ด่วน ด่วน ไม่มีเงินจะถมดินแล้ว จำเป็นต้องขอรับบริจาค...เพิ่มเรื่องที่ดิน ตอนที่ 2 เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา คือ 7-8 มิ.ย.2557 ที่ผ่านมานี้ ดิฉันได้ไปช่วย อ.เจนและคุณรุ้ง และน้อง ๆ ทีมงานที่มีเวลาว่างมาช่วยกันอีกส่วนหนึ่งก็อยู่กองบัญชาการทางบ้านดูแลเว็บและการบริจาค บางครั้งต้องสลับกันไปแล้วแต่โอกาสจะอำนวยค่ะไม่ง่ายนะค่ะต้องขอบอกว่าโหดสุดสุด ถ้าใครได้ไปสัมผัสก็รับรองว่าต้องพูดคำเดียวว่า อุแม่เจ้า อากาศที่แสนจะร้อน ๆ ตับจะแตก แสงแดดที่ร้อนแผดเผาผิว มวลฝุ่นละอองที่เหมือนพายุเฮอรีเคนก็ดูจากภาพได้ไม่ได้เมคอัพเป็นภาพเหตุการณ์จริงค่ะ ต้นหญ้า กับต้นข้าวโพด ที่เราคิดว่าได้ทำลายไปแล้วด้วยการหยอดยาฆ่าตามหลุมต่าง ๆ ด้วยเงินค่ายาฆ่าวัชพืชเหล่านี้ประมาณ 8,000 บาท เมื่ออาทิตย์ที่แล้วกลับฟื้นคืนชีพมาอีกในอาทิตย์นี้ไม่ตายง่าย ๆค่ะ โอ้ไม่น่ะ เราสูญเงินไปฟรี ๆกับการฆ่ามันไม่ตายหรือนี่ ดังนั้นด้วยความจำเป็นที่ต้องเก็บออมเงินให้มากที่สุดและไม่ควรจะเสียอีก เสียดายเงินที่ผู้บริจาคได้ช่วยเหลือมา คุณรุ้ง จึงพูดขึ้นว่าถ้าเป็นอย่างนี้เสียเงินเปล่า ว่าแล้ว ทุกคนก็เอาไงเอากันตอนนั้นประมาณเวลาย่ายกว่าๆ คิดดูก็แล้วกันค่ะ อากาศที่ร้อนระอุมาก แสงแดด ที่ไม่ปราณีใครต่างก็หยิบหาอาวุธประจำกาย เช่น จอบ เสียม มีดพร้า สามง่าม ชะแลง เท่าที่จะหาได้ หยิบขึ้นมาแล้วก็เดินตามกันไปที่เนินเขาซึ่งห่างไกลจากเพิงที่พักมาก เพื่อการประหยัดเงินที่ไม่ควรเสียอีกต่อไปพวกเราต้องมาถางหญ้าที่เกิดใหม่และต้นข้าวโพดที่เกิดใหม่ด้วยอาวุธคู่กายนั่นแหละค่ะ สำหรับดิฉันคิดว่านี่เป็นหนทางที่ดิฉันจะถากถางไปสู่สวรรค์ ตามที่ อ.เจนพูดกับดิฉันเสมอดิฉันจำใส่ใจไว้เลยค่ะเพราะเชื่อว่าบุญมีจริงและได้ประสบกับตนเองมาหลายครั้งแล้วค่ะ แต่ทีมงานที่ไม่ได้มาทางกรุงเทพฯก็อยู่ช่วยประจำการกันที่กรุงเทพฯ ก็ส่งภาพอนุโมทนาบุญกันไปมาค่ะ
การขุดและถอนต้นหญ้า ต้นข้าวโพด ในเวลาบ่ายแก่ๆ เยี่ยงนี้ ต้องเร่งทำรอช้าไม่ได้ รอให้อากาศเย็น แดดร่ม ลมตกไม่ได้เพราะต้องทำงานแข่งกับเวลา เพราะเวลาเป็นเงินเป็นทองมาถึงที่ดินทั้งทีต้องทำงานให้คุ้มค่า คุ้มค่าอะไรหรือค่ะ ต้องแจกแจง ค่ะ อาทิเช่นบางคนต้องเสียสละเวลาที่ต้องอยู่กับครอบครัว แต่ต้องมาช่วยงานบุญ ยังต้องมีหลายเรื่องที่ต้องทำ ก็คือ การเดินท่อน้ำประปาดูระบบไฟฟ้าให้เรียบร้อย ส่วนน้องทีมงานบางคนมาคนเดียวก็ไม่มาเปล่าพดตัวช่วยมาด้วยช่วยกันอีกแรง น้องนางหนึ่งเธอเริดมาก แต่นางก็เดินท่ามกลางแดดร้อนๆ บรรจงเก็บต้นข้าวโพดด้วยกริยาของกุลสตรีที่งามพร้อม หล่อนงามอย่างมีคุณค่าจริงค่ะแต่กลับมาตัวดำมิดหมี ทีมงานชายตัวขาวแต่หน้าแดงฉานด้วยเลือดฝาดหน้าตาคล้ายจะเป็นลมแต่ด้วยความตั้งใจมาก ก็ไม่ได้ดูแลสุขภาพและกำลังตัวเองเล้ย ก็ยังอุตส่าห์เอาเสียมไปขุดดินไปกันคนละเนินไม่คุยกันหลอกค่ะ คุยไม่ออกแดดร้อนมากต่างคนต่างทำกันอย่างเงียบเชียบเชียวค่ะกลัวเสียพลังจากการคุย ก็กำหนด ขุด ฟัน และถอนกันไปค่ะ คุณรุ้งก็ใช้มีดพร้าฟันต้นหญ้ารากลึกมากค่ะกว่าจะฟันจนขาดค่ะ
ภารกิจจดเที่ยวรถก็ไม่ง่ายนะค่ะเพราะแต่ละเที่ยวเราก็ต้องควบคุมการตักดินขึ้นรถบรรทุกเพราะกลัวว่าคนตักดินจะโกงตักดินขึ้นรถบรรทุกไม่ครบ ทุกเที่ยวต้องนับให้ได้ 12 ตัก (รถตักดิน) ถ้าเราไม่คอยดูแลการนับตักดินทุกเที่ยวเขาก็จะโกงดินค่ะ เที่ยววิ่งรถบรรทุกต่อวันประมาณ 190 – 200 กว่าเที่ยวรถบรรทุก ซึ่ง อ.เจนต้องจ่ายชำระเงินด้วยตนเองทุกวัน คิดดูสิค่ะ เที่ยวละ 500 บาท คูณไปเป็นเงินเท่าไหร่ต่อวันแล้วท่านลองพิจารณาว่า ถ้าเราจ่ายเงินทุกวันย่างนี้ผลิตเงินไม่ทันแน่ค่ะแต่ถ้าสั่งหยุดทันที ผู้รับจ้างก็ไปทำงานให้รายอื่นแทนเรียกมาอีกก็ยากลำบากค่ะ ดังนั้น อ.เจนจึงฝากบอกกล่าวรบกวนสมาชิกทุกท่านหรือผู้ใจบุญทุกท่านที่มีจิตศรัทธามาร่วมด้วยช่วยกันอีกน่ะค่ะเพื่อบุญสำเร็จ ตอนนี้กำลังจะขาดปัจจัยเงินอีกครั้งหนึ่งแล้ว แทบไม่มีจะจ่ายให้เขาแล้วค่ะเพราะได้ใช้จ่ายเงินไปมากแล้วค่ะ ตามเนื้อตัวที่เปียกเหงื่อจากการขุดถอนหญ้าจะเก็บสะสมด้วยฝุ่นละอองบวกเข้าไปด้วย บรรยายไม่ถูกค่ะตอนที่ผิวมันคัน ยิบ ยิบสุดที่จะบรรยายได้ ก็ไม่มากหรอกค่ะ เพียงแค่ประมาณ 190 – 200 กว่าเที่ยวรถบรรทุกเท่านั้นเองค่ะ
ครั้งนี้ดิฉันก็ต้องขอเป็นกระบอกเสียงแทนอ.เจน ด้วยค่ะว่า ขณะนี้ยังขาดปัจจัยเงินจริง ๆค่ะและขอเชิญท่านที่ได้เคยมาตรวจกรรมกับ อ.เจน และรับปากว่าจะช่วยเหลือ อ.เจนไม่ว่าบุญใด ๆ ก็ตามได้โปรดมาช่วยกันสานต่องานเกลี่ยพื้นดินที่เป็นหลุมใหญ่ให้เป็นพื้นดินที่ราบเรียบเพื่อเป็นรากฐานที่จะได้สร้างกำแพงและสถานที่ปฏิบัติให้สำเร็จโดยเร็วค่ะ
อ.เจนเคยตรวจกรรมเจ้าของบริษัทผลิตรถแม็คโคร และได้เคยรับปากว่า ถ้า อ.เจน จะใช้รถแม๊คโครก็ขอให้บอกแต่ อ.เจน ก็จำไม่ได้แล้วค่ะว่าเป็นใคร แต่ถ้าท่านประสงค์จะช่วยนะค่ะก็จะมีส่วนช่วยประหยัดค่าจ้างรถแม๊คโครที่นี่มากที่สุดค่ะเพราะค่าเช่าต่อวันค่อนข้างแพงค่ะ และตามความเป็นจริงคนที่มาตรวจกรรมกับ อ.เจนเมื่อสมประโยชน์แล้วก็หายหน้าหายตาไปหมดไม่มีความทุกข์ไม่กลับมาเมื่อทุกข์ก็กลับมาเป็นอยู่อย่างนี้ค่ะจริงอย่างที่โบราณเขาว่า ครูผู้สั่งสอนให้คนทำความดีเปรียบเหมือนกับเรือจ้าง เมื่อผู้ถูกสอนได้ดีมีสุขแล้วก็ถีบหัวเรือส่งไปโดยลืมเรือจ้างลำนี้ไม่หันกลับมามองอีกเลยค่ะ พูดง่าย คือ ไร้ประโยชน์แต่ครั้งนี้ขอเถอะค่ะขอให้ทุกท่านช่วย ๆ กัน ช่วยกันปลูกรากฐานสำนักปฏิบัติธรรมฯให้สำเร็จ ท่านเป็นผู้สร้างรากฐาน อานิสงส์มากเพียงใดค่ะ บุญที่หาทำยากและทำจริงไม่ทำเล่นค่ะ ซึ่งดิฉันเชื่อเรื่องของบุญมีจริง ดังนั้นดิฉันจึงเชื่อว่าทุกท่านเป็นผู้ใจบุญจริงที่จะมีส่วนของกำลังสำคัญที่จะเป็นผู้วากรากฐานบุญในครั้งนี้ค่ะ
คนที่โทรจองทุกวันที่ 3 ของเดือนมีจำนวนนับหมื่น ๆ คน ส่วนมากเขาไม่สนใจบุญกันค่ะเขาสนใจว่าจะให้ อ.เจน ตรวจกรรม ชีวิตของเขาจะเป็นอย่างไร อ.เจน มีประโยชน์เพียงเท่านี้เองหรือค่ะถ้าจริงเป็นเรื่องน่าเศร้ามากไม่มีคุณค่าความดีอันใดเลยหรือค่ะนอกจากตรวจกรรมแนะนำ สั่งสอน ช่วยเหลือ หากท่านที่มาตรวจกรรมกับ อ.เจน จะพบว่า ต่อคนก็กินเวลาไปเป็นชั่วโมงๆ เพื่ออยากช่วย ต้องพูดทั้งวัน ตอนเย็นนอนสลบหมดพลังค่ะ และอ.เจนต้องกินต้องใช้เหมือนบุคคลทั่วไปแต่ตอนนี้ก็งดรับงานไปหลายงานเพราะต้องไปคุมงานมาสองอาทิตย์แล้วและต้องไปควบคุมงานอีกไป ๆ มา ๆ ระหว่างกรุงเทพฯ ถึง เพชรบูรณ์ สุดแสนจะเหนื่อย เพราะมีรายการประจำ คนอวดผีที่ต้องมาอัดรายการ ซึ่งมีค่าใช้จ่าย ค่าน้ำมันรถ แต่ละเที่ยวค่าน้ำมันแพงมากค่ะอ.เจน ไม่ได้พักผ่อนค่ะ และ อ.เจน ไม่ใช่หมอดู 1900เรียกใช้ได้ตลอดเวลาค่ะจากการที่ดิฉันรับโทรศัพท์จากคนที่ต้องการจะตรวจกรรมมักจะไม่เกรงใจค่ะ
ช่วงนี้ อ.เจนไม่ได้รับงานออกรายการเพราะต้องมาตากแดดตากลม อยู่กลางแสงแดดร้อน ๆ เพื่ออะไรหรือไม่ห่วงสวย นี่เขาก็นัดถ่ายปกหนังสือ ดิฉันว่า หนังสือเล่ม 3 นี้ คงได้เห็น อ.เจน ผิวสีแทนมาก กว่าปกติบวกแถมด้วยผดผื่นตามตัวเพราะแพ้เหงื่อและฝุ่นละออง จัดไปงานนี้ อ.เจน แทนที่จะหน้าใสสวย ดำแน่ ๆ ค่ะ เผลอไม่ได้ต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มแบบไม่รู้ตัวต้องระวังทุกจุดค่ะและก็พลาดจนได้ตอนที่เขามาเก็บเงินพิเศษเพิ่ม อยู่ ๆ ก็มาบอกว่าจอมปลวกใหญ่นี่จะเกลี่ยให้เสมอกันมั้ย โดยไม่พูดเรื่องเงินค่าใช้จ่าย ทุกคนก็คิดว่าจะมาถามทำไม ก็เกลี่ยไปซิก็พวกเราก็เห็น ๆ อยู่ว่ามีรถไถบดพื้นกำลังทำหน้าที่อยู่ ก็ทำไปสิค่ะแต่พอตอนเย็นเคลียค่าใช้จ่าย มาบอกว่า เก็บเงิน ค่าจอมปลวกด้วย เหตุผลคืออันนี้ไม่ได้เหมาในเที่ยว ดิฉันขอบอกว่าเป็นกองดินปลวกที่ไม่สูงมากแต่ราคาค่างวดแพงมาก แพงจนเหลือเชื่อ จนคุณรุ้งประกาศออกมาว่า ถ้ามีค่าใช้จ่ายต้องบอกให้ชัดเจน ถ้าไม่ชัดเจนไม่จ่ายเงิน ส่วนอ.เจน ไม่พูดกับเขาเลย อาจารย์บอกว่า คนไม่มีศีล คนโลภ คนไม่รู้จักพอพวกนี้ไม่เชื่อเรื่องของกรรมหรอกค่ะ
