จี๊ดจ๊าดเล่าเรื่อง
ทริปบุญเสบียงสวรรค์ในครั้งนี้ อ.เจนเห็นว่า ปีนี้ เราจะต้องสร้างบุญใหญ่ให้มากเพราะเหตุว่า
ปัญหาความวุ่นวายต่าง ๆในขณะนี้และการเจ็บไข้ได้ป่วย เริ่มจะคืบคราญเข้ามาแล้วจึงคิดว่า บุญอะไรที่ช่วยได้และเป็นบุญใหญ่ เมื่อคิดได้จึงแจ้งแก่ทีมงานว่าจะต้องเป็น การสร้างบุญใหญ่ ด้วยจิตศรัทธาไม่ใช่แต่จะทำเฉพาะปัจจัยเงินเท่านั้นเพราะทุกท่านส่วนใหญ่จะเคยกระทำแล้ว ทั้งสิ้นแต่การเทปูน ถือถังปูนส่งต่อกันนั้น #หากระทำได้ยากยิ่ง#การเทปูนพื้นคอนกรีตให้กับ วัดนี้ก่อนวันออกเดินทางหนึ่งวัน อ.เจน ได้นั่งสมาธิแล้วอธิษฐานตามที่ได้ตั้งใจวันรุ่งขึ้น คณะเดินทางได้ออกเดินทางพร้อมกัน
การเดินทางครั้งนี้ก็เหมือนกับทุกครั้งที่ผ่านมาอ.เจน ไปเส้นทางที่เทวดาท่านบอก อ.เจนหันมาบอกกับดิฉันว่า พี่ ๆ เทวาดาบอกให้มาทางนี้ แต่ในญาณของหนูบอกว่าวัด ที่จะไปเทปูนหล่อพื้นวัดนั้นจะเป็นดินลูกรังสีแดงแต่..เอ้..ทำไมตลอดเส้นทางนี้มี แต่ถนนคอนกรีต วัดแถวนี้ก็ไม่เป็นดินลูกรังสีแดงเลยคุณรุ้ง บอกว่า ก็ลองขับต่อไป เรื่อยอาจจะพบวัดที่เห็นในญาณก็ได้แต่ไม่น่าเชื่อขณะที่พูดคุยกันอยู่นั้นยังไม่ขาดคำ อ.เจน ก็บอกว่าต้องเป็นวัดข้างหน้าที่จะถึงนี้แน่ เทวดาบอกหนู ดิฉันซึ่งมีความเชื่อมั่น ในญาณวิถีและเทวดาประจำตัวของ อ.เจนที่ไม่เคยพลาดแม้สักครั้ง ก็คอยชะเง้อ คอมองหาแต่ดินลูกรัง แต่ก็ไม่เห็นมีเลยค่ะเห็นแต่ถนนคอนกรีต แต่เมื่อขับต่อไป อีกก็สักพักก็เป็นถนนดินแดงลูกรังพูดไปใครจะเชื่อค่ะขนลุกค่ะ ความเชื่อมั่นของ ดิฉันเป็นจริง ค่ะ
วัดแรก ภาพที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าทำให้ดิฉันตื่นเต้นและทุกคนต่างก็ดีใจเพราะ เบื้องหน้าที่เห็นเส้นทางถนนเป็นดินลูกรังและมีโบสถ์ที่เพิ่งก่อสร้างเสร็จใหม่ๆ และที่พื้นดินบริเวณโดยรอบของโบสถ์ก็เป็นดินลูกรังทั้งหมด(ทุกท่านค่ะ ตามที่ อ.เจนเห็นภาพล่วงหน้าว่า เป็นดินลูกรังทั่วบริเวณซึ่งก็เป็นจริงอย่างที่ดิฉันเชื่อมั่น ในญาณของอาจารย์ค่ะ)ที่ได้มีการปรับพื้นไว้เรียบร้อยพร้อมทำการเทพื้น โอ้ย..ตื่นเต้นดีใจกันทุกคน ดีใจกันจนบอกไม่ถูก เมื่อไม่เห็นใครเหลียวไปมาเจอ แต่สุนัขแม่ลูกอ่อนและสุนัขที่หิวโหย แลดูอดโซน่าสงสารมาก คุณรุ้งจึงบอ กให้ทีมงานนำอาหารสุนัข (กระป๋อง) ซึ่ง อ.