เรื่องที่ 1. คุณน้า..ตกนรกหนาม
คนส่วนมากมักคิด เช่นนี้ ไม่ต้องทำบุญ ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน แค่นี้เพียงพอแล้ว....คุณคิดผิด เรื่องมีอยู่ว่า มีคุณน้าคนหนึ่ง อายุประมาณ 58 ปี ซึ่งดิฉันนับถือคุณน้าท่านนี้มาก ท่านเป็นคนเก่าโบราณ ทำบุญทำทาน โดยไม่เคยหยุดหย่อนแม้สักวัน ท่านเป็นคนรักสุนัขมาก คือ ถ้าได้พบเจอสุนัขหน้าตาน่าสงสารหรือหิวโซ ท่านจะสงสารและจัดแจงนำอาหารอย่างดีไปเลี้ยงสุนัขแถวบ้านและข้างทาง (ถ้าพบเจาขณะเดินทาง) จนเป็นที่คุ้นเคยและผูกพันระหว่างคนกับสุนัขแถวๆบ้าน อ้าว..เริ่มเยอะแยะแล้ว ต่อเรื่องเลยนะค่ะ คำถามทำไมท่านถึงทำบุญไม่หยุดหย่อน ก็ได้รับคำตอบแล้วว่าท่านได้พบเจอกับเหตุการณ์มหัศจรรย์ ที่ท่านจำได้ไม่เคยลืม แม้ระยะเวลาจะล่วงเลยมานาน ก็เพราะว่า ประสบการตรงของท่านเกี่ยวการตายแล้วฟื้น คุณน้าท่านไปนรกมาค่ะ ท่านเล่าว่า เมื่อ 10 กว่าปีที่ผ่านมา ท่านนอนหลับและความรู้สึกเหมือนฝันไป แต่ความฝันนั้นเหมือนความจริงเป็นที่สุด ในวันนั้น ท่านได้ถูกนำตัวออกจากบ้านที่พักด้วย ยมทูต 4 คน เป็นผู้นำพาท่านเดินไป ท่านเดินตามเขาไปเรื่อยๆ ด้วยความเสียใจว่าได้ตายไปแล้วแน่ คิดถึงลูกที่อยู่ข้างหลัง (ชาย 1 หญิง 1) แต่ด้วยสำนึกว่าได้ตายไปแล้วก็ไม่กล้าแม้จะซักถามอะไรได้แต่เดินตามเขาไป ทำไม่คุณน้าถึงคิดว่าผู้นำพาเป็นยมทูต หรือผู้คุมวิญญาณ ก็เพราะท่านเคยดูในหนังที่เขาแสดงให้ดูแต่เมื่อเห็นว่าท่าน..ยมทูต..มีจริงตามที่เห็นก็เกิดมีอาการหวาดกลัวและเดินตามด้วยสำนึกว่าเราได้ตายไปแล้ว ขณะนั้น รู้สึกเสียใจและเศร้ามาก เพราะคิดถึงแต่คนข้างหลังจะลำบาก เดินตามเข้าไปในความมืดและสลัว สังเกตตลอดสองข้างทาง ชัดเจนว่า เป็นนรกแน่ๆ และทันใดนั้น ก็มีเสียงว่า ลากเข้าไปในดงหนาม และเจ้าหน้าที่ก็ลากคุณน้า เข้าในในดงหนามตามคำสั่ง คุณป้าบอกถึงความรูกสึกในตอนนั้นว่า เจ็บปวดรวดร้าวมาก เพราะหนามมาจิก เข้าไปในเนื้อในหนัง และหนามนั้นไม่ใช่หนามอย่างที่เราเห็ฯๆ กันในโลกมนุษย์ มันเหมือนคมมีดแหลม เข้ามาจิกเกี่ยวที่ตามลำตัวรู้สึกเจ็บปวดทรมานอย่างแสนสาหัส