แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เจนญาณทิพย์ เมื่อ 2014-11-5 11:18
ทริปทัวร์บุญสเบียงสวรรค์ 17 ตอน เสียงสวรรค์
สวัสดีค่ะ ดิฉัน อาจารย์เจน ญาณทิพย์ และพี่รุ้งตะวันมีบุญใหญ่มาบอกกล่าวแก่ท่านผู้มีจิตใจฝักใฝ่บุญทุกท่าน ชีวิตคนเรานั้นไม่ยืนยาว แต่สิ่งหนึ่งที่เราจะนำติดตัวไปคือบุญกุศลที่ทุกท่านได้กระทำในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่เท่านั้นค่ะ ดังนั้น ดิฉันจึงอยากเชิญชวนท่านผู้มีจิตศรัทธาได้มาร่วมบุญกันในครั้งนี้ กับทริปทัวร์บุญเสบียงสวรรค์ครั้งที่ 17 ตอนเสียงสวรรค์ ที่จะจัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 9 พฤศจิกายน 2557 ค่ะ
วัดที่หนึ่ง สำหรับวัดแรกนี้ ดิฉันจะนำพาทุกท่านไปยังวัดแห่งหนึ่งที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน มีอายุหลายร้อยปี และมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ปกปักรักษาดูแลอยู่ค่ะ เมื่อแรกที่ดิฉันได้ก้าวเข้าไปในบริเวณวัด ดิฉันเห็นด้วยญาณว่าสถานที่แห่งนี้ ในอดีตเคยมีกษัตริย์ไทยหลายพระองค์เสด็จพระราชดำเนินมาที่วัดแห่งนี้ กอปรกับประวัติของทางวัดที่ได้ทราบเมื่อภายหลังว่า ณ วัดแห่งนี้ ครั้งหนึ่งเคยเป็นสนามรบระหว่างไทยกับพม่า โดยกษัตริย์ไทยในสมัยนั้นคือ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ซึ่งพระองค์ได้ยาตราทัพมา ณ สถานที่แห่งนี้ และได้รับชัยชนะจากการรบ ในภายหลังจึงได้จัดตั้งเป็นวัดขึ้น ดิฉันจะนำพาทุกท่าน ร่วมสร้างวิหารทานซึ่งทางวัดกำลังดำเนินการก่อสร้างอยู่และยังขาดปัจจัยอีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งบุญจากการร่วมสร้างวิหารทานอันเป็นบุญสาธารณะประโยชน์ถือเป็นบุญใหญ่ ที่ทุกท่านควรได้ร่วมกระทำสักครั้งหนึ่งในชีวิตค่ะ และ ณ วัดแห่งนี้เอง ที่ดิฉันและทีมงานผู้ร่วมเดินทางสำรวจต่างได้รับรู้ว่าบุญกุศลที่เราทำนั้นมีอยู่จริง และบุญนี้เองที่จะมาช่วยเหลือเราในยามที่เราต้องการค่ะ เหตุของเรื่องนี้คือ ดิฉันและคณะได้เดินทางมาสำรวจวัดที่จะนำพาผู้คนมาทำบุญ ซึ่งกว่าที่เราจะเดินทางมาถึงวัดนี้ก็เป็นเวลาเกือบเย็นแล้ว และเนื่องด้วยภารกิจอันรีบเร่ง คณะของดิฉันจึงไม่มีเวลาหยุดเพื่อพักทานอาหารได้เลย วันนั้นทั้งวัน ทุกคนต่างได้ทานแค่อาหารเช้าเพียงมื้อเดียวเท่านั้น ซึ่งเมื่อดิฉันได้กราบนิมนต์ท่านเจ้าอาวาส