Update ความคืบหน้างานสร้างสถานปฏิบัติธรรมวิปัสสนาญาณ วันที่ 7-8, 10-14 มิย.57 - ห้อง สำนักปฏิบัติธรรมวิปัสสนาญาณ อาจารย์เจน.com

อาจารย์เจน.com

 ลืมรหัสผ่าน
 ลงทะเบียน
ดู: 19798|ตอบ: 98
พิมพ์หน้านี้ ก่อนหน้า ถัดไป

Update ความคืบหน้างานสร้างสถานปฏิบัติธรรมวิปัสสนาญาณ วันที่ 7-8, 10-14 มิย.57

[คัดลอกลิงก์]

540

กระทู้

2753

โพสต์

2หมื่น

เครดิต

ผู้ดูแลพิเศษ

Rank: 8Rank: 8

เครดิต
20607



     สวัสดีค่ะทุกท่าน
              ดิฉันได้เดินทางไปคุมงานถมดินและการปรับพื้นที่ดิน ณ สถานปฏิบัติธรรมวิปัสสนาญาณ
เมื่อวันที่ 7-8, 10-14 มิย.57 ที่ผ่านมา งานปรับพื้นที่ดินคืบหน้าไประยะหนึ่งด้วยความรวดเร็ว
ก็ด้วยกำลังศรัทธาจากผู้บริจาคที่มีจิตอันเป็นกุศล ที่ได้บริจาคค่าเที่ยวถมดินมา  
           ดิฉันจึงขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านที่ได้สละทรัพย์ บริจาคมาร่วมถมดินปรับพื้นที่
สถานปฏิบัติธรรมให้มีความคืบหน้าไปได้โดยไม่ติดขัด แต่อย่างไรก็ดี ดิฉันยังต้ัองการรับบริ่จาค
ปัจจัยเพื่อปรับที่ดินให้สำเร็จลุล่วง เพื่อที่จะได้นำพาผู้คนมาปฏิบัติธรรมทำความดี ณ

พื้นที่แผ่นดินธรรมแผ่นดินทองนี้  โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
จึงขอให้ทุกท่านที่มีจิตกุศลช่วยกัน เพื่อที่จะได้มาปฏิบัติธรรมร่วมกันกับดิฉันโดยเร็ววัน
              หากมีความคืบหน้าประการใด ดิฉันจะแจ้งให้ทุกท่านทราบเป็นระยะ ๆ น่ะค่ะ

ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านค่ะ
เจนญาณทิพย์




เชิญชมคลิปวีดีโอ งานปรับพื้นที่ค่ะ





สรุปงานปรับพื้นที่วันที่ 31 พค 2557 ได้บรรทุกขนดิน เพื่อปรับพื้นที่ 52 เที่ยว (ฝนตก)
สรุปงานปรับพื้นที่วันที่ 1 มิถุนายน 2557 ได้บรรทุกขนดิน เพื่อปรับพื้นที่ 118 เที่ยว
สรุปงานปรับพื้นที่วันที่ 2 มิถุนายน 2557 ได้บรรทุกขนดิน เพื่อปรับพื้นที่ 106 เที่ยว
สรุปงานปรับพื้นที่วันที่ 3 มิถุนายน 2557 ได้บรรทุกขนดิน เพื่อปรับพื้นที่ 100 เที่ยว




ปรับพื้นที่วันที่ 7 มิถุนายน 57  ได้บรรทุกดินเป็นจำนวนทั้งสิ้น 412 เที่ยว

ปรับพื้นที่วันที่ 8 มิถุนายน 57  ได้บรรทุกดินเป็นจำนวนที้งสิ้น 159 เที่ยว

ปรับพื้นที่วันที่ 9 มิถุนายน 57  ได้บรรทุกดินเป็นจำนวนที้งสิ้น 131 เที่ยว

ปรับพื้นที่วันที่ 10 มิถุนายน 57  ได้บรรทุกดินเป็นจำนวนที้งสิ้น 155 เที่ยว



ปรับพื้นที่วันที่ 11 มิถุนายน 57  ได้บรรทุกดินเป็นจำนวนทั้งสิ้น 166 เที่ยว

ปรับพื้นที่วันที่ 12 มิถุนายน 57  ได้บรรทุกดินเป็นจำนวนทั้งสิ้น 175 เที่ยว

ปรับพื้นที่วันที่ 13 มิถุนายน 57  ได้บรรทุกดินเป็นจำนวนทั้งสิ้น 151 เที่ยว

ปรับพื้นที่วันที่ 14 มิถุนายน 57  ได้บรรทุกดินเป็นจำนวนทั้งสิ้น 65 เที่ยว (ฝนตก)
ปรับพื้นที่วันที่ 15 มิถุนายน 57  ได้บรรทุกดินเป็นจำนวนทั้งสิ้น 145 เที่ยว

ปรับพื้นที่วันที่ 5 กรกฎาคม 57 ได้บรรทุกดินเป็นจำนวนทั้งสิ้น 87 เที่ยว
ปรับพื้นที่วันที่ 6 กรกฎาคม 57 ได้บรรทุกดินเป็นจำนวนทั้งสิ้น 121 เที่ยว
ปรับพื้นที่วันที่ 7 กรกฎาคม 57 ได้บรรทุกดินเป็นจำนวนทั้งสิ้น 159 เที่ยว
ปรับพื้นที่วันที่ 8 กรกฎาคม 57 ได้บรรทุกดินเป็นจำนวนทั้งสิ้น 161เที่ยว

รวมทั้งหมด 2,581 เที่ยว
ยอดบริจาคถมดินมี 2,246 เที่ยว
ถมดินเกินเงินบริจาค 2581 - 2246 = 335 เที่ยว
ยังต้องการเงินบริจาคเพื่อถมดินต่อน่ะค่ะ เรียนเชิญ ผู้มีจิตศรัทธาในบุญร่วมแรงร่วมใจกัน บริจาคสมทบทุน
เพื่อดำเนินถมดินให้เสร็จสิ้น เพื่อให้สถานปฏิบัติธรรมได้ดำเนินการก่อสร้าง
อื่น ๆ ต่อไปค่ะ
ขออนุโมทนาบุญ ทุก ๆ ท่านค่ะ





โพสต์นี้ยังมีเนื้อหาเพิ่มเติม

คุณจำเป็นต้อง เข้าสู่ระบบ ก่อนจึงจะสามารถดูและดาวน์โหลดไฟล์แนบได้ หากยังไม่มีบัญชีหรือยังไม่ได้เป็นสมาชิก กรุณาลงทะเบียน

x

77

กระทู้

517

โพสต์

2หมื่น

เครดิต

ผู้ดูแลพิเศษ

Rank: 8Rank: 8

เครดิต
26516
ด่วน ด่วน ไม่มีเงินจะถมดินแล้ว จำเป็นต้องขอรับบริจาค...เพิ่มเรื่องที่ดิน
ตอนที่ 2


เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา คือ 7-8 มิ.ย.2557 ที่ผ่านมานี้ ดิฉันได้ไปช่วย อ.เจนและคุณรุ้ง และน้อง ๆ ทีมงานที่มีเวลาว่างมาช่วยกันอีกส่วนหนึ่งก็อยู่กองบัญชาการทางบ้านดูแลเว็บและการบริจาค บางครั้งต้องสลับกันไปแล้วแต่โอกาสจะอำนวยค่ะไม่ง่ายนะค่ะต้องขอบอกว่าโหดสุดสุด ถ้าใครได้ไปสัมผัสก็รับรองว่าต้องพูดคำเดียวว่า  อุแม่เจ้า  อากาศที่แสนจะร้อน ๆ ตับจะแตก  แสงแดดที่ร้อนแผดเผาผิว  มวลฝุ่นละอองที่เหมือนพายุเฮอรีเคนก็ดูจากภาพได้ไม่ได้เมคอัพเป็นภาพเหตุการณ์จริงค่ะ
ต้นหญ้า กับต้นข้าวโพด ที่เราคิดว่าได้ทำลายไปแล้วด้วยการหยอดยาฆ่าตามหลุมต่าง ๆ ด้วยเงินค่ายาฆ่าวัชพืชเหล่านี้ประมาณ 8,000 บาท เมื่ออาทิตย์ที่แล้วกลับฟื้นคืนชีพมาอีกในอาทิตย์นี้ไม่ตายง่าย ๆค่ะ  โอ้ไม่น่ะ  เราสูญเงินไปฟรี ๆกับการฆ่ามันไม่ตายหรือนี่  ดังนั้นด้วยความจำเป็นที่ต้องเก็บออมเงินให้มากที่สุดและไม่ควรจะเสียอีก  เสียดายเงินที่ผู้บริจาคได้ช่วยเหลือมา  คุณรุ้ง จึงพูดขึ้นว่าถ้าเป็นอย่างนี้เสียเงินเปล่า ว่าแล้ว ทุกคนก็เอาไงเอากันตอนนั้นประมาณเวลาย่ายกว่าๆ คิดดูก็แล้วกันค่ะ อากาศที่ร้อนระอุมาก แสงแดด ที่ไม่ปราณีใครต่างก็หยิบหาอาวุธประจำกาย เช่น จอบ  เสียม  มีดพร้า  สามง่าม ชะแลง  เท่าที่จะหาได้  หยิบขึ้นมาแล้วก็เดินตามกันไปที่เนินเขาซึ่งห่างไกลจากเพิงที่พักมาก  เพื่อการประหยัดเงินที่ไม่ควรเสียอีกต่อไปพวกเราต้องมาถางหญ้าที่เกิดใหม่และต้นข้าวโพดที่เกิดใหม่ด้วยอาวุธคู่กายนั่นแหละค่ะ
สำหรับดิฉันคิดว่านี่เป็นหนทางที่ดิฉันจะถากถางไปสู่สวรรค์  ตามที่ อ.เจนพูดกับดิฉันเสมอดิฉันจำใส่ใจไว้เลยค่ะเพราะเชื่อว่าบุญมีจริงและได้ประสบกับตนเองมาหลายครั้งแล้วค่ะ  แต่ทีมงานที่ไม่ได้มาทางกรุงเทพฯก็อยู่ช่วยประจำการกันที่กรุงเทพฯ ก็ส่งภาพอนุโมทนาบุญกันไปมาค่ะ



การขุดและถอนต้นหญ้า ต้นข้าวโพด ในเวลาบ่ายแก่ๆ เยี่ยงนี้ ต้องเร่งทำรอช้าไม่ได้ รอให้อากาศเย็น แดดร่ม ลมตกไม่ได้เพราะต้องทำงานแข่งกับเวลา  เพราะเวลาเป็นเงินเป็นทองมาถึงที่ดินทั้งทีต้องทำงานให้คุ้มค่า คุ้มค่าอะไรหรือค่ะ ต้องแจกแจง ค่ะ อาทิเช่นบางคนต้องเสียสละเวลาที่ต้องอยู่กับครอบครัว แต่ต้องมาช่วยงานบุญ  ยังต้องมีหลายเรื่องที่ต้องทำ ก็คือ การเดินท่อน้ำประปาดูระบบไฟฟ้าให้เรียบร้อย  ส่วนน้องทีมงานบางคนมาคนเดียวก็ไม่มาเปล่าพดตัวช่วยมาด้วยช่วยกันอีกแรง  น้องนางหนึ่งเธอเริดมาก แต่นางก็เดินท่ามกลางแดดร้อนๆ บรรจงเก็บต้นข้าวโพดด้วยกริยาของกุลสตรีที่งามพร้อม หล่อนงามอย่างมีคุณค่าจริงค่ะแต่กลับมาตัวดำมิดหมี  ทีมงานชายตัวขาวแต่หน้าแดงฉานด้วยเลือดฝาดหน้าตาคล้ายจะเป็นลมแต่ด้วยความตั้งใจมาก ก็ไม่ได้ดูแลสุขภาพและกำลังตัวเองเล้ย  ก็ยังอุตส่าห์เอาเสียมไปขุดดินไปกันคนละเนินไม่คุยกันหลอกค่ะ คุยไม่ออกแดดร้อนมากต่างคนต่างทำกันอย่างเงียบเชียบเชียวค่ะกลัวเสียพลังจากการคุย ก็กำหนด ขุด  ฟัน และถอนกันไปค่ะ คุณรุ้งก็ใช้มีดพร้าฟันต้นหญ้ารากลึกมากค่ะกว่าจะฟันจนขาดค่ะ



ภารกิจจดเที่ยวรถก็ไม่ง่ายนะค่ะเพราะแต่ละเที่ยวเราก็ต้องควบคุมการตักดินขึ้นรถบรรทุกเพราะกลัวว่าคนตักดินจะโกงตักดินขึ้นรถบรรทุกไม่ครบ ทุกเที่ยวต้องนับให้ได้ 12 ตัก (รถตักดิน) ถ้าเราไม่คอยดูแลการนับตักดินทุกเที่ยวเขาก็จะโกงดินค่ะ เที่ยววิ่งรถบรรทุกต่อวันประมาณ 190 – 200 กว่าเที่ยวรถบรรทุก ซึ่ง อ.เจนต้องจ่ายชำระเงินด้วยตนเองทุกวัน คิดดูสิค่ะ เที่ยวละ 500  บาท คูณไปเป็นเงินเท่าไหร่ต่อวันแล้วท่านลองพิจารณาว่า ถ้าเราจ่ายเงินทุกวันย่างนี้ผลิตเงินไม่ทันแน่ค่ะแต่ถ้าสั่งหยุดทันที ผู้รับจ้างก็ไปทำงานให้รายอื่นแทนเรียกมาอีกก็ยากลำบากค่ะ  ดังนั้น อ.เจนจึงฝากบอกกล่าวรบกวนสมาชิกทุกท่านหรือผู้ใจบุญทุกท่านที่มีจิตศรัทธามาร่วมด้วยช่วยกันอีกน่ะค่ะเพื่อบุญสำเร็จ ตอนนี้กำลังจะขาดปัจจัยเงินอีกครั้งหนึ่งแล้ว แทบไม่มีจะจ่ายให้เขาแล้วค่ะเพราะได้ใช้จ่ายเงินไปมากแล้วค่ะ



ตามเนื้อตัวที่เปียกเหงื่อจากการขุดถอนหญ้าจะเก็บสะสมด้วยฝุ่นละอองบวกเข้าไปด้วย บรรยายไม่ถูกค่ะตอนที่ผิวมันคัน ยิบ ยิบสุดที่จะบรรยายได้ ก็ไม่มากหรอกค่ะ เพียงแค่ประมาณ 190 – 200 กว่าเที่ยวรถบรรทุกเท่านั้นเองค่ะ  

ครั้งนี้ดิฉันก็ต้องขอเป็นกระบอกเสียงแทนอ.เจน ด้วยค่ะว่า ขณะนี้ยังขาดปัจจัยเงินจริง ๆค่ะและขอเชิญท่านที่ได้เคยมาตรวจกรรมกับ อ.เจน และรับปากว่าจะช่วยเหลือ อ.เจนไม่ว่าบุญใด ๆ ก็ตามได้โปรดมาช่วยกันสานต่องานเกลี่ยพื้นดินที่เป็นหลุมใหญ่ให้เป็นพื้นดินที่ราบเรียบเพื่อเป็นรากฐานที่จะได้สร้างกำแพงและสถานที่ปฏิบัติให้สำเร็จโดยเร็วค่ะ

อ.เจนเคยตรวจกรรมเจ้าของบริษัทผลิตรถแม็คโคร และได้เคยรับปากว่า ถ้า อ.เจน จะใช้รถแม๊คโครก็ขอให้บอกแต่ อ.เจน ก็จำไม่ได้แล้วค่ะว่าเป็นใคร แต่ถ้าท่านประสงค์จะช่วยนะค่ะก็จะมีส่วนช่วยประหยัดค่าจ้างรถแม๊คโครที่นี่มากที่สุดค่ะเพราะค่าเช่าต่อวันค่อนข้างแพงค่ะ และตามความเป็นจริงคนที่มาตรวจกรรมกับ อ.เจนเมื่อสมประโยชน์แล้วก็หายหน้าหายตาไปหมดไม่มีความทุกข์ไม่กลับมาเมื่อทุกข์ก็กลับมาเป็นอยู่อย่างนี้ค่ะจริงอย่างที่โบราณเขาว่า ครูผู้สั่งสอนให้คนทำความดีเปรียบเหมือนกับเรือจ้าง เมื่อผู้ถูกสอนได้ดีมีสุขแล้วก็ถีบหัวเรือส่งไปโดยลืมเรือจ้างลำนี้ไม่หันกลับมามองอีกเลยค่ะ พูดง่าย คือ ไร้ประโยชน์แต่ครั้งนี้ขอเถอะค่ะขอให้ทุกท่านช่วย ๆ กัน ช่วยกันปลูกรากฐานสำนักปฏิบัติธรรมฯให้สำเร็จ ท่านเป็นผู้สร้างรากฐาน อานิสงส์มากเพียงใดค่ะ บุญที่หาทำยากและทำจริงไม่ทำเล่นค่ะ ซึ่งดิฉันเชื่อเรื่องของบุญมีจริง ดังนั้นดิฉันจึงเชื่อว่าทุกท่านเป็นผู้ใจบุญจริงที่จะมีส่วนของกำลังสำคัญที่จะเป็นผู้วากรากฐานบุญในครั้งนี้ค่ะ



