บุญ ดี ดี กับช่วงจังหวะว่าง อ.เจน จึงได้ไปร่วมบุญถวายพระพุทธรูปปรางลีลา ณ จ.อยุธยา - ห้อง จี๊ดจ๊าดเล่าเรื่อง อาจารย์เจน.com

อาจารย์เจน.com

 ลืมรหัสผ่าน
 ลงทะเบียน
ดู: 19714|ตอบ: 69
พิมพ์หน้านี้ ก่อนหน้า ถัดไป

บุญ ดี ดี กับช่วงจังหวะว่าง อ.เจน จึงได้ไปร่วมบุญถวายพระพุทธรูปปรางลีลา ณ จ.อยุธยา

[คัดลอกลิงก์]

77

กระทู้

517

โพสต์

2หมื่น

เครดิต

ผู้ดูแลพิเศษ

Rank: 8Rank: 8

เครดิต
26516
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย จี๊ดจ๊าด เมื่อ 2013-10-22 14:07

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย จี๊ดจ๊าด เมื่อ 2013-10-22 13:21

บุญ ดี ดี กับช่วงจังหวะว่าง อ.เจน จึงได้ไปร่วมบุญถวายพระพุทธรูปปรางลีลาณ จ.พระนครศรีอยุธยา
ผู้ใจบุญท่านหนึ่ง (ขอสงวนชื่อค่ะอ) ซึ่งมีความศรัทธาและเชื่อมั่นในการทำความดีของอ.เจน จึงได้โทรศัพท์มาแสดงความจำนงว่า จะทำการถวายพระพุทธรูปปรางลีลาเลี้ยงพระเพล และถวายมหาสังฆทาน ด้วยมีความจำนงที่จะสร้างพระถวายวัดเป็นพระปรางลีลา องค์ใหญ่ค่ะ ตั้งชื่อว่า “พระพุทธประทานพรนฤมลวิมุตติ” แปลได้ดังนี้ค่ะ นฤมล แปลว่า “ไม่มีมลทิน” , วิมุตติ แปลว่า “ความหลุดพ้น” ซึ่งแปลรวมๆกันได้ว่า“พรบริสุทธิที่ไร้มลทินไปสู่เส้นทางที่หลุดพ้น”  

ด้วยใจที่ตั้งมั่นวันนั้นจำได้ว่าเป็นวันมาฆบูชา ซึ่งเป็นวันสำคัญทางศาสนาพวกเราดีใจกันมากโดยเฉพาะ อ.เจน เพราะทราบดีว่าการได้สร้างพระพุทธรูปถวายวัดมีอานิสงส์สูงมาก นอกจากนี้ยังมีการเลี้ยงภัตตาหารพระเพล และถวายมหาสังฆทาน ซึ่งเป็นบุญที่หาทำได้ยากมาก และเป็นวันแรกที่ทุกคนหยุดพักผ่อนจึงยินดีที่จะไปร่วมงานนี้  