ดังนั้นจึงจำเป็นต้องเดินทางมาควบคุณดูแลอย่างใกล้ชิดอย่างที่เขาเรียกว่าลดต้นคอกันเลยค่ะการเดินทางมาก็ต้องมีค่าใช้จ่าย ดังนั้น พวกเราก็นอนกันอย่างยัดเยียดค่าอาหารก็แพงมาก เพราะเขาเห็นว่า นี่คนกรุงเทพฯ ไม่มีป้ายราคาอาหารเขาดูหน้าตาก่อนชาร์ตค่ะ ไข่เจียว 2 จาน ต้มยำไก่ ผัดปลา 600 กว่าบาท นี่ขนาดกินน้ำเปล่ากันนะค่ะประหยัด ถึงแม้จะอเมริกันแชร์แต่ก็แชร์กันมื้อละ 100 บาท รายได้อาจารย์ก็ไม่ค่อยจะมีลูกศิษย์อย่างดิฉันก็จ้นจน (อ.เจน ห้ามพูดว่าจนค่ะ) ถ้าบ่อยเข้า กินแกลบกันละคราวนี้ อาทิตย์ต่อไปมีการวางแผนที่ดีอย่าได้กินเงินเราอีกเลยร้านอาหารเอ๋ย เพราะครั้งนี้ อ.เจน กะคุณรุ้ง สั่งการแม่ตี้ว่า ช่วงนี้ห้ามทำอาหารกินให้แม่ซื้อกินเอาค่ะ เพราะว่า อ.เจน ได้ขนเอา หม้อ กระทะกะละมัง ตะหลิ่ว ช้อน จาน ชาม เตาแก๊สยกครัวไปทำกินกันเองประหยัดค่ะ นำเสนอโดย อ.เจน แม่ครัวหัวป่า ค่ะ ค่าน้ำมันรถแต่ละเที่ยวประมาณ 4,000บาท อยากแพงนักครั้งนี้ก็มีนโยบายนั่งอัดๆกันไป ส่วนคุณเต้ยนั่งรถตู้ตามไปที่หลังเพื่อมาดูแลระบบไฟฟ้า เดินท่อน้ำประปาให้เสร็จสิ้นภายในวันเดียวแล้วเดินทางกลับไปนำรถบัสรับลูกทัวร์มาสมทบในวันงานค่ะ ที่พักก็ใช้แผนห้องหนึ่งน้อนกันหลายคน แบบแอบ ๆเข้าไปพักแผนเดิมค่ะ
ที่เล่ามาทั้งหมดนี้ไม่ได้มาโชว์หรือแสดงโอ้อวดหรืออะไรก็แล้วแต่ นะค่ะ แต่ อ.เจน บอกว่า เราทำเราได้ สิ่งศักดิ์เขามองเราอยู่เราไม่ทำเพื่อเอาหน้าแต่เราเอาบุญกัน และถ้าทุกท่านคิดอยากช่วยก็ได้น่ะค่ะ และขอบอกว่าทำบุญอย่าคิดมาก บุญจะกระฉอกหมดค่ะ แต่เราทีมงานมาช่วย อ.เจน กับคุณรุ้ง โดยเสียสละความสุขส่วนตัวมาช่วยกันเพื่อให้เป้าหมายสำเร็จตามเจตนารมณ์ของผู้บริจาค และเพื่อ อ.เจน และคุณรุ้งจะได้นำพาคนปฏิบัติธรรมได้โดยเร็ว ทำเพื่อบุญกันค่ะ แต่ถ้าใครต้องการอยากช่วย อยากได้บุญอยากมาถากถางทางสวรรค์ มาได้นะค่ะ โดยไม่ต้องรอว่าต้องมาวันที่ อ.เจน มานะค่ะมาทำความดีกันค่ะอย่าให้เวลาสูญเปล่าค่ะ

ดิฉันเป็นคนที่ทนเรื่องแบบนี้ไม่ค่อยได้หรอกค่ะไม่ชอบคนคดโกง เมื่อได้ไปนั่งนับการตักดินกับผู้รับเหมารายนี้จึงพูดให้ได้รับรู้ว่า เงินทุกบาททุกสตางค์เป็นเงินของผู้บริจาค ไม่ได้หามาโดยง่ายอ.เจน และคุณรุ้ง เป็นผู้นำเงินของทุกคนที่บริจาคมาบริหารให้ที่ดินผืนเป็นรูปเป็นร่างเป็นแบบอย่างของสถานที่ปฏิบัติธรรมที่ดีบางคนกว่าจะนำเงินมาบริจาคแทบเลือดตากระเด็นนะค่ะ ดิฉันจึงเล่าต่อไปว่ามีคุณป้าท่านหนึ่งโทรมาหาคุณรุ้ง แจ้งว่า ดิฉันเก็บหอมลอมริบเงินวันละ 20 บาท สะสมได้ 200 บาทจึงขอบริจาคเงินเพียงน้อยนิดนี้ ช่วยงานเกลี่ยถมดินจะได้มั้ยค่ะ มีเงินไม่ถึง 500บาท คิดดูสิค่ะ ความตั้งใจของคุณป้า เขาตั้งใจมาก ดังนั้นเงินทุกบาททุกสตางค์ที่ได้รับบริจาคมากต้องบริหารให้ดี อย่าว่าพวกเราเคี่ยวนะค่ะแต่เงินไม่ใช่ของพวกเราค่ะ ชายคนนี้ก็เมินหน้าหนีไม่สบสายตาของดิฉันอีกค่ะคนอย่างจี๊ดจ๊าดนะหรือจะพูดสั้น ๆ ดิฉันยังร่ายยาวออกไปอีกว่าเงินที่คนเขาบริจาคเขาได้จบอธิษฐานไว้แล้วด้วยวัตถุประสงค์บุญคือการจ่ายเป็นค่ารถบรรทุกเกลี่ยหน้าดินไม่ได้ให้ไปทำอย่างอื่น ไม่งั้นมันบาป ค่ะ ที่ยิ่งร้ายใหญ่ คนที่ติดกรรมกับแผ่นดินไม่ว่ากรณีใดใดก็ตามอาจารย์เคยบอกว่า เป็นกรรมที่หนักมากเป็นกรรมที่ให้ผล ถึง 3-4 เท่า ก็คงไม่สำนึกหรอกค่ะแต่ขอให้ดิฉันได้พูดเถอะค่ะ อ้อแต่ในทางกลับกันผู้ที่ทำกรรมกับแผ่นดินจะปลดผ่อนกรรมได้มากก็ด้วยการบริจาคทรัพย์สนับสนุนบุญที่เกี่ยวกับดินนี่แหละค่ะอานิสงส์สูงค่ะ
อ.เจน บอกกับดิฉันว่าผู้บริจาคทรัพย์ก็สุขใจได้บุญของเขาไปและไม่มีอะไรยากเกินไปที่เราจะช่วยกันสานต่อให้กับผู้บริจาคและถ้าหนูยังมีลมหายใจอยู่จะทำให้ดีที่สุด อ.เจน พูดกับดิฉันว่า พี่เงินของผู้บริจาคถ้าเขาได้มาเห็นว่า พวกเราพยายามและตั้งใจ ผู้บริจาคคงมีความสุขและได้อานิสงส์ของบุญเต็มร้อย เพราะเราได้ทำตามเจตนาของผู้บริจาคแล้วค่ะ อ.เจนบอกว่าผู้คนที่นี่ห่างไกลจากพระพุทธศาสนามากขนาดพระที่เดินบิณฑบาตทุกเช้าระยะทางเดินไกลแสนไกล แต่ไม่มีอาหารคาวหวานในบาตรแม้แต่น้อยค่ะหนูสงสารท่านมากจึงไปคอยใส่บาตรทุกเช้าถ้ามีโอกาสเท่าที่จะทำได้ค่ะวัดที่นี่มีมากหลายวัด สำนักสงฆ์ก็มีหลายแห่งค่ะ แต่ดูจะร้างค่ะ
อ.เจน ถูกไล่ออกจากร้านน้ำแข็ง ก็จากที่ดิฉันพูดให้ฟังนี่แหละค่ะ อ.เจนบอกกับดิฉันว่า พี่จี๊ดไปกะหนูหน้าตาพี่มีเมตตามากกว่าเพื่อนไปร้านน้ำแข็งกันไปสั่งน้ำแข็งเพื่อใช้ในวันงานเททองหล่อพระประธานที่สถานที่ปฏิบัติธรรมวิปัสสนาญาณเมื่อเดินเข้าไปในร้านก็ถามใครเจ้าของร้านหญิงสาวนางหนึ่งหน้าตาไม่รับแขกเอาเสียเล้ย ตะคอกว่า เข้ามาทำไม อ.เจนก็พูดขึ้นว่า คือจะมีงานเททองหล่อพระ ที่.........(พูดยังไม่ทันจบประโยค)หญิงคนนี้ ก็โบกมือพร้อมตะคอกไล่ ว่า ไปไป้ ออกไปไม่รู้เรื่องพูดอะไร ออกไปออกไปพูดอยู่อย่างนี้ ซึ่ง อ.เจนรู้ได้ทันทีว่า หญิงคนนี้คิดว่า อ.เจน กับดิฉัน มาขอเรี่ยไรเงินไม่ถามสักนิดไม่ฟังคำพูดให้จบประโยคสะหน่อย อ.เจน จึงพูดว่า จะมาซื้อน้ำแข็ง ใครเจ้าของร้านค่ะ หญิงคนนี้รู้สึกเสียหน้าก็โบ้ยบ้ายว่าโน้น ๆ ไปสั่งกับคนโน้น ผัวฉัน นั่นเจ้าของร้าน เราก็เดินไปสั่ง พอบอกว่า 10 ลังเท่านั้นแหละเราก็กลายเป็นผู้ดีไปในบัดดลค่ะ เดินออกมาก็ฟ้องคุณรุ้ง มีโดนเลยคุณรุ้งบอกนี่แหละหน้าเมตตางัยพี่น่ะเขาไล่ออกมาทั้งอาจารย์ทั้งลูกศิษย์ อ.เจน บอกว่า คนเดี๋ยวนี้ไม่มีศีลบุญก็ไม่ทำ มัวแต่ทำมาหากิน หาเงินหาทอง ใช้ชีวิตอยู่อย่างประมาท ห่างไกลศาสนาแต่กลับไม่รู้ว่า เราจะตายเมื่อใด ความตายอยู่กับเราทุกเมื่อ ไม่รู้ว่าภัยพิบัติกำลังคืบคลานเข้ามา อ.เจน สอนว่าขอให้มองเรื่องอย่างนี้เป็นธรรมมะ เขาสอนเราอยู่ เราต้องมองอย่างธรรมมะอย่าไปโกรธเคืองเขาเลยค่ะ แต่ที่แน่ใจมากที่สุดว่า ทำไมครูบาร์อาจารย์ท่านถึงให้มาอยู่ที่นี่รู้แล้วว่าให้เรามาทำไมค่ะ ให้เรามาเพื่อช่วยเหลือคนให้มีดวงตาเห็นธรรม จากที่ได้พบกับคนที่อยู่ในพื้นที่นี้จะใช้อะไรสักอย่างก็เป็นเงินเป็นทองไปเสียหมดการช่วยเหลือด้วยน้ำใจเหมือนคนไทยยุคโบราณนั้นไม่มีอีกแล้วค่ะ
กรรมของลูกชายผู้รับเหมาดินเพราะมีนิสัยฉ้อโกงกรรมก็มาตกอยู่กับลูกสาว ซึ่งเป็นเด็กไม่ดี ก้าวร้าวพ่อแม่ทำให้พ่อแม่เสียใจไม่เว้นวันค่ะ แต่ก็ไม่กล้าบอกทางแก้ไขเขาหรอกค่ะเพราะเขามาแต่ละครั้งก็พูดถึงแต่เงิน จะทำอย่างโน้น จะทำอย่างนี้ มั้ยพยายามสร้างงานเพิ่มให้ได้กะตัง แต่ อ.เจน เขารู้ทันก็ไม่สนใจ แต่จะแข็งข้อกับเขาหรือทำเป็นรู้ดีก็ไม่ได้ ต้องทำเป็นไม่รู้ แต่ก็ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ เพราะไม่อยากมีเรื่องกับคนพื้นทีค่ะเรายังเป็นคนใหม่ของที่เมืองนี้ค่ะ กรรมของลูกสาวผู้รับเหมา...เรื่องนี้เปิดเผยไม่ได้ แต่ อ.เจน เห็นภาพการตายของลูกสาวของชายผู้นี้ลูกสาวเขาเป็นแฟนพันแท้คนอวดผีด้วยค่ะ เจอ อ.เจน กรี๊ดใหญ่ แต่ภาพการตายที่ อ.เจนเห็นเป็นสภาพที่น่าสงสาร เพราะกรรมจากสัมมาอาชีพของพ่อแท้ ๆ ค่ะ ชายผู้นี้เขารักลูกสาวคนนี้มาก อ.เจน เห็นภาพลักษณะการตายด้วย แต่ไม่กล้าเตือนเพราะสัตว์โลกต้องเป็นไปตามกรรม อ.เจน ว่า เราแก้กรรมให้เขาไม่ได้เพราะพ่อเขาไม่เชื่อเรื่องบุญกรรมเตือนไปก็ไม่เป็นผล เขาฉ้อโกง.....ค่ะ
อานิสงส์ผลบุญของผู้บริจาคเกี่ยวกับที่ดิน เรื่องมีอยู่ว่าบ่ายโมงกว่าแล้วยังไม่ได้มีอะไรตกถึงท้อง ร้างรวงก็ไม่มีให้เห็นอาจารย์จึงขับรถพาไปไกลอยู่เหมือนกัน ร้านอาหารป่า แต่เมื่อไปถึงร้านอาหารตามสั่งก็ต้องนั่งรอแม่ค้าอีก ในระหว่างที่ทุกคนกินน้ำลูบท้องกันอยู่นั้นสายตาทุกคนก็จ้องอยู่ที่จอโทรทัศน์ ก็ปรากฏเป็นภาพข่าวดาราหญิงชื่อเสียงก้องฟ้าของเมืองไทยคนหนึ่งได้รับเชิญไปร่วมงานแฟชั่นโชว์งานเครื่องสำอางชื่อดังยี่ห้อหนึ่งในต่างประเทศค่ะ พวกเราต่างก็ชื่นชมความสวยงามของเธอผู้นี้ แต่ไปทันใดนั้น อ.เจน เพ่งจิตไปดูว่า เธอผู้นี้ทำกรรมดีอะไรมา ก็ปรากฏภาพ ว่าเธอผู้นี้เพียงแค่บริจาคที่ดินให้กับเด็กนานาชาติได้อยู่อาศัยส่งผลให้ได้กินบุญเก่าในชาตินี้ เธอผู้นี้มักจะเดินทางไปต่างประเทศบ่อยมากกว่าผู้อื่นคือ และโด่งดังมากด้วยค่ะ ต่ออีกนิดเมื่อวานมีผู้บริจาคแท้งน้ำ 3.000กว่าลิตรไม่มีคนยกติดรถมามีแต่คนขับรถเพียงคนเดียวดีว่าวันนั้นทีมงานชายมีหลายคนยกกันเกร็งเลยดิฉันเห็นแล้วทุกคนช่วยกันเพราะ อ.เจน เป็นหลักรวมใจของเขาจริงๆไม่มีใครบ่นหนักแต่ดิฉันเห็นว่าเดินกันเซเชียวค่ะ แต่ดิฉันลุ้นกลัวว่าแท้งจะบุบ นิสัย... จากที่ดิฉันได้เล่าเรื่องราวสะยาวนานนี้ก็มาจากใจค่ะเพราะได้ไปกับ อ.เจน และเข้าใจในความเสียสละ และความยากลำบากของ อ.เจน และคุณรุ้งแล้วเข้าใจมากว่า ทั้งสองท่านนี้ไม่ย่อท้อและตั้งมั่นจริง ๆ ค่ะ สุดท้าย ท้ายที่สุดนี้ดิฉันขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านผู้มีจิตศรัทธา ท่านผู้บริจาค ที่สนับสนุนงานบุญของอ.เจน ทุกบุญ ด้วยเชื่อมั่นในบุญเป็นอย่างยิ่งค่ะ