คนที่โทรจองทุกวันที่ 3 ของเดือนมีจำนวนนับหมื่น ๆ คน ส่วนมากเขาไม่สนใจบุญกันค่ะเขาสนใจว่าจะให้ อ.เจน ตรวจกรรม ชีวิตของเขาจะเป็นอย่างไร  อ.เจน มีประโยชน์เพียงเท่านี้เองหรือค่ะถ้าจริงเป็นเรื่องน่าเศร้ามากไม่มีคุณค่าความดีอันใดเลยหรือค่ะนอกจากตรวจกรรมแนะนำ สั่งสอน ช่วยเหลือ หากท่านที่มาตรวจกรรมกับ อ.เจน จะพบว่า ต่อคนก็กินเวลาไปเป็นชั่วโมงๆ เพื่ออยากช่วย ต้องพูดทั้งวัน ตอนเย็นนอนสลบหมดพลังค่ะ และอ.เจนต้องกินต้องใช้เหมือนบุคคลทั่วไปแต่ตอนนี้ก็งดรับงานไปหลายงานเพราะต้องไปคุมงานมาสองอาทิตย์แล้วและต้องไปควบคุมงานอีกไป ๆ มา ๆ ระหว่างกรุงเทพฯ ถึง เพชรบูรณ์  สุดแสนจะเหนื่อย เพราะมีรายการประจำ คนอวดผีที่ต้องมาอัดรายการ ซึ่งมีค่าใช้จ่าย ค่าน้ำมันรถ แต่ละเที่ยวค่าน้ำมันแพงมากค่ะอ.เจน ไม่ได้พักผ่อนค่ะ และ อ.เจน ไม่ใช่หมอดู 1900เรียกใช้ได้ตลอดเวลาค่ะจากการที่ดิฉันรับโทรศัพท์จากคนที่ต้องการจะตรวจกรรมมักจะไม่เกรงใจค่ะ

ช่วงนี้ อ.เจนไม่ได้รับงานออกรายการเพราะต้องมาตากแดดตากลม อยู่กลางแสงแดดร้อน ๆ เพื่ออะไรหรือไม่ห่วงสวย นี่เขาก็นัดถ่ายปกหนังสือ ดิฉันว่า หนังสือเล่ม 3 นี้ คงได้เห็น อ.เจน ผิวสีแทนมาก กว่าปกติบวกแถมด้วยผดผื่นตามตัวเพราะแพ้เหงื่อและฝุ่นละออง  จัดไปงานนี้ อ.เจน แทนที่จะหน้าใสสวย ดำแน่ ๆ ค่ะ



เผลอไม่ได้ต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มแบบไม่รู้ตัวต้องระวังทุกจุดค่ะและก็พลาดจนได้ตอนที่เขามาเก็บเงินพิเศษเพิ่ม อยู่ ๆ ก็มาบอกว่าจอมปลวกใหญ่นี่จะเกลี่ยให้เสมอกันมั้ย โดยไม่พูดเรื่องเงินค่าใช้จ่าย  ทุกคนก็คิดว่าจะมาถามทำไม ก็เกลี่ยไปซิก็พวกเราก็เห็น ๆ อยู่ว่ามีรถไถบดพื้นกำลังทำหน้าที่อยู่ ก็ทำไปสิค่ะแต่พอตอนเย็นเคลียค่าใช้จ่าย มาบอกว่า เก็บเงิน ค่าจอมปลวกด้วย เหตุผลคืออันนี้ไม่ได้เหมาในเที่ยว  ดิฉันขอบอกว่าเป็นกองดินปลวกที่ไม่สูงมากแต่ราคาค่างวดแพงมาก แพงจนเหลือเชื่อ จนคุณรุ้งประกาศออกมาว่า ถ้ามีค่าใช้จ่ายต้องบอกให้ชัดเจน ถ้าไม่ชัดเจนไม่จ่ายเงิน ส่วนอ.เจน ไม่พูดกับเขาเลย อาจารย์บอกว่า คนไม่มีศีล คนโลภ คนไม่รู้จักพอพวกนี้ไม่เชื่อเรื่องของกรรมหรอกค่ะ



ดังนั้นจึงจำเป็นต้องเดินทางมาควบคุณดูแลอย่างใกล้ชิดอย่างที่เขาเรียกว่าลดต้นคอกันเลยค่ะการเดินทางมาก็ต้องมีค่าใช้จ่าย ดังนั้น พวกเราก็นอนกันอย่างยัดเยียดค่าอาหารก็แพงมาก เพราะเขาเห็นว่า นี่คนกรุงเทพฯ ไม่มีป้ายราคาอาหารเขาดูหน้าตาก่อนชาร์ตค่ะ ไข่เจียว 2 จาน ต้มยำไก่ ผัดปลา 600 กว่าบาท นี่ขนาดกินน้ำเปล่ากันนะค่ะประหยัด ถึงแม้จะอเมริกันแชร์แต่ก็แชร์กันมื้อละ 100 บาท รายได้อาจารย์ก็ไม่ค่อยจะมีลูกศิษย์อย่างดิฉันก็จ้นจน (อ.เจน ห้ามพูดว่าจนค่ะ) ถ้าบ่อยเข้า กินแกลบกันละคราวนี้
อาทิตย์ต่อไปมีการวางแผนที่ดีอย่าได้กินเงินเราอีกเลยร้านอาหารเอ๋ย เพราะครั้งนี้ อ.เจน กะคุณรุ้ง สั่งการแม่ตี้ว่า ช่วงนี้ห้ามทำอาหารกินให้แม่ซื้อกินเอาค่ะ เพราะว่า อ.เจน ได้ขนเอา หม้อ กระทะกะละมัง ตะหลิ่ว  ช้อน จาน ชาม เตาแก๊สยกครัวไปทำกินกันเองประหยัดค่ะ นำเสนอโดย อ.เจน แม่ครัวหัวป่า ค่ะ  ค่าน้ำมันรถแต่ละเที่ยวประมาณ 4,000บาท อยากแพงนักครั้งนี้ก็มีนโยบายนั่งอัดๆกันไป ส่วนคุณเต้ยนั่งรถตู้ตามไปที่หลังเพื่อมาดูแลระบบไฟฟ้า เดินท่อน้ำประปาให้เสร็จสิ้นภายในวันเดียวแล้วเดินทางกลับไปนำรถบัสรับลูกทัวร์มาสมทบในวันงานค่ะ  ที่พักก็ใช้แผนห้องหนึ่งน้อนกันหลายคน แบบแอบ ๆเข้าไปพักแผนเดิมค่ะ






ที่เล่ามาทั้งหมดนี้ไม่ได้มาโชว์หรือแสดงโอ้อวดหรืออะไรก็แล้วแต่ นะค่ะ แต่ อ.เจน บอกว่า เราทำเราได้ สิ่งศักดิ์เขามองเราอยู่เราไม่ทำเพื่อเอาหน้าแต่เราเอาบุญกัน และถ้าทุกท่านคิดอยากช่วยก็ได้น่ะค่ะ  และขอบอกว่าทำบุญอย่าคิดมาก บุญจะกระฉอกหมดค่ะ  แต่เราทีมงานมาช่วย อ.เจน กับคุณรุ้ง โดยเสียสละความสุขส่วนตัวมาช่วยกันเพื่อให้เป้าหมายสำเร็จตามเจตนารมณ์ของผู้บริจาค และเพื่อ อ.เจน และคุณรุ้งจะได้นำพาคนปฏิบัติธรรมได้โดยเร็ว ทำเพื่อบุญกันค่ะ  แต่ถ้าใครต้องการอยากช่วย อยากได้บุญอยากมาถากถางทางสวรรค์ มาได้นะค่ะ โดยไม่ต้องรอว่าต้องมาวันที่ อ.เจน มานะค่ะมาทำความดีกันค่ะอย่าให้เวลาสูญเปล่าค่ะ



ดิฉันเป็นคนที่ทนเรื่องแบบนี้ไม่ค่อยได้หรอกค่ะไม่ชอบคนคดโกง เมื่อได้ไปนั่งนับการตักดินกับผู้รับเหมารายนี้จึงพูดให้ได้รับรู้ว่า เงินทุกบาททุกสตางค์เป็นเงินของผู้บริจาค ไม่ได้หามาโดยง่ายอ.เจน และคุณรุ้ง เป็นผู้นำเงินของทุกคนที่บริจาคมาบริหารให้ที่ดินผืนเป็นรูปเป็นร่างเป็นแบบอย่างของสถานที่ปฏิบัติธรรมที่ดีบางคนกว่าจะนำเงินมาบริจาคแทบเลือดตากระเด็นนะค่ะ ดิฉันจึงเล่าต่อไปว่ามีคุณป้าท่านหนึ่งโทรมาหาคุณรุ้ง แจ้งว่า ดิฉันเก็บหอมลอมริบเงินวันละ 20 บาท สะสมได้ 200 บาทจึงขอบริจาคเงินเพียงน้อยนิดนี้ ช่วยงานเกลี่ยถมดินจะได้มั้ยค่ะ มีเงินไม่ถึง 500บาท คิดดูสิค่ะ ความตั้งใจของคุณป้า เขาตั้งใจมาก ดังนั้นเงินทุกบาททุกสตางค์ที่ได้รับบริจาคมากต้องบริหารให้ดี อย่าว่าพวกเราเคี่ยวนะค่ะแต่เงินไม่ใช่ของพวกเราค่ะ  ชายคนนี้ก็เมินหน้าหนีไม่สบสายตาของดิฉันอีกค่ะคนอย่างจี๊ดจ๊าดนะหรือจะพูดสั้น ๆ ดิฉันยังร่ายยาวออกไปอีกว่าเงินที่คนเขาบริจาคเขาได้จบอธิษฐานไว้แล้วด้วยวัตถุประสงค์บุญคือการจ่ายเป็นค่ารถบรรทุกเกลี่ยหน้าดินไม่ได้ให้ไปทำอย่างอื่น ไม่งั้นมันบาป ค่ะ ที่ยิ่งร้ายใหญ่ คนที่ติดกรรมกับแผ่นดินไม่ว่ากรณีใดใดก็ตามอาจารย์เคยบอกว่า เป็นกรรมที่หนักมากเป็นกรรมที่ให้ผล ถึง 3-4 เท่า ก็คงไม่สำนึกหรอกค่ะแต่ขอให้ดิฉันได้พูดเถอะค่ะ อ้อแต่ในทางกลับกันผู้ที่ทำกรรมกับแผ่นดินจะปลดผ่อนกรรมได้มากก็ด้วยการบริจาคทรัพย์สนับสนุนบุญที่เกี่ยวกับดินนี่แหละค่ะอานิสงส์สูงค่ะ



อ.เจน บอกกับดิฉันว่าผู้บริจาคทรัพย์ก็สุขใจได้บุญของเขาไปและไม่มีอะไรยากเกินไปที่เราจะช่วยกันสานต่อให้กับผู้บริจาคและถ้าหนูยังมีลมหายใจอยู่จะทำให้ดีที่สุด อ.เจน พูดกับดิฉันว่า พี่เงินของผู้บริจาคถ้าเขาได้มาเห็นว่า พวกเราพยายามและตั้งใจ ผู้บริจาคคงมีความสุขและได้อานิสงส์ของบุญเต็มร้อย เพราะเราได้ทำตามเจตนาของผู้บริจาคแล้วค่ะ
อ.เจนบอกว่าผู้คนที่นี่ห่างไกลจากพระพุทธศาสนามากขนาดพระที่เดินบิณฑบาตทุกเช้าระยะทางเดินไกลแสนไกล แต่ไม่มีอาหารคาวหวานในบาตรแม้แต่น้อยค่ะหนูสงสารท่านมากจึงไปคอยใส่บาตรทุกเช้าถ้ามีโอกาสเท่าที่จะทำได้ค่ะวัดที่นี่มีมากหลายวัด สำนักสงฆ์ก็มีหลายแห่งค่ะ แต่ดูจะร้างค่ะ



อ.เจน ถูกไล่ออกจากร้านน้ำแข็ง  ก็จากที่ดิฉันพูดให้ฟังนี่แหละค่ะ อ.เจนบอกกับดิฉันว่า พี่จี๊ดไปกะหนูหน้าตาพี่มีเมตตามากกว่าเพื่อนไปร้านน้ำแข็งกันไปสั่งน้ำแข็งเพื่อใช้ในวันงานเททองหล่อพระประธานที่สถานที่ปฏิบัติธรรมวิปัสสนาญาณเมื่อเดินเข้าไปในร้านก็ถามใครเจ้าของร้านหญิงสาวนางหนึ่งหน้าตาไม่รับแขกเอาเสียเล้ย ตะคอกว่า เข้ามาทำไม อ.เจนก็พูดขึ้นว่า คือจะมีงานเททองหล่อพระ ที่.........(พูดยังไม่ทันจบประโยค)หญิงคนนี้ ก็โบกมือพร้อมตะคอกไล่ ว่า ไปไป้ ออกไปไม่รู้เรื่องพูดอะไร ออกไปออกไปพูดอยู่อย่างนี้  ซึ่ง อ.เจนรู้ได้ทันทีว่า หญิงคนนี้คิดว่า อ.เจน กับดิฉัน มาขอเรี่ยไรเงินไม่ถามสักนิดไม่ฟังคำพูดให้จบประโยคสะหน่อย อ.เจน จึงพูดว่า จะมาซื้อน้ำแข็ง ใครเจ้าของร้านค่ะ หญิงคนนี้รู้สึกเสียหน้าก็โบ้ยบ้ายว่าโน้น ๆ ไปสั่งกับคนโน้น ผัวฉัน นั่นเจ้าของร้าน เราก็เดินไปสั่ง พอบอกว่า 10 ลังเท่านั้นแหละเราก็กลายเป็นผู้ดีไปในบัดดลค่ะ  เดินออกมาก็ฟ้องคุณรุ้ง มีโดนเลยคุณรุ้งบอกนี่แหละหน้าเมตตางัยพี่น่ะเขาไล่ออกมาทั้งอาจารย์ทั้งลูกศิษย์
อ.เจน บอกว่า คนเดี๋ยวนี้ไม่มีศีลบุญก็ไม่ทำ มัวแต่ทำมาหากิน หาเงินหาทอง ใช้ชีวิตอยู่อย่างประมาท ห่างไกลศาสนาแต่กลับไม่รู้ว่า เราจะตายเมื่อใด ความตายอยู่กับเราทุกเมื่อ ไม่รู้ว่าภัยพิบัติกำลังคืบคลานเข้ามา  อ.เจน สอนว่าขอให้มองเรื่องอย่างนี้เป็นธรรมมะ เขาสอนเราอยู่ เราต้องมองอย่างธรรมมะอย่าไปโกรธเคืองเขาเลยค่ะ แต่ที่แน่ใจมากที่สุดว่า ทำไมครูบาร์อาจารย์ท่านถึงให้มาอยู่ที่นี่รู้แล้วว่าให้เรามาทำไมค่ะ ให้เรามาเพื่อช่วยเหลือคนให้มีดวงตาเห็นธรรม จากที่ได้พบกับคนที่อยู่ในพื้นที่นี้จะใช้อะไรสักอย่างก็เป็นเงินเป็นทองไปเสียหมดการช่วยเหลือด้วยน้ำใจเหมือนคนไทยยุคโบราณนั้นไม่มีอีกแล้วค่ะ