กำหนดการนำพระพุทธรูปนี้ไปประดิษฐานไว้ที่ วัดตะหนุ ต.หันสังอ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา สร้างขึ้นในสมัยอยุธยาตอนต้น-ตอนกลาง ซึ่ง แม่ตี้ อ.เจนคุณรุ้ง ดิฉัน และทีมงาน เดินเข้าไปแล้วรู้สึกได้ถึงความเก่าแก่ของสถานที่เหมือนมีมนต์ขลังบอกไม่ถูก เหมือนคุ้นเคยกับสถานที่คุณเคยเป็นบ้างมั้ยค่ะว่าเราไปสถานที่ที่เหมือนว่าเราได้เคยมาที่นี่แล้วอาการอย่างนั้นแหละค่ะ ที่นี่มีเจดีย์และกำแพง ที่เก่าแก่มาก และมีร่องรอยการถูกเผาทำลายด้วยไฟสงครามที่ทราบก็เพราะว่าเมื่อแรกเดินทางมาถึงวัดตะหนุ บริเวณโดยรอบเงียบสงัดไม่มีผู้คนสัญจรไปมา พระสงฆ์จำวัดอยู่ไม่กี่รูประหว่างที่แม่ครัวที่ผู้ใจบุญจ้างมาจัดเตรียมอาหารถวายพระดิฉันก็เดินเล่นอยู่รอบนอกศาลา และแล้ว อ.เจน ก็พลันไปได้ยินเสียงเรียกว่า “มาทางนี้ๆๆๆๆๆ”อ.เจน ก็หันมาพูดกับพวกเราว่า มีเสียงเรียก “ให้เดินไปทางนี้” อ.เจน ก็หันมาบอก คุณแม่ตี้คุณรุ้ง และดิฉัน ดิฉันจึงรีบพูดขึ้นไปทันทีด้วยความอยากรู้อยากเห็นเป็นนิสัยค่ะก็ชิงพูดขึ้นว่า อ.เจน ถ้างั้นก็อย่าเพิ่งเข้าศาลาเลยค่ะเรายังพอมีเวลาไปตามทางเสียงบอกกันเถอะค่ะคุณรุ้งก็พยักหน้าเห็นด้วยและก็ด้วยความอยากรู้อยากเห็นของดิฉันเองก็เดินขนาบสีข้าง อ.เจนเพื่อรอรับฟังฟังคำบอกเล่าจาก อ.เจน ซึ่งก็ได้เรื่องจริง ๆ ค่ะ

อ.เจน ก็พูดตามที่เห็นด้วยญาณวิถีว่า ครั้งหนึ่ง ณวัดแห่งนี้ เคยเป็นสถานที่สวยงดงามมาก เจดีย์ประดับประดาไปด้วยเงิน ทองและเพชรนิลจินดา กำแพงสร้างด้วยแก้วและทองแวววาว เป็นสมัยที่อยุธยารุ่งเรืองมาก แต่ปัจจุบันไม่ทิ้งร่องรอยของความสวยงามนั้นเลยจนเกือบจะเป็นวัดร้างเสียด้วยซ้ำค่ะนอกจากนี้ อ.เจน ยังพูดขึ้นด้วยว่าเหตุที่พวกเราได้มาในวันนี้ก็เป็นเพราะว่าเราได้เป็นทหารร่วมสู้รบกันในสงครามตั้งค่ายอยู่ณ วัดแห่งนี้ และครั้งนี้ก็เป็นสัญญาที่เราต้องมาที่นี่อีกครั้ง อ.เจนเองก็รู้สึกเศร้าใจลึก ๆ ค่ะ ส่วนดิฉันกับคุณรุ้งก็เป็นพวกเลือดรักชาติรุนแรงอยู่แล้วยิ่งเศร้าใจยิ่งกว่ามิน่าเล่าเมื่อย่างเท้าเข้ามาที่นี้ความรู้สึกเศร้าเปล่าเปลี่ยวหัวใจไม่น้อยค่ะเพราะสถานที่วัดนี้ช่างแห้งแล้งมีเพียงโบสถ์เก่าแก่ พระพุทธรูปพระประธานที่มีรอยแตกร้าวพระทุกองค์ภายในโบสถ์เก่า เต็มไปด้วยยักไย่ ขี้ฝุ่น เกาะเต็มองค์พระพุทธรูปพวกเราก็เลยช่วยกันกวาด และนำผ้าที่มีอยู่ในรถของ อ.เจนมาเช็ดถูพระพุทธรูปให้สะอาดตายิ่งขึ้น พระที่วัดนี้ท่านก็อยู่ของท่านตามอัตภาพค่ะ