เรื่องที่สองที่ต้องเล่า
สิ่งมหัศจรรย์......อ.เจน ได้พบ ณ สถานที่แห่งพุทธภูมิ ตามที่ดิฉันได้รายงานเป็นเรื่องเล่าให้ทุกท่านได้รับทราบไปแล้ว เมื่อวันเสาร์-อาทิตย์ (7-8 มิ.ย.57) ที่ผ่านมา โดย อ.เจน คุณรุ้ง และทีมงานเริ่มเดินทางกันตั้งแต่เช้าวันเสาร์ ตี 4 เดินทางกลับวันอาทิตย์ตี 1 โดยประมาณ กลับมาจัดข้าวของขนย้ายจันทร์เย็น วันอังคาร อ.เจน คุณรุ้ง และทีมงานทุกท่านได้เสียสละเวลาส่วนตัวในช่วงวันธรรมดาที่ไม่ใช่วันหยุดไปกันอีกแล้วไม่ได้พักผ่อนกันหรอกค่ะ และหากท่านได้เดินทางไปก็จะได้รู้เองว่า ระยะทางระหว่างกรุงเทพฯ-เพชรบูรณ์ไม่ใช่กรุงเทพฯ-ฝั่งธนบุรี นะค่ะ มันไกลมากค่ะ การเดินทางแต่ละครั้งไม่ใช่สนุกพวกเรานั่งกันจนก้นกบด้านกันเลยทีเดียวเชียวค่ะแต่ระดับ อ.เจน แล้ว กิจกรรมที่ อ.เจน ตั้งใจกระทำเพื่อบุญไม่ได้ทำอะไรแบบขอไปทีหรือทำงานเฉพาะหน้าให้เสร็จๆ ลวก ๆ กันไป ไม่ค่ะ อาจารย์ไม่ทำอย่างนั้นค่ะ แต่การเดินทางครั้งนี้ไปเพื่อควบคุมดูแลในการเตรียมความพร้อมของสถานที่ ไม่ว่าจะเป็น น้ำ ไฟเต้นท์กันความร้อน พัดลมทำความเย็น อะไรต่อมิอะไรจิปาถะ สำหรับการเททองหล่อพระประธานในวันที่ 22 มิ.ย.57 ที่จะถึงนี้ค่ะ ดิฉันมีเรื่องตื่นเต้นที่อยากจะเล่าลือเป็นอย่างมากค่ะ อยากให้ทุกท่านได้รับรู้เอาไว้เป็นพื้นฐานย่อย ๆ เกี่ยวกับสิ่งมหัศจรรย์ที่นับวันก็จะยิ่งปรากฏขึ้นทุกวันค่ะเรื่องมีอยู่ว่า 1. ครั้งแรกที่ อ.เจน และ คุณรุ้ง ได้เหยียบย่างมาที่ดินแดนแห่งนี้จึงรู้ได้ว่า ที่นี่ เป็นมิติทับซ้อนระหว่างโลกมนุษย์และสวรรค์ที่อยู่ใกล้กันแค่เอื้อม ในอดีตชาติหนึ่ง อ.เจน และทีมงานติดตามหลายคนได้เคยเป็นเทวดานางฟ้าอยู่ในดินแดนสรวงสวรรค์แห่งนี้แต่อยู่ตามระดับลดหลั่นกันไปแต่ละชั้นวิมานของตน และอีกภพชาติหนึ่ง อ.เจนเป็นพระธุดงค์มาโปรดสัตว์โลก ซึ่งเดินทางมาพร้อมกับพระเพื่อนรวม 4 รูป ต่อมา อ.เจน ได้มรณภาพและถูกเผาด้วยกองฟอน ณ สถานที่แห่งนี้ โดยในภพชาตินั้น คุณรุ้งเป็นเจ้าเมืองที่ได้รับมอบหมายให้มาปกครองสถานที่แห่งนี้ อ.เจน บอกว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องบังเอิญค่ะ
2. เมื่อวันทำพิธีบวงสรวงเล็ก ๆ เพื่อบอกกล่าวต่อเจ้าที่เจ้าทางรวมทั้งบอกกล่าวต่อพระแม่ธรณี และเหล่าเทวดา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ณ สถานที่แห่งนี้ท่านเจ้าที่ก็มาปรากฏให้เห็น ด้วยชุดชีปะขาว โจงกระเบน สร้อยปะคำสีดำเม็ดใหญ่มากผมเกล้ามวยสีขาว ท่านมีเมตตามากที่ได้รู้ว่า อ.เจน มีจุดประสงค์จะสร้างสถานที่ปฏิบัติธรรมรวมทั้งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างมาแส้ซ้องสรรเสริญ จำได้ว่า วันนั้นช่างมหัศจรรย์มากดิฉันเล่ากี่ครั้งก็ยังตื่นเต้นอยู่ดีค่ะเพราะได้เห็นมากับสายตาตนเองและผู้อื่นก็เห็นตามที่ได้เล่าไปแล้วนั้นแหละค่ะ
3. ที่นี่มีอะไรบ้าง เป็นมิติทับซ้อนของสวรรค์ มีประตูสวรรค์และมีดินแดนลับแลอยู่บนภูเขา อ.เจน บอกว่า สถานที่แห่งนี้เป็นดินแดนใกล้สวรรค์มากดังนั้น การปฏิบัติธรรม การทำความดีใดเหล่าเทวดาทั้งหลายต่างก็ได้มาแส้ซ้องสรรเสริญและมาร่วมอนุโมทนาบุญด้วยทุกครั้ง สิ่งศักดิ์สิทธิ์และเหล่าเทวดาทั้งหลายก็จะไปบอกต่อๆ กันไปว่า ให้มาอนุโมทนาพวกมนุษย์ที่ทำความดีและเหล่าเทวดาก็จะมารักใคร่ปกปักรักษาเราค่ะ ดีใจมั้ยค่ะ ทุก ๆ ท่านและท่านที่ได้ร่วมบริจาคทั้งหลายมีหรือที่เหล่าเทวดานางฟ้าจะไม่มาอนุโมทนาบุญกับทุกท่านอ.เจน บอกยังบอกอีกว่า เทวดาท่านทำบุญไม่ได้แต่ท่านจะได้บุญจากมนุษย์ด้วยการอนุโมทนาบุญท่านต้องการบุญจากมนุษย์ด้วยเช่นกันค่ะ
4. เรื่องเหลือเชื่อสิ่งสุดท้ายที่น่าอัศจรรย์ใจเป็นอย่างมากน่าตื่นเต้น น่าทึ่ง และน่าพึงพอใจว่าสถานที่แห่งนี้ไม่ผิดแล้วที่ อ.เจน ได้มาพบเจอค่ะ เรื่องนี้มีอยู่ว่า อ.เจนได้พบผู้หญิงที่สวยงามมากราวกับนางอัปสรบนสวรรค์ จากการเปิดมิติทับซ้อนนี้ อ.เจนได้พบเห็นหญิงสาวนางนี้เธอกำลังนั่งทอผ้าสีทองผืนใหญ่ อ.เจนได้ใช้จิตคุยกับเธอผู้นี้ว่าเรามาดี เรามาเพื่อสร้างสถานที่ปฏิบัติธรรมแต่เราไม่มีเงินเหลือแล้ว เพราะเงินที่ได้จากการรับบริจาคก็ได้ใช้จ่ายไปกับการซื้อที่ดินการถมที่ดิน และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ อีกมากที่ต้องใช้จ่ายอีกมาก ขอให้ท่านได้รับรู้และขอให้ท่านรับทราบในความตั้งใจจริงของข้าพเจ้าด้วยหญิงสาวคนนี้ก็หยุดชะงักนิดหนึ่งและหันหน้ามายิ้มให้และหันกลับไปทอผ้าผืนนั้นต่อไปไม่สนใจอ.เจน อีกต่อไป ซึ่งเรื่องนี้ อ.เจน ตื่นเต้นมาก แต่ก็ยังคงข้องใจมากว่าทำไมหญิงคนนี้ไม่พูดอะไร แต่สีหน้าพึงพอใจมาก ต่อมาอ.เจน ได้มองไปที่ภูเขาลูกเดิมที่ได้เคยเห็นหญิงผู้นี้มาครั้งหนึ่งแล้วด้วยสมาธิก็ปรากฏ เห็นภาพหญิงสาวผู้นี้อีกครั้งหนึ่ง น่าอัศจรรย์มั้ยค่ะ แต่ครั้งนี้ชัดเจนกว่าเดิมเธอก็ยังคงทอผ้าผืนเดิมเป็นผ้าผืนใหญ่สีทอง หญิงสาวผู้นี้ใส่ผ้าแถบสีดำกล้าผมมวยจันทร์สูง ปักด้วยปิ่นเงิน เครื่องประดับเป็นเงินทั้งหมดตัดกับผ้าสีดำค่ะ เมื่อพบเธอผู้นี้อีกครั้ง จึงใช้จิตคุยกับเธอผู้นี้อีกครั้ง ว่าเรามาเพื่อสร้างสถานที่ปฏิบัติธรรม ในวันอาทิตย์ที่ 22 มิ.ย.57 นี้เราจะนำพาผู้คนมาร่วมกันเททองหล่อพระประธานณ สถานที่แห่งนี้ขอให้ท่านมาร่วมอนุโมทนาบุญกับพวกเราด้วย ทันใดนั้นหญิงผู้นี้ได้รับทราบและยินดีในบุญใหญ่ครั้งนี้มาก ทำให้เธอหยุดชะงักจากการทอผ้าและหันมายิ้มให้ อ.เจน อีกครั้งค่ะ อ้อลืมไปค่ะ อ.เจน บอกว่าหญิงสาวที่นั่งทอผ้าไม่ทอผ้าเปล่าเธออธิษฐานตลอดเวลา ว่า “ผ้าผืนนี้ทอเพื่อถวายแด่พระศรีอาริยะเมตไตรย”เธอพร่ำอธิษฐานตลอดเวลา อ.เจน ได้ยินอย่างนั้นจริงๆ ผู้หญิงคนนี้สายตาไม่เคยละจากผ้าที่เธอบรรจงทอเลยแม้แต่น้อยแต่เมื่อได้ยินเสียงคำพูดที่ อ.เจน กล่าวว่า จะทำการเททองหล่อพระประธาน เท่านั้นแหละค่ะที่เธอหยุดและละสายตาจากผ้าผืนที่ทอ โดยหันมามอง อ.เจน และยิ้มให้ค่ะ อ.เจนกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ผู้หญิงคนนี้อาศัยอยู่ในเมืองโบราณเป็นมิติทิพย์บังอยู่ที่นั่นเป็นสถานที่ที่กษัตริย์หรือคนที่มียศสูงศักดิ์อาศัยอยู่ด้วยโดยมีผู้คนมากราบไหว้ด้วย นอกจากนี้ยังมีเมืองลับแลอีกด้วยค่ะ อ.เจนไม่เคยรู้ประวัติของหญิงผู้นี้มาก่อนค่ะ แต่ในญาณวิถีของอ.เจน รู้ด้วยว่า เธอเป็นผู้ถูกสาบจะหยุดคำอธิษฐานนี้ไม่ได้เป็นอันขาดแต่ด้วยเสียงของ อ.เจน ดังไปถึงเธอ ๆ เป็นผู้ศรัทธาในบุญเมื่อได้ยินจึงดีใจหันมามอง และหยุดการอธิษฐานและหยุดทอผ้า เมื่อ อ.เจนมาเล่าให้ฟัง คุณรุ้ง บอกว่าได้เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนตั้งแต่เด็กแต่จำไม่ได้ จึงทึ่งว่า อ.เจน ได้เห็นและเล่าเรื่องที่คุณรุ้ง ได้รับรุ้มาแต่เด็กว่า มีอยู่จริง ตามที่เขาเล่าขานกันมา แต่ อ.เจนไม่รู้จักและไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน เมื่อหารือกันแล้ว ทุกคนต่างก็ไปหาข้อมูลกับพี่กูลเกิ้ลจึงได้รู้ว่า มีเรื่องอย่างนี้อยู่จริงค่ะ เป็นประวัติที่เหลือเชื่อที่มีอยู่แล้วแต่ อ.เจน ไม่รู้มาก่อน และที่น่ามหัศจรรย์มากที่สุดก็คือ อ.เจนได้เห็นรูปร่างหน้าตาของเธอว่าสวยงามขนาดใด แต่พี่กูลเกิ้ล เป็นแค่ประวัติที่เล่าขานต่อกันมาค่ะ ตามประวัติเป็นดังนี้ค่ะ ตำนานนางพระจันทร์ ครั้งนั้นมีอสูรตนหนึ่งชื่อท้าวกกขนากซึ่งเป็นเพื่อนกับปู่เจ้าเขาเขียวยักษ์ตนนี้ตั้งตนเป็นใหญ่เที่ยวไล่จับมนุษย์กินเป็นอาหารร้อนถึงพระรามต้องลงมาปราบ พระองค์ทรงใช้เขากระต่ายมาทำเป็นคันศรใช้หนวดเต่ามาขึงเป็นสายและใช้หญ้าปล้องทำเป็นลูกศรแผลงไปฆ่าท้าวกกขนากฤทธิ์ศรทำให้พญายักษ์กระเด็นจากกรุงลงกาในชมพูทวีปมาตกบริเวณเขาวงพระจันทร์จังหวัดลพบุรี แต่ยักษ์ตนนี้ยังไม่ตายเพียงแต่สลบไปเพราะฤทธิ์ศรของพระรามเท่านั้นพระรามจึงทรงสาปให้ศรดังกล่าวปักอกตรึงยักษ์ตรงนี้ไว้บนยอดเขาชั่วกัลป์จะได้ไม่ไปทำอันตรายใครๆ ได้ อีก ศรที่ปักอกท้าวกกขนากนั้นจะคลายความแน่นลงทุกๆสามปี และถ้าปล่อยให้ลูกศรหลุดจากอกได้เมื่อท้าวกกขนากก็จะกลับฟื้นคืนชีวิตลุกขึ้นมาจับคนกินหมดทั้งเมือง นอกจากนี้ยังทรงสาปต่ออีกว่าเมื่อใดที่บุตรีของท้าวกกขนากซึ่งมีนามว่านางนงประจันต์ หรือนางพระจันทร์ นำใยบัวมาทอเป็นจีวรจนสำเร็จเป็นผืน เพื่อนำไปถวายแด่พระศรีอาริยะเมตไตรยที่จะทรงเสด็จมาตรัสรู้ในกาลข้างหน้า ท้าวกกขนากจึงจะพ้นคำสาปดังนั้นบุตรสาวของงท้าวกกขนาก จึงต้องอยู่คอยปรนนิบัติดูแลพระบิดาและพยายามทอจีวรด้วยใยบัว เพื่อให้เสร็จทันถวายพระศรีอาริยะเมตไตรยที่เสด็จมาตรัสรู้ในอนาคตกาล