กรรมของลูกชายผู้รับเหมาดินเพราะมีนิสัยฉ้อโกงกรรมก็มาตกอยู่กับลูกสาว ซึ่งเป็นเด็กไม่ดี ก้าวร้าวพ่อแม่ทำให้พ่อแม่เสียใจไม่เว้นวันค่ะ แต่ก็ไม่กล้าบอกทางแก้ไขเขาหรอกค่ะเพราะเขามาแต่ละครั้งก็พูดถึงแต่เงิน จะทำอย่างโน้น จะทำอย่างนี้ มั้ยพยายามสร้างงานเพิ่มให้ได้กะตัง แต่ อ.เจน เขารู้ทันก็ไม่สนใจ แต่จะแข็งข้อกับเขาหรือทำเป็นรู้ดีก็ไม่ได้ ต้องทำเป็นไม่รู้ แต่ก็ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ เพราะไม่อยากมีเรื่องกับคนพื้นทีค่ะเรายังเป็นคนใหม่ของที่เมืองนี้ค่ะ



กรรมของลูกสาวผู้รับเหมา...เรื่องนี้เปิดเผยไม่ได้ แต่ อ.เจน เห็นภาพการตายของลูกสาวของชายผู้นี้ลูกสาวเขาเป็นแฟนพันแท้คนอวดผีด้วยค่ะ เจอ อ.เจน กรี๊ดใหญ่ แต่ภาพการตายที่ อ.เจนเห็นเป็นสภาพที่น่าสงสาร เพราะกรรมจากสัมมาอาชีพของพ่อแท้ ๆ ค่ะ ชายผู้นี้เขารักลูกสาวคนนี้มาก อ.เจน เห็นภาพลักษณะการตายด้วย แต่ไม่กล้าเตือนเพราะสัตว์โลกต้องเป็นไปตามกรรม อ.เจน ว่า เราแก้กรรมให้เขาไม่ได้เพราะพ่อเขาไม่เชื่อเรื่องบุญกรรมเตือนไปก็ไม่เป็นผล เขาฉ้อโกง.....ค่ะ  



อานิสงส์ผลบุญของผู้บริจาคเกี่ยวกับที่ดิน เรื่องมีอยู่ว่าบ่ายโมงกว่าแล้วยังไม่ได้มีอะไรตกถึงท้อง ร้างรวงก็ไม่มีให้เห็นอาจารย์จึงขับรถพาไปไกลอยู่เหมือนกัน ร้านอาหารป่า แต่เมื่อไปถึงร้านอาหารตามสั่งก็ต้องนั่งรอแม่ค้าอีก  ในระหว่างที่ทุกคนกินน้ำลูบท้องกันอยู่นั้นสายตาทุกคนก็จ้องอยู่ที่จอโทรทัศน์  ก็ปรากฏเป็นภาพข่าวดาราหญิงชื่อเสียงก้องฟ้าของเมืองไทยคนหนึ่งได้รับเชิญไปร่วมงานแฟชั่นโชว์งานเครื่องสำอางชื่อดังยี่ห้อหนึ่งในต่างประเทศค่ะ  พวกเราต่างก็ชื่นชมความสวยงามของเธอผู้นี้  แต่ไปทันใดนั้น อ.เจน เพ่งจิตไปดูว่า เธอผู้นี้ทำกรรมดีอะไรมา ก็ปรากฏภาพ ว่าเธอผู้นี้เพียงแค่บริจาคที่ดินให้กับเด็กนานาชาติได้อยู่อาศัยส่งผลให้ได้กินบุญเก่าในชาตินี้ เธอผู้นี้มักจะเดินทางไปต่างประเทศบ่อยมากกว่าผู้อื่นคือ และโด่งดังมากด้วยค่ะ
ต่ออีกนิดเมื่อวานมีผู้บริจาคแท้งน้ำ 3.000กว่าลิตรไม่มีคนยกติดรถมามีแต่คนขับรถเพียงคนเดียวดีว่าวันนั้นทีมงานชายมีหลายคนยกกันเกร็งเลยดิฉันเห็นแล้วทุกคนช่วยกันเพราะ อ.เจน เป็นหลักรวมใจของเขาจริงๆไม่มีใครบ่นหนักแต่ดิฉันเห็นว่าเดินกันเซเชียวค่ะ แต่ดิฉันลุ้นกลัวว่าแท้งจะบุบ นิสัย...



จากที่ดิฉันได้เล่าเรื่องราวสะยาวนานนี้ก็มาจากใจค่ะเพราะได้ไปกับ อ.เจน และเข้าใจในความเสียสละ และความยากลำบากของ อ.เจน และคุณรุ้งแล้วเข้าใจมากว่า ทั้งสองท่านนี้ไม่ย่อท้อและตั้งมั่นจริง ๆ ค่ะ
สุดท้าย ท้ายที่สุดนี้ดิฉันขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านผู้มีจิตศรัทธา ท่านผู้บริจาค ที่สนับสนุนงานบุญของอ.เจน ทุกบุญ ด้วยเชื่อมั่นในบุญเป็นอย่างยิ่งค่ะ




เรื่องที่สองที่ต้องเล่า



สิ่งมหัศจรรย์......อ.เจน ได้พบ ณ สถานที่แห่งพุทธภูมิ
ตามที่ดิฉันได้รายงานเป็นเรื่องเล่าให้ทุกท่านได้รับทราบไปแล้ว เมื่อวันเสาร์-อาทิตย์  (7-8 มิ.ย.57) ที่ผ่านมา โดย อ.เจน คุณรุ้ง และทีมงานเริ่มเดินทางกันตั้งแต่เช้าวันเสาร์ ตี 4 เดินทางกลับวันอาทิตย์ตี 1 โดยประมาณ กลับมาจัดข้าวของขนย้ายจันทร์เย็น วันอังคาร อ.เจน คุณรุ้ง และทีมงานทุกท่านได้เสียสละเวลาส่วนตัวในช่วงวันธรรมดาที่ไม่ใช่วันหยุดไปกันอีกแล้วไม่ได้พักผ่อนกันหรอกค่ะ และหากท่านได้เดินทางไปก็จะได้รู้เองว่า ระยะทางระหว่างกรุงเทพฯ-เพชรบูรณ์ไม่ใช่กรุงเทพฯ-ฝั่งธนบุรี นะค่ะ มันไกลมากค่ะ การเดินทางแต่ละครั้งไม่ใช่สนุกพวกเรานั่งกันจนก้นกบด้านกันเลยทีเดียวเชียวค่ะแต่ระดับ อ.เจน แล้ว กิจกรรมที่ อ.เจน ตั้งใจกระทำเพื่อบุญไม่ได้ทำอะไรแบบขอไปทีหรือทำงานเฉพาะหน้าให้เสร็จๆ ลวก ๆ กันไป ไม่ค่ะ อาจารย์ไม่ทำอย่างนั้นค่ะ  แต่การเดินทางครั้งนี้ไปเพื่อควบคุมดูแลในการเตรียมความพร้อมของสถานที่ ไม่ว่าจะเป็น น้ำ ไฟเต้นท์กันความร้อน พัดลมทำความเย็น อะไรต่อมิอะไรจิปาถะ สำหรับการเททองหล่อพระประธานในวันที่ 22 มิ.ย.57 ที่จะถึงนี้ค่ะ
ดิฉันมีเรื่องตื่นเต้นที่อยากจะเล่าลือเป็นอย่างมากค่ะ อยากให้ทุกท่านได้รับรู้เอาไว้เป็นพื้นฐานย่อย ๆ เกี่ยวกับสิ่งมหัศจรรย์ที่นับวันก็จะยิ่งปรากฏขึ้นทุกวันค่ะเรื่องมีอยู่ว่า



1. ครั้งแรกที่ อ.เจน และ คุณรุ้ง ได้เหยียบย่างมาที่ดินแดนแห่งนี้จึงรู้ได้ว่า ที่นี่ เป็นมิติทับซ้อนระหว่างโลกมนุษย์และสวรรค์ที่อยู่ใกล้กันแค่เอื้อม ในอดีตชาติหนึ่ง อ.เจน และทีมงานติดตามหลายคนได้เคยเป็นเทวดานางฟ้าอยู่ในดินแดนสรวงสวรรค์แห่งนี้แต่อยู่ตามระดับลดหลั่นกันไปแต่ละชั้นวิมานของตน และอีกภพชาติหนึ่ง อ.เจนเป็นพระธุดงค์มาโปรดสัตว์โลก ซึ่งเดินทางมาพร้อมกับพระเพื่อนรวม 4 รูป ต่อมา อ.เจน ได้มรณภาพและถูกเผาด้วยกองฟอน ณ สถานที่แห่งนี้  โดยในภพชาตินั้น คุณรุ้งเป็นเจ้าเมืองที่ได้รับมอบหมายให้มาปกครองสถานที่แห่งนี้ อ.เจน บอกว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องบังเอิญค่ะ



2. เมื่อวันทำพิธีบวงสรวงเล็ก ๆ พื่อบอกกล่าวต่อเจ้าที่เจ้าทางรวมทั้งบอกกล่าวต่อพระแม่ธรณี และเหล่าเทวดา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ณ สถานที่แห่งนี้ท่านเจ้าที่ก็มาปรากฏให้เห็น ด้วยชุดชีปะขาว โจงกระเบน สร้อยปะคำสีดำเม็ดใหญ่มากผมเกล้ามวยสีขาว ท่านมีเมตตามากที่ได้รู้ว่า อ.เจน มีจุดประสงค์จะสร้างสถานที่ปฏิบัติธรรมรวมทั้งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างมาแส้ซ้องสรรเสริญ จำได้ว่า วันนั้นช่างมหัศจรรย์มากดิฉันเล่ากี่ครั้งก็ยังตื่นเต้นอยู่ดีค่ะเพราะได้เห็นมากับสายตาตนเองและผู้อื่นก็เห็นตามที่ได้เล่าไปแล้วนั้นแหละค่ะ



3. ที่นี่มีอะไรบ้าง เป็นมิติทับซ้อนของสวรรค์ มีประตูสวรรค์และมีดินแดนลับแลอยู่บนภูเขา อ.เจน บอกว่า สถานที่แห่งนี้เป็นดินแดนใกล้สวรรค์มากดังนั้น การปฏิบัติธรรม การทำความดีใดเหล่าเทวดาทั้งหลายต่างก็ได้มาแส้ซ้องสรรเสริญและมาร่วมอนุโมทนาบุญด้วยทุกครั้ง สิ่งศักดิ์สิทธิ์และเหล่าเทวดาทั้งหลายก็จะไปบอกต่อๆ กันไปว่า ให้มาอนุโมทนาพวกมนุษย์ที่ทำความดีและเหล่าเทวดาก็จะมารักใคร่ปกปักรักษาเราค่ะ ดีใจมั้ยค่ะ ทุก ๆ ท่านและท่านที่ได้ร่วมบริจาคทั้งหลายมีหรือที่เหล่าเทวดานางฟ้าจะไม่มาอนุโมทนาบุญกับทุกท่านอ.เจน บอกยังบอกอีกว่า เทวดาท่านทำบุญไม่ได้แต่ท่านจะได้บุญจากมนุษย์ด้วยการอนุโมทนาบุญท่านต้องการบุญจากมนุษย์ด้วยเช่นกันค่ะ



4. เรื่องเหลือเชื่อสิ่งสุดท้ายที่น่าอัศจรรย์ใจเป็นอย่างมากน่าตื่นเต้น น่าทึ่ง และน่าพึงพอใจว่าสถานที่แห่งนี้ไม่ผิดแล้วที่ อ.เจน ได้มาพบเจอค่ะ เรื่องนี้มีอยู่ว่า อ.เจนได้พบผู้หญิงที่สวยงามมากราวกับนางอัปสรบนสวรรค์ จากการเปิดมิติทับซ้อนนี้ อ.เจนได้พบเห็นหญิงสาวนางนี้เธอกำลังนั่งทอผ้าสีทองผืนใหญ่ อ.เจนได้ใช้จิตคุยกับเธอผู้นี้ว่าเรามาดี เรามาเพื่อสร้างสถานที่ปฏิบัติธรรมแต่เราไม่มีเงินเหลือแล้ว เพราะเงินที่ได้จากการรับบริจาคก็ได้ใช้จ่ายไปกับการซื้อที่ดินการถมที่ดิน และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ อีกมากที่ต้องใช้จ่ายอีกมาก ขอให้ท่านได้รับรู้และขอให้ท่านรับทราบในความตั้งใจจริงของข้าพเจ้าด้วยหญิงสาวคนนี้ก็หยุดชะงักนิดหนึ่งและหันหน้ามายิ้มให้และหันกลับไปทอผ้าผืนนั้นต่อไปไม่สนใจอ.เจน อีกต่อไป ซึ่งเรื่องนี้ อ.เจน ตื่นเต้นมาก แต่ก็ยังคงข้องใจมากว่าทำไมหญิงคนนี้ไม่พูดอะไร แต่สีหน้าพึงพอใจมาก
ต่อมาอ.เจน ได้มองไปที่ภูเขาลูกเดิมที่ได้เคยเห็นหญิงผู้นี้มาครั้งหนึ่งแล้วด้วยสมาธิก็ปรากฏ เห็นภาพหญิงสาวผู้นี้อีกครั้งหนึ่ง น่าอัศจรรย์มั้ยค่ะ แต่ครั้งนี้ชัดเจนกว่าเดิมเธอก็ยังคงทอผ้าผืนเดิมเป็นผ้าผืนใหญ่สีทอง หญิงสาวผู้นี้ใส่ผ้าแถบสีดำกล้าผมมวยจันทร์สูง ปักด้วยปิ่นเงิน เครื่องประดับเป็นเงินทั้งหมดตัดกับผ้าสีดำค่ะ เมื่อพบเธอผู้นี้อีกครั้ง จึงใช้จิตคุยกับเธอผู้นี้อีกครั้ง ว่าเรามาเพื่อสร้างสถานที่ปฏิบัติธรรม ในวันอาทิตย์ที่ 22 มิ.ย.57 นี้เราจะนำพาผู้คนมาร่วมกันเททองหล่อพระประธานณ สถานที่แห่งนี้ขอให้ท่านมาร่วมอนุโมทนาบุญกับพวกเราด้วย ทันใดนั้นหญิงผู้นี้ได้รับทราบและยินดีในบุญใหญ่ครั้งนี้มาก ทำให้เธอหยุดชะงักจากการทอผ้าและหันมายิ้มให้ อ.เจน อีกครั้งค่ะ  อ้อลืมไปค่ะ อ.เจน บอกว่าหญิงสาวที่นั่งทอผ้าไม่ทอผ้าเปล่าเธออธิษฐานตลอดเวลา ว่า “ผ้าผืนนี้ทอเพื่อถวายแด่พระศรีอาริยะเมตไตรย”เธอพร่ำอธิษฐานตลอดเวลา อ.เจน ได้ยินอย่างนั้นจริงๆ ผู้หญิงคนนี้สายตาไม่เคยละจากผ้าที่เธอบรรจงทอเลยแม้แต่น้อยแต่เมื่อได้ยินเสียงคำพูดที่ อ.เจน กล่าวว่า จะทำการเททองหล่อพระประธาน เท่านั้นแหละค่ะที่เธอหยุดและละสายตาจากผ้าผืนที่ทอ โดยหันมามอง อ.เจน และยิ้มให้ค่ะ
อ.เจนกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ผู้หญิงคนนี้อาศัยอยู่ในเมืองโบราณเป็นมิติทิพย์บังอยู่ที่นั่นเป็นสถานที่ที่กษัตริย์หรือคนที่มียศสูงศักดิ์อาศัยอยู่ด้วยโดยมีผู้คนมากราบไหว้ด้วย นอกจากนี้ยังมีเมืองลับแลอีกด้วยค่ะ