และแจ้งความประสงค์ที่จะนำพาผู้คนมาร่วมทอดผ้าป่าแล้ว ขณะที่กำลังจะลากลับนั้นเองท่านเจ้าอาวาสก็ได้เอ่ยออกมาว่า ให้อยู่รับประทานน้ำแข็งไสที่โรงทานของทางวัดก่อนกลับ ซึ่ง ณ ตอนนั้นเอง ดิฉันก็ระลึกขึ้นมาได้ว่า นี่เองที่เรียกว่าบุญ เพราะมีทริปทัวร์บุญครั้งหนึ่งที่ดิฉันได้พาผู้คนไปทาสีกำแพงวัด และได้จัดเตรียมน้ำแข็งไส ราดน้ำแดง นมข้นหวาน และเครื่องใส่น้ำแข็งไสต่างๆ เพื่อเอาไว้ให้ทุกท่านได้รับประทานคลายร้อนจากการทาสี และความอ่อนล้าจากอากาศที่อบอ้าว มาครั้งนี้ดิฉันและทีมงานต่างก็รู้สึกเหน็ดเหนื่อยประกอบกับยังไม่ได้ทานอาหาร แต่กลับได้มาทานน้ำแข็งไสที่วัดนี้โดยไม่คาดคิด และเป็นน้ำแข็งไสแบบเดียวกันกับที่ได้เคยทำให้ผู้อื่นทานเลยค่ะ ส่วนทีมงานที่ทำหน้าที่ขับรถ ซึ่งมีอาการเพลียและง่วงนอนจากการขับรถมาทั้งวัน ก็ได้ดื่มกาแฟซึ่งทางวัดจัดหามาให้ ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านั้น ยังพูดกันอยู่ว่า ถ้าออกจากวัดนี้แล้ว คณะของเราคงต้องแวะปั๊มน้ำมันเพื่อให้คนขับได้ดื่มกาแฟ และล้างหน้าล้างตาให้สดชื่น เพื่อเดินทางกลับกรุงเทพ ดังนั้นเชื่อเถิดค่ะ ว่าบุญมีจริง และบุญเท่านั้น ที่จะมาช่วยเราในยามคับขันค่ะ
วัดที่สอง วัดนี้เป็นวัดที่มีความพิเศษด้านสถาปัตยกรรมที่ดิฉันเห็นมาแต่ไกลเลยค่ะ เป็นวัดที่มีสิ่งก่อสร้างที่สวยงาม ตระการตาไม่เหมือนใคร และเมื่อดิฉันได้เดินเข้าไปในบริเวณวัด ก็สามารถรับรู้ได้ด้วยญาณว่า ณ สถานที่ตั้งวัดแห่งนี้ มีภูเขาศักดิ์สิทธิ์อยู่ ประกอบกับเป็นดินแดนที่มีมิติทับซ้อนระหว่างแดนสวรรค์และโลกมนุษย์ ซึ่งทุกท่านที่ได้ไปจะได้ไปสัมผัสด้วยตัวท่านเองค่ะ วัดนี้ เราจะร่วมกันถวายสังฆทานและปัจจัยเพื่อทำนุบำรุงวัด และเป็นการสืบทอดพระพุทธศาสนาให้ดำรงอยู่ต่อไป อันเป็นกุศลอันใหญ่หลวงยิ่งนัก
วัดที่สาม วัดสุดท้ายเป็นวัดที่ทุกท่านจะได้พบกับความอัศจรรย์ใจแน่นอนค่ะ ดิฉันเชื่อว่ายังมีหลายท่านที่ไม่เคยทราบมาก่อนว่ามีวัดที่มีความพิเศษและมีทัศนียภาพอันงดงามเช่นนี้อยู่ด้วย วัดนี้สร้างอยู่บริเวณภูเขา อันมีชัยภูมิสวยงามและอากาศบริสุทธิ์ เมื่อไปถึงวัดดิฉันจะนำทุกท่านเดินขึ้นบันไดไปบนยอดเขาเพื่อไปทำกิจกรรมพิเศษ อันเปรียบได้กับการเดินขึ้นสวรรค์เพื่อไปนมัสการพระพุทธเจ้าค่ะ กิจกรรมพิเศษที่กล่าวนั้น คือ การแขวนกระดิ่งลมเพื่อเป็นพุทธบูชาให้แก่องค์สัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งในสมัยโบราณนั้น