ซึ่ง อ.เจน บอกว่านี่เป็นเสียงของเทวดาท่านต้องการให้เราไปดูอะไรบางอย่างค่ะในขณะที่พวกเราเดินตามไปเสียงนั้น เทวดาท่านให้เดินไปตามเสียงท่านไปเมื่อเดินไปถึงบริเวณโบสถ์เก่านี้อ.เจน ก็ยังไม่รู้ว่าให้ดูอะไร ซึ่งลักษณะโบสถ์เป็นทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าประตูและหน้าต่างเก่าแก่มากๆ บานหน้าต่างเป็นไม้สักอย่างดีแต่เก่ามากไม่มีรอยผุพังทาด้วยสีแดงโบราณประตูหน้าหันไปทางทิศตะวันออก เมื่อพวกเราเดินมาถึงหน้าโบสถ์เก่านี้แล้ว อ.เจนก็ได้ยินเสียง พูดว่า “ให้ตั้งวางพระปรางลีลา ณ ตรงนี้” คือด้านหน้าประตูทิศตะวันออกที่ได้มีการสร้างฐานปูนรองรับไว้แล้วเหมือนกับว่าสร้างไว้รองรับพระพุทธรูป (ซึ่งก็เป็นจริงค่ะ) ในขณะที่ อ.เจน ยืนพิจารณาแล้วก็คิดไปว่าทำไมเทวดาจึงมาบอกว่าต้องประดิษฐานพระพุทธรูปที่นำมาตรงที่แห่งนี้ขณะที่ อ.เจน และพวกเราก็ตั้งข้อสังเกตว่าเสียงบอกให้ตั้งพระพุทธรูปตรงหน้าโบสถ์นี้ทำไมต้องตรงนี้ ขณะที่กำลังยืนคิดกันอยู่นั้น ก็มีลมพัดกรรโชกแรงมากจนทำให้ต้นไม้บริเวณนั้น(ส่วนมากเป็นต้นโพธิ์) ใบไม้ต่างก็ปริวไสว และไม่น่าเชื่อว่า ต้นไม้โอนไหวกันไปมา ทั่วบริเวณที่พวกเรายืนกันอยู่หน้าโบสถ์ตัวเราเองก็เย็นสบายในขณะนั้นที่มีแสงแดดเปรี้ยงๆ แต่ลมพัดมาช่างเย็นสบายเสียเหลือเกิน เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นที่สุดก็ตอนที่ลมที่พัดกรรโชกวูบที่หนึ่งและวูบที่สอง หยุดกึกเลยค่ะไม่มีวูบที่สามนะค่ะ ทุกสิ่งสงบเงียบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาก่อนหน้าที่เลยบรรยากาศช่างเงียบสงบมากๆ พวกเราต่างก็งงงันต่อแหตุการณ์นี้เป็นอย่างมาก ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าคิดค่ะก็เรากำลังตกใจว่าลมอะไรพัดแรงอย่างนี้เพียงสองวูบแล้วก็เงียบสงบซะงั้น

หายงงก็ตอนที่ อ.เจน เดินเข้ามาบอกว่า พี่เทวดาท่านมาแสดงฤทธิ์ให้พวกเรารับรู้และยินดีพร้อมอนุโมทนาบุญกับพวกเราที่มาทำบุญใหญ่ที่นี่ค่ะอ๋อ ค่อยยังชั่วนึกว่าผีหลอกกลางวันค่ะ อ.เจน พูดว่า วันนี้ พวกเราได้ร่วมกันถวายพระปรางลีลาให้วัดที่ยังขาดเท่ากับว่าเราได้ช่วยทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาค่ะ และได้เลี้ยงภัตตาหารและมหาสังฆทานครบหมวดกันเลยทีเดียวแต่คำถามในใจทำไมพวกเราจะต้องที่นี่เป็นคำถามค่ะ และทำไมต้องมาสร้างพระถวายไว้ตรงนี้เพราะเหตุใดและเพราะเหตุใดจึงมีแท่นวางพระพุทธรูปตรงนี้เจ้าอาวาสก็ไม่ได้ทราบมาก่อนว่าจะถวายพระปรางไหน แจ้งแต่ว่าจะมาถวายพระพุทธรูป เมื่อพวกเราได้เห็นแท่นฐานพระที่จะวางประดิษฐานแล้วช่างพอดิบพอดีกับฐานพระปรางลีลามากจึงไปแจ้งแก่เจ้าอาวาสวัดว่า ถ้าหากพวกเราจะตั้งประดิษฐานพระตรงบริเวณหน้าโบสถ์จะได้หรือไม่(ไม่ได้บอกเจ้าอาวาสว่าเสียงเทวดาบอกให้ตั้งตรงนี้)