อ.เจนไม่เคยรู้ประวัติของหญิงผู้นี้มาก่อนค่ะ แต่ในญาณวิถีของอ.เจน รู้ด้วยว่า เธอเป็นผู้ถูกสาบจะหยุดคำอธิษฐานนี้ไม่ได้เป็นอันขาดแต่ด้วยเสียงของ อ.เจน ดังไปถึงเธอ ๆ เป็นผู้ศรัทธาในบุญเมื่อได้ยินจึงดีใจหันมามอง และหยุดการอธิษฐานและหยุดทอผ้า เมื่อ อ.เจนมาเล่าให้ฟัง คุณรุ้ง บอกว่าได้เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนตั้งแต่เด็กแต่จำไม่ได้  จึงทึ่งว่า อ.เจน ได้เห็นและเล่าเรื่องที่คุณรุ้ง ได้รับรุ้มาแต่เด็กว่า มีอยู่จริง ตามที่เขาเล่าขานกันมา แต่ อ.เจนไม่รู้จักและไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน เมื่อหารือกันแล้ว ทุกคนต่างก็ไปหาข้อมูลกับพี่กูลเกิ้ลจึงได้รู้ว่า มีเรื่องอย่างนี้อยู่จริงค่ะ เป็นประวัติที่เหลือเชื่อที่มีอยู่แล้วแต่ อ.เจน ไม่รู้มาก่อน และที่น่ามหัศจรรย์มากที่สุดก็คือ อ.เจนได้เห็นรูปร่างหน้าตาของเธอว่าสวยงามขนาดใด แต่พี่กูลเกิ้ล เป็นแค่ประวัติที่เล่าขานต่อกันมาค่ะ ตามประวัติเป็นดังนี้ค่ะ



ตำนานนางพระจันทร์
ครั้งนั้นมีอสูรตนหนึ่งชื่อ”ท้าวกกขนาก”ซึ่งเป็นเพื่อนกับปู่เจ้าเขาเขียวยักษ์ตนนี้ตั้งตนเป็นใหญ่เที่ยวไล่จับมนุษย์กินเป็นอาหารร้อนถึงพระรามต้องลงมาปราบ พระองค์ทรงใช้เขากระต่ายมาทำเป็นคันศรใช้หนวดเต่ามาขึงเป็นสายและใช้หญ้าปล้องทำเป็นลูกศรแผลงไปฆ่าท้าวกกขนากฤทธิ์ศรทำให้พญายักษ์กระเด็นจากกรุงลงกาในชมพูทวีปมาตกบริเวณเขาวงพระจันทร์จังหวัดลพบุรี แต่ยักษ์ตนนี้ยังไม่ตายเพียงแต่สลบไปเพราะฤทธิ์ศรของพระรามเท่านั้นพระรามจึงทรงสาปให้ศรดังกล่าวปักอกตรึงยักษ์ตรงนี้ไว้บนยอดเขาชั่วกัลป์จะได้ไม่ไปทำอันตรายใครๆ ได้ อีก ศรที่ปักอกท้าวกกขนากนั้นจะคลายความแน่นลงทุกๆสามปี และถ้าปล่อยให้ลูกศรหลุดจากอกได้เมื่อท้าวกกขนากก็จะกลับฟื้นคืนชีวิตลุกขึ้นมาจับคนกินหมดทั้งเมือง นอกจากนี้ยังทรงสาปต่ออีกว่าเมื่อใดที่บุตรีของท้าวกกขนากซึ่งมีนามว่านางนงประจันต์ หรือนางพระจันทร์ นำใยบัวมาทอเป็นจีวรจนสำเร็จเป็นผืน เพื่อนำไปถวายแด่พระศรีอาริยะเมตไตรยที่จะทรงเสด็จมาตรัสรู้ในกาลข้างหน้า ท้าวกกขนากจึงจะพ้นคำสาปดังนั้นบุตรสาวของงท้าวกกขนาก จึงต้องอยู่คอยปรนนิบัติดูแลพระบิดาและพยายามทอจีวรด้วยใยบัว เพื่อให้เสร็จทันถวายพระศรีอาริยะเมตไตรยที่เสด็จมาตรัสรู้ในอนาคตกาล

***สิ่งที่ทุกท่านไม่รู้ก็คือ เสียงของคนมีญาณวิถีถ้าได้กล่าวสิ่งใดไปก็จะดังไปถึง 3 โลก คือ มนุษย์โลกนรกภูมิ และ สวรรค์  และเสียงของ อ.เจนสามารถบอกกล่าวในเรื่องของบุญให้ทั้ง 3 โลกรับรู้ได้ทำให้บุญที่เราได้ทำจะย่นย่อภพชาติลง เปรียบเสมือนการเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปจ.เชียงใหม่ แทนที่จะต้องใช้เวลาเดินทางไปหลายชั่วโมงก็จะย่นย่อเวลาให้สั้นลงได้ค่ะ



การเททองหล่อพระประธานเป็นองค์ปฐม ที่กล่าวมาแล้วนี้เป็นพิธีเททองหล่อพระประธานที่อ.เจน จะจัดขึ้นนี้ต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน ที่ไม่เหมือนใครก็คือที่สถานที่แห่งนี้ทำการหล่อพระประธานเป็นครั้งแรก เป็นการเบิกฤกษ์เป็นองค์ปฐมองค์แรกของสำนักปฏิบัติธรรมวิปัสสนาญาณที่ยังไม่เคยทำพิธีดังกล่าวมาก่อนที่นี่เป็นแห่งแรกค่ะแล้วคุณจะได้มหากุศลขนาดใดก็ลองคิดดูซิค่ะ  แต่ทุกท่านที่ได้ไปร่วมงานเททองหล่อพระซึ่งบางท่านอาจจะไปมามากแต่ดิฉันเชื่อว่าที่วัดหรือสถานที่แห่งนั้นได้เคยทำการเททองหล่อพระมาแล้วเป็นแน่องค์ที่ท่านหล่อนั้นคงจะเป็นองค์ที่ 2 หรือ 3 หรือ 4 นั่นก็แล้วแต่ทางวัดจะจัดพิธีหล่อพระที่อาจจะเป็นกิจกรรมของทางวัดเพิ่มเติมก็อาจเป็นได้ค่ะ แต่สำหรับงานบุญของ อ.เจนจะไม่ทำอะไรที่ซ้ำซ้อน ทุกอย่างจะมีเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ค่ะ ดังนั้นแม้แต่ข้าวของบริจาคที่ อ.เจน เห็นว่าเพียงพอแล้ว ก็จะไม่ขอรับบริจาคเพิ่มเติมอีกเพราะจะทำให้มีข้าวของเหลือใช้ล้นเหลือมากจนเกินไปเกินต่อความจำเป็นต้องใช้ค่ะอ.เจน บอกว่า ตามสถานที่ต่าง ๆ มีข้าวของมากเกินไปเห็นแล้วก็เสียดายค่ะ



เรื่องที่เล่ามานี้ก็เท่านี้แหละค่ะเอาไว้ท่านมาร่วมงานเททองหล่อพระก็จะได้มาพบเห็นสถานที่จริงและยิ่งท่านได้มานั่งสมาธิปฏิบัติธรรมณสถานที่ที่ใกล้ชิดกับมิติสวรรค์อย่างนี้ดิฉันก็ไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไรถึงจะถูกค่ะ  อย่าลืมนะค่ะหากท่านได้มีโอกาสมาปฏิบัติธรรมร่วมกันท่านอาจจะเป็นบุคคลหนึ่งที่ได้เห็นสิ่งที่ดิฉันเล่ามานี้ก็ได้ค่ะ
เรื่องของพระมหาจำเนียรข้างวัดบางพลัด ดิฉันขอเล่าเรื่องของท่านเป็นวิทยาทาน ให้ท่านผู้อ่านได้รู้ว่าบุญบาปมีจริง เป็นการแถมท้ายรายการสักหน่อยนะค่ะ
เรื่องมีอยู่ว่าพระมหาจำเนียรท่านนี้ เพิ่งมรณภาพไปไม่นานมานี้ประมาณต้นเดือนเมษายน 2557 ที่ผ่านมานี้ ดิฉันพบท่านบ่อยค่ะ เพราะทุกครั้งที่มาบ้าน อ.เจนแต่เช้าก็มักจะใส่บาตรกับท่านเป็นประจำเพราะท่านจะมีเก้าอี้นั่งรับบาตรอยู่ในตลาดค่ะและท่านจะให้พรนานมากค่ะ จึงจำได้ดีและก่อนหน้าที่จะถึงช่วงเทศกาลสงกรานต์ท่านมาบอกกับแม่ตี้ว่า ถ้าที่บ้านทำบุญบังสุกุลครอบครัวอย่าลืมนิมนต์ท่านนะท่านประสงค์จะมาบ้านอ.เจน  แต่พอใกล้ถึงวันงานทำบุญจริงๆ เข้าปรากฏว่า ท่านได้มรณะภาพที่วัดแถวจังหวัดสระบุรี หรือสุพรรณบุรีก็จำไม่ค่อยได้ค่ะ  จึงไม่ได้มางานทำบุญบ้านอ.เจน แบบมีชีวิต แต่ท่านก็มาตามคำพูดท่านมารอรับบุญที่หน้าบ้าน อ.เจนค่ะท่านมาแต่เข้าบ้านไม่ได้ท่านเป็นพระสงฆ์นะค่ะแต่ทำไมท่านจึงต้องมารอรับบุญแปลกใจอะไรมั้ยค่ะ
ต่อจากนั้นมาก็ประมาณต้นเดือนมิถุนายนนี้ก่อนที่ อ.เจน คุณรุ้ง จะเดินทางไปเพชรบูรณ์วันที่ 7 มิ.ย.57 เพียง 1 วันเท่านั้นคุณรุ้ง นิมิตฝันไปว่า ท่านมายืนอยู่ที่เกาะกลางถนน ท่านเรียกโยมรุ่ง ๆ ๆ(บางครั้งท่านก็เรียกโยมทนาย ซึ่งจริงค่ะท่านเรียกอย่างนั้นจริงๆ)  แต่ครั้งนี้ท่านเรียกว่าโยมรุ่ง  เมื่อได้ยินเสียงเรียก คุณรุ้ง ก็หันไปตามเสียงเรียกของท่านซึ่ง คุณรุ้ง จำได้แม่นยำว่าเป็นพระมหาจำเนียร ก็จึงเดินเข้าไปหาท่านแต่ก็มีเสียงดังมาว่า อย่าเข้าไปใกล้ท่านมาก เพราะนั่นเป็นอีกมิติหนึ่ง คุณรุ้งจึงหยุด และพระท่าน จึงพูดว่า โยมรุ่งเห็นโยมทำบุญมามากมายยังไงก็ช่วยอุทิศบุญให้อาตมาบ้างนะ  นี่คือข้อคิดที่ว่า แม้แต่พระท่านยังต้องการบุญก็แสดงว่า ท่านคงไม่ได้ไปอยู่ในภพภูมิที่ดีเป็นแน่ จึงต้องการบุญค่ะ คุณรุ้งบอกว่า ท่านกำลังลำบากอยู่ในนรก
ท่านผู้บริจาคทั้งหลายท่านจะเอาอะไรไปได้นอกจากบุญค่ะ  ถ้าทุกคนช่วยกันสละทรัพย์คนละเล็กคนละน้อยเพียงจำนวนเงิน 20 – 50 – 100 บาท หรือแล้วแต่กำลังศรัทธาของทุกท่านท่านก็ได้แล้วค่ะ  และตามที่ ขณะนี้ได้มีโครงการสร้างห้องน้ำที่ได้ตั้งจำนวนเงินไว้ห้องละ 50,000 บาทนั้น ไม่ใช่ราคาที่แท้จริงนะค่ะเพราะราคาที่แท้จริงของห้องน้ำที่ช่างเขาตีราคาที่จริงแล้ว ช่างรายที่หนึ่ง ตีราคาห้องละ 120,000 บาท ช่างรายที่สอง ตีราคา ห้องละ 130,000 บาท แต่ อ.เจน และคุณรุ้ง เห็นว่าตั้งราคาห้องไว้ครึ่งหนึ่งก็ด้วยเหตุผลที่ว่าท่านผู้บริจาคก็ช่วยเหลือมาเต็มกำลังแล้วดังนั้นการสร้างห้องน้ำจึงต้องค่อยเป็นค่อยไปค่ะ  แต่หากท่านผู้อ่านที่มีกำลังทรัพย์มากช่วยกันระกำลังสนับสนุนให้ได้ห้องน้ำครบตามจำนวนที่กำหนดได้เร็ววันก็จะเป็นการดีค่ะและก็ขออนุโมทนาบุญด้วยค่ะ เพราะท่านจะมีส่วนช่วยให้ อ.เจน ได้นำพาคนไปปฏบัติธรรมณ สถานที่แห่งพุทธภูมิโดยเร็ววันยิ่งขึ้น



ห้องน้ำสำคัญมากค่ะขอมีเพียงห้องน้ำ เราก็สามารถกางเต้นท์นอน และปฏิบัติธรรมกันได้แล้วค่ะขอให้เชื่อค่ะบุญมีจริงค่ะ




เรื่องที่ดิน เล่าเรื่องตอนที่ 3
ที่ดิน 12 มิถุนายน 2557
มีเรื่องเล่าต่อและเป็นเรื่องที่ต้องร้องขอ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกท่านคงเข้าใจเปรียบเสมือนว่าเราซื้อที่ดินมาแปลงหนึ่งเพื่อสร้างบ้าน ก่อนสร้างบ้านเราก็ต้องปรับพื้นที่ดินเราต้องใช้สิ่งต่าง ๆ เพื่อทำการก่อสร้างบ้านหลังหนึ่งขึ้นมาแต่บ้านหลังนี้เป็นบ้านหลังใหญ่ เป็นบ้านที่คอยต้อนรับแขกผู้มาเยือนและแขกผู้มาเยือนก็ต้องสุขสบายใจเมื่อได้เข้ามาพำนักพักพิงในบ้านหลังนี้ ค่ะ
เมื่อวันพฤหัสบดีที่12 มิถุนายน 2557   อ.เจน คุณรุ้งและทีมงานที่ไปช่วยกันจัดเตรียมงานเททองหล่อพระประธาน ซึ่งคณะทำงานเดินทางไปกันตั้งแต่วันอังคารจนถึงวันนี้ก็ยังไม่ได้กลับมากรุงเทพฯ คาดว่าจะกลับวันเสาร์ หรืออาทิตย์ก็เป็นได้ค่ะ แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือ เมื่อได้อยู่ในสถานที่แห่งนั้น
ส่วนมากเวลาที่อ.เจน  และ คุณรุ้ง ไปตรวจดูการทำงานที่หน้างานก็ต้องเดินไปและเดินกลับมา เดี๋ยวก็ต้องเดินไปอีกแล้ว ถ้าแดดร่มลมเย็นก็ไม่เท่าไหร่แต่ถ้าแดดร้อน เปรี้ยง  เปรี้ยง ต้องเดินกันตาหยีเหงื่อตก เสื้อเปียกเหงื่อ ขอบอกว่าเหนียวตัวมาก ๆ ค่ะ
เมื่อเป็นเช่นนี้คุณรุ้ง จึงนำรถจักรยาน (สีชมพู) ที่มีผู้บริจาคนำมามอบให้ ซึ่งมีเพียง 1 คัน ไปใช้งานที่สำนักปฏิบัติธรรมฯ นี้แหละค่ะ เพราะว่า ระยะทางระหว่างหน้างานที่เขาขุดตักดินกับกระต๊อบที่พักมันไกลกันมากประมาณ 20 ไร่ค่ะ เรื่องนี้ดิฉันขอเม้า
พื้นถนนหนทางเป็นดินสีแดงและดินสีดำ ดินที่นี่เป็นดินดีสีดำ ที่นี่เขาใช้ปลูกข้าวโพด และถ้าพื้นดินแฉะเพราะฝนตกพวกเราก็จะเดินกันไปมาแบบว่ารองเท้าหนาเป็นศอกแต่ถ้าเหยียบลงไปแต่ละก้าวนานนานเข้า เราก็เดินกันขาถ่างเหมือนหุ่นยนต์กันเชียวค่ะแต่ที่นี่ฝนตกทุกวัน ดังนั้น ดินที่ยังไม่ลาดยางหรือลาดปูนซีเมนต์ หากฝนเกิดตกขึ้นมาก็ไม่ต้องคิดอะไรกันมากค่ะถนนจะลื่นเพราะหน้าดินลื่นและเละค่ะ