***สิ่งที่ทุกท่านไม่รู้ก็คือ เสียงของคนมีญาณวิถีถ้าได้กล่าวสิ่งใดไปก็จะดังไปถึง 3 โลก คือ มนุษย์โลกนรกภูมิ และ สวรรค์ และเสียงของ อ.เจนสามารถบอกกล่าวในเรื่องของบุญให้ทั้ง 3 โลกรับรู้ได้ทำให้บุญที่เราได้ทำจะย่นย่อภพชาติลง เปรียบเสมือนการเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปจ.เชียงใหม่ แทนที่จะต้องใช้เวลาเดินทางไปหลายชั่วโมงก็จะย่นย่อเวลาให้สั้นลงได้ค่ะ

การเททองหล่อพระประธานเป็นองค์ปฐม ที่กล่าวมาแล้วนี้เป็นพิธีเททองหล่อพระประธานที่อ.เจน จะจัดขึ้นนี้ต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน ที่ไม่เหมือนใครก็คือที่สถานที่แห่งนี้ทำการหล่อพระประธานเป็นครั้งแรก เป็นการเบิกฤกษ์เป็นองค์ปฐมองค์แรกของสำนักปฏิบัติธรรมวิปัสสนาญาณที่ยังไม่เคยทำพิธีดังกล่าวมาก่อนที่นี่เป็นแห่งแรกค่ะแล้วคุณจะได้มหากุศลขนาดใดก็ลองคิดดูซิค่ะ แต่ทุกท่านที่ได้ไปร่วมงานเททองหล่อพระซึ่งบางท่านอาจจะไปมามากแต่ดิฉันเชื่อว่าที่วัดหรือสถานที่แห่งนั้นได้เคยทำการเททองหล่อพระมาแล้วเป็นแน่องค์ที่ท่านหล่อนั้นคงจะเป็นองค์ที่ 2 หรือ 3 หรือ 4 นั่นก็แล้วแต่ทางวัดจะจัดพิธีหล่อพระที่อาจจะเป็นกิจกรรมของทางวัดเพิ่มเติมก็อาจเป็นได้ค่ะ แต่สำหรับงานบุญของ อ.เจนจะไม่ทำอะไรที่ซ้ำซ้อน ทุกอย่างจะมีเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ค่ะ ดังนั้นแม้แต่ข้าวของบริจาคที่ อ.เจน เห็นว่าเพียงพอแล้ว ก็จะไม่ขอรับบริจาคเพิ่มเติมอีกเพราะจะทำให้มีข้าวของเหลือใช้ล้นเหลือมากจนเกินไปเกินต่อความจำเป็นต้องใช้ค่ะอ.เจน บอกว่า ตามสถานที่ต่าง ๆ มีข้าวของมากเกินไปเห็นแล้วก็เสียดายค่ะ

เรื่องที่เล่ามานี้ก็เท่านี้แหละค่ะเอาไว้ท่านมาร่วมงานเททองหล่อพระก็จะได้มาพบเห็นสถานที่จริงและยิ่งท่านได้มานั่งสมาธิปฏิบัติธรรมณสถานที่ที่ใกล้ชิดกับมิติสวรรค์อย่างนี้ดิฉันก็ไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไรถึงจะถูกค่ะ อย่าลืมนะค่ะหากท่านได้มีโอกาสมาปฏิบัติธรรมร่วมกันท่านอาจจะเป็นบุคคลหนึ่งที่ได้เห็นสิ่งที่ดิฉันเล่ามานี้ก็ได้ค่ะ เรื่องของพระมหาจำเนียรข้างวัดบางพลัด ดิฉันขอเล่าเรื่องของท่านเป็นวิทยาทาน ให้ท่านผู้อ่านได้รู้ว่าบุญบาปมีจริง เป็นการแถมท้ายรายการสักหน่อยนะค่ะ เรื่องมีอยู่ว่าพระมหาจำเนียรท่านนี้ เพิ่งมรณภาพไปไม่นานมานี้ประมาณต้นเดือนเมษายน 2557 ที่ผ่านมานี้ ดิฉันพบท่านบ่อยค่ะ เพราะทุกครั้งที่มาบ้าน อ.เจนแต่เช้าก็มักจะใส่บาตรกับท่านเป็นประจำเพราะท่านจะมีเก้าอี้นั่งรับบาตรอยู่ในตลาดค่ะและท่านจะให้พรนานมากค่ะ จึงจำได้ดีและก่อนหน้าที่จะถึงช่วงเทศกาลสงกรานต์ท่านมาบอกกับแม่ตี้ว่า ถ้าที่บ้านทำบุญบังสุกุลครอบครัวอย่าลืมนิมนต์ท่านนะท่านประสงค์จะมาบ้านอ.เจน แต่พอใกล้ถึงวันงานทำบุญจริงๆ เข้าปรากฏว่า ท่านได้มรณะภาพที่วัดแถวจังหวัดสระบุรี หรือสุพรรณบุรีก็จำไม่ค่อยได้ค่ะ จึงไม่ได้มางานทำบุญบ้านอ.เจน แบบมีชีวิต แต่ท่านก็มาตามคำพูดท่านมารอรับบุญที่หน้าบ้าน อ.เจนค่ะท่านมาแต่เข้าบ้านไม่ได้ท่านเป็นพระสงฆ์นะค่ะแต่ทำไมท่านจึงต้องมารอรับบุญแปลกใจอะไรมั้ยค่ะ ต่อจากนั้นมาก็ประมาณต้นเดือนมิถุนายนนี้ก่อนที่ อ.เจน คุณรุ้ง จะเดินทางไปเพชรบูรณ์วันที่ 7 มิ.ย.57 เพียง 1 วันเท่านั้นคุณรุ้ง นิมิตฝันไปว่า ท่านมายืนอยู่ที่เกาะกลางถนน ท่านเรียกโยมรุ่ง ๆ ๆ(บางครั้งท่านก็เรียกโยมทนาย ซึ่งจริงค่ะท่านเรียกอย่างนั้นจริงๆ) แต่ครั้งนี้ท่านเรียกว่าโยมรุ่ง เมื่อได้ยินเสียงเรียก คุณรุ้ง ก็หันไปตามเสียงเรียกของท่านซึ่ง คุณรุ้ง จำได้แม่นยำว่าเป็นพระมหาจำเนียร ก็จึงเดินเข้าไปหาท่านแต่ก็มีเสียงดังมาว่า อย่าเข้าไปใกล้ท่านมาก เพราะนั่นเป็นอีกมิติหนึ่ง คุณรุ้งจึงหยุด และพระท่าน จึงพูดว่า โยมรุ่งเห็นโยมทำบุญมามากมายยังไงก็ช่วยอุทิศบุญให้อาตมาบ้างนะ นี่คือข้อคิดที่ว่า แม้แต่พระท่านยังต้องการบุญก็แสดงว่า ท่านคงไม่ได้ไปอยู่ในภพภูมิที่ดีเป็นแน่ จึงต้องการบุญค่ะ คุณรุ้งบอกว่า ท่านกำลังลำบากอยู่ในนรก ท่านผู้บริจาคทั้งหลายท่านจะเอาอะไรไปได้นอกจากบุญค่ะ ถ้าทุกคนช่วยกันสละทรัพย์คนละเล็กคนละน้อยเพียงจำนวนเงิน 20 – 50 – 100 บาท หรือแล้วแต่กำลังศรัทธาของทุกท่านท่านก็ได้แล้วค่ะ และตามที่ ขณะนี้ได้มีโครงการสร้างห้องน้ำที่ได้ตั้งจำนวนเงินไว้ห้องละ 50,000 บาทนั้น ไม่ใช่ราคาที่แท้จริงนะค่ะเพราะราคาที่แท้จริงของห้องน้ำที่ช่างเขาตีราคาที่จริงแล้ว ช่างรายที่หนึ่ง ตีราคาห้องละ 120,000 บาท ช่างรายที่สอง ตีราคา ห้องละ 130,000 บาท แต่ อ.เจน และคุณรุ้ง เห็นว่าตั้งราคาห้องไว้ครึ่งหนึ่งก็ด้วยเหตุผลที่ว่าท่านผู้บริจาคก็ช่วยเหลือมาเต็มกำลังแล้วดังนั้นการสร้างห้องน้ำจึงต้องค่อยเป็นค่อยไปค่ะ แต่หากท่านผู้อ่านที่มีกำลังทรัพย์มากช่วยกันระกำลังสนับสนุนให้ได้ห้องน้ำครบตามจำนวนที่กำหนดได้เร็ววันก็จะเป็นการดีค่ะและก็ขออนุโมทนาบุญด้วยค่ะ เพราะท่านจะมีส่วนช่วยให้ อ.เจน ได้นำพาคนไปปฏบัติธรรมณ สถานที่แห่งพุทธภูมิโดยเร็ววันยิ่งขึ้น ห้องน้ำสำคัญมากค่ะขอมีเพียงห้องน้ำ เราก็สามารถกางเต้นท์นอน และปฏิบัติธรรมกันได้แล้วค่ะขอให้เชื่อค่ะบุญมีจริงค่ะ


เรื่องที่ดิน เล่าเรื่องตอนที่ 3 ที่ดิน 12 มิถุนายน 2557 มีเรื่องเล่าต่อและเป็นเรื่องที่ต้องร้องขอ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกท่านคงเข้าใจเปรียบเสมือนว่าเราซื้อที่ดินมาแปลงหนึ่งเพื่อสร้างบ้าน ก่อนสร้างบ้านเราก็ต้องปรับพื้นที่ดินเราต้องใช้สิ่งต่าง ๆ เพื่อทำการก่อสร้างบ้านหลังหนึ่งขึ้นมาแต่บ้านหลังนี้เป็นบ้านหลังใหญ่ เป็นบ้านที่คอยต้อนรับแขกผู้มาเยือนและแขกผู้มาเยือนก็ต้องสุขสบายใจเมื่อได้เข้ามาพำนักพักพิงในบ้านหลังนี้ ค่ะ เมื่อวันพฤหัสบดีที่12 มิถุนายน 2557 อ.เจน คุณรุ้งและทีมงานที่ไปช่วยกันจัดเตรียมงานเททองหล่อพระประธาน ซึ่งคณะทำงานเดินทางไปกันตั้งแต่วันอังคารจนถึงวันนี้ก็ยังไม่ได้กลับมากรุงเทพฯ คาดว่าจะกลับวันเสาร์ หรืออาทิตย์ก็เป็นได้ค่ะ แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือ เมื่อได้อยู่ในสถานที่แห่งนั้น ส่วนมากเวลาที่อ.เจน และ คุณรุ้ง ไปตรวจดูการทำงานที่หน้างานก็ต้องเดินไปและเดินกลับมา เดี๋ยวก็ต้องเดินไปอีกแล้ว ถ้าแดดร่มลมเย็นก็ไม่เท่าไหร่แต่ถ้าแดดร้อน เปรี้ยง เปรี้ยง ต้องเดินกันตาหยีเหงื่อตก เสื้อเปียกเหงื่อ ขอบอกว่าเหนียวตัวมาก ๆ ค่ะ เมื่อเป็นเช่นนี้คุณรุ้ง จึงนำรถจักรยาน (สีชมพู) ที่มีผู้บริจาคนำมามอบให้ ซึ่งมีเพียง 1 คัน ไปใช้งานที่สำนักปฏิบัติธรรมฯ นี้แหละค่ะ เพราะว่า ระยะทางระหว่างหน้างานที่เขาขุดตักดินกับกระต๊อบที่พักมันไกลกันมากประมาณ 20 ไร่ค่ะ เรื่องนี้ดิฉันขอเม้า พื้นถนนหนทางเป็นดินสีแดงและดินสีดำ ดินที่นี่เป็นดินดีสีดำ ที่นี่เขาใช้ปลูกข้าวโพด และถ้าพื้นดินแฉะเพราะฝนตกพวกเราก็จะเดินกันไปมาแบบว่ารองเท้าหนาเป็นศอกแต่ถ้าเหยียบลงไปแต่ละก้าวนานนานเข้า เราก็เดินกันขาถ่างเหมือนหุ่นยนต์กันเชียวค่ะแต่ที่นี่ฝนตกทุกวัน ดังนั้น ดินที่ยังไม่ลาดยางหรือลาดปูนซีเมนต์ หากฝนเกิดตกขึ้นมาก็ไม่ต้องคิดอะไรกันมากค่ะถนนจะลื่นเพราะหน้าดินลื่นและเละค่ะ ปัญหา ก็คือ - พื้นถนนที่ดินเปียกแฉะ รถจักรยานขับไม่ได้เพราะพื้นดินลื่นไถลไม่สามารถขับไปได้ - รถบรรทุกขนดิน รถขุดดิน ก็ยังคงทำงานอยู่ที่ด้านหน้าของที่ดินและขนย้ายไปไว้ที่ด้านหลังของที่ดินซึ่งก็ต้องวิ่งไปดูงานที่ด้านหลังด้วยค่ะ - ช่างรับทำป้ายชื่อสำนักปฏิบัติธรรมฯ ก็เริ่มมาวัดพื้นที่เพื่อเตรียมการก่อสร้างกำแพงป้ายชื่อที่จะเริ่มดำเนินการในส่วนด้านหน้าทางเข้าของที่ดิน ระยะห่างจากกระต๊อบที่พักประมาณ20 ไร่ ทำให้การเดินไปตรวจงานก็ต้องเดินไปและเดินกลับวันละหลายรอบค่ะ - การต่อน้ำประปาใช้ในสำนักฯ น้ำประปาที่นี่ค่อนข้างใช้ลำบากสักหน่อย เพราะเป็นน้ำบาดาลใช้ล้างอาหารการกินไม่ได้ค่ะ หากกักเก็บน้ำไว้ในถังเก็บน้ำก็จะเห็นรอยคราบน้ำเป็นด่างฝ้าสีขาวเลยค่ะ ชาวบ้านแถวนี้เขาใช้น้ำที่เรียกว่าน้ำประปาแต่เป็นน้ำประปาของหมู่บ้านที่เป็นน้ำบาดาลที่อยู่ในชั้นหิน(ที่นี่หินมากมายก่ายกอง) สีของน้ำจึงขุ่นข้นไม่สะอาดมากนัก แต่ชาวบ้านเขาใช้กันชนเคยชินแล้วเป็นเรื่องปกติค่ะ