น่าประหลาดใจยิ่ง เมื่อท่านเจ้าอาวาสวัดท่านได้รับแจ้งเจตนาจัดวางพระที่หน้าโบสถ์ท่านก็เดินตามมาดู ท่านจึงเอ่ยขึ้นว่า ได้ซิโยม พอดีเชียวนะนี่ เพราะแต่เดิมทีมีท่อน้ำประปาอยู่ตรงนี้แตกและซ่อมแซมแล้วแต่ท่านเกรงว่าจะไม่สวยงามจึงได้สร้างเป็นฐานนี้ขึ้นมายังคิดอยู่ว่าต้องนำพระมาตั้งตรงนี้ให้เหมาะสมอาตมาไม่นึกเลยว่าจะมาเป็นที่ตั้งของฐานพระที่พวกโยมนำมาถวายในวันนี้ แปลกมั้ยละค่ะทุกอย่างไม่ใช่เรื่องบังเอิญจริง ๆ อย่างที่ อ.เจน เคยพูดเสมอ ๆ

ภายในโบสถ์ มีพระพุทธรูปนั่งสมาธิองค์สีขาวที่ประดิษฐานอยู่ในพระอุโบสถและมีรอยร้าวที่องค์ท่านด้วยทางวัดยังขาดปัจจัยทำนุบำรุงโบสถ์อยู่มากจำเป็นต้องบูรณะปฎิสังขรณ์วัดในส่วนที่สำคัญก่อน

อ.เจน ได้เห็นในญาณวิถีว่า ในอนาคตกาลข้างหน้า ต่อไปวัดนี้จะเจริญรุ่งเรืองเพราะจะมีคนที่มีบุญญาธิการมาให้การช่วยเหลือสนับสนุน แต่ในตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาและรู้ด้วยญาณวิธีว่าผู้ที่มาร่วมบุญกันในวันนี้ อดีตชาติหนึ่งได้เป็นทหารไทยรับใช้ชาติบ้านเมืองมาด้วยกันและการที่ได้มาร่วมบุญกันครั้งนี้ก็มิใช่เรื่องบังเอิญทุกอย่างเขาจัดสรรมาไว้ให้แล้วมันเป็นวาระค่ะ