ปัญหา ก็คือ
-             พื้นถนนที่ดินเปียกแฉะ รถจักรยานขับไม่ได้เพราะพื้นดินลื่นไถลไม่สามารถขับไปได้
-              รถบรรทุกขนดิน รถขุดดิน ก็ยังคงทำงานอยู่ที่ด้านหน้าของที่ดินและขนย้ายไปไว้ที่ด้านหลังของที่ดินซึ่งก็ต้องวิ่งไปดูงานที่ด้านหลังด้วยค่ะ
-              ช่างรับทำป้ายชื่อสำนักปฏิบัติธรรมฯ ก็เริ่มมาวัดพื้นที่เพื่อเตรียมการก่อสร้างกำแพงป้ายชื่อที่จะเริ่มดำเนินการในส่วนด้านหน้าทางเข้าของที่ดิน ระยะห่างจากกระต๊อบที่พักประมาณ20 ไร่ ทำให้การเดินไปตรวจงานก็ต้องเดินไปและเดินกลับวันละหลายรอบค่ะ
-              การต่อน้ำประปาใช้ในสำนักฯ  น้ำประปาที่นี่ค่อนข้างใช้ลำบากสักหน่อย เพราะเป็นน้ำบาดาลใช้ล้างอาหารการกินไม่ได้ค่ะ หากกักเก็บน้ำไว้ในถังเก็บน้ำก็จะเห็นรอยคราบน้ำเป็นด่างฝ้าสีขาวเลยค่ะ  ชาวบ้านแถวนี้เขาใช้น้ำที่เรียกว่าน้ำประปาแต่เป็นน้ำประปาของหมู่บ้านที่เป็นน้ำบาดาลที่อยู่ในชั้นหิน(ที่นี่หินมากมายก่ายกอง) สีของน้ำจึงขุ่นข้นไม่สะอาดมากนัก แต่ชาวบ้านเขาใช้กันชนเคยชินแล้วเป็นเรื่องปกติค่ะ



ตามที่ดิฉันเล่าให้ฟังตั้งแต่แรกว่าอาหารที่นี่เขาขายให้เราค่อนข้างแพงมาก อ.เจน จึงได้นำเครื่องครัวมาทำอาหารกินกันเองจะได้ประหยัดค่าใช้จ่ายเพราะอยู่กันหลายคนเพื่อจะได้ทุ่นเงินเพราะเงินที่เรากินใช้กันอยู่นี้เป็นเงินค่าใช้จ่ายส่วนตัวของทุกคนแต่ละคนแชร์ ๆ กันค่ะ แต่ส่วนมาก อ.เจน กับ คุณรุ้ง จะออกค่าใช้จ่ายเสียเป็นส่วนใหญ่เพราะเป็นผู้ก่อตั้งโครงการฯ ก็เกรงใจลูกศิษย์ที่เสียสละเวลามาช่วยกันค่ะ  แต่ไม่เฉพาะเท่านั้น อ.เจน กับคุณรุ้งก็เห็นช่างที่มารับจ้างหลายคนเป็นชาวบ้านตาดำๆเมื่อทำอาหารกินกันเองในหมู่คณะก็อดที่จะเมตตาสงสารพวกช่างเหล่านั้นไม่ได้เพราะเขาไม่มีรถที่จะไปหาซื้ออาหารที่ไหนบางคนก็ห่อข้าวมากิน บางคนก็ไม่มีกิน อ.เจน กับ คุณรุ้งจึงได้ทำอาหารเผื่อแผ่และแบ่งปันให้กับคนงานที่นั่นด้วยค่ะ  ดิฉันก็ขออนุโมทนาบุญกับอาจารย์ทั้งสองด้วยค่ะ  ที่ดิฉันพูดมานี้ก็อยากจะให้เห็นเป็นตัวอย่างที่ดีค่ะอาจารย์บอกว่าอยู่ที่ไหนก็ได้แต่เราจะไม่ห่างจากบุญ การทำทานก็ได้บุญค่ะ อาหารการกินและน้ำดื่มช่างไม่อดอยากค่ะแต่อาจารย์ไปตรวจงานหรือไปด้านหลังของที่ดินระยะทางไกลมากเวลาหิวน้ำก็อดเอา เพราะด้วยระยะทางไกลแสนไกลเวลาหิวน้ำก็ไม่คิดจะเดินกลับไปกินน้ำที่กระต๊อบอย่างแน่นอนค่ะเพราะกว่าจะเดินกลับมาอีกก็เหนื่อยมากค่ะ อาจารย์และทุกคนเวลาไปทำงานในที่ไกล ๆ จากกระต๊อบถ้าไม่มีน้ำดื่มกินก็คิดเหมือนกันว่าแม้จะหิวยังไงก็ไม่กลับไปกินเพราะมันไกลมากค่ะ จะแบกน้ำขึ้นไปก็ไม่ได้เพราะเวลาเดินขึ้นไปที่เนินเขาก็ต้องถือ มีดพร้า เสียม จอบ ติดมือไปด้วย อีกมือก็ต้องถืออย่างอื่นไปด้วย ถ้าจะมาแบกกระติกน้ำก็ไม่เข้าเรื่องดังนั้น ก็ต้องกินน้ำไปให้อิ่มเสียก่อน แต่พอเสียเหงื่อจริง ๆ ก็หิวน้ำจนได้ทุกทีไปค่ะ


มีเสียงเทพหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ มาบอกกล่าว คุณรุ้ง เล่าว่า อ.เจน และคุณรุ้ง ก็ต้องคิดวางแผนทุกวันว่าวันพรุ่งนี้จะต้องทำอะไรบ้าง เพราะการลงทุนไปอยู่ที่สถานที่แห่งนั้นมีทั้งค่าใช้จ่ายของตนเอง และผู้อื่นที่ต้องประหยัดและทำสิ่งใดก็ต้องให้เกิดประโยชน์มากที่สุด ดังนั้นจึงได้วางแผนต่าง ๆ มันก็อยู่ในสมองแม้ยามหลับและยามตื่นจนเกิดการตึงเครียดทั้งร่างกายและจิตใจ นอนก็นอนตาไม่หลับสนิทเป็นอยู่อย่างนี้ทุกวัน เป็นมาก่อนการเดินทางไปสถานที่นั้นแล้วค่ะและแล้วคืนวันพุธที่ 11 มิถุนายน 2557 ก็มีเสียงผู้ชายน่าจะเป็นเสียงของเทพหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านเห็นใจอาจารย์ เพราะทั้งคู่ได้ยินเสียง  พูดสั่งสอนว่า   “ให้เอาแบบอย่างของแม่ชีบุญเรือนสิขอให้ปล่อยวาง คิดให้เป็นวันต่อวัน คิดปัจจุบันให้เหมือนแม่ชีบุญเรือน”



คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติมเคยเล่าถึงเหตุการณ์ตอนที่ท่านจะบรรลุธรรมไว้กับพระรูปหนึ่ง (หลวงตาสุวรรณ)อันมีนัยยะอันสำคัญตอนหนึ่งว่า “ตั้งใจจะขอปฎิบัติธรรมให้สำเร็จอยู่ที่ศาลาวัดสัมพันธวงศ์ เป็นเวลา 90วัน โดยถือศีล 8 บวชเป็นชี นั่งสวดมนต์ภาวนาเจริญวิปัสสนาตามแนวทางของท่านเจ้าคุณพระมหารัชชมังคลาจารย์เจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศ์ (ในสมัยนั้น) การปฏิบัติธรรมดำเนินไปจนล่วงเข้าวันที่ 89ก็ยังไม่สำเร็จธรรมหรือเห็นธรรมแต่ประการใดจึงคิดท้อใจกลับบ้านที่บ้านพักตำรวจปทุมวัน
ได้พบกับสิบตำรวจโทจ้อย ผู้เป็นสามีซึ่งได้ทักมาว่า “กลับมาแล้วหรือ ?เมื่อกลับมาแล้วก็อยู่บ้านเถิด...”  
คุณแม่บุญเรือนจึงว่า “เมื่อจะให้อยู่บ้านก็ขอให้โยมจ้อยถือศีล 8 เลิกยุ่งเกี่ยวฉันสามีภรรยาจะได้ไหม ?”สิบตำรวจโทจ้อยก็รับคำ จากนั้นสิบตำรวจโทจ้อยก็ขอตัวออกไปปฏิบัติหน้าที่ราชการ ที่บ้านคงเหลือแต่โยมมารดาของคุณแม่บุญเรือนและหลานๆ 2-3 คน คุณแม่บุญเรือนจึงอาบน้ำ นุ่งขาวห่มขาวเตรียมตัวไหว้พระสวดมนต์ ขณะนั้นเป็นเวลาประมาณ 21.00 นาฬิกาเดือน 6 ขึ้น 14 ค่ำ ปี พ.ศ. 2470
จากนั้นคุณแม่บุญเรือนก็ได้แลเห็นโยมมารดาและหลานๆ นอนหลับกันหมดแล้ว โยมมารดานั้นมีอาการกรนส่วนหลานๆ ก็มีอาการละเมอบ่นพึมพำ และกัดฟันกรอดๆรู้สึกเกิดธรรมสังเวชเบื่อหน่ายต่อสภาพอย่างนั้นขึ้นมาในขณะนั้นทีเดียวว่า “เออ.....สังขารร่างกายนี้ถึงแม้จะหลับใหลไปแล้ว แต่ก็ยังมีเวทนาผุดซ้อนขึ้นมาอีกนะนี่...”
ท่านจึงคิดอยากหลีกหนีเสียชั่วคราว ครั้นแล้วคุณแม่บุญเรือนก็ได้นั่งสมาธิกรรมฐานในห้องพระ จนกระทั่งถึงเวลาประมาณตี 2 ก็มีอาการแน่นหน้าอก อึดอัดหายใจไม่ออก คล้ายกำลังจะตาย จึงตั้งสติว่า “ถ้าจะตายก็ขอให้ตายในตอนนี้เถิดจะได้หมดเวรหมดกรรม ธรรมก็ยังไม่ได้บรรลุเลย” น่าอัศจรรย์ใจยิ่งนักเมื่อคุณแม่บุญเรือนคิดดังนี้เท่านั้น อาการทุกขเวทนาทั้งปวงก็พลันหายไปสิ้นบังเกิดความสว่างขึ้นมาทั้งตัว มีความใสสว่างอย่างสุดที่จะประมาณรู้ชัดว่าตนเองบรรลุอภิญญาถึง 5 อย่าง มีพระธรรมเข้าประทับเมื่อนึกอยากรู้อยากเห็นอะไร ก็รู้แจ้งแทงตลอดสว่างไสวไปหมด และยังได้อิทธิปาฏิหาริย์อีกด้วย!”  



กรรมทันตา    ตามที่ดิฉันได้เคยเล่าว่าผู้รับเหมาดินเขาชอบมีกลโกงดิน ซึ่ง อ.เจนได้ตักเตือนเสมอว่านี่คือเงินของผู้บริจาคเราใช้ด้วยความจำเป็น เขาก็ครับและดิฉันก็ได้แกล้งพูดเรื่องกฎแห่งกรกรมหลายครั้งเขาก็รับฟังอย่างดี พูดถึงขนาดว่านี่คือเรื่องจริง บางคนเขาเก็บเงินออมใส่กระปุกและอธิษฐานว่าจะนำมาร่วมบุญกับ อ.เจน วันละ 10 –20 บาท เขาก็ทำกัน และทีมงานก็รู้ดี  จึงต้องช่วยกันควบคุมดูแลอย่างใกล้ชิด แต่เขาเป็นคนพื้นที่เราก็ไม่อยากจะมีเรื่องทำเป็นไม่รู้แต่ก็ต้องตรวจสอบการทำงานเขาตลอดเวลา วันอังคารที่ 10มิถุนายน ที่ผ่านมานี้ อ.เจน ได้อธิษฐานจิตระหว่างมอบเงินค่าจ้างขนดินของงวดวันนั้น ว่า  “ด้วยเงินจำนวนนี้เป็นเงินของผู้บริจาคทุกบาททุกสตางค์ล้วนมีคุณค่าต่อสำนักปฏิบัติธรรมวิปัสสนาญาณแห่งนี้หากผู้รับเงินนี้ไปเป็นคนดีไม่คดโกง ก็ขอให้เขาเจริญรุ่งเรืองมีแต่สิ่งดีดีเข้ามาในชีวิตแต่หากเขาได้คดโกงเงินของผู้บริจาคนี้ไปก็ขอให้รับผลกรรมในเร็ววันนี้ให้ทันตาเห็น เพื่อจะได้สำนึกถึงผลบาปกรรมที่ทำด้วยเถิด”  สิ่งที่ไม่น่าเชื่อก็เกิดขึ้นค่ะวันที่เขาได้รับเงินไป วันที่ 10 มิ.ย.57  หลังจากที่รับเงินไปในเย็นนั้นรถบรรทุก 10 ล้อ ของเขาไปเกี่ยวกับสายไฟฟ้าแรงสูงซึ่งสูงมากไม่รู้ว่าไปเกี่ยวได้อย่างไรสายไฟขาดสบั้นลงและมีแสงไฟฟ้าพวยพุ่งสะบัดตามแรงของกระแสไฟจนเกือบมาถึงตัวผู้รับเหมาคนนี้เขายืนตาค้างเกือบช๊อคต่อหน้าสายตาทุกคนรวมทั้งอ.เจน ด้วยค่ะ  และในคืนวันที่ 11 มิ.ย.57 เขาจำเป็นต้องเสียเงินถึง 2,500 บาท เป็นค่าเสาไฟฟ้า โดยติดต่อกับช่างไฟ ซึ่งช่างไฟฟ้าคนนี้ก็โกงเหมือนกันจึงนำเสาไฟฟ้าที่มีรอยร้าวมาติดตั้งให้ และคิดเงินเต็มราคา เห็นมั้ยค่ะคนโกงกับคนโกงมาเจอกันในสถานที่ปฏิบัติธรรมฯ ต่อมาวันที่ 12 มิ.ย.57  รถบรรทุกวิ่งอยู่ดี ๆก็เกิดระเบิด ผู้รับเหมาคนนี้กระโดดหนีแทบไม่ทันหวิดตายและต้องมาเสียเงินซ่อมรถอีกค่ะ กรรมแท้ ๆ






นี่เป็นข่าวอัพเดทล่าสุดค่ะ  



เรื่องที่ดิน ตอนที่ 4
ที่ดิน 13 มิถุนายน 2557



กรรมทันตา อย่างต่อเนื่องค่ะ ตามที่ดิฉันได้เคยเล่าเรื่องของว่าผู้รับเหมาตักดินเขาชอบมีกลอุบายต่าง ๆ นา ๆ ที่ทำให้ อ.เจน และคุณรุ้ง ต้องคอยสอดส่องดูแลและเดินไปๆ มา ๆ หลายเที่ยวก็ด้วยเรื่องการเล่นแร่แปรธาตุนี่แหละค่ะ อาทิเช่น การนำรถบรรทุกขนดินตักดินเสร็จครบ 12 ตักแล้วก็จริง (12 รถตักนี่ก็ต้องคอยนับกันนะค่ะ)แต่เคลื่อนรถไปได้ไม่ถึง 2 เมตร หรือช่วงระยะใกล้ ๆ ก็เทดินลงแล้วและรถไถกลบเกลี่ยทับเรียบ เท่ากับ 500 บาท/1 เที่ยว มันใช่มั้ยค่ะ ก็ตักกันอยู่แถวนั้นมันก็ไม่ใช่ก็ต้องคอยสั่งการว่าไปตรงโน้นไปตรงนี้ เผลอไม่ได้ค่ะที่กล่าวมาแล้วทั้งหมดมันเล็กน้อย
เห็นมั้ยค่ะการโกงกินไม่มีเจริญและทำกับคนที่มีศีลคนที่เขาตั้งใจมีเจตนาบุญ และที่สำคัญคนที่มีญาณเป็นผู้มีบารมีหากพูดสิ่งใดไปก็จะดังไปถึง3 โลก ซึ่ง อ.เจน มักจะพูดกับดิฉันเสมอ ๆ ว่าหนูจะไม่พูดว่าหรือผูกใจเจ็บใคร ตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว พูดอะไรไปก็จะเป็นไปตามปากแต่ครั้งนี่ต้องพูดเพราะว่า ต้องการให้เห็นว่าบาปกรรมมีจริง แต่เขาไม่ได้สำนึกเลยทำไมถึงไม่สำนึกดิฉันจะบอกให้ค่ะ



