แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เจนญาณทิพย์ เมื่อ 2015-6-30 16:56
สวัสดีค่ะ
จี๊ดจ๊าด มาเล่าค่ะ จี๊ดขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านนะค่ะ สำหรับบุญเสบียงสวรรค์ ครั้งที่ 23 เป็นภาพความประทับใจอีกครั้งหนึ่งของชีวิตก็ว่าได้นะค่ะ ครั้งนี้ จี๊ดรู้สึกถึงความตั้งใจ ของตนเองเป็นอย่างมากเพราะอาจารย์ทั้งสองก็ทำหน้าที่ที่ทุกท่านได้ให้ความไว้วางใจ โดยศรัทธาในพระพุทธศาสนาและให้อาจารย์เป็นผู้นำบุญ ภาระหน้าที่นี้จึงทำให้อาจารย์ ต้องหาสิ่งดีดีมามอบให้อย่างเป็นกำลังเช่นกันค่ะ ในครั้งนี้ ก็สุขใจนะค่ะขอเก็บความทรงจำนี้ไว้ว่าครั้งหนึ่งของชีวิตจะได้ถวายใบเสมาที่เป็น รั้วแห่งพระพุทธศาสนาอย่างที่อาจารย์เจน ได้บอกกล่าวมาแล้วนั้นแหละค่ะ ทำบุญ 3 วัด สร้างมหากุศลที่ยากนักในชีวิตนี้จะทำได้ จี๊ดได้คุยกับหญิงสาวคนหนึ่ง เธอบอกว่าทุกครั้ง ได้แต่โอนเงินเข้ามาในทัวร์บุญเสบียงสวรรค์เพราะไม่มีเวลา เป็นเจ้าภาพบ้างอะไรบ้าง แต่ครั้งนี้ตัดใจจากการงานมา ได้มาเห็นเจ้าภาพเขาถวายใบเสมาของตนเองแล้ว ยังนึกเสียดายว่า โถมาครั้งนี้ไม่ได้เป็นเจ้าภาพกับเขามาด้วยตนเองแท้ ๆ แต่ไม่เสียดายเลยที่ ได้มาร่วมอนุโมทนาบุญและทำบุญในวันนี้ไม่เสียดายเลยจริง ๆ แหม จี๊ดได้ฟังอย่างนี้แล้ว ก็อดที่จะปลื้มอกปลื้มใจแทนอาจารย์เสียไม่ได้ค่ะ สำหรับยอดปัจจัยที่ได้มาก็ไม่น้อยเลยค่ะ เกินกว่าครึ่งล้านบาท ดีใจดีใจค่ะ เพราะเงินปัจจัยของผู้บริจาคสามารถที่จะช่วยให้ทางวัด ได้มีกำลังทรัพย์ที่จะนำไปก่อสร้างโบสถ์วิหารให้สำเร็จโดยเร็วและสามารถใช้ ประโยชน์ในส่วนนี้ได้ค่ะ และจี๊ดติดตามอาจารย์มานานถึงได้รู้ถึงความรู้สึกของอาจารย์ ได้ว่าทุกสิ่งที่ทำไปนั้นมิได้มุ่งหวังสิ่งตอบแทนอันใด ดังท่อนหนึ่งของเพลงกิจกรรม “แม้ไม่มีใครรู้แต่เรารู้ รู้ว่าเรานั้นทำเพื่อใคร ไม่ว่าวันพรุ่งนี้ มันจะเป็นเช่นไร ก็จะไม่เสียใจกับสิ่งที่เราได้ทำ ฟ้าและดินไม่เห็นไม่เป็นไร จะไม่ขอให้ใครจดจำ แม้ยากเย็นแค่ไหนก็ไม่บ่นสักคำ......” ค่ะ จี๊ดก็มีความรู้สึกเดียวกันนี้ซึ่งไม่แตกต่าง กับอาจารย์เลยสักนิดเพียงแต่ว่า อาจารย์มีบุญบารมีมากล้นที่จะมาช่วยเหลือ พระพุทธศาสนาด้วยการนำพาผู้คนปฏิบัติตามหลักคำสอนของพระพุทธองค์ จี๊ดและน้องๆทีมงานก็ได้มีโอกาสอันล้ำค่ามาช่วยเป็นบริวารของอาจารย์เพื่อให้งานนั้นสำเร็จ ซึ่งเป็นงานที่พวกเรารับหน้าที่ด้วยความเต็มใจและภาคภูมิใจ แค่นี้ก็ไม่เสียชาติเกิดแล้วค่ะ เรื่องสำคัญไม่เล่าก็ไม่ได้ค่ะ ก่อนออกเดินทางอาจารย์รู้ในญาณว่า วันนี้จะมีปัญหาเรื่องข้าวกล่อง เนื่องจากว่าอาจารย์ได้รับประทานข้าวกล่องร้านหนึ่งแล้วชอบมากกับข้าวให้เยอะแยะมาก และยังอร่อยเสียอีก เป็นอาหารชั้นเลิศทีเดียวเชียวจึงคิดว่าจะเปลี่ยนร้านข้าวกล่องลูกทัวร์ จะได้ไม่เบื่ออาหาร ด้วยความที่อาจารย์ห่วงใยลูกทัวร์นี่แหละค่ะจึงเปลี่ยนใจจากเจ้าเดิมมาซื้อเจ้าใหม่ ปรากฏว่า ร้านนี้ไม่เคยทำงานใหญ่เกิดการคำนวณผิดพลาดทำให้ข้าวกล่องขาดไป เกือบ 200 กล่อง ทำไงละทีนี้ อาจารย์บัญชาการให้แยกสายกันทำงาน คุณรุ้ง แสตนบายอยู่ที่บ้านควบคุมสถานการณ์ทำแบบตรึงกำลังอยู่ที่ฐานทัพนั่นแหละค่ะ นอกนั้นกระจายกำลังกันไปทำงานด่วนด้วนด่วน ตอนนั้นสงสารอาจารย์มากค่ะ อาจารย์โดดซ้อนมอเตอร์ไซด์หลานชายนายเอก ไปหาซื้อกล่องบรรจุข้าว ไปหาซื้อข้าว ส่วนแม่ตี้ ก็ไปหาซื้อกับข้าวในตลาด จี๊ด ฮ้อมอร์เตอร์ไซด์ไปแบกกล่องข้าวที่อาจารย์สั่งซื้อไว้กลับมาบ้าน ก็ช่วยกันอย่างเร่งด่วน ด้วยการลงมือแพ็คกล่องข้าว กันยกใหญ่ ทีมงานบางส่วนคงวาง กำลังรักษาสถานการณ์อยู่ที่รถบัสเพื่อให้ลูกทัวร์ผ่อนคลายกับการรอคอย ทีมงานอีกส่วนหนึ่งก็มาช่วยกันที่บ้าน ระหว่างนั้นอาจารย์ก็พูดขึ้นว่า ขอให้ทุกคนให้เทวดา มาช่วยกันเพราะว่า วันนี้พวกเราจะนำพาผู้คนไปทำบุญใหญ่มากก็จะมีสิ่งมาขัดขวางไม่ให้สำเร็จ แต่จะผ่านพ้นไปด้วยดี อาจารย์บอกว่าให้ทุกคนใจเย็น มีเสียงมาบอกอย่างนี้ค่ะ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านมาบอกในขณะที่ทุกคนช่วยกันแพ็คกล่องข้าว ซึ่งหลังจากกลับมาจากทัวร์บุญแล้ว อาจารย์บอกว่า รู้ในญาณวิถีว่า ถ้าพวกเราออกเดินทางตรงตามเวลากำหนดจะต้องเกิด อุบัติเหตุจนไม่สามารถไปทำบุญใหญ่ได้ ดังนั้น เรื่องที่เกิดขึ้นจึงมิใช่เรื่องบังเอิญ ค่ะ แต่เป็นเรื่องที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านช่วยไว้จริง ๆ ค่ะ อาจารย์บอกว่าเราทำความดี สิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านก็จะช่วยเหลือเรายามคับขันค่ะ เรื่องของผ้าห่มพระพุทธรูป บางคนอาจเกิดคำถามว่า อ้าวทีมงานนำผ้ามาแจกให้ห่มพระมาแจกในรถ ทำไมคนนั้นได้ ทำไมฉันไม่ได้ เรื่องนี้จี๊ดขอเฉลยกันเลยนะค่ะ เพื่อความยุติธรรมกับผู้คน 700 กว่านี้ จึงใช้การสุ่มจับฉลากรายชื่อออกมาโดยไม่ได้เลือกเฉพาะเจาะจงว่าเป็นผู้ใดนะค่ะ แต่การทำบุญที่ถูกต้องนั้นอาจารย์พูดเสมอว่า ใช้จิตของเราส่งไปยังผู้ที่กำลังทำความดี และอนุโมทนาบุญกับเขาเราก็ได้มีส่วนในบุญนั้นด้วยค่ะ สำหรับผ้าห่มพระนี้ก็เป็นเงินปัจจัยของทุกท่านที่ได้ร่วมบุญกันมาก็เป็นผ้าของทุกคนเพียง แต่ต้องมีตัวแทนของทุกคนไปร่วมกันทำงานให้ง่ายยิ่งขึ้นและเป็นระเบียบเรียบร้อยค่ะ กว่าจะได้ลายผ้าที่สวยสดงดงามเยี่ยงนี้ ไม่ใช่ง่ายนะค่ะ คุณรุ้ง ให้อาจารย์พักผ่อนที่บ้านเพราะป่วย คุณรุ้งและสานุศิษย์บางส่วนก็ไปซื้อผ้าที่ห้างแขกต้องใช้เวลาเดินหาผ้าให้สวยได้ขนาดนี้ ผ้ากับซับในผ้าต้องแตกต่าง ผ้าจะได้ออกมาสวยงามวันนั้นก็ใช้เวลาปาเข้าไป 4-5 ชั่วโมง ข้าวปลาไม่ได้กินกันหรอกค่ะ อาจารย์กับแม่ตี้รออยู่ทางบ้านก็จัดเตรียมอาหารไว้ รอคอยการกลับมาของพวกเราค่ะ แม้จะเหน็ดเหนื่อยเดินกันจนขาลาก คือลากขาเดินกันตอนหลังขามันแข็งก้าวไม่ออก ประกอบกับถุงผ้าก็หนักมาก น้อง ๆ ทุกคนที่ไปด้วยก็ต้องช่วยกันลากถุงผ้ากลับมาด้วย และกลับบ้านมาด้วยความหิว ซึ่งอาหารก็รออยู่แล้วในบ้าน สิ่งนี้ก็เป็นความสุขเล็ก ๆ ภายในครอบครัวบุญค่ะ ประทับใจมากค่ะ จักรเย็บผ้าที่คุณรุ้ง หัวเรือใหญ่ได้ออกความคิดว่า ต้องลงทุนซื้อจักรมาเย็บกันเองนั้น ถูกต้องที่สุด เพราะคณะบุญเราได้มีผ้าผืนสวยจากการเย็บปักและประดิษฐ์ขึ้นมาให้ไม่เหมือน ใครและไม่มีใครเหมือน มีผืนเดียวชิ้นเดียวเท่านั้นในโลก ทุกท่านที่ได้มาร่วมบุญนี้ถ้าไป เกิดบนสวรรค์ก็คงมีผ้าแพรพรรณ และผิวพรรณที่สวยงามเหนือกว่าเทวดานางฟ้าทั้งปวงเป็นแน่ อาจารย์บอกกับจี๊ดว่า สิ่งที่เราทำนี้เป็นบุญทางด้านผิวพรรณ และแสงบุญจะสว่างมากกว่าผู้ใด เหล่าเทวดานางฟ้าก็จะมาถามเราว่า ไปทำบุญอะไรมา ด้วยอานิสงส์ของบุญนี้ถ้าเกิดเป็นมนุษย์ก็ จะมีผิวพรรณที่สวยงามเลิศกว่าใคร ดังนั้น ทำไปเถอะค่ะบุญน่ะ ถ้าเรายังมีลมหายใจอยู่กอบโกย บุญเอาไว้ให้มากค่ะ อาจารย์ยังพูดติดตลกว่าสงสัยพี่จี๊ดจะต้องตอบและเล่ากันยาวเป็นหางว่าวเชียวค่ะ เรื่องนี้อาจารย์รู้จริงค่ะเป็นคนอย่างนั้นเสียด้วยสิค่ะ หลังจากที่ทุกคนได้ห่มผ้าพระแล้ว อุเหม่..