ในขณะนั้น คุณน้าก็คิดว่า ตอนที่เป็นคนดีๆ อยู่วันสำคัญทางศาสนาก็ไปทำบุญทุกเทศกาล และไม่เคยทำผิดอะไรผิดศีลธรรม ทำมาหากินโดยอาชีพสุจริต ตลอดมา ไม่เคยทำให้ใครเดือดร้อน เพียงแต่ไม่ได้ทำบุญมากเหมือนกับใครเขา ทำไมต้องตกนรกในดงหนาม ทำให้ ต้องเจ็บปวดทรมานเช่นนี้ ทันใดนั้น ก็มีเสียง อันดังก้องกังวานพูดขึ้นมาว่า หากแม้นเจ้าไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน เมื่อเป็นมนุษย์ทำไมไม่หมั่นทำบุญ คุณน้าก็พูดในใจไปว่า ก็ไม่ได้ทำบาปกรรมอะไรกะใครเขาซะหน่อย ฉันถึงกับต้องลำบากในนรกเชี่ยวหรือนี่ ต่อมา ก็มีเสียงๆ หนึ่งดังมาว่า ส่งกลับไป ก่อนให้เขากลับไปทำบุญของเขาแล้วค่อยกลับไปรับอีกครั้ง เมื่อ..ท่านยมทูต..นำตัวคุณน้า..กลับมาคืนร่าง คุณน้าๆ ก็ตกใจตื่นฟื้นขึ้นมา ขณะนั้นยังคงมีความรู้สึกเจ็บปวดอยู่เลยค่ะ จนถึงปัจจุบันคุณน้ามีอายุ 58 ปีแล้ว ยังคงแข็งแรงกว่าใครๆ สุขภาพดีและทำบุญไม่เคยขาด เพราะเชื่อเรื่องโลกหลังความตายค่ะ
เรื่องที่ 2. คุณป้า..ท่องนรก นานมาแล้วประมาณ 2 ปีกว่า มีคุณป้าชาวจีน คนหนึ่งอาศัยอยู่เขตบางพลัด ได้มาหา อ.เจน ที่บ้านโดยขอตรวจกรรมและเล่าเรื่องราวการตายแล้วฟื้นของแกให้ อ.เจน รับฟัง แต่เกรงว่าจะไม่เชื่อ แต่ด้วยความอยากเล่าแกก็เล่าจนได้ ดิฉันจำไม่ได้แล้ว ว่าแกตายไปนานเท่าใด คุณป้า เล่าว่า มีคนพาเดินไป แกก็ถามว่าจะไปไหน คนนำพาก็บอกว่า ให้ตามมาเมื่อมาถึงสถานที่แห่งหนึ่ง ป้าแกก็เหนื่อยและหิว จึงได้บอกผู้นำพาว่าฉันหิวเหลือเกินขอกินหน่อย คนที่นำพาก็บอกว่า นั่นไงของที่ทำมาไปดูซิ คุณป้าคนนี้ก็บอกนี่มันกองขี้เถ้า แกบอกว่ากองสูง เป็นภูเขา ซึ่งคุณป้าจำได้ว่า เป็นกองกระดาษเงินกระดาษทองที่เผาในงานเทศกาลตรุษจีน และเทศกาลไหว้เจ้า จึงหันไปบอกเขาว่า ไม่ใช่ฉันจะกินข้าวกินน้ำ หิวมาก เพราะเดินทางไกล คุณป้าบอกว่าไกลมากเหนื่อยมากด้วย ชายคนนำพาก็บอกว่า เมื่อเจ้าไม่ได้ทำมาจะมาขออะไรเล่า ก็ชี้ไปที่คนอื่นๆ ที่เขามีกินกัน คนนำพาก็บอกว่าไม่ใช่ของๆเจ้ากินไม่ได้ เอาอย่างนี้ เจ้ากลับไปก่อนกลับไปทำบุญสร้างกุศลนะ คุณป้า บอกว่าเมื่อก่อนไม่รู้ว่าคนไทยเขาใส่บาตรทำไม และไม่รู้ว่าเขาทำไปเพื่ออะไร มาถึงตรงนี้เชื่อแล้ว ปัจจุบันทำบุญบาตรไม่เคยขาดเช่นกันค่ะ
