
สวัสดีค่ะ ดิฉันอาจารย์เจน ญาณทิพย์ ดิฉันขอขอบคุณทุกท่านที่ได้ไปร่วมงานพิธีเททองหล่อพระประธานรวมทั้งท่านผู้บริจาคที่ไม่ได้ไปร่วมงานพิธีหล่อพระประธาน จนงานสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ก็ด้วยจิตศรัทธาในบุญของทุกท่านที่เป็นกำลังสำคัญในการช่วยกันสนับสนุนและสามัคคีคือพลัง จนทำให้งานพิธีนี้ประสบความสำเร็จค่ะ การที่ได้ทำการหล่อพระประธานเพื่อประดิษฐานที่สำนักปฏิบัติธรรมวิปัสสนาญาณแห่งนี้ และเพื่อให้ผู้คนได้กราบสักการบูชา ซึ่งถือว่าเป็นบุญที่ยิ่งใหญ่และสำคัญมากหาทำได้ยากและมีไม่บ่อยครั้งที่จะได้สร้างพระเป็นแห่งแรกอย่างนี้ เพราะส่วนมากแต่ละแห่งจะมีการเททองหล่อพระมากกว่า 2 องค์ขึ้นไป แต่ดิฉันรับรองว่า สถานที่แห่งนี้เราจะทำการสร้างพระครั้งเดียวและมีองค์เดียวเท่านั้นค่ะ
ดิฉันปิติสุขใจมากค่ะ ที่งานบุญที่ดิฉันและพี่รุ้ง ตั้งใจทำเพื่อเป็นสาธารณะประโยชน์แก่คนหมู่มากได้สำเร็จไประดับหนึ่งแล้วค่ะ ก่อนที่จะถึงวันงานพิธีในวันเสาร์ที่ 21 มิ.ย.21 ได้มีเทวดามาเตือนว่า ให้ขอองค์อัมริน เพราะเรามีบุญสัมพันธ์กับท่าน โดยขอให้ท่านไปบอกกล่าวแก่เทพพระพิรุณ เพื่อห้ามฝนไม่ให้ตกลงมาในงานพิธีเททองหล่อพระค่ะ จึงทำให้ดิฉันนั่งสมาธิทำพิธีบอกกล่าว แต่ดิฉันก็ได้โทรศัพท์ไปบอกพี่รุ้ง ในวันนั้นหลายครั้งมาก เพราะว่า พี่รุ้ง ได้เดินทางล่วงหน้าเพื่อจัดเตรียมความพร้อมภายในงาน โดยพยายามย้ำเตือนว่า อยู่ทางโน้นอย่าลืมบอกกล่าวต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เจ้าที่เจ้าทาง พระพิรุณ และองค์อินทร์ ขอให้งานสำเร็จราบรื่น และขออย่าให้ฝนตกมาภายในงานด้วยนะ เพราะทุกครั้งถ้ามีเสียงมาเตือนก็ต้องมีเหตุค่ะ ดังนั้นดิฉันจึงได้ให้ความสำคัญในเรื่องนี้มากค่ะ แต่การบอกกล่าวต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ด้วยงานบุญใหญ่อย่างนี้ดิฉันรู้ได้ว่า บอกขอท่านได้ค่ะ พอเช้าวันอาทิตย์ที่ 22 มิ.ย.57 ประมาณตี 5 ดิฉันก็โทรศัพท์แจ้งพี่รุ้ง ไปอีกครั้งหนึ่งว่าวันนี้เป็นวันงานก็ต้องบอกกล่าวอีกครั้งค่ะ เมื่อดิฉันนำรถ 16 บัส มาถึงงานพิธีก็ปรากฏว่าไม่มีแสงแดดอย่างที่เคยปรากฏเลยค่ะ ดิฉันได้เชิญพราหมณ์ ชื่อ ทิดตั่น มาประกอบพิธีพราหมณ์บวงสรวง ท่านก็มาแต่เช้ารอคณะเดินทาง เมื่อเข้าพิธีคุณทิดตั่น ได้ขอค่าบูชาครู 12 บาท และเริ่มทำพิธี การที่ดิฉันเชิญคุณทิดตั่น มาก็เพราะได้เห็นว่าเขาไม่ได้เป็นเจ้าเข้าทรง ต้นตระกูลเป็นพราหมณ์ และทำพิธีบวงสรวงอย่างถูกต้อง รวมถึงพิธีการนี้เขายึดถือในองค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นหลัก และมีครูบาร์อาจารย์ทางด้านนี้ ส่วนดิฉันมีครูบาร์อาจารย์คนละด้านกันค่ะ