ช่างสวยงามเสียนี่กระไรค่ะ กิจกรรมบุญของอาจารย์ เป็นการแสดงชุดทหารรั้วของชาติเพื่อสื่อถึงคุณงามความดี ของเหล่าทหารหาญที่ปกป้องประเทศชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ เพื่อให้คนรู้รักสามัคคีกันภายในชาติ รวมทั้งสื่อถึงพระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นแม่ทัพใหญ่ปกป้องแผ่นดินไทย ให้ดำรงอยู่จนถึงปัจจุบัน อาจารย์มักพูดกับทีมงานเสมอว่า ไม่มีแผ่นดินใดดีเท่าแผ่นดินไทย ไม่มีแผ่นดินใดที่มีองค์พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นทั้งพ่อของประชาชน ท่านทรงเป็นผู้ที่มีทศพิศราชธรรม และทรงหวงใยพสกนิกรของพระองค์ท่านค่ะ การแสดงชุดนี้ อาจารย์เหนื่อยเหมือนกัน เริ่มตั้งแต่ไปหาเช่าชุดการแสดง ไปหาสถานที่ซ้อมการแสดง ไปหาซื้ออาหารอร่อย ๆ ให้นักแสดงรับประทาน ในวันที่มาซ้อมการแสดง ซึ่งมีเพียง 3 วันแบบไม่เต็มวันนะค่ะ การมารวมตัวกันขึ้นอยู่กับวันทำงานเป็นตัวกำหนดด้วยค่ะ อาจารย์บอกว่าต้องการให้คนที่ ดูการแสดงจะได้เกิดความรักรักสงบอยู่ในศีลธรรมอันดี รักชาติบ้านเมือง และรักพระมหากษัตริย์ค่ะ จี๊ดประทับใจงานบุญของอาจารย์ทุกบุญนะค่ะ เพราะรู้ว่า อาจารย์ได้ทุ่มเททั้งกำลังกายและกำลังใจ โดยไม่หวังผลตอบแทนหรือทรัพย์สินเงินทองค่ะ เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่อยากบอกกล่าวนะค่ะ คือ การที่เรามาร่วมบุญกันมาพบเจอกันและได้มา เป็นเพื่อนในทางบุญด้วยกันก็ถือว่าเป็นเสมือนพี่น้องในสายบุญเดียวกัน หากมีสิ่งที่ขาดตก บกพร่องอันใดก็นำมาบอกกล่าวเล่าสิบกันได้นะค่ะ ซึ่งจี๊ดก็มีเรื่องที่อยากจะบอกกล่าวสักเรื่องหนึ่งนะค่ะ จี๊ดและน้องทีมงาน ได้รับมอบหมายให้ มีหน้าที่เดินถือพานรับปัจจัยเงินจากผู้มีจิตศรัทธาทุกท่าน แต่ด้วยนิสัยของจี๊ดจะไวและเร็ว บางครั้งก็รวดเร็วปานจะเหาะ บางครั้งอย่างกับเต้นบัลเล่ย์ด้วยการเขย่งปลายเท้าอะค่ะ เพื่อที่จะได้เดินออกมาจากช่องแถวทางเดินเพราะทุกท่านนั่งกันอย่างหนาแน่นต้องทรงตัวไม่ให้ล้มนะค่ะ ซึ่งการทำงานของจี๊ดต้องทำเวลาให้รวดเร็วและทันท่วงทีเพื่อให้ทันกับจังหวะเวลา ที่ต้องนำเงินไปนับปัจจัย รวบรวมนับยอดเงิน เพื่อถวายพระสงฆ์ สำหรับผู้คนจำนวนมากก็ต้องเร็วและไว เพราะมีอีกหลายท่านโบกมือไหวๆ ให้ไปรับเงินบริจาค จี๊ดก็ต้องรีบไปหาเขาไม่อยากให้ เขายืนโบกมืออยู่อย่างนั้น