หลังจากเหตุการณ์ที่ผู้รับเหมาคนนี้ประสบเหตุเฉียดตายมาหลายวันแล้วซึ่งเป็นเวลาที่ติดต่อกันมาตั้งแต่วันที่ 10 มิ.ย.57 แต่ก็ไม่ได้สำนึกว่าเป็นเพราะตนเองทำผิดโกงคนอื่นเขา  ที่ว่าเขาไม่สำนึกก็เพราะว่า อ.เจน และคุณรุ้งได้ชักชวนลูกศิษย์ไปถวายสังฆทานกันที่วัดใกล้ ๆ เมื่อผู้รับเหมาพบเห็นว่าจะไปทำบุญกันจึงพูดขึ้นมาว่า ดีครับไปทำบุญกันบ้างก็ดีครับ เพราะเจ้าที่ที่นี่แรงเหลือเกิน นี่ผมก็เสียเงินเสียทองไปมากมีแต่เรื่อง  ซึ่งคุณรุ้ง บอกกับดิฉันว่านี่เขาจะรู้หรือเปล่านะว่าเราทำบุญตลอดไม่ได้นาน ๆ ทำที และสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขาก็ไม่ใช่เจ้าที่เจ้าทางท่านทำร้ายแต่เป็นเพราะตนเองต่างหาก



แต่เมื่อวันที่13 มิ.ย.57 ก็เป็นเหตุการณ์เสียเงินเสียทองอย่างต่อเนื่องของผู้รับเหมาขนดินคนนี้ที่จะยังมีภาคต่ออีกค่ะไม่จบง่ายก็คือ ล้อรถบรรทุก ที่ขนดิน 3 คัน วิ่งขนดินจนดอกยางล้อรถหายหมดเพราะใช้แต่รถขาดการดูแลหรือกลัวเสียเงินก็ไม่รู้ค่ะ  ที่นี้คนขับรถเขากลัวเกิดอันตรายยางล้อรถระเบิดจึงต้องขอเปลี่ยนล้อยางอีก3 คัน จำนวน 12 ล้อ ๆ ละ 7,000 บาท เสียเงินอีก 84,000 บาท นับจากวันแรก ๆ ปาเข้าไปเกือบแสนบาทแล้วกรรมจริงๆ ค่ะ

สิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านมาบอกกล่าว  ดิฉันติดตาม อ.เจน ไปงานบุญต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นส่วนตัวหรือทัวร์บุญต่างๆ จึงได้รู้ว่า เสียงที่ อ.เจน นำผู้คนทำการ ตั้งจิตจบอธิษฐาน หรือ กรวดน้ำ นั้น ณสถานที่ต่าง ๆ นั้น จะดังไป 3 โลกจริง ๆ ค่ะแม่บางครั้ง เทพเทวาและสิ่งศักดิ์ พระแม่ธรณี พระแม่คงคา พญายมราช ต่างก็มาอนุโมทนาบุญต่างก็ดีใจที่ได้รับบุญมหาบุญที่ อ.เจน ทำอย่างไม่หยุดหย่อนและอย่างที่ดิฉันเรียกว่าไม่มีวันพักผ่อนบุญแม้แต่น้อยค่ะและบางท่านก็มาบอกว่าสิ่งที่อ.เจน ทำนั้นถูกต้องแล้ว ดิฉันจำได้ว่า ครั้งหนึ่ง อ.เจน ให้ลูกศิษย์นั่งสมาธิในห้องพระและมีเสียงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านพูดว่า “บุญจากการช่วยกันสร้างสถานที่ปฏิบัติธรรมจะสามารถย่นย่อ จะสามารถตัดภพตัดชาติไปถึง 500 ชาติ และบุญที่ทำนี้เป็นมหาบุญอันยิ่งใหญ่” และยังพูดอีกว่า “ ศีล เปรียบเหมือน ดิน , สมาธิ เปรียบเหมือน ลำต้น , ปัญญาเปรียบเหมือน ดอกไม้”  

ซึ่งก็ไม่เสียหายอะไรไม่ใช่หรือค่ะถ้าเราเกิดมาเป็นมนุษย์ และเป็นมนุษย์ที่ทำความดี ดิฉันเชื่อว่า สวรรค์มีตา นรกมีตา เขาส่องจ้องมองดูเราอยู่ทุกฝีก้าว อ.เจน เคยบอกว่า เขาจะมีสมุดจดบันทึกบุญกรรมที่เราทำทุกอย่าง ถ้าตายไปแล้วไปเถียงท่าน หรือจำไม่ได้ ก็จะมีกระจกส่องกรรมปืดขึ้นมาให้เราได้เห็นกรรมของเราในบัดดลค่ะ และคุณเชื่อหรือไม่ว่า เราได้เกิดมาเป็นมนุษย์ที่ภพกี่ชาติแล้ว พระพุทธองค์ท่านเรียบว่าเป็นเหมือนเม็ดกรวดเม็ดทราย อย่างที่ อ.เจน มักจะนำจบอธิษฐานว่า เท่าเม็ดกรวดเม็ดทรายนั่นแหละค่ะ แล้วการที่เราได้ทำบุญที่ย่นย่อการเกิดดับในวัฏฏสงสารตัดภพตัดชาติให้สั้นลงแล้วไม่ดีกว่าหรือค่ะ

แม้ว่าสิ่งนั้นเรามองไม่เห็นว่าบุญที่เราททำนั้นดีอย่างไร แต่ก็ดีกว่าเป็นคนที่ใช้ชีวิตอย่างประมาทไปวัน ๆ ใช้ชีวิตอย่างไร้แก่นสาร หากท่านที่พอจะมีกำลังทรัพย์

ดิฉันก็ขอแนวร่วมของการขอรับบริจาคซึ่งสิ่งแรกที่สำคัญที่สุดที่ต้องจัดการให้สำเร็จหลังจากการเททองหล่อพระที่จะถึงนี้ก็คือการสร้างห้องน้ำให้สำเร็จ เมื่อมีห้องน้ำแล้ว เราก็เริ่มปฏิบัติธรรมกันได้แล้วโดยการกางเต้นท์พักพิงและปฏิบัติกันไปก่อน ทำแบบค่อยเป็นค่อยไปค่ะไม่จำเป็นต้องหรูหรา ไม่จำเป็นต้องสบายในการอยู่อาศัยแต่จำเป็นมากในเรื่องของห้องน้ำที่ต้องสร้างให้กับผู้ปฏิบัติค่ะ



เรื่องผี ผี ดีกว่าค่ะ   
เรื่องของคุณมิตร ทีมงานน้องใหม่ ก็ตามที่ดิฉันเล่ามาตั้งแต่ต้นเกี่ยวกับเรื่องการเข้าพักห้องพักรีสอร์ทที่จังหวัดเพชรบูรณ์ที่นั่นเขาให้นอนพักห้องละ 2 คน แต่พวกเราจำเป็นต้องประหยัดค่าใช้จ่ายค่าที่พักเพราะอยู่กันหลายวันเงินก็จำกัด จำเป็นต้องนอนอัดกันไป (5คน) ก็มี คุณมิตร คุณเป็กน้องเชน คุณเต้ย และ เฮีย พวกผู้ชายทั้งหมด นอนเตียงกันบ้างนอนพื้นกันบ้างแล้วแต่ผู้เสียสละชีพเพื่อเพื่อนค่ะ

คืนนั้นทุกคนหลับใหลกันไปแล้วด้วยความอ่อนเพลียที่ว่าเพลียก็เพราะทุกคนต้องตากแดดตากลมกันมาทั้งวันต้องนอนดึกและตื่นแต่เช้าเป็นอย่างนี้ทุกวันและคืนสุดท้ายก่อนวันกลับเพียง 1 วัน ก็เกิดเรื่องจนได้ค่ะเรื่องมีอยู่ว่าคุณมิตรเป็นทีมงานน้องใหม่ที่ยังไม่เคยพบเจอสิ่งที่เรียกว่าโลกของวิญญาณ และไม่รู้วิธีปฏิบัติตนเองเวลาเจอกับพวก ผี ผี 555 แต่ก่อนอื่นขอขำก่อนค่ะ คุณมิตรเล่าให้ฟังว่า คืนนั้น ประมาณตี 2เห็นจะได้กำลังนอนหลับสนิทด้วยความเหนื่อยอ่อน แต่ก็ต้องตกใจตื่นเพราะเตียงถูกเขย่าอย่างแรงจึงตกใจตื่นขึ้นมา มองว่าใครแกล้งเขย่าเตียงของตนเอง แต่เมื่อมองไปรอบ ๆก็เห็นทุกคนนอนหลับสนิทก็ยังคิดว่าเขาแกล้งแต่นอนอยู่นานไม่เห็นมีอะไรก็นอนหลับไปอีก แต่ครั้งนี้เตียงถูกเขย่าหนักขึ้นไปอีกจำเป็นต้องลุกขึ้นมาอีกครั้งวาใครแกล้ง แต่ครั้งนี้ไม่นอนแล้วจึงทำเป็นแกล้งหลับ แต่คราวนี้เตียงก็ถูกเขย่าอีกจึงแอบหรี่ตามองเพื่อนๆ ทุกคนจึงพบว่านี่ไม่ใช่ถูกเพื่อนกลั่นแกล้งอย่างแน่นอนแต่ด้วยเป็นน้องใหม่ประสบการณ์แรก ๆ ทำตัวไม่ถูก จึงลุกขึ้นมาเปิดไฟ เล่นเกมส์ HayDay มันซะเลยไม่นงไม่นอนมันแล้ว ส่วนพวกเพื่อน ๆ ที่นอนกันอยู่ต่างก็กุลีกุจอกันตื่นขึ้นมาบางคนก็ไปอาบน้ำบางคนก็เตรียมตัวไปอาบน้ำ โดยที่ไม่ได้ถามไถ่คุณมิตาว่า ทำไมคุณมิตรถึงมานั่งเล่นเกมส์อยู่เพราะปกติคุณมิตรถ้าว่างก็จะเล่นเกมส์ติดเกมส์นั่นแหละค่ะ  จนร้อนถึงเทวดาประจำตัวคุณมิตร ได้มาฟ้อง อ.เจนว่า เดี๋ยวนี้คุณมิตรเล่นเกมส์ไม่นั่งสมาธิตอนเช้าเหมือนทุกวันเป็นเดือนแล้ว  เมื่อ อ.เจน ถามว่าจริงหรือค่ะคุณมิตรเล่นแต่เกมส์ไม่นั่งสมาธิเลยเดี๋ยวนี้เพราะเทวดาประจำตัวมาบอก คุณมิตรก็อ้อม ๆ แอ้ม ๆ ตอบว่า จริงครับ เมื่อก่อนตื่นตี 4 นั่งสมาธิแต่เดี๋ยวนี้ไม่นั่งสมาธิเลย ผมเล่นเกมส์นอนดึกตื่นสาย  นั่นไง จริง ๆ ด้วยค่ะพวกเราก็ยังหัวเราะกันเลย และก็ยังว่า คุณมิตรไม่ได้น่ะเทวดายังทนไม่ได้เลยท่านอยากได้บุญจากคุณมิตรๆ ต้องนั่งสมาธิ คุณมิตรก็ตอบครับผม
ดังนั้นทุกคนก็ตื่นมาอาบน้ำกัน แต่คุณมิตรติดเกมส์ก็ไม่ถามเพื่อน ๆว่าลุกขึ้นมาอาบน้ำกันทำไม และคนในกลุ่มนั้นเองได้พบว่า นี่มัน ตี 2 โอ้ย คุณมิตรตื่นมาเล่นเกมส์ทำไมเขานอนกันน่ะ นั่นแหละคุณมิตรจึงได้เล่าให้ทุกคนฟังจบมั้ย

วิธีการที่ถูกต้องในการแก้ไขปัญญของพวก ผี ผี ที่มาขอรับบุญ ก็คือเราทำบุญทุกวันที่ช่วยกันทำงานที่สำนักปฏิบัติธรรมก็อธิษฐานจิตอุทิศบุญให้กับวิญญาณผี ที่มาขอส่วนบุญได้ เขาอยากได้บุญ ทำไมต้องเป็นคุณมิตร อ.เจน บอกว่าเพราะคุณมิตรเจ็บป่วยอยู่สุขภาพไม่ไชดีในช่วงนั้นจึงได้สัมผัสเต็ม ๆ ค่ะเมื่อได้รับฟังดังนั้น คุณมิตร ก็ยังไม่รู้เรื่อง ยังพูดคำมั่นสัญญาออกมาอีกว่า งั้นเอาไว้ครั้งหน้าผมจะมาอุทิศบุญให้ก็แล้วกัน นี่เป็นคำมั่นสัญญา โถคุณมิตรพระพุทธองค์ท่านสอนว่า คนเราอย่ามีสัญญามั่นหมายจะติดพบติดชาติไปอีกครั้งหน้าคุณมิตรต้องไปแก้ไขเรื่องคำสัญญาของตนเองอีกเพราะเราไม่รู้วาเราจะตายเมื่อไหร่ เราจะมีชีวิตอยู่ทำตามคำสัญญาหรือไม่คนเราต้องไม่ประมาทค่ะ เดี๋ยวนี้ดิฉันจะหยุดปากไว้ โดยไม่รับปากใครง่าย ๆ ค่ะ คิดก่อนพูดไปค่ะ หรือไม่ก็ยังไม่รับปากค่ะ ดิฉันนี่ศิษย์มีครูนะค่ะ

เรื่องผี ที่มาเยือนสำนักฯ ในยามค่ำคืนที่พระจันทร์ทรงกลด  อ.เจน เล่าให้ดิฉันฟังว่า คืนนั้นพระจันทร์ทรงกลดก็ได้แหงนหน้าขึ้นไปดู ในญาณวิถีรับรู้ได้ว่ามีเทพเบื้องบนจ้องมองอยู่ จึงได้นำลูกศิษย์ทั้งหมดที่หน้างานทำพิธี บอกกล่าวต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ว่าวันที่ 22 มิ.ย.57 สถานที่แห่งนี้จะทำพิธีเททองหล่อพระขออัญเชิญเทพเทวามาร่วมอนุโมทนาบุญ เทพทั้งหลายต่างก็ยินดีค่ะ แต่นอกจากเทพเทวานั่นสิค้า ก็มีผีที่อยู่ทั่วไปในพื้นที่ข้างเคียงเอยอะไรเอยต่างก็มาประมาณ 5 ตน บางตนก็อารมณ์ดี ด้วยดีใจมาก อยากได้บุญ บางตนก็อารมณ์ร้อน ประมาณรอไม่ไหว อยากให้ถึงวันนั้นเร็ว ๆ บางตนก็ไม่รู้เรื่องเดินกันงุ่นง่าน เดินไปแล้วก็เดินมา สงสัยเขาทำอะไรกัน ก็มีค่ะ ที่นี่ เมื่อเสร็จพิธีก็เดินกลับกันยามค่ำมืดอย่างนี้ ก็มี หนึ่งในทีม พวกเราเรียกว่า เฮีย ขวัญใจใครก็ไม่รู้ เฮีย เป็นคนขยันมากทำงานไม่หยุดเลยค่ะ และ เฮีย เคยแต่ดูรายการคนอวดผี และไม่เคยเห็นผี เฮีย บอกครั้งนี้ ทำไมเดิน ๆ อยู่ขนลุกตลอดทาง แกก๋บ่นอยู่อย่างนั้น อ.เจน กับคุณรุ้ง ก็หันไปมองก็ไม่กล้าบอกแกว่า ก็ผีมันเดินตามอยู่ข้างหลังเฮีย พวกเขาอยากได้บุญสำเร็จเร็วไม่ไปไหนกันล่ะ ก็มากันเป็นพรวน อ.เจน ก็ทำเป็นไม่เห็น ผี เพราะถ้า  ผี รู้ว่า อ.เจน เห็นเขาก็จะพยายามมาสื่อสารด้วย อ.เจน ก็ไม่บอก เฮีย ว่าก็ผีมันอยู่ข้างหลังเฮีย ตั้งหลายตน เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ ฮา มาก ๆ ค่ะ มาเฉลยกันตอนเช้า 555

วันเล่าค่อยมาอัพเดทเพิ่มค่ะ เมื่อท่านได้อ่านเรื่องราวที่ได้เล่าให้ฟังนี้อย่าอ่านเพื่อสนใจและสนุกอย่างเดียวให้มองเห็นเป็นธรรมมะว่าเมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่ไม่ทำบุญพอตายเป็นผีก็ต้องมาขอส่วนบุญเขาเมื่อครั้งที่เป็นมนุษย์ทำชั่วคดโกงเมื่อตายไปแล้ววิญญาณส่วนมากมาบอกกับ อ.เจน ว่าเสียดายชีวิตมนุษย์ถ้าทำได้จะไม่ทำอีก หากย้อนไปได้จะไม่ทำอีกหากเป็นคนได้อีกครั้งจะทำบุญค่ะเป็นอย่างนั้นจริง ๆ
ท้ายนี้ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านที่ร่วมบริจาคทรัพย์และบริจาคทาน และตั้งใจใฝ่กุศล อ.เจน และคุณรุ้งได้น้อมรับด้วยความซาบซึ้งว่าศาสนาพุทธมีผู้ใจบุญไม่น้อยค่ะ