ตามที่ดิฉันเล่าให้ฟังตั้งแต่แรกว่าอาหารที่นี่เขาขายให้เราค่อนข้างแพงมาก อ.เจน จึงได้นำเครื่องครัวมาทำอาหารกินกันเองจะได้ประหยัดค่าใช้จ่ายเพราะอยู่กันหลายคนเพื่อจะได้ทุ่นเงินเพราะเงินที่เรากินใช้กันอยู่นี้เป็นเงินค่าใช้จ่ายส่วนตัวของทุกคนแต่ละคนแชร์ ๆ กันค่ะ แต่ส่วนมาก อ.เจน กับ คุณรุ้ง จะออกค่าใช้จ่ายเสียเป็นส่วนใหญ่เพราะเป็นผู้ก่อตั้งโครงการฯ ก็เกรงใจลูกศิษย์ที่เสียสละเวลามาช่วยกันค่ะ แต่ไม่เฉพาะเท่านั้น อ.เจน กับคุณรุ้งก็เห็นช่างที่มารับจ้างหลายคนเป็นชาวบ้านตาดำๆเมื่อทำอาหารกินกันเองในหมู่คณะก็อดที่จะเมตตาสงสารพวกช่างเหล่านั้นไม่ได้เพราะเขาไม่มีรถที่จะไปหาซื้ออาหารที่ไหนบางคนก็ห่อข้าวมากิน บางคนก็ไม่มีกิน อ.เจน กับ คุณรุ้งจึงได้ทำอาหารเผื่อแผ่และแบ่งปันให้กับคนงานที่นั่นด้วยค่ะ ดิฉันก็ขออนุโมทนาบุญกับอาจารย์ทั้งสองด้วยค่ะ ที่ดิฉันพูดมานี้ก็อยากจะให้เห็นเป็นตัวอย่างที่ดีค่ะอาจารย์บอกว่าอยู่ที่ไหนก็ได้แต่เราจะไม่ห่างจากบุญ การทำทานก็ได้บุญค่ะ อาหารการกินและน้ำดื่มช่างไม่อดอยากค่ะแต่อาจารย์ไปตรวจงานหรือไปด้านหลังของที่ดินระยะทางไกลมากเวลาหิวน้ำก็อดเอา เพราะด้วยระยะทางไกลแสนไกลเวลาหิวน้ำก็ไม่คิดจะเดินกลับไปกินน้ำที่กระต๊อบอย่างแน่นอนค่ะเพราะกว่าจะเดินกลับมาอีกก็เหนื่อยมากค่ะ อาจารย์และทุกคนเวลาไปทำงานในที่ไกล ๆ จากกระต๊อบถ้าไม่มีน้ำดื่มกินก็คิดเหมือนกันว่าแม้จะหิวยังไงก็ไม่กลับไปกินเพราะมันไกลมากค่ะ จะแบกน้ำขึ้นไปก็ไม่ได้เพราะเวลาเดินขึ้นไปที่เนินเขาก็ต้องถือ มีดพร้า เสียม จอบ ติดมือไปด้วย อีกมือก็ต้องถืออย่างอื่นไปด้วย ถ้าจะมาแบกกระติกน้ำก็ไม่เข้าเรื่องดังนั้น ก็ต้องกินน้ำไปให้อิ่มเสียก่อน แต่พอเสียเหงื่อจริง ๆ ก็หิวน้ำจนได้ทุกทีไปค่ะ
มีเสียงเทพหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ มาบอกกล่าว คุณรุ้ง เล่าว่า อ.เจน และคุณรุ้ง ก็ต้องคิดวางแผนทุกวันว่าวันพรุ่งนี้จะต้องทำอะไรบ้าง เพราะการลงทุนไปอยู่ที่สถานที่แห่งนั้นมีทั้งค่าใช้จ่ายของตนเอง และผู้อื่นที่ต้องประหยัดและทำสิ่งใดก็ต้องให้เกิดประโยชน์มากที่สุด ดังนั้นจึงได้วางแผนต่าง ๆ มันก็อยู่ในสมองแม้ยามหลับและยามตื่นจนเกิดการตึงเครียดทั้งร่างกายและจิตใจ นอนก็นอนตาไม่หลับสนิทเป็นอยู่อย่างนี้ทุกวัน เป็นมาก่อนการเดินทางไปสถานที่นั้นแล้วค่ะและแล้วคืนวันพุธที่ 11 มิถุนายน 2557 ก็มีเสียงผู้ชายน่าจะเป็นเสียงของเทพหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านเห็นใจอาจารย์ เพราะทั้งคู่ได้ยินเสียง พูดสั่งสอนว่า “ให้เอาแบบอย่างของแม่ชีบุญเรือนสิขอให้ปล่อยวาง คิดให้เป็นวันต่อวัน คิดปัจจุบันให้เหมือนแม่ชีบุญเรือน”
คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติมเคยเล่าถึงเหตุการณ์ตอนที่ท่านจะบรรลุธรรมไว้กับพระรูปหนึ่ง (หลวงตาสุวรรณ)อันมีนัยยะอันสำคัญตอนหนึ่งว่า “ตั้งใจจะขอปฎิบัติธรรมให้สำเร็จอยู่ที่ศาลาวัดสัมพันธวงศ์ เป็นเวลา 90วัน โดยถือศีล 8 บวชเป็นชี นั่งสวดมนต์ภาวนาเจริญวิปัสสนาตามแนวทางของท่านเจ้าคุณพระมหารัชชมังคลาจารย์เจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศ์ (ในสมัยนั้น) การปฏิบัติธรรมดำเนินไปจนล่วงเข้าวันที่ 89ก็ยังไม่สำเร็จธรรมหรือเห็นธรรมแต่ประการใดจึงคิดท้อใจกลับบ้านที่บ้านพักตำรวจปทุมวัน ได้พบกับสิบตำรวจโทจ้อย ผู้เป็นสามีซึ่งได้ทักมาว่า “กลับมาแล้วหรือ ?เมื่อกลับมาแล้วก็อยู่บ้านเถิด...” คุณแม่บุญเรือนจึงว่า “เมื่อจะให้อยู่บ้านก็ขอให้โยมจ้อยถือศีล 8 เลิกยุ่งเกี่ยวฉันสามีภรรยาจะได้ไหม ?”สิบตำรวจโทจ้อยก็รับคำ จากนั้นสิบตำรวจโทจ้อยก็ขอตัวออกไปปฏิบัติหน้าที่ราชการ ที่บ้านคงเหลือแต่โยมมารดาของคุณแม่บุญเรือนและหลานๆ 2-3 คน คุณแม่บุญเรือนจึงอาบน้ำ นุ่งขาวห่มขาวเตรียมตัวไหว้พระสวดมนต์ ขณะนั้นเป็นเวลาประมาณ 21.00 นาฬิกาเดือน 6 ขึ้น 14 ค่ำ ปี พ.ศ. 2470 จากนั้นคุณแม่บุญเรือนก็ได้แลเห็นโยมมารดาและหลานๆ นอนหลับกันหมดแล้ว โยมมารดานั้นมีอาการกรนส่วนหลานๆ ก็มีอาการละเมอบ่นพึมพำ และกัดฟันกรอดๆรู้สึกเกิดธรรมสังเวชเบื่อหน่ายต่อสภาพอย่างนั้นขึ้นมาในขณะนั้นทีเดียวว่า “เออ.....สังขารร่างกายนี้ถึงแม้จะหลับใหลไปแล้ว แต่ก็ยังมีเวทนาผุดซ้อนขึ้นมาอีกนะนี่...” ท่านจึงคิดอยากหลีกหนีเสียชั่วคราว ครั้นแล้วคุณแม่บุญเรือนก็ได้นั่งสมาธิกรรมฐานในห้องพระ จนกระทั่งถึงเวลาประมาณตี 2 ก็มีอาการแน่นหน้าอก อึดอัดหายใจไม่ออก คล้ายกำลังจะตาย จึงตั้งสติว่า “ถ้าจะตายก็ขอให้ตายในตอนนี้เถิดจะได้หมดเวรหมดกรรม ธรรมก็ยังไม่ได้บรรลุเลย” น่าอัศจรรย์ใจยิ่งนักเมื่อคุณแม่บุญเรือนคิดดังนี้เท่านั้น อาการทุกขเวทนาทั้งปวงก็พลันหายไปสิ้นบังเกิดความสว่างขึ้นมาทั้งตัว มีความใสสว่างอย่างสุดที่จะประมาณรู้ชัดว่าตนเองบรรลุอภิญญาถึง 5 อย่าง มีพระธรรมเข้าประทับเมื่อนึกอยากรู้อยากเห็นอะไร ก็รู้แจ้งแทงตลอดสว่างไสวไปหมด และยังได้อิทธิปาฏิหาริย์อีกด้วย!”

กรรมทันตา ตามที่ดิฉันได้เคยเล่าว่าผู้รับเหมาดินเขาชอบมีกลโกงดิน ซึ่ง อ.เจนได้ตักเตือนเสมอว่านี่คือเงินของผู้บริจาคเราใช้ด้วยความจำเป็น เขาก็ครับและดิฉันก็ได้แกล้งพูดเรื่องกฎแห่งกรกรมหลายครั้งเขาก็รับฟังอย่างดี พูดถึงขนาดว่านี่คือเรื่องจริง บางคนเขาเก็บเงินออมใส่กระปุกและอธิษฐานว่าจะนำมาร่วมบุญกับ อ.เจน วันละ 10 –20 บาท เขาก็ทำกัน และทีมงานก็รู้ดี จึงต้องช่วยกันควบคุมดูแลอย่างใกล้ชิด แต่เขาเป็นคนพื้นที่เราก็ไม่อยากจะมีเรื่องทำเป็นไม่รู้แต่ก็ต้องตรวจสอบการทำงานเขาตลอดเวลา วันอังคารที่ 10มิถุนายน ที่ผ่านมานี้ อ.เจน ได้อธิษฐานจิตระหว่างมอบเงินค่าจ้างขนดินของงวดวันนั้น ว่า “ด้วยเงินจำนวนนี้เป็นเงินของผู้บริจาคทุกบาททุกสตางค์ล้วนมีคุณค่าต่อสำนักปฏิบัติธรรมวิปัสสนาญาณแห่งนี้หากผู้รับเงินนี้ไปเป็นคนดีไม่คดโกง ก็ขอให้เขาเจริญรุ่งเรืองมีแต่สิ่งดีดีเข้ามาในชีวิตแต่หากเขาได้คดโกงเงินของผู้บริจาคนี้ไปก็ขอให้รับผลกรรมในเร็ววันนี้ให้ทันตาเห็น เพื่อจะได้สำนึกถึงผลบาปกรรมที่ทำด้วยเถิด” สิ่งที่ไม่น่าเชื่อก็เกิดขึ้นค่ะวันที่เขาได้รับเงินไป วันที่ 10 มิ.ย.57 หลังจากที่รับเงินไปในเย็นนั้นรถบรรทุก 10 ล้อ ของเขาไปเกี่ยวกับสายไฟฟ้าแรงสูงซึ่งสูงมากไม่รู้ว่าไปเกี่ยวได้อย่างไรสายไฟขาดสบั้นลงและมีแสงไฟฟ้าพวยพุ่งสะบัดตามแรงของกระแสไฟจนเกือบมาถึงตัวผู้รับเหมาคนนี้เขายืนตาค้างเกือบช๊อคต่อหน้าสายตาทุกคนรวมทั้งอ.เจน ด้วยค่ะ และในคืนวันที่ 11 มิ.ย.57 เขาจำเป็นต้องเสียเงินถึง 2,500 บาท เป็นค่าเสาไฟฟ้า โดยติดต่อกับช่างไฟ ซึ่งช่างไฟฟ้าคนนี้ก็โกงเหมือนกันจึงนำเสาไฟฟ้าที่มีรอยร้าวมาติดตั้งให้ และคิดเงินเต็มราคา เห็นมั้ยค่ะคนโกงกับคนโกงมาเจอกันในสถานที่ปฏิบัติธรรมฯ ต่อมาวันที่ 12 มิ.ย.57 รถบรรทุกวิ่งอยู่ดี ๆก็เกิดระเบิด ผู้รับเหมาคนนี้กระโดดหนีแทบไม่ทันหวิดตายและต้องมาเสียเงินซ่อมรถอีกค่ะ กรรมแท้ ๆ
นี่เป็นข่าวอัพเดทล่าสุดค่ะ
เรื่องที่ดิน ตอนที่ 4 ที่ดิน 13 มิถุนายน 2557 กรรมทันตา อย่างต่อเนื่องค่ะ ตามที่ดิฉันได้เคยเล่าเรื่องของว่าผู้รับเหมาตักดินเขาชอบมีกลอุบายต่าง ๆ นา ๆ ที่ทำให้ อ.เจน และคุณรุ้ง ต้องคอยสอดส่องดูแลและเดินไปๆ มา ๆ หลายเที่ยวก็ด้วยเรื่องการเล่นแร่แปรธาตุนี่แหละค่ะ อาทิเช่น การนำรถบรรทุกขนดินตักดินเสร็จครบ 12 ตักแล้วก็จริง (12 รถตักนี่ก็ต้องคอยนับกันนะค่ะ)แต่เคลื่อนรถไปได้ไม่ถึง 2 เมตร หรือช่วงระยะใกล้ ๆ ก็เทดินลงแล้วและรถไถกลบเกลี่ยทับเรียบ เท่ากับ 500 บาท/1 เที่ยว มันใช่มั้ยค่ะ ก็ตักกันอยู่แถวนั้นมันก็ไม่ใช่ก็ต้องคอยสั่งการว่าไปตรงโน้นไปตรงนี้ เผลอไม่ได้ค่ะที่กล่าวมาแล้วทั้งหมดมันเล็กน้อย เห็นมั้ยค่ะการโกงกินไม่มีเจริญและทำกับคนที่มีศีลคนที่เขาตั้งใจมีเจตนาบุญ และที่สำคัญคนที่มีญาณเป็นผู้มีบารมีหากพูดสิ่งใดไปก็จะดังไปถึง3 โลก ซึ่ง อ.เจน มักจะพูดกับดิฉันเสมอ ๆ ว่าหนูจะไม่พูดว่าหรือผูกใจเจ็บใคร ตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว พูดอะไรไปก็จะเป็นไปตามปากแต่ครั้งนี่ต้องพูดเพราะว่า ต้องการให้เห็นว่าบาปกรรมมีจริง แต่เขาไม่ได้สำนึกเลยทำไมถึงไม่สำนึกดิฉันจะบอกให้ค่ะ หลังจากเหตุการณ์ที่ผู้รับเหมาคนนี้ประสบเหตุเฉียดตายมาหลายวันแล้วซึ่งเป็นเวลาที่ติดต่อกันมาตั้งแต่วันที่ 10 มิ.ย.57 แต่ก็ไม่ได้สำนึกว่าเป็นเพราะตนเองทำผิดโกงคนอื่นเขา ที่ว่าเขาไม่สำนึกก็เพราะว่า อ.เจน และคุณรุ้งได้ชักชวนลูกศิษย์ไปถวายสังฆทานกันที่วัดใกล้ ๆ เมื่อผู้รับเหมาพบเห็นว่าจะไปทำบุญกันจึงพูดขึ้นมาว่า ดีครับไปทำบุญกันบ้างก็ดีครับ เพราะเจ้าที่ที่นี่แรงเหลือเกิน นี่ผมก็เสียเงินเสียทองไปมากมีแต่เรื่อง ซึ่งคุณรุ้ง บอกกับดิฉันว่านี่เขาจะรู้หรือเปล่านะว่าเราทำบุญตลอดไม่ได้นาน ๆ ทำที และสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขาก็ไม่ใช่เจ้าที่เจ้าทางท่านทำร้ายแต่เป็นเพราะตนเองต่างหาก แต่เมื่อวันที่13 มิ.ย.57 ก็เป็นเหตุการณ์เสียเงินเสียทองอย่างต่อเนื่องของผู้รับเหมาขนดินคนนี้ที่จะยังมีภาคต่ออีกค่ะไม่จบง่ายก็คือ ล้อรถบรรทุก ที่ขนดิน 3 คัน วิ่งขนดินจนดอกยางล้อรถหายหมดเพราะใช้แต่รถขาดการดูแลหรือกลัวเสียเงินก็ไม่รู้ค่ะ ที่นี้คนขับรถเขากลัวเกิดอันตรายยางล้อรถระเบิดจึงต้องขอเปลี่ยนล้อยางอีก3 คัน จำนวน 12 ล้อ ๆ ละ 7,000 บาท เสียเงินอีก 84,000 บาท นับจากวันแรก ๆ ปาเข้าไปเกือบแสนบาทแล้วกรรมจริงๆ ค่ะ
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านมาบอกกล่าว ดิฉันติดตาม อ.เจน ไปงานบุญต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นส่วนตัวหรือทัวร์บุญต่างๆ จึงได้รู้ว่า เสียงที่ อ.เจน นำผู้คนทำการ ตั้งจิตจบอธิษฐาน หรือ กรวดน้ำ นั้น ณสถานที่ต่าง ๆ นั้น จะดังไป 3 โลกจริง ๆ ค่ะแม่บางครั้ง เทพเทวาและสิ่งศักดิ์ พระแม่ธรณี พระแม่คงคา พญายมราช ต่างก็มาอนุโมทนาบุญต่างก็ดีใจที่ได้รับบุญมหาบุญที่ อ.เจน ทำอย่างไม่หยุดหย่อนและอย่างที่ดิฉันเรียกว่าไม่มีวันพักผ่อนบุญแม้แต่น้อยค่ะและบางท่านก็มาบอกว่าสิ่งที่อ.เจน ทำนั้นถูกต้องแล้ว ดิฉันจำได้ว่า ครั้งหนึ่ง อ.เจน ให้ลูกศิษย์นั่งสมาธิในห้องพระและมีเสียงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านพูดว่า “บุญจากการช่วยกันสร้างสถานที่ปฏิบัติธรรมจะสามารถย่นย่อ จะสามารถตัดภพตัดชาติไปถึง 500 ชาติ และบุญที่ทำนี้เป็นมหาบุญอันยิ่งใหญ่” และยังพูดอีกว่า “ ศีล เปรียบเหมือน ดิน , สมาธิ เปรียบเหมือน ลำต้น , ปัญญาเปรียบเหมือน ดอกไม้”
ซึ่งก็ไม่เสียหายอะไรไม่ใช่หรือค่ะถ้าเราเกิดมาเป็นมนุษย์ และเป็นมนุษย์ที่ทำความดี ดิฉันเชื่อว่า สวรรค์มีตา นรกมีตา เขาส่องจ้องมองดูเราอยู่ทุกฝีก้าว อ.เจน เคยบอกว่า เขาจะมีสมุดจดบันทึกบุญกรรมที่เราทำทุกอย่าง ถ้าตายไปแล้วไปเถียงท่าน หรือจำไม่ได้ ก็จะมีกระจกส่องกรรมปืดขึ้นมาให้เราได้เห็นกรรมของเราในบัดดลค่ะ และคุณเชื่อหรือไม่ว่า เราได้เกิดมาเป็นมนุษย์ที่ภพกี่ชาติแล้ว พระพุทธองค์ท่านเรียบว่าเป็นเหมือนเม็ดกรวดเม็ดทราย อย่างที่ อ.เจน มักจะนำจบอธิษฐานว่า เท่าเม็ดกรวดเม็ดทรายนั่นแหละค่ะ แล้วการที่เราได้ทำบุญที่ย่นย่อการเกิดดับในวัฏฏสงสารตัดภพตัดชาติให้สั้นลงแล้วไม่ดีกว่าหรือค่ะ
แม้ว่าสิ่งนั้นเรามองไม่เห็นว่าบุญที่เราททำนั้นดีอย่างไร แต่ก็ดีกว่าเป็นคนที่ใช้ชีวิตอย่างประมาทไปวัน ๆ ใช้ชีวิตอย่างไร้แก่นสาร หากท่านที่พอจะมีกำลังทรัพย์
ดิฉันก็ขอแนวร่วมของการขอรับบริจาคซึ่งสิ่งแรกที่สำคัญที่สุดที่ต้องจัดการให้สำเร็จหลังจากการเททองหล่อพระที่จะถึงนี้ก็คือการสร้างห้องน้ำให้สำเร็จ เมื่อมีห้องน้ำแล้ว เราก็เริ่มปฏิบัติธรรมกันได้แล้วโดยการกางเต้นท์พักพิงและปฏิบัติกันไปก่อน ทำแบบค่อยเป็นค่อยไปค่ะไม่จำเป็นต้องหรูหรา ไม่จำเป็นต้องสบายในการอยู่อาศัยแต่จำเป็นมากในเรื่องของห้องน้ำที่ต้องสร้างให้กับผู้ปฏิบัติค่ะ เรื่องผี ผี ดีกว่าค่ะ เรื่องของคุณมิตร ทีมงานน้องใหม่ ก็ตามที่ดิฉันเล่ามาตั้งแต่ต้นเกี่ยวกับเรื่องการเข้าพักห้องพักรีสอร์ทที่จังหวัดเพชรบูรณ์ที่นั่นเขาให้นอนพักห้องละ 2 คน แต่พวกเราจำเป็นต้องประหยัดค่าใช้จ่ายค่าที่พักเพราะอยู่กันหลายวันเงินก็จำกัด จำเป็นต้องนอนอัดกันไป (5คน) ก็มี คุณมิตร คุณเป็กน้องเชน คุณเต้ย และ เฮีย พวกผู้ชายทั้งหมด นอนเตียงกันบ้างนอนพื้นกันบ้างแล้วแต่ผู้เสียสละชีพเพื่อเพื่อนค่ะ
คืนนั้นทุกคนหลับใหลกันไปแล้วด้วยความอ่อนเพลียที่ว่าเพลียก็เพราะทุกคนต้องตากแดดตากลมกันมาทั้งวันต้องนอนดึกและตื่นแต่เช้าเป็นอย่างนี้ทุกวันและคืนสุดท้ายก่อนวันกลับเพียง 1 วัน ก็เกิดเรื่องจนได้ค่ะเรื่องมีอยู่ว่าคุณมิตรเป็นทีมงานน้องใหม่ที่ยังไม่เคยพบเจอสิ่งที่เรียกว่าโลกของวิญญาณ และไม่รู้วิธีปฏิบัติตนเองเวลาเจอกับพวก ผี ผี 555 แต่ก่อนอื่นขอขำก่อนค่ะ คุณมิตรเล่าให้ฟังว่า คืนนั้น ประมาณตี 2เห็นจะได้กำลังนอนหลับสนิทด้วยความเหนื่อยอ่อน แต่ก็ต้องตกใจตื่นเพราะเตียงถูกเขย่าอย่างแรงจึงตกใจตื่นขึ้นมา มองว่าใครแกล้งเขย่าเตียงของตนเอง แต่เมื่อมองไปรอบ ๆก็เห็นทุกคนนอนหลับสนิทก็ยังคิดว่าเขาแกล้งแต่นอนอยู่นานไม่เห็นมีอะไรก็นอนหลับไปอีก แต่ครั้งนี้เตียงถูกเขย่าหนักขึ้นไปอีกจำเป็นต้องลุกขึ้นมาอีกครั้งวาใครแกล้ง แต่ครั้งนี้ไม่นอนแล้วจึงทำเป็นแกล้งหลับ แต่คราวนี้เตียงก็ถูกเขย่าอีกจึงแอบหรี่ตามองเพื่อนๆ ทุกคนจึงพบว่านี่ไม่ใช่ถูกเพื่อนกลั่นแกล้งอย่างแน่นอนแต่ด้วยเป็นน้องใหม่ประสบการณ์แรก ๆ ทำตัวไม่ถูก จึงลุกขึ้นมาเปิดไฟ เล่นเกมส์ HayDay มันซะเลยไม่นงไม่นอนมันแล้ว ส่วนพวกเพื่อน ๆ ที่นอนกันอยู่ต่างก็กุลีกุจอกันตื่นขึ้นมาบางคนก็ไปอาบน้ำบางคนก็เตรียมตัวไปอาบน้ำ โดยที่ไม่ได้ถามไถ่คุณมิตาว่า ทำไมคุณมิตรถึงมานั่งเล่นเกมส์อยู่เพราะปกติคุณมิตรถ้าว่างก็จะเล่นเกมส์ติดเกมส์นั่นแหละค่ะ จนร้อนถึงเทวดาประจำตัวคุณมิตร ได้มาฟ้อง อ.เจนว่า เดี๋ยวนี้คุณมิตรเล่นเกมส์ไม่นั่งสมาธิตอนเช้าเหมือนทุกวันเป็นเดือนแล้ว เมื่อ อ.เจน ถามว่าจริงหรือค่ะคุณมิตรเล่นแต่เกมส์ไม่นั่งสมาธิเลยเดี๋ยวนี้เพราะเทวดาประจำตัวมาบอก คุณมิตรก็อ้อม ๆ แอ้ม ๆ ตอบว่า จริงครับ เมื่อก่อนตื่นตี 4 นั่งสมาธิแต่เดี๋ยวนี้ไม่นั่งสมาธิเลย ผมเล่นเกมส์นอนดึกตื่นสาย นั่นไง จริง ๆ ด้วยค่ะพวกเราก็ยังหัวเราะกันเลย และก็ยังว่า คุณมิตรไม่ได้น่ะเทวดายังทนไม่ได้เลยท่านอยากได้บุญจากคุณมิตรๆ ต้องนั่งสมาธิ คุณมิตรก็ตอบครับผม ดังนั้นทุกคนก็ตื่นมาอาบน้ำกัน แต่คุณมิตรติดเกมส์ก็ไม่ถามเพื่อน ๆว่าลุกขึ้นมาอาบน้ำกันทำไม และคนในกลุ่มนั้นเองได้พบว่า นี่มัน ตี 2 โอ้ย คุณมิตรตื่นมาเล่นเกมส์ทำไมเขานอนกันน่ะ นั่นแหละคุณมิตรจึงได้เล่าให้ทุกคนฟังจบมั้ย
วิธีการที่ถูกต้องในการแก้ไขปัญญของพวก ผี ผี ที่มาขอรับบุญ ก็คือเราทำบุญทุกวันที่ช่วยกันทำงานที่สำนักปฏิบัติธรรมก็อธิษฐานจิตอุทิศบุญให้กับวิญญาณผี ที่มาขอส่วนบุญได้ เขาอยากได้บุญ ทำไมต้องเป็นคุณมิตร อ.เจน บอกว่าเพราะคุณมิตรเจ็บป่วยอยู่สุขภาพไม่ไชดีในช่วงนั้นจึงได้สัมผัสเต็ม ๆ ค่ะเมื่อได้รับฟังดังนั้น คุณมิตร ก็ยังไม่รู้เรื่อง ยังพูดคำมั่นสัญญาออกมาอีกว่า งั้นเอาไว้ครั้งหน้าผมจะมาอุทิศบุญให้ก็แล้วกัน นี่เป็นคำมั่นสัญญา โถคุณมิตรพระพุทธองค์ท่านสอนว่า คนเราอย่ามีสัญญามั่นหมายจะติดพบติดชาติไปอีกครั้งหน้าคุณมิตรต้องไปแก้ไขเรื่องคำสัญญาของตนเองอีกเพราะเราไม่รู้วาเราจะตายเมื่อไหร่ เราจะมีชีวิตอยู่ทำตามคำสัญญาหรือไม่คนเราต้องไม่ประมาทค่ะ เดี๋ยวนี้ดิฉันจะหยุดปากไว้ โดยไม่รับปากใครง่าย ๆ ค่ะ คิดก่อนพูดไปค่ะ หรือไม่ก็ยังไม่รับปากค่ะ ดิฉันนี่ศิษย์มีครูนะค่ะ