กรรมในอดีตชาติของ อ.เจน ต้องมีเคราะห์ในวันนี้ระหว่างการช่วยกันยกองค์พระพุทธรูป อ.เจน และลูกศิษย์ก็ไปช่วยยกองค์พระ ขณะที่ช่วยกันยกพระเพื่อนำมาประดิษฐานที่ใหม่นั้นอ.เจน ก็ได้ตั้งจิตอธิษฐานขอให้เหล่าเทวดามาช่วยยกด้วย ซึ่ง อ.เจน พูดว่าทำให้เบาได้จริงๆค่ะในขณะนั้น ดิฉันและแม่ตี้ เห็นว่า อ.เจน ใช้มือสอดอยู่ใต้ฐานพระเกรงว่ามือจะไปครูดกับหินฐานพระก็ร้องตะโกนบอกอาจารย์ๆ ระวังมือๆ ตะโกนกันสองเสียง แต่ปรากฏว่า อ.เจน ไม่ยอมปล่อยมือออกตามเสียงของแม่ตี้และดิฉันเลยทุกคนก็หันไปเห็นด้วยก็ร้องตะโกน อ.เจน ก็ไม่ยอมปล่อยมืออยู่ดี และแล้วก็เกิดเหตุจนได้มือของ อ.เจน ครูดเข้ากับฐานพระ เลือดไหลออกมาไม่หยุดทีข้อนิ้วมือของ อ.เจนทุกนิ้ว อ.เจน เจ็บอย่างแสนสาหัส แม่ตี้ ก็บ่น ดิฉันก็บ่น ว่า อ.เจนทำไมไม่ปล่อยมือ  คุณรุ้ง ก็ช่วยทำแผล อ.เจนน้ำตาไหลด้วยความเจ็บและอดทน เมื่อทำแผลเสร็จแล้ว อ.เจน จึงพูดขึ้นว่าหนูยอมเจ็บในครั้งนี้ดีกว่าจะต้องบาดเจ็บในอนาคต เพราะมีเสียงครูบาอาจารย์พูดว่า “ให้รับเคราะห์กรรมเสียตรงนี้และบัดนี้” เพราะ อ.เจน รู้ในญาณวิถีว่า ในอดีตชาติตนเองเป็นแม่ทัพนายกองสั่งการให้ทหารทรมานนักโทษด้วยการใช้เหล็กตีที่มือของนักโทษเชลย(พม่า) มาวันนี้มาทำบุญใหญ่เขาให้ชดใช้ไปในครั้งนี้  ซึ่งดีกว่าไปเกิดอุบัติเหตุอย่างอื่น อ.เจน จึงจำเป็นต้องรับความเจ็บปวดในครั้งนี้
อ.เจน บอกว่า บุญส่วนบุญกรรมส่วนกรรมแยกออกจากัน บุญที่รับใช้ชาติบ้านเมืองก็ส่งผลให้ประสบแต่ความสุขความสำเร็จแต่กรรมมีก็ต้องชดใช้กรมจากการสั่งฆ่าศัตรู บางคนก็อาฆาตแรงค่ะ

