพเจ้าได้ร่วม สร้างซุ้มประตูสวรรค์ ช่วยให้ข้าพเจ้าคิดหาหนทางแก้ไขปัญหาที่ติดขัดอยู่ในขณะนี้ได้โดยไม่ ติดคัดและหาทางออกได้สำเร็จค่ะ"
ดังนั้น เมื่อดิฉันก็ขอโอกาสนี้อนุโมทนาบุญกับท่านผู้บริจาคซุ้มประตูสวรรค์ มาในโอกาสนี้ด้วยค่ะ สาธุ ขอให้บุญสำเร็จเทอญ. จี๊ดจ๊าด
|