เรื่องผี ที่มาเยือนสำนักฯ ในยามค่ำคืนที่พระจันทร์ทรงกลด อ.เจน เล่าให้ดิฉันฟังว่า คืนนั้นพระจันทร์ทรงกลดก็ได้แหงนหน้าขึ้นไปดู ในญาณวิถีรับรู้ได้ว่ามีเทพเบื้องบนจ้องมองอยู่ จึงได้นำลูกศิษย์ทั้งหมดที่หน้างานทำพิธี บอกกล่าวต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ว่าวันที่ 22 มิ.ย.57 สถานที่แห่งนี้จะทำพิธีเททองหล่อพระขออัญเชิญเทพเทวามาร่วมอนุโมทนาบุญ เทพทั้งหลายต่างก็ยินดีค่ะ แต่นอกจากเทพเทวานั่นสิค้า ก็มีผีที่อยู่ทั่วไปในพื้นที่ข้างเคียงเอยอะไรเอยต่างก็มาประมาณ 5 ตน บางตนก็อารมณ์ดี ด้วยดีใจมาก อยากได้บุญ บางตนก็อารมณ์ร้อน ประมาณรอไม่ไหว อยากให้ถึงวันนั้นเร็ว ๆ บางตนก็ไม่รู้เรื่องเดินกันงุ่นง่าน เดินไปแล้วก็เดินมา สงสัยเขาทำอะไรกัน ก็มีค่ะ ที่นี่ เมื่อเสร็จพิธีก็เดินกลับกันยามค่ำมืดอย่างนี้ ก็มี หนึ่งในทีม พวกเราเรียกว่า เฮีย ขวัญใจใครก็ไม่รู้ เฮีย เป็นคนขยันมากทำงานไม่หยุดเลยค่ะ และ เฮีย เคยแต่ดูรายการคนอวดผี และไม่เคยเห็นผี เฮีย บอกครั้งนี้ ทำไมเดิน ๆ อยู่ขนลุกตลอดทาง แกก๋บ่นอยู่อย่างนั้น อ.เจน กับคุณรุ้ง ก็หันไปมองก็ไม่กล้าบอกแกว่า ก็ผีมันเดินตามอยู่ข้างหลังเฮีย พวกเขาอยากได้บุญสำเร็จเร็วไม่ไปไหนกันล่ะ ก็มากันเป็นพรวน อ.เจน ก็ทำเป็นไม่เห็น ผี เพราะถ้า ผี รู้ว่า อ.เจน เห็นเขาก็จะพยายามมาสื่อสารด้วย อ.เจน ก็ไม่บอก เฮีย ว่าก็ผีมันอยู่ข้างหลังเฮีย ตั้งหลายตน เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ ฮา มาก ๆ ค่ะ มาเฉลยกันตอนเช้า 555
วันเล่าค่อยมาอัพเดทเพิ่มค่ะ เมื่อท่านได้อ่านเรื่องราวที่ได้เล่าให้ฟังนี้อย่าอ่านเพื่อสนใจและสนุกอย่างเดียวให้มองเห็นเป็นธรรมมะว่าเมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่ไม่ทำบุญพอตายเป็นผีก็ต้องมาขอส่วนบุญเขาเมื่อครั้งที่เป็นมนุษย์ทำชั่วคดโกงเมื่อตายไปแล้ววิญญาณส่วนมากมาบอกกับ อ.เจน ว่าเสียดายชีวิตมนุษย์ถ้าทำได้จะไม่ทำอีก หากย้อนไปได้จะไม่ทำอีกหากเป็นคนได้อีกครั้งจะทำบุญค่ะเป็นอย่างนั้นจริง ๆ ท้ายนี้ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านที่ร่วมบริจาคทรัพย์และบริจาคทาน และตั้งใจใฝ่กุศล อ.เจน และคุณรุ้งได้น้อมรับด้วยความซาบซึ้งว่าศาสนาพุทธมีผู้ใจบุญไม่น้อยค่ะ

ตอนที่ 5 ป้ายชื่อ สำนักปฏิบัติธรรมวิปัสสนาญาณ แม้แต่ เรื่องของป้ายชื่อของสำนักปฏิบัติธรรมวิปัสสนาญาณก็ยังมีเรื่องเล่าที่น่าสนใจมิใช่น้อยนะค่ะ สำหรับผู้มีญาณทิพย์อย่าง อ.เจนญาณทิพย์ ดิฉันก็อยากจะนำมาเล่าสู่กันฟังเพื่อเป็นการ update ข้อมูลความคืบหน้าให้ฟังค่ะ
เรื่องมีอยู่ว่า อ.เจน และคุณรุ้งมีความประสงค์ที่จะให้ช่างก่อสร้างป้ายชื่อสำนักฯ ที่โดดเด่นไม่เหมือนและซ้ำกับผู้ในดินแดนนั้นค่ะ โดยป้ายชื่อด้วยหินสีดำ มีเสาแบบโรมัน ต้นเสาทั้งสองข้างติดด้วยกระจกแก้วใสอะคริริค และมีไฟที่หัวเสาตามภาพที่เห็นนั่นแหละคะ
ช่างรับเหมาทำป้าย ได้โทรศัพท์มาเล่าให้ฟังว่าเรื่องอย่างนี้ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ตัวผมเองก็ยังรู้สึกงงๆ อยู่เลยแปลกแต่จริงครับ คุณรุ้ง ๆ จึงถามไปว่า เรื่องอะไร ช่างจึงเล่าให้ฟังว่าผมรู้ว่ากระจกใสอะคีริค อย่างที่คุณรุ้งต้องการนั้นต้องไปหาซื้อที่จังหวัดพิษณุโลกเท่านั้นเป็นแหล่งขายที่ใหญ่มากเมื่อเดินทางไปถึงปรากฏว่า ติดต่อซื้อทุกห้างร้าน ก็แจ้งว่า ไม่ขายให้เพราะจำนวนที่ซื้อน้อยเกินไป แค่ 25 กล่อง แม้ว่าจะขอซื้อในราคาแพงเป็นราคาขายปลีก ทุกร้านก็บอกไม่คุ้มที่จะขายให้เสียเวลาเปล่าเขาไม่ขายกันหรอกจะต้องสั่งซื้อในปริมาณมากๆ ถึงจะขายให้ ทุก ๆ ร้านมีคำตอบที่เหมือนกันหมดจนไปถึงร้านสุดท้ายก็เกิดความท้อแท้แล้ว จนถึงร้านสุดท้าย ก็เดินเข้าไปในร้านก็พบกับ อาม่า (ผู้หญิงชราที่สูงอายุค่ะ) นั่งอยู่ในร้านก็เข้าไปถามอาม่า พูดว่าไม่ขาย ซื้อแค่ 25 กล่อง ใครเขาไม่ขายให้หรอกชายรับเหมาจึงเดินบ่นไปว่า นึกแล้วเชียวว่าจะต้องบอกไม่ขาย เฮ้อ ไม่ขายก็ไม่รู้จะช่วยยังไงแล้วแล้วนี่จะไปหาซื้อให้อาจารย์เจน ได้อีกที่ไหนกัน
อาม่า เป็นแฟนคลับ อ.เจน อาม่า เมื่อได้ยินนายช่างคนนี้บ่นถึง อ.เจน จึงถามว่า ลื้อจะซื้อไปให้ใครนะ ช่างคนนี้จึงพูดว่า อ๋อ ซื้อไปให้ อ.เจนเขาจะไปทำป้ายสำนักปฏิบัติธรรมฯ อาม่า จึงหันมาถามด้วยความดีใจว่าลื้อรู้จักเขาด้วย เออ แล้วเขาตัวจริงผอมมั้ย ตัวจริงสวยมั้ย และอีผิวขาวมั้ยอั้วนะแฟนคลับรายการตัดเวรหยุดกรรมของอี (แต่ตอนที่นายช่าง เล่าให้ฟังนั้น เขาจำไม่ได้ว่า อาม่า เขาเรียกรายการอะไรก็ไม่รู้ ตัด ๆ อะไรนี่แหละครับ) นายช่างคนนี้ จึงตอบไปว่าเออ อ.เจน เขาดังยังไงผมไม่รู้หรอกครับ แต่ผมรู้เพียงแต่เขาเรียกกันว่าอาจารย์เจน ๆผมก็เรียกตาม ๆ เขาเท่านั้น และไม่เคยสังเกตด้วยว่า ลักษณะท่าทางเป็นยังไงไม่ทันสังเกตก็เห็นเป็นคนธรรมดา ๆ นี่แหละ ดังนั้น อาม่า ก็รีบนำ น้ำเป็ปซี่ อาหารว่าง มาเลี้ยงรับรองจนนายช่างอิ่มหน่ำสำราญโดยบอกให้รอเขาจะจัดของตามที่ต้องการให้ นายช่างคนนี้บอกไม่เชื่อก็ต้องเชื่อคนดังเป็นอย่างนี้เองดีจัง ผมอิ่มสบายใจเขาต้อนรับผมเป็นอย่างดีครับ
เจ้าหน้าที่จากนรก เป็นนายช่างทำป้ายชื่อสำนักฯ เป็นเรื่องที่เหลือเชื่อ เป็นเรื่องที่ ผู้รับเหมาคนนี้ได้บังเอิญมาพบกับอ.เจน ผู้มีญาณทิพย์ คนนี้ นายช่างคนนี้ได้แต่ใดมาหรือก็เขาเป็นผู้ดูแลบ้านพักรีสอร์ทที่คณะทำงานไปพักค้างคืนอยู่เป็นประจำค่ะและเขาก็เป็นเป็นช่างรับเหมาทำงานด้านนี้พอดี และที่สำคัญที่สุดก็คือ อ.เจนได้เห็นในญาณวิถีว่า เขารับเหมาทำงานด้านนี้ และที่มากกว่านั้นคือในอดีตชาติชายผู้นี้เป็นเจ้าหน้าที่อยู่ในนรกและได้เคยเป็นลูกน้องของคุณรุ้ง ในสมัยที่คุณรุ้งเป็นลูกสาวของพญามัจจุราชด้วยสิค่ะ ที่เขาเรียกว่ามีบุญสัมพันธ์กันนี่แหละค่ะ (เรื่องที่คุณรุ้งเป็นลูกสาวพญามัจจุราช ดิฉันคงยังไม่ได้เล่า เอาไว้เล่าท้ายเรื่องก็แล้วกันค่ะ)
ซึ่ง อ.เจน ก็มากระซิบบอกคุณรุ้งและคุณรุ้ง ก็บอกกับ อ.เจน ว่า ใช่ ก็เห็นเหมือนกันว่าเขาเป็นลูกน้องในนรกตั้งแต่แรกแล้วว่าอ.เจน บอกเล่าให้ดิฉันฟังว่า พี่เชื่อมั้ย เขาเชื่อฟังพี่รุ้ง มากกว่าหนูซะอีกก็เพราะเขาเคยเป็นลูกพี่ลูกน้องกันมาในอดีต มีอะไรก็จะคอยรายงานกับพี่รุ้ง โดยตลอด สำหรับหนูเขาไม่สนใจเลยค่ะ แต่ที่จริงแล้วเขาก็ไม่รู้ว่าพวกเราเป็นใครด้วยสิค่ะ ซึ่งคุณรุ้ง ก็ได้ส่งรูปภาพชายคนนี้ให้ดิฉันดูผ่านline ด้วยข้อความที่ขบขันว่า พี่จี๊ด หนูเจอเจ้าหน้าที่ในนรกที่พี่จี๊ด กับน้องเก่ง ต้องถูกคอกับเขาแน่เพราะในอดีตชาติเรารู้จักกัน เอาละสินี่เขาเรียกว่า โลกมันกลม หรืออยางไรกัน หรือมีบุญสัมพันธ์ หรือว่าเป็นวัฏฏสงสาร ที่เขาเรียกว่าการเวียนว่ายตายเกิดกันแน่ค่ะถึงต้องมาพบเจอกันในชาตินี้ จากภาพที่ดิฉันเห็น ก็โอ้โห หน้าตาดุดัน หื่นพร้อมฆ่า และข่มขืนแต่เชื่อหรือไม่ว่า เขาคอยดูแล คุณรุ้ง กับ อ.เจน เป็นอย่างดี โดยเฉพาะที่พักรีสอร์ทที่ชายผู้นี้ดูแลอยู่ ตลอดระยะเวลาการทำงานเขาจะคอยดูแลตลอดเวลาไม่ว่าจะขอสิ่งใดเขาจัดการให้ได้หมดแม้แต่ยุงก็ไม่ให้ไต่ไรก็ไม่ให้ตอมเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าอาจารย์จะเดินไปไหนเขาก็จะรีบมาคอยกุลีกุจอคอยบริการจนคุณรุ้งบอกว่า แม้เขาจะดูแลดีอย่างไรก็ค่อนข้างจะกลัวและตกใจมาก เพราะหน้าตาเขาหน้ากลัวมากขนาดนอนยังต้องตั้งเวลาตื่นมาดูว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับ อ.เจน และตนเองบ้างหรือไม่ เวลานอนก็นอนตาไม่หลับค่ะเพราะว่าประตูห้องพักข้างนอกไขเข้ามาได้ก็เพราะว่าภายในห้องพักไม่มีกลอนประตูป้องกันภัยใดๆ เลยค่ะ จึงต้องระแวดระวังเป็นพิเศษสักหน่อยค่ะ
แต่นิสัยนายช่างคนนี้ใช้ได้ค่ะเขาเป็นคนที่คุยสนุก และชอบคุยกับคุณรุ้ง จึงคุยกันถูกคอ เขาเป็นคนที่คุยเก่งมากค่ะแต่เขาไม่รู้ตัวเลยว่าเขาเป็นใครในอดีตชาติ ด้วยความไม่รู้ของเขา เขาจึงเล่าชีวิตที่ผ่านมาของเขาให้อาจารย์และคุณรุ้งรับฟังด้วยความซื่อของเขา โดยบอกว่า เชื่อมั้ยครับ ผมเนี้ยติดคุกมาตั้งแต่วันรุ่น มีคดีพยายามฆ่าตั้งแต่เด็ก เสพยาทุกชนิด กินเหล้าเมายาสารพัดจนพ่อแม่เอือมระอา อ.เจน คิดในใจเชื่อสิเพราะเห็นในญาณแล้วแต่ไม่พูดให้เขารู้ค่ะและเขาก็เล่าต่อไปว่า ตอนที่เขายังเด็ก ก็คอยแต่จะทะเลาะกับใครต่อใครไปทั่วไม่เคยกลัวใครอ.เจน ก็คิดในใจว่า เชื่อสิเพราะเป็นเจ้าหน้าที่ในนรกก็มีหน้าที่คอยใช้อาวุธทำโทษผู้อื่นเพราะมีอำนาจมากจะทำอะไรกับใครก็ได้แม้ในชาตินี้มีเรื่องกับใครก็จะใช้อาวุธที่ใกล้มือจัดการทันที ระหว่างที่ อ.เจนคิดอยู่นั้น เขาก็เล่าต่อไปว่า ตอนที่เด็กๆ โมโหเพื่อนก็เอามีดปักลงไปที่กลางหัวมันเลยแต่โชคดีมันไม่ตายปางตาย ทำให้ออกจากคุกมาได้เร็ว เขาเป็นคนอิสลาม เขาบอกว่า มะ(แม่) กลุ้มใจกับเขามาก เป็นเด็กเกเรมาก มีมีดพร้าอะไรใกล้ตัวพอมีเรื่องกับใครก็หยิบไปจัดการทันทีไม่กลัวใครเข้าคุกเข้าตะรางเป็นว่าเล่นค่ะ
