แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย จี๊ดจ๊าด เมื่อ 2016-2-5 15:04
ลูกไฟวิญญาณ
ครั้งหนึ่ง อ.เจนได้ไปอัดรายการคนอวดผี แต่คนติดตามอย่างจี๊ด อยากเห็น อยากเจอ ก็ไม่เคยได้เห็นได้เจอกับเขาเสียที คุณรุ้ง จัดให้ ค่ะ ระหว่างที่ อ.เจนพักผ่อนอยู่ใน ห้องแต่งตัว คุณรุ้ง ก็มากระซิบบอกว่าพี่อยากเห็นมั้ยล่ะ วันนี้เราจะไปสุสานล้างกัน มีหรือจี๊ดจะปฏิเสธ อยากค่ะ ว่าแล้วคุณรุ้ง ก็บอกว่า เอ้า อธิษฐานเลยเราสองคน ก็มีตะกรุดหลวงพ่อองค์เดียวกันนี่นาตะกรุดนี้มีสายสิญจน์จูงศพด้วยขลังนักแล เมื่อได้ฟังดังนั้นก็ตั้งใจเลยค่ะเราสองคนยืนตั้งใจกันอยู่ที่อยู่ตรงไหนรู้มั้ยค่ะ ยืนอยู่ในที่แคบ ๆ หน้าห้องน้ำสุขานั่นแหละค่ะเดี๋ยวเขาจะหาว่าบ้า บ้าก็บ้าเถอะว่ะ เราสองคนก็หยิบตะกรุดขึ้นมาปลุกเสกแล้วพูดด้วยเสียงอันหนักแน่นว่า วันนี้ เราจะได้ไปที่ป่าช้าวัดร้างกัน เราทั้งสองจึงขอให้ได้เห็น ได้เจอ และได้สัมผัส วิญาณที่เรามองไม่เห็นด้วยเถอะเจ้าค้า เมื่อเสร็จพิธีกรรมขมังเวทย์ของเราแล้วก็เดินไปสมทบกับอ.เจน ที่ห้องแต่งตัว อ.เจนถามว่าหายไปไหนกันมาเราไม่บอกค่ะยิ้มกันอย่างเดียวไม่ตอบคำถามใดใด ทั้งสิ้นเมื่อถึงเวลาออกเดินทางแหมดีใจ้ดีใจค่ะ ตื่นเต้นมากคิดว่าวันนี้ต้องได้เจอ เพราะไปไหน ๆ ก็ไม่เคยเจอสักที ค่ำคืนนั้นเริ่มเวลาประมาณ 4-5 ทุ่มเห็นจะได้ ทีมงานเขาพร้อมกันตั้งนานแล้วรอดารามาสมทบกว่าจะได้เริ่มอัดรายการก็ ประมาณนั้นแหละค่ะถึงเช้าเริ่มที่จุดป่าช้าของวัดที่มีสถูปเจดีย์ใส่กระดูกคนตาย วางเรียงรายกันเต็มไปหมดแทบจะไม่มีพื้นที่เดินจี๊ด กับคุณรุ้ง ยืนมองอยู่ห่าง อีกมุมหนึ่งที่ไม่ติดกล้องซึ่งที่ยืนอยู่นั้นรอบตัวก็มีแต่สถูปเจย์ดีรายล้อม เราสองคนยืนดูอยู่ห่าง ๆแบบห่วง ๆ ไม่ได้ห่วงอาจารย์นะค่ะห่วงตัวเอง ก็อธิษฐานจัดเต็มสะขนาดนั้นแต่ไม่มีใครเลยที่ยืนอยู่มุมนี้ยืนกันแบบ เปล่าเปลี่ยวมากค่ะเงียบสงัด การที่ อ.เจน เดินเหยียบย้ำในสถานที่แห่งนั้นก็เหมือนคนที่เป็นเจ้าถิ่นถูก ผู้บุกรุกมาเยือนก็ต้องตั้งกราดกันหน่อยค่ะ ดังนั้นพวกเหล่าดวงวิญาณต่าง ก็ไม่พอใจเพราะไม่รู้ว่า มาทำไมกัน อ.เจน เล่าให้ฟังว่าวิญญาณของคุณตา ท่านดุร้ายมากมีอารมณ์โกรธ ถามว่ามาทำไม อ.เจน จึงตอบไปว่าดิฉันมา อัดรายการเพื่อให้ผู้คนได้รู้ในเรื่องของวิญญาณมีจริงเพื่อนำไปสอนคนไม่ ให้ทำผิดศีลธรรม ซึ่งอ.เจน รู้ได้ว่าเหล่าดวงวิญญาณเหล่านี้มีความทุกข์ ทรมานมากในโลกวิญาณพวกเขาเหล่านั้นไม่มีบุญกุศล ไม่มีใครทำบุญไปให้ ดังนั้น อ.เจน จึงได้ยืนสวดมนต์เบิกบุญ และอุทิศบุญ เพื่อให้อุทิศให้พวกเขา เหล่านั้นได้รับการปลดปล่อยไปผุดไปเกิดเมื่อคุณตาและสรรพวิญญาณได้ รับบุญกุศลต่างก็มีความสุขวิญญาณบางดวงก็ไปสู่ภพภูมิของจากที่ไม่เข้าใจ และโกรธแค้นในครั้งแรกกลับกลายเป็นความสุขใจที่ได้รับบุญกุศลจาก อ.