การทำเวลาเดินเร็วดังกล่าวเพราะไม่ต้องการให้พระท่านมานั่งรอนานจนเกินไป ก็แบบวิ่งด่วนและเร็ว บางครั้งไม่ต้องการเร่งเร้าให้ทุกท่านรีบหย่อนเงินเพราะต้องการให้ จบเงินด้วยจิตนิ่งสมาธิตามจริตของแต่ละท่าน บางครั้งก็จะวิ่งผ่านท่านไปด้วยความรวดเร็ว แต่ไม่ต้องห่วงนะค่ะ สายตาอันแหลมคมของจี๊ดได้จับจ้องท่านไว้แล้วว่าจะต้องวิ่งกลับมา หาท่านอีกครั้งเมื่อท่านได้จบเงินเสร็จสิ้นแล้วอย่างทันท่วงทีค่ะ เมื่อเห็นท่านใดกำลังจบปัจจัยเงินอยู่ก็จะวิ่งผ่านท่านไปก่อนเพื่อไปรับเงินบริจาคกับ ท่านที่เขาพร้อมและโบกมือเรียกก่อนค่ะ แหมเกริ่นเสียนานยังไม่เข้าเรื่อง เรื่องของเรื่องมีอยู่ว่า จี๊ดมาถึงผู้หญิงท่านหนึ่งเมื่อเห็นจี๊ด ถือขันมาก็เริ่มหยิบกระเป๋าตังขึ้นมาแล้วบอกให้รอก่อน ระหว่างนั้นก็มีอีกหลายท่านโบกมือ เรียกให้ไปรับเงินบริจาคจากเขาก่อน เมื่อจี๊ดเห็นว่าหญิงท่านนี้เพิ่งหยิบเงินออกมาจบก็จะวิ่ง ไปรับเงินจากท่านอื่นก่อน หญิงท่านนั้นตะหวาดเสียงแบบไม่พอใจมากว่า “เดี๋ยวสิ..รอก่อนสิ รอไม่ได้หรือไง จะรีบไปไหน ให้ฉันจบเงินก่อนสิ ครั้งแรกก็รู้สึกตกใจ อยู่เหมือนกันแต่เมื่อมีสติคิดได้จึงเข้าใจว่า คนเรานั้นต่างจิตต่างใจ คือ จี๊ดก็คิดว่าจะไปรับ เงินจากคนที่เขาโบกมือเรียกประมาณ 10 คนเห็นจะได้ไม่ไกลจากที่ตรงนั้นคิดว่าวิ่งไปรับ แล้วก็กลับมาที่เดิมนี้ได้เพราะพี่คนนี้เขาเพิ่งหยิบเงินออกจากกระเป๋า ก็กะจากสายตาคง อีกนานวิ่งกลับมาทัน ส่วนพี่คนนี้ก็คงคิดว่า จะรีบไปไหนคนจะทำบุญ จี๊ดมีสติคิดได้อย่างนั้น เมื่อเป็นเช่นนี้ก็เข้าใจในเจตนา จึงบอกพี่เขาไปว่า เชิญจบเงินก่อนนะค่ะเดี๋ยวจะกลับมารับนะค่ะ..
” จี๊ดไม่ได้โกรธ นะค่ะ เพียงแต่อยากจะขออนุญาตเตือนขออย่าได้โกรธกันเลยนะค่ะ อยากจะเตือนตามคำสอนของอาจารย์เจน ท่านสอนว่าขณะที่เราหยิบเงินปัจจัยขึ้นมา จบอธิษฐานขอให้ตั้งจิตน้อมในบุญกุศล แล้วเริ่มอธิษฐาน อย่าให้จิตมีโทสะหรือคิดเรื่อง ที่เป็นทุกข์ใดใด มิเช่นนั้น บุญจะกระฉอกนะค่ะ เพราะถึงอย่างไรเงินปัจจัยนั้นเราก็ได้บริจาค อย่างแน่นอนอย่าใจร้อนเวลาทำบุญค่ะ ขอฝากเรื่องไว้นะค่ะ ท้ายนี้ขออนุโมทนาบุญกับทุกๆ ท่านนะคะที่ได้มาร่วมบุญกันในครั้งนี้ ทุกบุญเลยค่ะ ประทับใจค่ะที่ทุกท่านมาร่วมบุญกันเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันค่ะ
จี๊ดจ๊าด
|