ตอนที่ 5 ป้ายชื่อ สำนักปฏิบัติธรรมวิปัสสนาญาณ
แม้แต่ เรื่องของป้ายชื่อของสำนักปฏิบัติธรรมวิปัสสนาญาณก็ยังมีเรื่องเล่าที่น่าสนใจมิใช่น้อยนะค่ะ สำหรับผู้มีญาณทิพย์อย่าง อ.เจนญาณทิพย์ ดิฉันก็อยากจะนำมาเล่าสู่กันฟังเพื่อเป็นการ update  ข้อมูลความคืบหน้าให้ฟังค่ะ

เรื่องมีอยู่ว่า อ.เจน และคุณรุ้งมีความประสงค์ที่จะให้ช่างก่อสร้างป้ายชื่อสำนักฯ ที่โดดเด่นไม่เหมือนและซ้ำกับผู้ในดินแดนนั้นค่ะ โดยป้ายชื่อด้วยหินสีดำ มีเสาแบบโรมัน ต้นเสาทั้งสองข้างติดด้วยกระจกแก้วใสอะคริริค และมีไฟที่หัวเสาตามภาพที่เห็นนั่นแหละคะ

ช่างรับเหมาทำป้าย ได้โทรศัพท์มาเล่าให้ฟังว่าเรื่องอย่างนี้ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ตัวผมเองก็ยังรู้สึกงงๆ อยู่เลยแปลกแต่จริงครับ คุณรุ้ง ๆ จึงถามไปว่า เรื่องอะไร ช่างจึงเล่าให้ฟังว่าผมรู้ว่ากระจกใสอะคีริค อย่างที่คุณรุ้งต้องการนั้นต้องไปหาซื้อที่จังหวัดพิษณุโลกเท่านั้นเป็นแหล่งขายที่ใหญ่มากเมื่อเดินทางไปถึงปรากฏว่า ติดต่อซื้อทุกห้างร้าน ก็แจ้งว่า ไม่ขายให้เพราะจำนวนที่ซื้อน้อยเกินไป แค่ 25 กล่อง แม้ว่าจะขอซื้อในราคาแพงเป็นราคาขายปลีก  ทุกร้านก็บอกไม่คุ้มที่จะขายให้เสียเวลาเปล่าเขาไม่ขายกันหรอกจะต้องสั่งซื้อในปริมาณมากๆ  ถึงจะขายให้ ทุก ๆ ร้านมีคำตอบที่เหมือนกันหมดจนไปถึงร้านสุดท้ายก็เกิดความท้อแท้แล้ว จนถึงร้านสุดท้าย ก็เดินเข้าไปในร้านก็พบกับ อาม่า (ผู้หญิงชราที่สูงอายุค่ะ) นั่งอยู่ในร้านก็เข้าไปถามอาม่า พูดว่าไม่ขาย ซื้อแค่ 25 กล่อง ใครเขาไม่ขายให้หรอกชายรับเหมาจึงเดินบ่นไปว่า นึกแล้วเชียวว่าจะต้องบอกไม่ขาย เฮ้อ ไม่ขายก็ไม่รู้จะช่วยยังไงแล้วแล้วนี่จะไปหาซื้อให้อาจารย์เจน ได้อีกที่ไหนกัน

อาม่า เป็นแฟนคลับ อ.เจน อาม่า เมื่อได้ยินนายช่างคนนี้บ่นถึง อ.เจน จึงถามว่า ลื้อจะซื้อไปให้ใครนะ ช่างคนนี้จึงพูดว่า อ๋อ ซื้อไปให้ อ.เจนเขาจะไปทำป้ายสำนักปฏิบัติธรรมฯ อาม่า จึงหันมาถามด้วยความดีใจว่าลื้อรู้จักเขาด้วย เออ แล้วเขาตัวจริงผอมมั้ย  ตัวจริงสวยมั้ย และอีผิวขาวมั้ยอั้วนะแฟนคลับรายการตัดเวรหยุดกรรมของอี (แต่ตอนที่นายช่าง เล่าให้ฟังนั้น เขาจำไม่ได้ว่า อาม่า เขาเรียกรายการอะไรก็ไม่รู้ ตัด ๆ อะไรนี่แหละครับ) นายช่างคนนี้ จึงตอบไปว่าเออ อ.เจน เขาดังยังไงผมไม่รู้หรอกครับ แต่ผมรู้เพียงแต่เขาเรียกกันว่าอาจารย์เจน ๆผมก็เรียกตาม ๆ เขาเท่านั้น และไม่เคยสังเกตด้วยว่า ลักษณะท่าทางเป็นยังไงไม่ทันสังเกตก็เห็นเป็นคนธรรมดา ๆ นี่แหละ ดังนั้น อาม่า ก็รีบนำ น้ำเป็ปซี่ อาหารว่าง มาเลี้ยงรับรองจนนายช่างอิ่มหน่ำสำราญโดยบอกให้รอเขาจะจัดของตามที่ต้องการให้ นายช่างคนนี้บอกไม่เชื่อก็ต้องเชื่อคนดังเป็นอย่างนี้เองดีจัง ผมอิ่มสบายใจเขาต้อนรับผมเป็นอย่างดีครับ

เจ้าหน้าที่จากนรก เป็นนายช่างทำป้ายชื่อสำนักฯ   เป็นเรื่องที่เหลือเชื่อ เป็นเรื่องที่ ผู้รับเหมาคนนี้ได้บังเอิญมาพบกับอ.เจน ผู้มีญาณทิพย์ คนนี้  นายช่างคนนี้ได้แต่ใดมาหรือก็เขาเป็นผู้ดูแลบ้านพักรีสอร์ทที่คณะทำงานไปพักค้างคืนอยู่เป็นประจำค่ะและเขาก็เป็นเป็นช่างรับเหมาทำงานด้านนี้พอดี และที่สำคัญที่สุดก็คือ อ.เจนได้เห็นในญาณวิถีว่า เขารับเหมาทำงานด้านนี้ และที่มากกว่านั้นคือในอดีตชาติชายผู้นี้เป็นเจ้าหน้าที่อยู่ในนรกและได้เคยเป็นลูกน้องของคุณรุ้ง ในสมัยที่คุณรุ้งเป็นลูกสาวของพญามัจจุราชด้วยสิค่ะ ที่เขาเรียกว่ามีบุญสัมพันธ์กันนี่แหละค่ะ (เรื่องที่คุณรุ้งเป็นลูกสาวพญามัจจุราช ดิฉันคงยังไม่ได้เล่า เอาไว้เล่าท้ายเรื่องก็แล้วกันค่ะ)


ซึ่ง อ.เจน ก็มากระซิบบอกคุณรุ้งและคุณรุ้ง ก็บอกกับ อ.เจน ว่า ใช่ ก็เห็นเหมือนกันว่าเขาเป็นลูกน้องในนรกตั้งแต่แรกแล้วว่าอ.เจน บอกเล่าให้ดิฉันฟังว่า พี่เชื่อมั้ย เขาเชื่อฟังพี่รุ้ง มากกว่าหนูซะอีกก็เพราะเขาเคยเป็นลูกพี่ลูกน้องกันมาในอดีต มีอะไรก็จะคอยรายงานกับพี่รุ้ง โดยตลอด  สำหรับหนูเขาไม่สนใจเลยค่ะ แต่ที่จริงแล้วเขาก็ไม่รู้ว่าพวกเราเป็นใครด้วยสิค่ะ
ซึ่งคุณรุ้ง ก็ได้ส่งรูปภาพชายคนนี้ให้ดิฉันดูผ่านline ด้วยข้อความที่ขบขันว่า พี่จี๊ด หนูเจอเจ้าหน้าที่ในนรกที่พี่จี๊ด กับน้องเก่ง ต้องถูกคอกับเขาแน่เพราะในอดีตชาติเรารู้จักกัน เอาละสินี่เขาเรียกว่า โลกมันกลม หรืออยางไรกัน หรือมีบุญสัมพันธ์ หรือว่าเป็นวัฏฏสงสาร ที่เขาเรียกว่าการเวียนว่ายตายเกิดกันแน่ค่ะถึงต้องมาพบเจอกันในชาตินี้ จากภาพที่ดิฉันเห็น ก็โอ้โห หน้าตาดุดัน หื่นพร้อมฆ่า และข่มขืนแต่เชื่อหรือไม่ว่า เขาคอยดูแล คุณรุ้ง กับ อ.เจน เป็นอย่างดี  โดยเฉพาะที่พักรีสอร์ทที่ชายผู้นี้ดูแลอยู่  ตลอดระยะเวลาการทำงานเขาจะคอยดูแลตลอดเวลาไม่ว่าจะขอสิ่งใดเขาจัดการให้ได้หมดแม้แต่ยุงก็ไม่ให้ไต่ไรก็ไม่ให้ตอมเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าอาจารย์จะเดินไปไหนเขาก็จะรีบมาคอยกุลีกุจอคอยบริการจนคุณรุ้งบอกว่า แม้เขาจะดูแลดีอย่างไรก็ค่อนข้างจะกลัวและตกใจมาก เพราะหน้าตาเขาหน้ากลัวมากขนาดนอนยังต้องตั้งเวลาตื่นมาดูว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับ อ.เจน และตนเองบ้างหรือไม่ เวลานอนก็นอนตาไม่หลับค่ะเพราะว่าประตูห้องพักข้างนอกไขเข้ามาได้ก็เพราะว่าภายในห้องพักไม่มีกลอนประตูป้องกันภัยใดๆ เลยค่ะ จึงต้องระแวดระวังเป็นพิเศษสักหน่อยค่ะ

แต่นิสัยนายช่างคนนี้ใช้ได้ค่ะเขาเป็นคนที่คุยสนุก และชอบคุยกับคุณรุ้ง จึงคุยกันถูกคอ เขาเป็นคนที่คุยเก่งมากค่ะแต่เขาไม่รู้ตัวเลยว่าเขาเป็นใครในอดีตชาติ ด้วยความไม่รู้ของเขา เขาจึงเล่าชีวิตที่ผ่านมาของเขาให้อาจารย์และคุณรุ้งรับฟังด้วยความซื่อของเขา โดยบอกว่า เชื่อมั้ยครับ ผมเนี้ยติดคุกมาตั้งแต่วันรุ่น มีคดีพยายามฆ่าตั้งแต่เด็ก เสพยาทุกชนิด  กินเหล้าเมายาสารพัดจนพ่อแม่เอือมระอา อ.เจน คิดในใจเชื่อสิเพราะเห็นในญาณแล้วแต่ไม่พูดให้เขารู้ค่ะและเขาก็เล่าต่อไปว่า ตอนที่เขายังเด็ก ก็คอยแต่จะทะเลาะกับใครต่อใครไปทั่วไม่เคยกลัวใครอ.เจน ก็คิดในใจว่า เชื่อสิเพราะเป็นเจ้าหน้าที่ในนรกก็มีหน้าที่คอยใช้อาวุธทำโทษผู้อื่นเพราะมีอำนาจมากจะทำอะไรกับใครก็ได้แม้ในชาตินี้มีเรื่องกับใครก็จะใช้อาวุธที่ใกล้มือจัดการทันที ระหว่างที่ อ.เจนคิดอยู่นั้น เขาก็เล่าต่อไปว่า ตอนที่เด็กๆ โมโหเพื่อนก็เอามีดปักลงไปที่กลางหัวมันเลยแต่โชคดีมันไม่ตายปางตาย ทำให้ออกจากคุกมาได้เร็ว เขาเป็นคนอิสลาม เขาบอกว่า มะ(แม่) กลุ้มใจกับเขามาก เป็นเด็กเกเรมาก มีมีดพร้าอะไรใกล้ตัวพอมีเรื่องกับใครก็หยิบไปจัดการทันทีไม่กลัวใครเข้าคุกเข้าตะรางเป็นว่าเล่นค่ะ

บุญส่วนบุญ บาปส่วนบาป  อ.เจน ฟังเขาเล่าจนจบแล้วจึงพูดขึ้นว่าสิ่งที่คุณเล่ามานี้เพราะอะไรรู้หรือไม่ เขาบอกว่าไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรดิฉันจะบอกว่า คุณน่ะเคยเป็นเจ้าหน้าที่อยู่ในนรกเมื่อหมดวาระก็มาเกิดเป็นมนุษย์ ในชาตินี้คุณก็กลับมาเป็นจำเลยส่วนเจ้ากรรมนายเวรที่คุณไปทรมานเขามานั้น เขากลับมาเป็นโจทย์ เพราะบุญส่วนบุญบาปส่วนบาป บุญที่เป็นเจ้าหน้าที่ในนรกด้วยหน้าที่คุณก็ไม่ถึงกับตกยาก และให้สังเกตว่าในชาตินี้คุณก็ต้องทำงานเกี่ยวกับศาสนา แต่บาปที่ไปทรมานเขาจนเกิดเจ้ากรรมนายเวรติดตามมานั้นก็ต้องชดใช้ด้วยไม่ว่าคุณจะทำการงานใดก็จะไม่เจริญรุ่งเรืองเพราะโดนขัดขวางจากเจ้ากรรมนายเวรชายคนนี้ พูดติดตลกว่า เฮ้อ ดี ๆ ทั้งนั้น และในชาตินี้มีอะไรที่ดี ๆ บ้างมั้ยครับพูดแล้วขนลุก อุ้ย ขนลุก ดูสิขนลุกไปหมดแล้ว คืออย่างนี้ครับ อาชีพของผมเป็นผู้รับเหมาก็จริงแต่เชื่อมั้ยครับผมรับเหมาก่อสร้างเมรุ ตามวัดต่าง ๆ เป็นมืออาชีพเชียวครับเพราะไม่มีใครเขารับทำงานอย่างนี้ยกเว้นผมคนเดียวที่รับทำงานพวกนี้ทุกวัดใช้บริการผมและสำนักบุญทั้งหลายฝีมือผมทั้งน้านงานอาชีพของผมที่ทำมาเป็นอย่างนี้ไม่ได้รับงานเหมาอื่นใดเลยนอกจากงานอย่างนี้ครับ

อ.เจน เห็นกรรมของลูกน้องนายช่างคนนี้  อ.เจน เห็นกรรมของนายช่างและลูกน้อง  รู้ด้วยว่าคนพวกนี้ชอบกินเหล้าเมื่อเมาขึ้นมาก็นินทาด่าทอพ่อแม่ของตนเอง จึงสั่งสอนไปว่าพ่อแม่เปรียบเสมือนพระอรหันต์ของลูกถ้าคนผู้ใดด่าทอพ่อแม่ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ของตนเอง หรือของคู่สามีหรือภรรยาก็ไม่ได้เพราะท่านเป็นผู้มีพระคุณจะเป็นบาปเป็นกรรมไม่ว่าจะทำกรงานใดจะไม่มีวันเจริญรุ่งเรืองอย่างเด็ดขาดนายช่างคนนี้รีบพูดขึ้นขึ้นมาพร้อมกับชี้หน้าลูกน้องของตนคนหนึ่งว่าเห็นมั้ยไอ้คนนี้มันชอบด่าพ่อตาแม่ยายของมัน มึงรู้มั้ยเขาว่าบาป และ อ.เจนก็พูดขึ้นอีกว่า ในนรกเขามีกะทะทองแดงจริงนะ คนที่กินเหล้าสุราจะต้องไปซดน้ำทองแดงร้อนๆ ในนรก และต้องลงกระทะทองแดงจริง ๆ นะ นายช่างคนนี้รีบชิงพูดขึ้นว่าของผมคงจะเล็กน้อยเพราะผมไม่ใช้แก้วใหญ่ใช้ซดเป็นเป็ก ดูเขาพูดสิค่ะ ยังอุตส่าห์แก้ตัวแบบข้างๆ คู ๆ ยังไม่สำนึกในบาปที่จะต้องเผชิญในภาคหน้าค่ะ คนเราก็เป็นเสียอย่างนี้ค่ะ และก็พูดต่อไปว่าผมว่าสำหรับผมคงจะไม่เท่าไหร่หรอกครับพอได้มั้งครับ ไม่ต้องซดน้ำทองแดงร้อน ๆ มากกว่าเพื่อนครับ เมื่อพูดจบก็พูดขึ้นว่าเออ วันนี้ผมจะขึ้นไปบนภูเขา ไปยิงกระต่ายมากินแกล้มเหล้า คุณรุ้ง จึงพูดขึ้นว่าแหมอย่างนี้ต้องพูดกันยาว นี่คุณรู้มั้ย อีกไม่กี่วันคนที่เขาเคยเป็นเพื่อนกับคุณที่เคยอยู่ในนรกเขาจะมาที่นี่ให้เขาเล่าก็แล้วกันว่าคนที่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิตจะโดนอะไรบ้าง พี่คนนี้เคยเตือนเพื่อนว่า อย่าฆ่าหนูแต่เขาไม่เชื่อปรากฏว่า เขาเกือบตาย จนทุกวันนี้ไม่กล้าสัตว์อีกเลยชายคนนี้จึงพูดขึ้นว่า อ้าวแล้วเอาไงกัน นี่ก็กรรม นั่นก็กรรมท่าทางจะอดตายกันแล้วเราคราวนี้