เรื่องนี้ นานแล้ว อ.เจน เล่าให้ฟัง เรื่องที่ 3. กลับจาก...นรก...เพราะเต่าช่วยแท้ๆ ผู้หญิงคนนี้ เป็นหญิงวัยกลางคน มาหา อ.เจน ที่บ้าน โดยเล่าให้ฟังด้วยความตื่นเต้นว่า เขารอดตายมาได้เพราะเต่าช่วยชีวิต เรื่องมีอยู่ว่า หญิงคนนี้ตายแล้วฟื้น ญาติพี่น้องคิดว่าคงไม่ฟื้นแล้ว แต่หญิงคนนี้ก็ฟื้นขึ้นมาจึงได้นำเรื่องราวที่เหลือเชื่อสำหรับตนเล่าสู่กันฟัง หญิงคนนี้เล่าว่า เป็นคนไม่ชอบทำบุญเพราะไม่รู้ว่าโลกหลังความตายที่คนเขาพูดๆกันมีจริงหรือเปล่า นรกสวรรค์ เป็นยังไงก็ไม่มีใครรู้ และไม่มีความเชื่อเรื่องนี้ด้วย แต่เมื่อได้ตายไปจริงๆ ก็มีคนนำพาไปค่ะ เสียงดุและมีอำนาจมาก มีคนนำพาไปนั่งตรงหน้าผู้ที่มีอำนาจมากกว่า ถามว่า ทำบุญอะไรมาบ้าง หญิงคนนี้ ความที่ไม่เคยทำบุญไงค่ะ คิดไม่ออก เสียงนั้นก็ดุเอาอีก และก็มีคนเปิดสมุดบัญชีอะไรสักอย่างก็บอกว่า หญิงคนนี้ไม่มีบุญและ ไม่มีบาป จะตัดสินยังไง และจู่ๆๆ ก็มีเสียงพูดออกมาว่า เต่าไงล่ะๆ เต่าไงๆ แล้วก็ปรากฏภาพของเต่า ตัวหนึ่งหงายท้อง และที่ท้องของเต่าตัวนี้ ปรากฏ เป็นชื่อของหญิงคนนี้ เท่านั้นเอง หญิงคนนี้จำได้เลยว่า ครั้งหนึ่งสมัยวัยรุ่น ได้เจอเต่าตัวหนึ่ง คลานมา ก็คิดว่าไปเอาปากกาเมจิก มาเพื่อเขียนจารึก ชื่อตนเองที่ท้องเต่า จึงจับเต่าหงายท้องและเขียน ชื่อ ตนเอง ค่ะ หลักฐานในบุญกุศลของหญิงคนนี้ได้ชี้ชัดแล้ว ผู้ที่มีอำนาจมากท่านั้น ก็บอกว่า ส่งเขากลับไปทำบุญต่อเทิด บุญก็ไม่มี บาปก็ไม่มี หลังจากนั้น ก็มีคนนำพามาส่งถึงบ้าน และหญิงคนนี้ก็ยังมีชีวิตอยู่สร้างบุญกุศลต่อไปค่ะ ข้อคิด มาก็มาคนเดียว ตายก็ตายคนเดียว สมบัติ แก้ว แหวน เงินทอง ที่ดิน หรือ อะไรต่อมิอะไร ในโลกมนุษย์ที่เราสะสมมาก็ไม่สามารถหยิบจับไปได้แม้แต่อย่างเดียว ดังนั้น โลกหลังความตายเท่านั้นที่ต้องตระหนักไว้ให้จงดี ไม่มีใครช่วยเหลือท่านได้นอกจากตัวของท่านเอง
|