ลูกแมว งอนดิฉันค่ะ ในระหว่างที่พระท่านสวดมนต์ แม่ครัวก็จัดวางภัตตาหารไว้อย่างเป็นระเบียบพร้อมถวายซึ่งขณะที่รอพระท่านสวดมนต์อยู่นั้น ก็มีลูกแมวตัวหนึ่งสีน้ำตาล มายืนด้อม ๆ มอง ๆปลาทู ค่ะ วันนี้มีน้ำพริกปลาทูค่ะ น่ากินมาก ๆ (อร่อยมากด้วยค่ะวันนั้น) ดิฉันก็จ้องเจ้าแม้วน้อยตัวนี้ไม่วางตามันจะมาตะปบปลาทูเสียเมื่อไหล่ก็ไม่รู้ แต่มันก็หันมาเมียงมองอยู่กับปลาทูในถาด ดิฉันคิดว่ามีนต้องตะปบปลาทูเป็นแน่จึงใช้มือตบพื้นไล่ลูกแมวตัวนี้ให้ไปให้ไกลห่าง ก็ตบๆ พื้น โบกมือไปๆลูกแมวตัวนี้ถอยหลังไป นั่งหันหลังแล้วก็หันมามองดิฉันอยู่อย่างนั้นดิฉันก็เห็นว่าแมวไปนั่งไกลแล้วก็ไม่ได้สนใจอะไรอีก และแล้ว อ.เจนก็กระเทิบมากระซิบว่า พี่ๆ พี่ต้องไปขอโทษแมวตัวนั้นนะ เขาน้อยใจงอนพี่ เขาคิดว่าแค่มานั่งใกล้ๆ เองยังไม่ได้กินซะหน่อยมาไล่เขาเสียใจ อ้าว อ.เจนรู้ได้ไงค่ะว่ามันคิดอย่างนั้น อ.เจน บอกพี่เชื่อหนูเถอะพี่ไปขอโทษมันหน่อยมันเป็นกรรมนะพี่ เฮ้อ ดิฉันละอ่อนใจเจ้าแมวน้อยมางอนเราเสียนี่ ดิฉันก็เลยคราญไปหามันแล้ววกระซิบกับมันพร้อมลูบหลัง (ตบหัวแล้วลูกหลังคำโบราณเป็นอย่างนี้เองค่ะ)เจ้าแมวน้อยอย่าได้เสียใจไปเลยเราขอโทษนะนะ มันก็กระเทิบตัวไปกระดึบกระดึบเราก็ไปง้อเจ้าลูกแมวอีก คราวนี้มันก็เลยมาเคล้าเคลียอยู่กับเราเลย อ.เจนบอกว่าพี่เชื่อเถอะใจมันคิดอย่างนี้จริง ๆ ค่ะ เชื่อค่ะ จึงไปขอโทษมันนี่ไงค่ะอ.เจน ก็ขำ ๆ ดิฉัน  ตัวดิฉันเองก็ขำ ๆตัวเองเหมือนกันค่ะวันนั้น
อ.เจน บอกว่า ลูกแมวตัวนี้แท้จริงแล้ว เป็นเด็กผู้หญิง ถักผมเปีย 2ข้าง ด้วยความเป็นเด็กก็เกิดอาการงอนๆที่ถูกไล่ให้ไปห่างๆ อาหารพระ ดังนั้น อ.เจนเห็นอย่างนั้นจึงได้บอกกับดิฉันตามภาพที่เห็นค่ะ เพราะลูกแมวตัวนี้เขาก็เป็นคนทำผิดแล้วมาเกิดเป็นสัตว์เมื่อพูดดีๆ กับลูกแมวตัวนี้ ก็หายโกรธหายงอนไปในที่สุดค่ะ  พวกเราก็อยากรู้ว่าเจ้าแมวน้อยตัวนี้ตัวผู้หรือตัวเมียจนได้รู้ว่าเป็นตัวเมียจริงๆด้วยค่ะ

เหล่าสัมภเวสีดีใจกันยกใหญ่ที่ได้รับบุญจากพวกเราค่ะ หลังจากถวายพระพุทธรูปถวายสังฆทานและภัตตาหารเพลแด่พระสงฆ์ ระหว่างที่ทำการกรวดน้ำอุทิศบุญอยู่นั้น ดิฉันก็ไม่ลืมเคยสอนของอ.เจน แม้สักครั้ง อ.เจน สอนว่าอะไรหรือค่ะ คงอยากรู้ขึ้นมาแล้วละซี ง่าย ๆ ค่ะเพียงแต่เราเป็นผู้ให้ คำนี้ค่ะ “ด้วยบุญที่ข้าพเจ้าทำสำเร็จแล้วในในนี้ขออุทิศให้แก่เหล่าสัมภเวสีทั้งที่อยู่ใกล้และอยู่ไกลรู้จักก็ดี ไม่รู้จักก็ดี และพวกเปรตทั้งหลายจงมีส่วนได้ในกุศลผลบุญที่ข้าพเจ้าได้ทำนี้ด้วยเถิด”ใครเป็นไงไม่รู้แต่ดิฉันทำตามอย่างเคร่งครัด ดังนั้น บางที อ.เจน และคุณรุ้งต้องนั่งรอดิฉันอยู่คนเดียวค่ะ เพราะยังอุทิศบุญไม่เสร็จซะทีค่ะ บางที อ.เจนกับคุณรุ้ง จะชอบล้อเล่นว่าให้ไปสามชาติเลยหรือพี่
อ.เจน กระซิบกับดิฉันว่า พี่พวกสัมภเวสีทั้งหลายตนเขายิ้มดีอกดีใจกันมากตอนแรกพวกเขามาในสภาพที่ผอมโซ ตัวซีด แต่เมื่อได้รับผลบุญจากพวกเรา พวกเขาก็อิ่มเอิบด้วยละอองบุญพวกเขาดีใจกันมากไม่ค่อยมีใครทำบุญแล้วนึกถึงพวกเขาเลยค่ะ เมื่อได้ยินอย่างนี้ก็ทำให้ดิฉันรู้สึกยินดีและอิ่มเอิบใจไม่แพ้พวกสัมภเวสีค่ะเพราะเราเป็นผู้ให้และเขาเป็นผู้ได้รับจิตเราก็เป็นสุขค่ะ เพราะทุกครั้งที่เราไม่ว่าจะไปทำบุญที่ไหนอ.เจน มักจะบอกให้พวกเรา กรวดน้ำให้กับเหล่าสัมภเวสีที่อยู่บริเวณวัดหรือสถานที่ที่เราไปทำบุญก็เพราะว่าส่วนใหญ่ไม่มีใครนึกถึงพวกเขานอกจากญาติของตนเองค่ะ และเรื่องจริงที่เราต้องยอมรับบรรดาญาติของเราจะอุทิศบุญให้เราช่วงที่ตายใหม่ๆหลังจากนั้นก็จะค่อย ๆ ลืมเลือนไปในที่สุดค่ะ ทำให้พวกสัมภเวสีทั้งหลายต้องเร่ร่อนขอส่วนบุญจากผู้อื่นแทนค่ะน่าสงสารค่ะ