ลูกน้องในอดีตผู้ซื่อสัตย์ อ.เจนเล่าให้ดิฉันฟังว่า ชายคนนี้จะเชื่อฟังและรับคำสั่งของคุณรุ้งอย่างเคร่งครัดประดุจเจ้านายลูกน้องที่จงรักภักดีต่อกันเลยเชียวค่ะ และไม่ว่าจะทำอะไรก็แล้วแต่ก็มักจะโทรศัพท์มารายงานตลอดเวลาเหมือนกับรายงานเจ้านายให้รับรูผลการทำงานอย่างไรก็อย่างนั้นค่ะ

ฝนตกขี้หมูไหลคนอะไร.....มาพบกัน เมื่อคนที่มีความเหมือนกันมาพบกันอะไรจะเกิดขึ้นค่ะลองทายสิค่ะ ก็พังกันพะยะค่ะ  ระหว่างช่างรับเหมาป้ายชื่อสำนักฯ(เจ้าหน้าที่จากนรก) กับ ช่างรับเหมาถมที่ดิน (คนที่อยู่ในนรกมาเกิด) ต่างก็มางัดข้อแสดงอำนาจบาตรใหญ่ซึ่งกันและกันในวันแรกที่ช่างทำป้าย มาวัดพื้นที่ ช่างรับเหมาก็มาข่มว่าข้ามาก่อนจะทำอะไรต้องมาปรึกษาหารือก่อนส่วนช่างทำป้ายก็เถียงว่า มันไม่เกี่ยวกัน คุณถมดิน ผมทำป้าย อย่ามายุ่งกันก็ร้อนไปถึง อ.เจน กับ คุณรุ้ง ต้องไปห้ามทัพ เพราะคนที่ไม่ถูกกันตั้งแต่แรกเจอเป็นอริกันซะแล้วงานจะไม่รอดแน่ ช่างทำป้ายบอกว่าผมไม่กลัวมันหรอก ผมไม่เคยกลัวใครอยู่แล้วทำมาเป็นข่มขู่ไม่รู้ซะแล้วว่าผมพร้อมปะฉะดะ ดังนั้น อ.เจน และคุณรุ้ง จึงต้องไปห้ามทัพโดยตัดสินว่าคุณช่างรับเหมาถมดินคุณก็ไปทำตรงโน้น นี่เขาช่างทำป้ายตรงนี้ก็ทำไปไม่เกี่ยวกันนั่นแหละต่างคนต่างไปค่ะ

ลูกสาวพญามัจจุราช  เมื่อวันสงกรานต์ เดือนเมษายน ปี 2556ที่แล้ว คุณรุ้ง เล่าว่า พญามัจจุราชท่านมาบอกในฝันว่า ช่วงนี้ของทุกปีเป็นวันหยุดของโลกนรกเจ้าหน้าที่ในนรกได้หยุดพัก และในนิมิตได้ให้คุณรุ้ง ได้เห็นว่าตนเองเป็นลูกสาวท่านพญามัจจุราช โดยท่านได้บอกชื่อของคุณรุ้ง ด้วยแต่คุณรุ้งจำไม่ได้เพราะชื่อยาวมาก ในนิมิตนั้น ก็มีผู้ติดตามหนึ่งคน ชุดที่สวมใส่เป็นดังนี้ คุณรุ้ง ใส่สไบผ้ามันสีน้ำตาลไหม้ มีเข็มกลัดเพชรติดที่บ่าส่วนผู้ติดตามใส่ผ้าสไบมันสีดำ ภายในเรือนพักนั้นมืดทึม แต่ที่ท้องฟ้ามีดวงดาวสวยงามมากแต่ก็วังเวงคุณรุ้ง รู้ว่านั้นไม่ใช่ความฝันธรรมดาเสียแล้วจึงรีบตื่นขึ้นมาเล่าให้อ.เจน ฟังประมาณตีสอง ซึ่งเรื่องนี้ดิฉันสงสัยมากจึงถามว่า มีผู้ติดตามด้วยหรือว่าเป็นอาจารย์แต่ไม่น่าใช่ว่าจะเป็นอาจารย์ในระหว่างที่คุณรุ้ง เล่าให้ฟังนั้น  อ.เจน ก็ได้สื่อดูว่าเรื่องนี้จริงเท็จอย่างไรแล้ว อ.เจน จึงตอบยิ้ม ๆ ว่า นี่เป็นเรื่องจริงค่ะพี่ มิน่าล่ะ ทำไมพวกผีวิญญาณทั้งหลายจึงกลัวพี่รุ้ง หนูเพิ่งเข้าใจ และพี่รุ้ง ก็เห็นผี ได้ด้วย และคนที่ติดตามนั้นก็คือ พี่จี๊ด ไม่ใช่หนูค่ะ อ้าว ดิฉันจึงบอกว่านี่ดิฉันได้ติดตามคุณรุ้ง มาหลายชาติเลยหรือนี่ อ.เจน บอกว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเพราะบุญสัมพนธ์กันมาค่ะและพี่ก็เป็นคนที่อยากรู้อยากเห็นมาทุกชาติ ชาติที่ติดตามพี่รุ้ง พราะความเป็นคนอยากรู้อยากเห็น ก็จะคอยติดตามกันไปทุกแดนนรกที่พี่รุ้ง ไปและเกิดมาชาตินี้ พี่ไม่เห็นอะไรเลยก็เพราะเขามีหน้ากากปิดบังไว้ไม่ให้เห็น แต่ถ้าเปิดหน้ากากออกพี่จะสามารถช่วยเหลือคนเจ็บป่วยได้ค่ะ ซึ่งดิฉันได้พูดติดตลกกับ อ.เจน ว่า เสียดายจังไม่มีคู่มือการใช้ค่ะ  

เรื่องที่ดิฉันรู้เรื่องราวในอดีตดิฉันไม่เคยยึดติดมาเป็นอารมณ์นะค่ะเพราะเราเกิกดภพใหม่ชาติใหม่แล้ว ชาตินี้ขอทำความดีตราบเท่าชีวิตจะหาไม่ก็เพียงพอแล้วสำหรับชีวิตที่เหลืออยู่ค่ะ และพญามัจจุราช ท่านได้ฝากบอกคุณรุ้งด้วยว่า ให้บอกมนุษย์ด้วยว่า ให้ไปบอกพวกมนุษย์ว่า ให้มนุษย์รักษาศีล 5 เวลาไปสั่งสอนคน อย่าลืมนะ ให้บอกพวกหมู่มวลมนุษย์ด้วยนะ

จากเรื่องที่ดิฉันเล่าให้ฟังนี้เป็นเรื่องจริงทั้งสิ้นและขอให้ท่านผู้อ่านจงเชื่อเถอะค่ะว่า นรก สวรรค์ นั้นมีจริงค่ะ และขอให้ทุกท่านทำตามที่ท่านพญามัจจุราชท่านบอกกล่าวว่าให้มนุษย์รักษาศีล 5 แม้จะไม่ได้มากแต่ก็ขอให้ทุกท่านได้พยายาม เพราะว่าด้วยหน้าที่การงานและวิบากกรรมของแต่ละคนมักทำให้การรักษาศีล 5 ค่อนข้างจะยากลำบากในโลกใบนี้เพราะคนไม่เหมือนกันมีทั้งคนดีและคนชั่ว คนโกงซึ่งดิฉันเป็นคนที่รักความยุติธรรมยิ่งชีพค่ะ จึงทำให้ก็มีบ้างที่อดใจไม่ไหวค่ะแม้แต่ตัวดิฉันเอง ก็ยังผิดศีล ข้อ 1 กับ ข้อ 4 ออกจะบ่อย มันทำได้ยากมากค่ะ ก็คือ ข้อ 4 ด้วยนิสัยเป็นคนที่ชอบเม้าท์พูดเพ้อเจ้อ บางครั้งก็จะสนุกล้อเลียนแบบเจ้านายที่ไม่มีธรรมมะและเอาเปรียบเราดิฉันก็มักจะทำท่าล้อเลียนกับเพื่อนๆ ที่ทำงาน เมื่อทำผิดศีลข้อ 4 ก็ลุกลามไปถึงศีล ข้อ 1  เช่น ดิฉันเป็นคนที่พูดตรง ๆ เพราะชอบคิดว่าความจริงเป็นสิ่งไม่ตายสุดท้ายดิฉันตายทุกทีเพราะคำพูดจริงนั้นไปส่งผลกระทบจิตใจผู้ที่ยอมรับไม่ได้ก็เป็นกรรมที่เกี่ยวกับการฆ่าไม่ใช่ฆ่าสัตว์ แต่เป็นการฆ่าจิตใจผู้อื่นด้วยกรรมจากวาจาของเราค่ะ

อ.เจน ได้พูดให้ดิฉันฟังเสมอว่ากรรมนั้นละเอียดอ่อนมากค่ะ ซึ่งดิฉันก็พยายามนะค่ะ ทำความดีนั้นยากแต่คนเราต้องพยายามต้องรู้จักหักห้ามใจตนเองถ้าวันใดทำสำเร็จก็ผ่านบททดสอบค่ะ ซึ่งก็ยังดีกว่าไม่พยายามทำอะไรที่ดี ๆ เสียเลยค่ะดิฉันเป็นคนที่นับถือคำสั่งสอนของครูบาอาจารย์ที่สั่งสอนให้เราทำความดีและดิฉันก็ปฏิบติตามเสมอค่ะ


โพสต์นี้ยังมีเนื้อหาเพิ่มเติม

คุณจำเป็นต้อง เข้าสู่ระบบ ก่อนจึงจะสามารถดูและดาวน์โหลดไฟล์แนบได้ หากยังไม่มีบัญชีหรือยังไม่ได้เป็นสมาชิก กรุณาลงทะเบียน

x

แสดงความคิดเห็น

ขอบคุณพี่จี๊ดมากๆ ค่ะ ที่สละเวลามาเล่าเรื่องราวต่างๆ และให้ข้อคิดมากมายค่ะ ชอบมากๆ ค่ะ อนุโมทนาบุญด้วยค่ะ   โพสต์เมื่อ 2014-6-18 07:54
เป็นบุญที่ได้รับทราบธรรมะในชีวิตประจำวันคณะอาจารย์เจนญาณทิพย์ สาธุ สาธุ อนุโมมทามิ  โพสต์เมื่อ 2014-6-11 10:06

540

กระทู้

2753

โพสต์

2หมื่น

เครดิต

ผู้ดูแลพิเศษ

Rank: 8Rank: 8

เครดิต
20607
คัดลอกลิงก์
 เจ้าของ| โพสต์เมื่อ 2014-6-9 14:19:57 | แสดงเฉพาะโพสต์ของสมาชิกนี้
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย รุ้งตะวัน เมื่อ 2014-6-14 20:52






ขออนุโมทนาบุญกับผู้บริจาคแท็งน้ำ 3000 ลิตรให้กับสถานปฏิบัติธรรมค่ะ

























ขนของบริจาคจากผู้มีจิตศรัทธามาเก็บไว้ค่ะ









ช่วยการถากถางวัชพืชค่ะ











ภาพการปรับหน้าดินบางส่วนที่สำเร็จค่ะ














จ่ายเงินค่าเที่ยวรถให้ผู้รับเหมา วันที่ 7-8 มิย. 57










โพสต์นี้ยังมีเนื้อหาเพิ่มเติม

คุณจำเป็นต้อง เข้าสู่ระบบ ก่อนจึงจะสามารถดูและดาวน์โหลดไฟล์แนบได้ หากยังไม่มีบัญชีหรือยังไม่ได้เป็นสมาชิก กรุณาลงทะเบียน

x

540

กระทู้

2753

โพสต์

2หมื่น

เครดิต

ผู้ดูแลพิเศษ

Rank: 8Rank: 8

เครดิต
20607
คัดลอกลิงก์
 เจ้าของ| โพสต์เมื่อ 2014-6-9 14:22:28 | แสดงเฉพาะโพสต์ของสมาชิกนี้
วันที่ 10 มิถุนายน 2557  ลำเลียงของจากกรุงเทพฯ มาเก็บยังสถานที่ปฏิบัติธรรมวิปัสสนาญาณ








จ่ายค่าเที่ยวรถกับผู้รับเหมา วันที่ 9-10 มิย 57





ขนของบริจาคและสิ่งของทำบุญงานหล่อพระ จากกรุงเทพฯ มายังสถานปฏิบัติธรรมวิปัสสนาญาณ วันที่ 11 มิย 14








วันที่ 19-06-14 ได้มาเพิ่มอีกคันค่ะ จากผู้มีจิตศรัทธาบริจาคให้ไว้ใช้งานในสถานปฏิบัติธรรมค่ะ
อนุโมทนา สาธุค่ะ






โพสต์นี้ยังมีเนื้อหาเพิ่มเติม

คุณจำเป็นต้อง เข้าสู่ระบบ ก่อนจึงจะสามารถดูและดาวน์โหลดไฟล์แนบได้ หากยังไม่มีบัญชีหรือยังไม่ได้เป็นสมาชิก กรุณาลงทะเบียน

x

540

กระทู้

2753

โพสต์

2หมื่น

เครดิต

ผู้ดูแลพิเศษ

Rank: 8Rank: 8

เครดิต
20607
5#
 เจ้าของ| โพสต์เมื่อ 2014-6-9 14:22:35 | แสดงเฉพาะโพสต์ของสมาชิกนี้



โพสต์นี้ยังมีเนื้อหาเพิ่มเติม

คุณจำเป็นต้อง เข้าสู่ระบบ ก่อนจึงจะสามารถดูและดาวน์โหลดไฟล์แนบได้ หากยังไม่มีบัญชีหรือยังไม่ได้เป็นสมาชิก กรุณาลงทะเบียน

x

อัพเกรด  43.89%

175

กระทู้

629

โพสต์

2475

เครดิต

Master

Rank: 4

เครดิต
2475
อนุโมทนาสาธุค่ะ

อัพเกรด  23.87%

0

กระทู้

213

โพสต์

1574

เครดิต

Master

Rank: 4

เครดิต
1574
อนุโมทนาสาธุค่ะ

อัพเกรด  90.51%

319

กระทู้

1821

โพสต์

4573

เครดิต

Master

Rank: 4

เครดิต
4573
อนุโมทนาค่ะ สาธุ สาธุ สาธุ

อัพเกรด  80.09%

0

กระทู้

285

โพสต์

4104

เครดิต

Master

Rank: 4

เครดิต
4104
อนุโมทนา สาธุคะ

อัพเกรด  53.4%

2

กระทู้

1298

โพสต์

2903

เครดิต

Master

Rank: 4

เครดิต
2903
อนุโมทนาสาธุครับ

สมาชิกที่เพิ่งอ่านหัวข้อนี้

คุณต้องเข้าสู่ระบบก่อนจึงจะสามารถตอบกลับโพสต์นี้ได้ เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

รายชื่อผู้กระทำผิด|อุปกรณ์เคลื่อนที่|Archiver|อาจารย์เจน.com

GMT+7, 2025-4-13 02:31 , Processed in 0.153000 second(s), 22 queries .

Copy right © 2013 อาจารย์เจน.com.

Web Design By modifydiscuz.com

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้