|
คิดไปเองมากกว่านะคะ คุณเป็นคนตั้งใจดีแต่ปลาย ทุกๆอย่างที่ทำเป็นคนว่อกแว่ก จนทำให้ทำเสร็จช้า หรือไม่ค่อยสำเร็จ หรือเสร็จแบบไม่เต็มที่ประมาณนั้น เป็นอุปนิสัยพื้นฐานอยู่รึเปล่า
ต้องดูตัวเองก่อนนะคะ
ส่วนเรื่องการปฎฺิบัตธรรม กับฝึกจิต ต้องแยกกันนะคะ จะทำให้พัฒนาเรื่องพวกนี้เร็วขึ้น
ปฎฺิบัติธรรม คือเข้าใจธรรมชาติ รอบๆ ความเป็นไป พินิจไปแต่ละเรื่อง
ฝึกจิตคือ การเข้าใจตัวเอง สร้างจิต ให้ข้ามไปสู่ ขั้นที่ 2-3-4-5-6-7 แบบนี้ค่ะ
หากคุณฝึกจิตได้เพียงระดับ 2 ก็อาจจะมีเซนส์อะไรทำนองนั้นขึ้นมาค่ะ ถ้าหากเกิดขึ้นมาแล้วพยายามเรียนรู้ ธรรมชาติของจิต ที่เกิดขึ้นในแต่ละขั้นค่ะ ซึ่ง แต่ละขั้นความสามารถก็ไม่เท่ากัน
นั่นคือการฝึกการเรียนรู้ ธรรมชาติของจิต
ส่วนที่ให้แยกตอนแรกนั้นเพราะว่า ปัจจุบัน คนทัวไปเพียงกล่าวคำว่า ปฎิบัติธรรม คือเข้าใจว่าอยู่ในศีลธรรม แต่การฝึกจิตจริงๆ ไม่ต้อง กินเจ ฆ่าสัตว์ทุกวันก็ยังทำได้ค่ะ แต่อานิสงของการฝึกจิตมีหลายประเภท
บางคนเป็นฆาตกร ฆ่าคนเยอะๆ พวกนี้ก็จะมีจิตสังหาร (แบบนั้นมั้ง) คะ ออกมาแต่ส่วนใหญ่คนเหล่านี้จะไม่เข้าใจ จิตที่เป็น ในส่วนญาน เช่นการหยั่งรุ็ เห็นอนาคต อดีต หรือสื่อสารกับเทพ คนในมิติอื่นได้ แบบนี้นคะ ซึ่ง หากสนใจในการฝึกจิตอยากให้ สนใจในเรื่อง การเรียนรู้พวกสัจธรรม ทำนองนี้ค่ะ
เจ้าของกระทู้อาจอยู่ในช่วงวัยรุ่น เลยมีความคิดอะไรว่อกแว่ก ค่ะเช่นเสียงรอบๆ บ้าน อะไรทำนองนี้ ถ้าแนะนำก็ลอง ่จุดเทียน แล้วเพ่ง จิตสมาธิ ไปที่แสงของเทียนก่อนคะ ไม่ต้องว่อกแว่กกับสิ่งใด
แล้วลองแบ่งจิตง่ายๆ นะคะ ให้แบ่งเป็น 6 เรื่อง
1.จิตที่เพ่งที่แสง
2.จิตที่สำนึกตนรู้ปัจจุบัน
3.จิตที่ สวดมนต์ ชินบัญชร
4.จิตที่สวดมนต์คาถาอะไรก็ได้ค่ะ ที่ถนัดเช่น พาหุงฯ
5.จิตที่ควบคุมปาก สวดมนต์ อีกบทเช่น อิติปิโสวิเสเสอิเสเส พุทธนาเมอิฯ ทำนองนี้ค่ะ
6.จิตที่จับลมหายใจเข้าออก
ถ้าเริ่มฝึกตัวนี้ ก็จะเริ่มเข้าใจนะคะ อาจจะใช้เวลานานหน่อยแต่นั้นก็เป็นบททดสอบค่ะ |
|