ข้อคิดเตือนใจ เมื่อเรามีชีวิตอยู่เราก็เร่งสะสมบุญไปเถอะค่ะอย่ารอให้เราไม่ได้มีโอกาสทำบุญ เพราะเวลานั้นเราอาจต้องนอนอยู่กับที่หรือไม่มีโอกาสนอนกับที่คือได้ตายไปจากโลกนี้แล้วและต้องมารอคอยขอส่วนบุญเศษบุญจากผู้อื่น เขาให้บ้างไม่บ้างเพราะไม่ใช่ญาติของเราและคนส่วนมากก็ไม่แบ่งบุญให้ใครเพราะกลัวบุญจะหมดค่ะ ดิฉันขอบอกว่ายิ่งให้ยิ่งได้อ.เจน เคยพูดเสมอว่า การให้บุญเปรียบเสมือนเรามีคบเพลิงอยู่ในมือหนึ่งอันแล้วนำไปจุดให้กับคบเพลิงที่ยังไม่มีไฟจุดต่อๆกันไปจนกลายเป็นเปลวเพลิงจำนวนมหาศาลนั่นแหละค่ะ


อัพเกรด  78.67%

0

กระทู้

39

โพสต์

168

เครดิต

Junior

Rank: 2

เครดิต
168
ขออนุโมทนาบุญด้วยครับ สาธุ

อัพเกรด  78%

0

กระทู้

13

โพสต์

434

เครดิต

Senior

Rank: 3Rank: 3

เครดิต
434
68#
โพสต์เมื่อ 2014-11-30 11:57:46 | แสดงเฉพาะโพสต์ของสมาชิกนี้
สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทนามิค่ะ

อัพเกรด  4.42%

1

กระทู้

43

โพสต์

699

เครดิต

Master

Rank: 4

เครดิต
699
67#
โพสต์เมื่อ 2014-11-29 22:56:58 | แสดงเฉพาะโพสต์ของสมาชิกนี้
อนุโมทนาด้วยค่ะรู้สึกชีวิตมีพลังค่ะได้อ่านประสบการณ์และสิ่งที่ทุกท่านได้ร่วมกันทำแนะนำหนทางสั่งสอนธรรมะและได้ร่วมบุญกับผู้ที่มีบุญมีความปราถนาดีทุกประการพร้อมสานุศิษย์ทั้งหลายขออนุญาติติดตามทำบุญด้วยคนนะคะ.   อยากจะบอกทุกท่านที่ยังไม่เคยไปทำบุญกับอาจารย์น่าเสียดายนะค่ะไปกันเถิดค่ะแล้วคุณจะพบสุขใดไหนเท่ากับการให้ด้วยจิตศัทธาอันแรงกล้าที่อาจารย์นำพวกเราไปนะคะ สาธุสาธุสาธุ