เจน และคุณรุ้งมักมีไว้สำรองติด ไว้ที่ท้ายรถพร้อมจานกระดาษที่มีไว้พร้อมรับประทานเสมอและเพื่อเลี้ยงสุนัข ที่หิวโหยและมักพบเจอบ่อยตลอดเส้นการเดินทางเพื่อนำมาเลี้ยงเจ้าพวก สุนัขที่หิวโหยซึ่งวันนั้นพวกเราก็ช่วยกันค่ะ...อู้ย..มันกินกันอย่างเอร็ดอร่อย ดิฉันก็หิวข้าวเหมือนกันค่ะเช้านั้นยังไม่ได้กินข้าวเช้าแต่ต้องการวัดที่ทำบุญ ก่อนค่ะบุญมาก่อนสิ่งอื่นค่ะ
ระหว่างนั้นอ.เจน ก็เดินมาบอกกับดิฉันว่า เทวดาบอกว่า เป็นวัดนี้ยังต้องช่วย และเมื่อกี่นี้เจ้าที่เจ้าทางที่เป็นคุณตาคุณยาย ท่านใจดีมาก ท่านมาสื่อสารบอกว่า “มาทำบุญที่วัดนี้ด้วยๆ” ดิฉันก็โอโหแสดงว่า แม้เจ้าที่เจ้าทางยังสงสารวัดเลยค่ะ แต่เราก็มากันตั้งนานแล้วไม่เห็นพระแม้สักองค์เดียวระหว่างที่ดิฉันคิดอยู่นั้น อ.เจนก็คิดเหมือนกันซึ่งก็ดีใจมากที่พบเจอวัดที่เป็นไปตามเจตนาเทปูนแต่ ไม่พบเจอพระและไม่เห็นพระสักองค์ ทำไงดี ดังนั้น อ.เจนจึงอธิษฐานขอให้ พบเจอพระที่จะติดต่อสอบถามด้วยเถิด เมื่อ อ.เจน อธิษฐานเสร็จก็ต้องสะดุ้ง พร้อมๆ กัน เพราะได้ยินเสียงพระท่านยืนอยู่ด้านหลัง ถามว่าโยมมาจากไหนกันเน้อ อ.เจน ก็ดีใจตอบไปว่ามาจากกรุงเทพฯ ค่ะ และดิฉันเห็นว่าทางวัดกำลังก่อสร้าง และเห็นว่าที่พื้นรอบโบสถ์ กำลังรอการเทพื้นปูนอยู่จึงประสงค์จะนำพาผู้มีจิตศรัทธา ประมาณ 200 คน มาช่วยกันเทปูนที่พื้นรอบโบสถ์ให้กับทางวัดท่านเจ้าอาวาส ท่านมีสีหน้า ดีใจ และท่านคงจะ..งง และ งง ท่านคงคิดว่าไอ้พวกนี้มันมาจากไหน แต่ระหว่างนั้น อ.เจน ก็บอกกับดิฉันว่าเจ้าอาวาสท่านเคยเป็นทหารก่อนบวชพระ ดิฉันก็ไม่ว่าไร พยักหน้าเพราะเชื่อค่ะ
แต่เมื่อท่านเจ้าอาวาสท่านทราบความประสงค์ของอ.เจน แล้ว ท่านก็พูดซ้ำ ๆ ว่า ดีใจ ดีใจ คราวนี้ท่านก็เล่าเรื่องราวของวัดและของท่านเจ้าอาวาสเองเสียยาวเป็นหางเว้าเชียวค่ะ
เจ้าอาวาสท่านบอกว่าโบสถ์ใหม่หลังนี้สร้างมา 3 ปีโบสถ์หลังเดิมที่มีอยู่ด้านข้างของ โบสถ์ใหม่เป็นวัดเก่าโบราณมาก (อ.เจน สื่อได้ว่าวัดเก่านี้ก่อสร้างเมื่อสมัยกรุงศรีอยุธยา โดยบอกกับดิฉันค่ะ)ผู้รับหมางานก่อสร้างได้นำเงินไปแล้ว แต่ทำงานยังไม่เสร็จและ ต่อมาก็มาขอเงินเพิ่มอีกอ้างว่าเงินยังไม่พอซึ่งทางหลวงพ่อท่านบอกก็สัญญาคำพูด กันไว้เป็นเงินมั่นเหมาะ อาตมาจะไปหาเงินที่ไหนสร้างวัดมาตั้งนานงานน่าจะเสร็จแล้ว ก็ยังไม่เสร็จจึงขอให้เพื่อนทหารมาช่วยแต่เขาก็ทำงานของเขา นานจะมา อาตมาก็แก่ แล้วอายุ 70กว่าปี เข้าไปแล้ว ก็ต้องการให้วัดสร้างเสร็จก่อนตาย ท่านเล่าว่าอาตมา บวชพระครั้งแรกเพื่อบวชหน้าไฟให้กับย่า ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่ได้สึกอีกเลย ตอนนั้น อีก 15 วันจะได้ไปติดยศจ่า ขอนายมาดูแลย่า ย่าก็บอกย่าจะตายแล้วบวชหน้าไฟให้กับย่าก่อน สุดท้ายย่าตายต้องบวชให้ย่าตั้งแต่ ปี 2513 จนป่านนี้ยังไม่ได้สึกอีกเลย
เมื่อคณะของเราเดินตามเจ้าอาวาสไปที่กุฏิระหว่างทางเดิน ไม่น่าเชื่อสายตา ทุกคนก็เหลือบไปเห็นศาล ตา-ยายภายในศาลมีรูปปั้นของตา-ยาย อ.เจน บอกว่า นี่ตายายที่มาบอกหนูเราไปไหว้ท่านกันเถอะ ว่าแล้ว อ.เจน จึงบอกให้พวกเราร่วม กันสวดมนต์ อุทิศบุญและขอพร จากตายาย เมื่อกล่าวเสร็จ อ.เจนจึงบอกว่า ตายาย บอกว่า “โมทนาบุญนะลูก”
ดิฉันในขณะนั้นมีความรู้สึกเหมือนท่านตายายกำลังจ้องมองดิฉันอยู่ด้วยเหมือนกัน และขนลุกถึงหนังหัว และรู้สึกปิติใจ รู้สึกอยากร้องไห้ รู้สึกว่า ตายายดีใจและยิ้ มกับดิฉัน หรือดิฉันคิดไปเอง แต่เมื่อสักถาม อ.เจน และ คุณรุ้งว่ามีความรู้สึก เหมือนตายายท่านจ้องมองเรา และดีใจ อ.เจน จึงบอกว่า พี่ตายายเป็นเจ้าที่ที่เป็น โยมอุปถากอยู่ที่วัดนี้มาแต่เก่าก่อนท่านจึงมาอยู่เป็นเจ้าที่ประจำอยู่ที่วัดนี้ และท่านก็เมตตาคณะบุญของเราที่จะมาช่วยทางวัดนี้ค่ะ
จากที่กล่าวมาแล้วดิฉันสงสารเจ้าอาวาสที่ต้องการให้โบสถ์นี้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี แต่เมื่อมีมารศาสนาที่มาในคราบของผู้รับเหมาที่ได้มาสร้างบาปกรรมจนทำให้เจ้า อาวาสหนักใจมนุษย์หนอ พวกเราได้รับฟังแล้วก็ให้เศร้าใจเสียจริงค่ะ ซึ่ง อ.เจน ได้บอกกับเจ้าอาวาสว่าจะนำถังขนปูน พลั่ว จอบ กระบะ ผสมปูน มาช่วยกันเสร็จ แล้วก็บริจาคให้กับทางวัดไม่รับคืนเพื่อทางวัดจะได้ใช้ต่อไป หลวงพ่อท่านน้ำตา คลอเชียวค่ะท่านบอกว่า ดีโยม ขอบใจพวกช่างกิอสร้างเขาขนของไปหมดแล้ว แทบจะไม่เหลือแม้แต่กระป๋องสักใบ โถคนหนอคนไม่รู้จักบาปกรรมจริง ๆ นะค่ะ
เมื่อเดินออกมาบริเวณวัดอ.เจน ก็หันมาบอกว่า พี่หนูเห็นพระเจ้าตากสิน อยู่บนฟ้าค่ะสถานที่แห่งนี้คงมีบุญสัมพันธ์ กับเราพี่ที่นี่ครั้งหนึ่งต้องเป็นที่ตั้ง เดินทัพหรือเปล่าก็ไม่รู้ค่ะและวันที่เรามาทำบุญที่นี่ท่านต้องเสด็จมาในพิธีการ แน่ค่ะน่าภูมิใจมั้ยค่ะบุญใหญ่จริงค่ะที่เราจะได้ร่วมบุญกันค่ะ
จี๊ดจ๊าด |