เป็นที่น่าแปลกใจในระหว่างพิธีการที่คุณทิดตั่น ได้อันเชิญเทพเทวาและสิ่งศักดิ์สิทธิอยู่นั้น ดิฉันไม่ได้เห็นเทพเทวาเสด็จมาเลย คงจะไม่ใช่ฤกษ์เวลานั้นก็ได้ค่ะ ระหว่างนั้นก็มีท้องฟ้ามืดครึ้มเหมือนฝนจะตก โดยเริ่มมีละอองเล็ก ๆ แล้ว ดิฉันก็คิดว่าฝนต้องตกลงมาแน่นอน จึงได้บอกกับพี่รุ้ง ว่า ให้ช่วยกันอธิษฐานจิตขอให้ได้โปรดช่วยเมตตาแก่ลูกทั้งสอง ด้วยลูกจะทำงานใหญ่ขออย่าให้ฝนตกลงมา ถ้าฝนตกลงมาในงานพิธีจะยากลำบากเพราะลูกกำลังจะเริ่มเททองหล่อพระประธานแล้ว จึงขอให้ท่านเทพเทวาสิ่งศักดิ์สิทธิและพระพิรุณโปรดเลื่อนเมฆ เลื่อนฝน ออกไปก่อนค่ะ ทันใดนั้น ดิฉันแหงนหน้าขึ้นไปบนท้องฟ้าได้เห็นคนโทใหญ่มากสีทองมีลวดลายสวยงามในภาชนะนั้นมีน้ำและกำลังจะเทลงมาแต่ไม่เห็นผู้เทคนโทนั้น ดิฉันจึงพูดด้วยจิตว่า ช้าก่อนท่านอย่าเทน้ำฝนลงมาท่านได้โปรดเถิดอย่าเท เสียงท่านก็พูดขึ้นมาว่า ไม่ได้ ๆ นี่เป็นหน้าที่ของเรา เรามีหน้าที่นี้ต้องทำตามหน้าที่ ดิฉันจึงพูดด้วยจิตไปว่า ไม่ได้นะท่าน ท่านอย่าให้งานของลูกได้เสียหายเพราะลูกตั้งใจให้งานสำเร็จ ด้วยสถานที่นี้เป็นดินแดนของพระพุทธภูมิ ลูกก็ขอให้บารมีของลูกทั้งสองที่สะสมมาทั้งหมดมาเกื้อหนุนช่วยเหลือลูกด้วย ทันใดนั้น ดิฉันได้เห็นมือสีเขียวหยกและเป็นมือที่ใหญ่มากเปรียบเหมือนมือของพระปฏิมากร เหมือนมือพระปรางห้ามญาติ ยกขึ้นห้ามมิให้เทคนโท แล้วคนโทนั้นก็ยกขึ้นไม่เท เห็นเพียงแว๊บเดียวแต่ชัดเจนมากค่ะ ในขณะนั้นดิฉันกังวลใจมากแต่คนที่อยู่ในเต้นท์ไม่ทราบหรอกค่ะว่าบรรยากาศบนฟ้าเป็นอย่างไรในขณะนั้น ดิฉันเพียรหลับตาอธิษฐานจิตตลอดเวลาขณะที่คุณทิดตั่น กำลังประกอบทำพิธีกรรม แต่พอถึงช่วงเวลาที่ดิฉันต้องบวงสรวงบ้างนั้น ดิฉันก็มีอาการประหลาดที่ไม่ค่อยเกิดขึ้นกับดิฉันบ่อยครั้งนักค่ะ ในตอนนั้นดิฉันเหมือนมีพลังบางอย่างเข้ามาในตัว และมีอาการหัวใจเต้นรัวและแรงผิดปกติ ตัวสั่นเล็กน้อยแต่ไม่มาก ส่วนอาการตัวสั่นอย่างนี้จะเกิดขึ้นเสมอก็ช่วงที่ดิฉันนำพาคนจำนวนมากอธิษฐานจิตก่อนถวายสิ่งของให้พระสงฆ์ ไม่ว่าจะเป็นงานบุญต่าง ๆ เช่น ถวายสังฆทาน ทอดกฐิน ทอดผ้าป่า หรืองานกุศลอื่น เพราะในช่วงนั้นทุกคนก็มักจะนึกถึงดิฉันให้เป็นสื่อกลางและดิฉันก็สื่อได้ถึงสภาวะจิตของทุกคน แต่ก็มีสติค่ะ
ก่อนที่จะทำบุญเททองหล่อพระดิฉันรักษาศีลบริสุทธิ์ตลอด ซึ่งดิฉันทำบุญใหญ่ตลอดนะค่ะ ขณะที่ดิฉันเริ่มจะเป็นฝ่ายทำพิธีบวงสรวงบ้างปรากฏว่า องค์เทพเทวา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ และองค์อินทร์ ท่านเสด็จมากันมากมายค่ะ เมื่อดิฉันแหงนหน้าไปพบท่าน จึงได้กล่าวบทอันเชิญเทพเทวามาประทับ และร่วมอนุโมทนาบุญกับพวกเราค่ะ และดิฉันได้รับทราบในภายหลังว่า มีหลายท่านภายในงานที่อยู่ภายนอกเต้นท์ได้เห็นก้อนเมฆบนท้องฟ้าเป็นรูปพระพุทธรูป และรูปเหมือนเทวดาเหินเหาะในอากาศ เป็นภาพนั้นอยู่นาน จนมีน้องคนหนึ่งถ่ายรูป แต่เมื่อนำภาพนั้นกลับมาดูพบว่า ไม่มีภาพที่เห็นกลายเป็นก้อนเมฆธรรมดา ค่ะ ดิฉันขอพูดได้เลยค่ะ ว่าเราทำความดีด้วยความตั้งใจ สิ่งศักดิ์สิทธิ์เขารับรู้ได้ เราหลอกตนเองไม่ได้ ขอให้จดจำไว้ว่า บุญนั้นมีจริงค่ะ |