อัพเกรด  76%

0

กระทู้

3

โพสต์

38

เครดิต

Beginner

Rank: 1

เครดิต
38
66#
โพสต์เมื่อ 2014-11-29 15:44:12 | แสดงเฉพาะโพสต์ของสมาชิกนี้
สาธุ  สาธุ  สาธุ อนุโมทนาบุญด้วยนะครับ

อัพเกรด  2.67%

2

กระทู้

245

โพสต์

620

เครดิต

Master

Rank: 4

เครดิต
620
65#
โพสต์เมื่อ 2014-11-20 22:19:48 | แสดงเฉพาะโพสต์ของสมาชิกนี้
อนุโมทนา สาธุ ครับ

อัพเกรด  12.04%

0

กระทู้

230

โพสต์

1042

เครดิต

Master

Rank: 4

เครดิต
1042
อนุโมทนาครับ ติดตามพี่จิ๊ดเล่าตลอดเลย

อัพเกรด  44.89%

0

กระทู้

145

โพสต์

2520

เครดิต

Master

Rank: 4

เครดิต
2520
อนุโมทนาบุญดัวยครับผม

อัพเกรด  91.27%

5

กระทู้

1692

โพสต์

4607

เครดิต

Master

Rank: 4

เครดิต
4607
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย แจ็ค เมื่อ 2014-8-10 01:23

" ขออนุโมทนาบุญ สาธุการ ด้วยนะครับ ... กับวาระโอกาสในการสร้างคุณความดีในครั้งนี้ของ อ.เจน ญาณทิพย์ พร้อมพี่รุ้งตะวัน คุณแม่ตี้ พี่จี๊ดจ๊าด และทีมงานพลังบุญทุกท่าน ... ยินดีที่ได้อ่านเรื่องราวที่ดีๆเช่นนี้ และทำให้ผมได้รู้บางอย่างที่อยากรู้มานานแล้ว ... คือสาเหตุใดที่มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ อ.เจน ญาณทิพย์ ต้องพันพลาสเตอร์ยาที่นิ้วมืออยู่หลายนิ้ว ยังคงสงสัยมาถึงวันนี้ ... ดีใจที่ได้รู้ที่มาที่ไปของสาเหตุนี้ อ.เจน คงเจ็บนิ้วมากๆเลยใช่ใหมครับ นํ้าตาถึงได้รินใหลเช่นนี้ ... หากเป็นการชดใช้ผลกรรมเมื่อในอดีต จากหนักเป็นเบาได้ อ.เจน ญาณทิพย์ จำต้องยอม ขอชื่นชมในหัวใจอันเด็ดเดี่ยวดวงนี้ของ อ.เจน ญาณทิพย์ ... เป็นกำลังใจมอบให้เสมอนะครับ โปรดถนอมใจ ถนอมกาย เดินทางโดยสุขสวัสดิภาพปลอดภัย คุณพระคุ้มครอง "

สมาชิกที่เพิ่งอ่านหัวข้อนี้

คุณต้องเข้าสู่ระบบก่อนจึงจะสามารถตอบกลับโพสต์นี้ได้ เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

รายชื่อผู้กระทำผิด|อุปกรณ์เคลื่อนที่|Archiver|อาจารย์เจน.com

GMT+7, 2025-9-14 02:50 , Processed in 0.058984 second(s), 22 queries .

Copy right © 2013 อาจารย์เจน.com.

Web Design By modifydiscuz.com

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้