บุญส่วนบุญ บาปส่วนบาป อ.เจน ฟังเขาเล่าจนจบแล้วจึงพูดขึ้นว่าสิ่งที่คุณเล่ามานี้เพราะอะไรรู้หรือไม่ เขาบอกว่าไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรดิฉันจะบอกว่า คุณน่ะเคยเป็นเจ้าหน้าที่อยู่ในนรกเมื่อหมดวาระก็มาเกิดเป็นมนุษย์ ในชาตินี้คุณก็กลับมาเป็นจำเลยส่วนเจ้ากรรมนายเวรที่คุณไปทรมานเขามานั้น เขากลับมาเป็นโจทย์ เพราะบุญส่วนบุญบาปส่วนบาป บุญที่เป็นเจ้าหน้าที่ในนรกด้วยหน้าที่คุณก็ไม่ถึงกับตกยาก และให้สังเกตว่าในชาตินี้คุณก็ต้องทำงานเกี่ยวกับศาสนา แต่บาปที่ไปทรมานเขาจนเกิดเจ้ากรรมนายเวรติดตามมานั้นก็ต้องชดใช้ด้วยไม่ว่าคุณจะทำการงานใดก็จะไม่เจริญรุ่งเรืองเพราะโดนขัดขวางจากเจ้ากรรมนายเวรชายคนนี้ พูดติดตลกว่า เฮ้อ ดี ๆ ทั้งนั้น และในชาตินี้มีอะไรที่ดี ๆ บ้างมั้ยครับพูดแล้วขนลุก อุ้ย ขนลุก ดูสิขนลุกไปหมดแล้ว คืออย่างนี้ครับ อาชีพของผมเป็นผู้รับเหมาก็จริงแต่เชื่อมั้ยครับผมรับเหมาก่อสร้างเมรุ ตามวัดต่าง ๆ เป็นมืออาชีพเชียวครับเพราะไม่มีใครเขารับทำงานอย่างนี้ยกเว้นผมคนเดียวที่รับทำงานพวกนี้ทุกวัดใช้บริการผมและสำนักบุญทั้งหลายฝีมือผมทั้งน้านงานอาชีพของผมที่ทำมาเป็นอย่างนี้ไม่ได้รับงานเหมาอื่นใดเลยนอกจากงานอย่างนี้ครับ
อ.เจน เห็นกรรมของลูกน้องนายช่างคนนี้ อ.เจน เห็นกรรมของนายช่างและลูกน้อง รู้ด้วยว่าคนพวกนี้ชอบกินเหล้าเมื่อเมาขึ้นมาก็นินทาด่าทอพ่อแม่ของตนเอง จึงสั่งสอนไปว่าพ่อแม่เปรียบเสมือนพระอรหันต์ของลูกถ้าคนผู้ใดด่าทอพ่อแม่ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ของตนเอง หรือของคู่สามีหรือภรรยาก็ไม่ได้เพราะท่านเป็นผู้มีพระคุณจะเป็นบาปเป็นกรรมไม่ว่าจะทำกรงานใดจะไม่มีวันเจริญรุ่งเรืองอย่างเด็ดขาดนายช่างคนนี้รีบพูดขึ้นขึ้นมาพร้อมกับชี้หน้าลูกน้องของตนคนหนึ่งว่าเห็นมั้ยไอ้คนนี้มันชอบด่าพ่อตาแม่ยายของมัน มึงรู้มั้ยเขาว่าบาป และ อ.เจนก็พูดขึ้นอีกว่า ในนรกเขามีกะทะทองแดงจริงนะ คนที่กินเหล้าสุราจะต้องไปซดน้ำทองแดงร้อนๆ ในนรก และต้องลงกระทะทองแดงจริง ๆ นะ นายช่างคนนี้รีบชิงพูดขึ้นว่าของผมคงจะเล็กน้อยเพราะผมไม่ใช้แก้วใหญ่ใช้ซดเป็นเป็ก ดูเขาพูดสิค่ะ ยังอุตส่าห์แก้ตัวแบบข้างๆ คู ๆ ยังไม่สำนึกในบาปที่จะต้องเผชิญในภาคหน้าค่ะ คนเราก็เป็นเสียอย่างนี้ค่ะ และก็พูดต่อไปว่าผมว่าสำหรับผมคงจะไม่เท่าไหร่หรอกครับพอได้มั้งครับ ไม่ต้องซดน้ำทองแดงร้อน ๆ มากกว่าเพื่อนครับ เมื่อพูดจบก็พูดขึ้นว่าเออ วันนี้ผมจะขึ้นไปบนภูเขา ไปยิงกระต่ายมากินแกล้มเหล้า คุณรุ้ง จึงพูดขึ้นว่าแหมอย่างนี้ต้องพูดกันยาว นี่คุณรู้มั้ย อีกไม่กี่วันคนที่เขาเคยเป็นเพื่อนกับคุณที่เคยอยู่ในนรกเขาจะมาที่นี่ให้เขาเล่าก็แล้วกันว่าคนที่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิตจะโดนอะไรบ้าง พี่คนนี้เคยเตือนเพื่อนว่า อย่าฆ่าหนูแต่เขาไม่เชื่อปรากฏว่า เขาเกือบตาย จนทุกวันนี้ไม่กล้าสัตว์อีกเลยชายคนนี้จึงพูดขึ้นว่า อ้าวแล้วเอาไงกัน นี่ก็กรรม นั่นก็กรรมท่าทางจะอดตายกันแล้วเราคราวนี้
ลูกน้องในอดีตผู้ซื่อสัตย์ อ.เจนเล่าให้ดิฉันฟังว่า ชายคนนี้จะเชื่อฟังและรับคำสั่งของคุณรุ้งอย่างเคร่งครัดประดุจเจ้านายลูกน้องที่จงรักภักดีต่อกันเลยเชียวค่ะ และไม่ว่าจะทำอะไรก็แล้วแต่ก็มักจะโทรศัพท์มารายงานตลอดเวลาเหมือนกับรายงานเจ้านายให้รับรูผลการทำงานอย่างไรก็อย่างนั้นค่ะ
ฝนตกขี้หมูไหลคนอะไร.....มาพบกัน เมื่อคนที่มีความเหมือนกันมาพบกันอะไรจะเกิดขึ้นค่ะลองทายสิค่ะ ก็พังกันพะยะค่ะ ระหว่างช่างรับเหมาป้ายชื่อสำนักฯ(เจ้าหน้าที่จากนรก) กับ ช่างรับเหมาถมที่ดิน (คนที่อยู่ในนรกมาเกิด) ต่างก็มางัดข้อแสดงอำนาจบาตรใหญ่ซึ่งกันและกันในวันแรกที่ช่างทำป้าย มาวัดพื้นที่ ช่างรับเหมาก็มาข่มว่าข้ามาก่อนจะทำอะไรต้องมาปรึกษาหารือก่อนส่วนช่างทำป้ายก็เถียงว่า มันไม่เกี่ยวกัน คุณถมดิน ผมทำป้าย อย่ามายุ่งกันก็ร้อนไปถึง อ.เจน กับ คุณรุ้ง ต้องไปห้ามทัพ เพราะคนที่ไม่ถูกกันตั้งแต่แรกเจอเป็นอริกันซะแล้วงานจะไม่รอดแน่ ช่างทำป้ายบอกว่าผมไม่กลัวมันหรอก ผมไม่เคยกลัวใครอยู่แล้วทำมาเป็นข่มขู่ไม่รู้ซะแล้วว่าผมพร้อมปะฉะดะ ดังนั้น อ.เจน และคุณรุ้ง จึงต้องไปห้ามทัพโดยตัดสินว่าคุณช่างรับเหมาถมดินคุณก็ไปทำตรงโน้น นี่เขาช่างทำป้ายตรงนี้ก็ทำไปไม่เกี่ยวกันนั่นแหละต่างคนต่างไปค่ะ
ลูกสาวพญามัจจุราช เมื่อวันสงกรานต์ เดือนเมษายน ปี 2556ที่แล้ว คุณรุ้ง เล่าว่า พญามัจจุราชท่านมาบอกในฝันว่า ช่วงนี้ของทุกปีเป็นวันหยุดของโลกนรกเจ้าหน้าที่ในนรกได้หยุดพัก และในนิมิตได้ให้คุณรุ้ง ได้เห็นว่าตนเองเป็นลูกสาวท่านพญามัจจุราช โดยท่านได้บอกชื่อของคุณรุ้ง ด้วยแต่คุณรุ้งจำไม่ได้เพราะชื่อยาวมาก ในนิมิตนั้น ก็มีผู้ติดตามหนึ่งคน ชุดที่สวมใส่เป็นดังนี้ คุณรุ้ง ใส่สไบผ้ามันสีน้ำตาลไหม้ มีเข็มกลัดเพชรติดที่บ่าส่วนผู้ติดตามใส่ผ้าสไบมันสีดำ ภายในเรือนพักนั้นมืดทึม แต่ที่ท้องฟ้ามีดวงดาวสวยงามมากแต่ก็วังเวงคุณรุ้ง รู้ว่านั้นไม่ใช่ความฝันธรรมดาเสียแล้วจึงรีบตื่นขึ้นมาเล่าให้อ.เจน ฟังประมาณตีสอง ซึ่งเรื่องนี้ดิฉันสงสัยมากจึงถามว่า มีผู้ติดตามด้วยหรือว่าเป็นอาจารย์แต่ไม่น่าใช่ว่าจะเป็นอาจารย์ในระหว่างที่คุณรุ้ง เล่าให้ฟังนั้น อ.เจน ก็ได้สื่อดูว่าเรื่องนี้จริงเท็จอย่างไรแล้ว อ.เจน จึงตอบยิ้ม ๆ ว่า นี่เป็นเรื่องจริงค่ะพี่ มิน่าล่ะ ทำไมพวกผีวิญญาณทั้งหลายจึงกลัวพี่รุ้ง หนูเพิ่งเข้าใจ และพี่รุ้ง ก็เห็นผี ได้ด้วย และคนที่ติดตามนั้นก็คือ พี่จี๊ด ไม่ใช่หนูค่ะ อ้าว ดิฉันจึงบอกว่านี่ดิฉันได้ติดตามคุณรุ้ง มาหลายชาติเลยหรือนี่ อ.เจน บอกว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเพราะบุญสัมพนธ์กันมาค่ะและพี่ก็เป็นคนที่อยากรู้อยากเห็นมาทุกชาติ ชาติที่ติดตามพี่รุ้ง พราะความเป็นคนอยากรู้อยากเห็น ก็จะคอยติดตามกันไปทุกแดนนรกที่พี่รุ้ง ไปและเกิดมาชาตินี้ พี่ไม่เห็นอะไรเลยก็เพราะเขามีหน้ากากปิดบังไว้ไม่ให้เห็น แต่ถ้าเปิดหน้ากากออกพี่จะสามารถช่วยเหลือคนเจ็บป่วยได้ค่ะ ซึ่งดิฉันได้พูดติดตลกกับ อ.เจน ว่า เสียดายจังไม่มีคู่มือการใช้ค่ะ
เรื่องที่ดิฉันรู้เรื่องราวในอดีตดิฉันไม่เคยยึดติดมาเป็นอารมณ์นะค่ะเพราะเราเกิกดภพใหม่ชาติใหม่แล้ว ชาตินี้ขอทำความดีตราบเท่าชีวิตจะหาไม่ก็เพียงพอแล้วสำหรับชีวิตที่เหลืออยู่ค่ะ และพญามัจจุราช ท่านได้ฝากบอกคุณรุ้งด้วยว่า ให้บอกมนุษย์ด้วยว่า ให้ไปบอกพวกมนุษย์ว่า ให้มนุษย์รักษาศีล 5 เวลาไปสั่งสอนคน อย่าลืมนะ ให้บอกพวกหมู่มวลมนุษย์ด้วยนะ
จากเรื่องที่ดิฉันเล่าให้ฟังนี้เป็นเรื่องจริงทั้งสิ้นและขอให้ท่านผู้อ่านจงเชื่อเถอะค่ะว่า นรก สวรรค์ นั้นมีจริงค่ะ และขอให้ทุกท่านทำตามที่ท่านพญามัจจุราชท่านบอกกล่าวว่าให้มนุษย์รักษาศีล 5 แม้จะไม่ได้มากแต่ก็ขอให้ทุกท่านได้พยายาม เพราะว่าด้วยหน้าที่การงานและวิบากกรรมของแต่ละคนมักทำให้การรักษาศีล 5 ค่อนข้างจะยากลำบากในโลกใบนี้เพราะคนไม่เหมือนกันมีทั้งคนดีและคนชั่ว คนโกงซึ่งดิฉันเป็นคนที่รักความยุติธรรมยิ่งชีพค่ะ จึงทำให้ก็มีบ้างที่อดใจไม่ไหวค่ะแม้แต่ตัวดิฉันเอง ก็ยังผิดศีล ข้อ 1 กับ ข้อ 4 ออกจะบ่อย มันทำได้ยากมากค่ะ ก็คือ ข้อ 4 ด้วยนิสัยเป็นคนที่ชอบเม้าท์พูดเพ้อเจ้อ บางครั้งก็จะสนุกล้อเลียนแบบเจ้านายที่ไม่มีธรรมมะและเอาเปรียบเราดิฉันก็มักจะทำท่าล้อเลียนกับเพื่อนๆ ที่ทำงาน เมื่อทำผิดศีลข้อ 4 ก็ลุกลามไปถึงศีล ข้อ 1 เช่น ดิฉันเป็นคนที่พูดตรง ๆ เพราะชอบคิดว่าความจริงเป็นสิ่งไม่ตายสุดท้ายดิฉันตายทุกทีเพราะคำพูดจริงนั้นไปส่งผลกระทบจิตใจผู้ที่ยอมรับไม่ได้ก็เป็นกรรมที่เกี่ยวกับการฆ่าไม่ใช่ฆ่าสัตว์ แต่เป็นการฆ่าจิตใจผู้อื่นด้วยกรรมจากวาจาของเราค่ะ
อ.เจน ได้พูดให้ดิฉันฟังเสมอว่ากรรมนั้นละเอียดอ่อนมากค่ะ ซึ่งดิฉันก็พยายามนะค่ะ ทำความดีนั้นยากแต่คนเราต้องพยายามต้องรู้จักหักห้ามใจตนเองถ้าวันใดทำสำเร็จก็ผ่านบททดสอบค่ะ ซึ่งก็ยังดีกว่าไม่พยายามทำอะไรที่ดี ๆ เสียเลยค่ะดิฉันเป็นคนที่นับถือคำสั่งสอนของครูบาอาจารย์ที่สั่งสอนให้เราทำความดีและดิฉันก็ปฏิบติตามเสมอค่ะ
|