ชาวพุทธผู้มีจิตศรัทธามักจะนิยมแขวนกระดิ่งไว้ในพระอุโบสถ หรือในบริเวณวัดเพื่อให้สวรรค์และเทวดาได้รับรู้ว่ามีผู้มากระทำความดีและในทุก ๆ ครั้งที่มีลมมากระทบกระดิ่งที่แขวน จนเกิดเสียงอันไพเราะนั้น เปรียบได้กับความดีของมนุษย์ที่สะเทือนเลื่อนลั่นถึงสวรรค์ชั้นฟ้า อีกทั้งกระดิ่งจะช่วยปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย อัปมงคล ให้มลายหายสิ้นไปจากผู้มีจิตศรัทธาที่ได้ถวายกระดิ่งค่ะ บุญจากการถวายกระดิ่งเพื่อเป็นพุทธบูชานั้น จะส่งผลให้ท่านไม่ว่าจะเกิดภพใดชาติใด จะได้มาเกิดในบวรพระพุทธศาสนา เกิดในครอบครัวที่มีสัมมาทิฏฐิ หากแม้นในชาติภพปัจจุบัน ท่านใดที่มีปัญหาติดขัดในเรื่องหน้าที่การงาน การเลื่อนยศเลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่ง ก็สามารถอธิษฐานให้บุญจากการถวายกระดิ่งเพื่อเป็นพุทธบูชานี้ จงส่งผลให้ปัญหาติดขัดเหล่านั้น จงมลายหายไป ให้ได้ค้นพบทางออกสำหรับปัญหาและข้อติดขัดต่าง ๆ โดยฉับพลัน ท่านใดที่มีกรรมอันเกี่ยวกับการตำหนิติเตียนพระสงฆ์ หรือแม้แต่คิดตำหนิในใจก็ถือว่าท่านได้ติดกรรมจากการตำหนิสงฆ์ไปแล้ว ก็ควรถวายกระดิ่งเพื่อเป็นสิ่งอันระลึกถึงที่ท่านได้ฝากไว้ในบวรพระพุทธศาสนา อีกทั้งในทุกครั้งที่มีลมพัดมาทำให้กระดิ่งสั่น เกิดเสียงอันไพเราะนั้น จะส่งผลให้ผู้ถวายกระดิ่งมีเสียงพูดอันไพเราะ พูดจาน่าฟัง พูดอะไรไปก็มีคนเชื่อถือและปฏิบัติตาม มีวาจาอันไพเราะเสนาะหู เข้าหาผู้หลักผู้ใหญ่และผู้คนทุกชนชั้นได้อย่างง่ายดายจากกุศลที่ได้ร่วมถวายกระดิ่งในครั้งนี้ค่ะ นอกจากนั้น ทุกท่านที่ได้ร่วมบุญถวายกระดิ่งลมในครั้งนี้ ท่านยังได้มีโอกาสร่วมสร้างโรงทานให้กับสำนักปฏิบัติธรรมวิปัสสนาญาณที่ดิฉันและพี่รุ้งตะวันกำลังเร่งดำเนินการก่อสร้างอยู่ในขณะนี้ ที่อ.หนองไผ่ จ.เพชรบูรณ์ค่ะ ดิฉันได้เดินทางไปควบคุมการก่อสร้างด้วยตนเองเป็นประจำเพื่อให้แน่ใจว่าเงินที่ท่านผู้มีจิตศรัทธาทุกท่านได้จบอธิษฐานและบริจาคมานั้น ได้ถูกนำใช้ไปอย่างคุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์ อีกทั้งยังเป็นบุญสำเร็จเพราะเงินที่บริจาคมานั้น ดิฉันได้นำมาจัดสร้างตามวัตถุประสงค์อย่างทันทีค่ะ เมื่อเงินบริจาคถูกนำมาใช้ตรงวัตถุประสงค์ สิ่งที่ท่านอธิษฐานก็จะเป็นจริงสมประสงค์ เพราะบุญสำเร็จลงแล้วค่ะ ซึ่งขณะนี้ดิฉันได้ดำเนินการควบคุมการก่อสร้างเรือนรับรองและรับบริจาคปัจจัยเพื่อสร้างห้องน้ำเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ยังขาดก็แต่การสร้างโรงทานที่จะใช้เป็นที่ปรุงอาหารให้แก่พระภิกษุสงฆ์ ผู้ปฏิบัติธรรม และผู้รับบริจาคได้ทานอาหารจากโรงทานที่กำลังจะจัดสร้างขึ้นนี้ค่ะ เปรียบได้ดั่งกับปัจจัยสี่ ที่เป็นปัจจัยพื้นฐานที่มนุษย์ต้องใช้ในการดำเนินชีวิต นั่นก็คือ ที่อยู่อาศัย เสื้อผ้า อาหาร และยารักษาโรค ซึ่งในขณะนี้ สำนักปฏิบัติธรรมฯ ยังไม่สามารถเปิดให้ผู้ฝักใฝ่ทางธรรมเดินทางมาปฏิบัติธรรมได้ เนื่องจากยังขาดโรงทาน อันเป็นประหนึ่งในปัจจัยสี่ที่สำคัญมากค่ะ ดิฉันจึงอยากเชิญชวนให้ทุกท่านได้ร่วมกันถวายกระดิ่ง และยังได้มีโอกาสร่วมสร้างโรงทานของสำนักปฏิบัติธรรมวิปัสสนาญาณ ซึ่งถือได้ว่าเป็นบุญสองต่อค่ะ

โดยท่านผู้มีจิตศรัทธา สามารถร่วมบุญซื้อกระดิ่งลมได้ในราคาชุดละ 499 บาท กระดิ่งลมหนึ่งชุด ประกอบไปด้วย 1. กระดิ่งลม ทำจากทองเหลืองอย่างดี ไม่เป็นสนิม ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน กระดิ่งจะยังคงสวยสดงดงาม เป็นที่ชื่นตาชื่นใจแก่ผู้พบเห็น และกระดิ่งนี้จะแปรเปลี่ยนเป็นกระดิ่งอันสวยงามตระการตามากกว่าที่เราเห็นบนโลกมนุษย์หลายเท่า ไปรอเราอยู่บนสวรรค์ค่ะ 2. ตะขอสแตนเลสอย่างดี เอาไว้สำหรับแขวนกระดิ่งลมกับเพดานหลังคาระเบียงคต 3. ลวดสำหรับแขวนตะขอ ท่านผู้สนใจต้องการร่วมบุญกระดิ่งเพื่อถวายเป็นพุทธบูชา ตามที่กล่าวมาข้างต้น สามารถแจ้งความประสงค์ได้ โดย
แจ้งชื่อ และจำนวนกระดิ่งที่ต้องการได้ในกระทู้นี้ค่ะ ทุกท่านที่ร่วมบุญซื้อกระดิ่ง จะได้แขวนกระดิ่งลมกับหลังคาระเบียงคตด้วยตัวของท่านเอง และดิฉันจะนำทุกท่านอธิษฐานจิตก่อนการถวายกระดิ่งด้วยค่ะ อีกทั้งปัจจัยส่วนที่เหลือจากการถวายกระดิ่งจะนำไปร่วมสบทบทุนสร้างโรงทานที่สำนักปฏิบัติธรรมวิปัสสนาญาณ อันเป็นบุญที่จะส่งผลให้ไม่ว่าจะเกิดภพใดชาติใด ท่านจะมีความสมบูรณ์พูนสุข ไม่อดไม่อยาก หากแม้นประสงค์สิ่งใด ก็จะได้สิ่งนั้นมาโดยง่ายดาย เงินทองเหลือใช้ เหลือเก็บ เพราะท่านได้มีส่วนร่วมให้ผู้ปฏิบัติธรรมมีกำลังแรงกายจากอาหารที่กินและปรุงจากโรงทานแห่งนี้ ได้ใช้สังขารร่างกายในการปฏิบัติธรรมค่ะ และในทุก ๆ ครั้งที่มีแม่ครัวมาปรุงอาหาร หรือผู้ถือศีลมารับประทานอาหาร ท่านในฐานะผู้บริจาคก็จะได้บุญกุศลด้วยในทุก ๆ ครั้งที่โรงทานถูกใช้งานค่ะ |