เจน หลังจากนั้น อ.เจนก็ไม่ได้หันกลับไปมองอีกเลย ก็ได้เดินตามพวกทีมงานคน อวดผีกับตากล้องไป คงเหลือแต่คุณรุ้ง กับจี๊ด ที่ยืนอยู่บริเวณนั้นเพียงลำพัง เพียง 2 คนจะตามเขาไปก็กลัวเขาทำงานลำบากจึงยืนรอเว้นระยะให้เขาเดิน ไปก่อนค่อยตามไป แต่เขาก็เดินกันไปอย่างเร็วมืดก็มืดอาศัยแสงจากพระจันทร์ ครึ่งเสี้ยวเท่านั้น อยู่ ๆ ก็มีเสียงนกแสกมันร้องแสก ๆๆๆๆๆ แหงนไปมองมันบิน มาเกาะต้นไม้อยู่ 3 ตัว เสียงนกแสกร้องก็หลอนอยู่แล้วนกมันหยุดร้อง เสียงก็ เงียบกริบ ทันใดนั้น สายตาของเราทั้งคู่ก็ได้เห็น ลูกไฟสีส้มๆ แดง ๆ สีสวยมาก (ให้นึกภาพของลูกบอลขนาดมาตรฐานแต่ใหญ่กว่านั้นเล็กน้อยแต่มีเปลวไฟ ล้อมอยู่แสงไฟพวยพุ่งเป็นลูกไฟที่เขาจุดคบเพลิง) ลูกไฟดังกล่าวนี้ ค่อยๆ ลอยขึ้น ๆ ค่อย ๆ ลอยขึ้นไปบนฟ้าค้างอยู่อย่างนั้นสักพักทำให้เราได้สังเกต เห็นได้ถนัดตาได้เห็นถึงเปลวไฟที่พวยพุ่งและมีสะเก็ดลูกไฟมันแตกเสียงดัง เปี้ยะๆๆๆ แล้วก็ประทุแตกเป็นลูกไฟฝอยๆ ลอยขึ้นไป เหมือนกับเราติดไฟถ่าน แล้วมีสะเก็ดไฟเล็ก ๆ นั้นแหละค่ะ มันค่อย ๆลอยขึ้นบนฟ้าอย่างช้าๆ เราสองคนจ้องมองไม่วางตา นานประมาณ 2-3 นาทีก็หันไปทางไหนไม่มี ผู้คนตรงนั้นเลย กล้องถ่ายรูปก็ไม่มี มือถือก็ไม่ได้นำติดตัวมาเสียดายโอกาสนี้ มากค่ะ บริเวณนั้นไม่มีผู้ใดแม้แต่คนเดียวนอกจากเราสองคนค่ะเรื่องที่เรามานี้ ประสบการตรงค่ะ
ภาพนี้ได้มาจากกูลเกิ้ลไม่น่าเชื่อเลยว่ามันช่างเหมือนกับลูกไฟวิญญาณที่ได้พบเห็นมาค่ะ
ความตื่นเต้นนี้ทำให้ต้องไปถาม อ.เจนได้ความว่า อ.เจน เป็นผู้ปลดปล่อย ดวงวิญญาณของพวกเขาไปหลายดวงมากโขอยู่พวกเราจึงได้ รู้ ได้เห็น และได้สัมผัส ปรากฏว่า กลับไปบ้าน คุณรุ้ง เป็นไข้จับสั่น อยู่ 3 วัน โดยมี อ.เจนคอยเช็ดตัวดูแลไม่ต้องทำอะไรกันล่ะ อ.เจน ถามว่าเป็นไงพี่ ได้ สัมผัสแล้วเป็นไงล่ะจี๊ดจึงถามว่า อ้าว แล้วทำไมจี๊ดไม่เป็น อ.เจน บอกว่า กระแสจิตของคุณรุ้งเหนือกว่าจี๊ด จึงสัมผัสเข้ากระทบโดยตรงค่ะ อ้อ มันเป็น เช่นนี้นี่เอง สำหรับเรื่องที่นำมาเล่านี้เป็นประสบการณ์ตรงที่แม้ว่าเวลาจะ เนิ่นนานสักเพียงใดก็ยังจำติดตรึงใจไม่รู้ลืมเลยค่ะ
ข้อคิดสะกิดใจ คนเราเมื่อมีชีวิตอยู่ก็ใช้ชีวิตอยู่อย่างประมาทกิน เที่ยว สนุก สำมะเลเทเมา ไปวัน ๆ ไม่คิดสร้างบุญบารมีใดใดเลยครั้นเมื่อตายไป ก็หามีบุญมาหนุนนำทางให้ไปสู่ภพภูมิของตนเองได้ก็ต้องมาเป็นสัมภเวสี เร่ร่อนเก็บสิ่งปฏิกูลกินก็ยังกินไม่ได้เลยเพราะสิ่งที่กินได้นั้นต้องเป็นบุญ กุศลที่ติดตามไปทุกภพชาติ ญาติพี่น้องทำบุญใส่บาตรไปให้ก็ได้เพียง ละอองบุญเท่านั้นเพราะบุญใครทำใครได้ ใครกินใครอิ่ม และบุญเท่านั้น ที่เราเอาไปได้ สัจธรรมที่พบบ่อยคือเมื่อเราตายไปใหม่อยู่ระหว่างความ โศกเศร้าของญาติพี่น้องนานวันเข้าเขาก็ลืมเราไปเสียแล้วเราจะไปหวัง พึงพารอคอยบุญของใครอยู่เล่า
จี๊ดจ๊าด
|