แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย จี๊ดจ๊าด เมื่อ 2013-11-21 20:20
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่น้องนิก เป็นน้องที่ทำงานอยู่กับดิฉันน้องนิก..ขอให้ดิฉันนำเรื่องราวของผู้เป็นพ่อมาเล่าสู่กันฟังเพื่อจะได้เป็นอุทาหรณ์สอนใจคนที่ไม่เชื่อในเรื่องของบุญและกรรมค่ะเพราะความที่ไม่เชื่อว่ามันมีอยู่จริง น้องนิกเล่าให้ฟังว่า น้องเป็นคนจังหวัดนครนายก พ่อทำนา แม่ของน้องได้ตายไปนานแล้วเพราะตรอมใจผู้เป็นพ่อก่อนแม่ตายได้ พูดว่า ไม่ขอพบเจอพ่ออีกทุกชาติไปและจะไม่ให้อภัยพ่อที่ทำกับแม่ ต่อมาพ่อก็แต่งงานใหม่กับแม่เลี้ยงแต่แม่เลี้ยงเป็นคนชอบทำบุญ ซึ่งพ่อไม่เชื่อเรื่องบุญและบาปแต่ก็ไม่ได้ขัดขวางแม่เลี้ยง แต่พ่อก็ไปวัดเพื่อไปหาพระสงฆ์ที่เป็นญาติกับตนเองการไปหาแต่ละครั้งก็จะแบกกระสอบใส่ข้าวสารไปให้พระญาติเสมอ คือเอาข้าวสารไปวางๆ ไว้ที่วัดไม่ได้ถวายพระตามธรรมเนียมประเพณีอะไรกับเขาหรอกค่ะ น้องนิก เล่าต่อไปว่า พ่อชอบออกไปล่าสัตว์ นานาชนิด อาทิเช่นยิงนก ตกปลา ที่ชอบมากก็ชอบช๊อตปลา แล้วนำมาขายให้ชาวบ้านด้วยกัน พ่อบอกว่าการล่าสัตว์เป็นการทำหามากินเลี้ยงชีพไม่ได้ทำผิดกฎหมายอะไรแต่พระญาติเป็นพระเกจิอยู่เหมือนกันก็ตักเตือนว่าโยมอย่าสร้างกรรมต่อไปอีกเลยให้ทำบุญมากๆ คนเขาจะมาเอาชีวิต แต่พ่อก็ลืม.....พ่อฆ่าสัตว์มาตั้งแต่ยังเป็นเด็กจนถึงอายุ46 ปี พ่อของน้องนิก ก็ต้องตายด้วยฝีมือตนเองค่ะ พ่อน้องนิก..เป็นคนที่ชอบคิดชอบทำจึงใช้สายไฟที่เปลือยไม่มีปลอกสายไฟ นำมาล้อมไว้รอบผืนนาของตนเองความรองของไฟแรงสูงถึง 220 W. (คนที่ทำด้วยตนเองก็จะรู้ดี และข้ามไปได้ คนที่ไม่ได้รู้ก็อาจจะเสียชีวิตได้)เพื่อป้องกันไม่ให้วัว ควาย ของคนอื่นเข้ามากินหญ้าในพื้นที่นาของตนเองเพราะผืนนาของพ่อเป็นพื้นที่โล่ง มีทุ่งหญ้าบริเวณกว้าง วัว และ ควายของชาวบ้านจึงชอบมากินหญ้าที่นาของพ่อ สิ่งประดิษฐ์นี้เป็นเครื่องมือที่พ่อภูมิใจมากและพ่อจะคอนนั่งดูวัว และควาย ที่เข้ามาติดรั้วแล้วก็ต้องสะดุ้งโหยงและกระโดด พ่อจะนั่งหัวเราะขบขันส่วนเจ้า วัว และควาย เมื่อโดนบ่อยเข้าก็ชาชิน แม่เลี้ยงก็บ่นว่าตักเตือนพ่อเสมอว่าอย่าทำแบบนี้นี่เป็นวัว ควายไม่เท่าไหร่ ถ้าไปโดนคนที่ไม่รู้เดินเข้ามาตายจะทำไงพ่อบอกไม่ต้องสนใจไม่มีใครเข้ามาหรอก ซึ่งพ่อเองก็จะทำการสับสวิทซ์ไฟทุกเช้า ถ้าไม่มีใครเฝ้าอยู่ก็จะเสียบปลั๊กเดินไฟซะทุกครั้งและเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2555 ประมาณตี 5 ถึงคราวของพ่อที่กรรมส่งผลทุกเช้าพ่อจะต้องออกไปหว่านปุ๋ยต้นกร้าข้าว พ่อก็บอกแม่เลี้ยงว่าจะลงไปหว่านปุ๋ย ซึ่งแม่เลี้ยงก็ไม่รู้ได้เลยว่านั่นคือครั้งสุดท้ายแต่ก็ไม่วายที่จะเตือนเรื่องสวิตซ์ไฟ โดยบอกพ่อว่า อย่าลืมสับสวิตซ์ไฟ ซึ่งพ่อหว่านปุ๋ยต้นกร้าข้าวรอบแรกผ่านไปไม่เป็นไร แต่รอบ 2พ่อไม่ผ่าน ค่ะ เมื่อแรกที่โดนไฟซ๊อตพ่อยังไม่ตายในทันที มือเท้าไหม้ดำ น้ำลายฟูมปาก เดชะบุญที่แม่เลี้ยงนึกฉงนจึงไปดูที่สวิตซ์ไฟและสับสวิตซ์ไม่งั้นมีตายอีก3 คน เพราะชาวบ้านวิ่งเข้าไปช่วยเหลือแต่ไม่ทันเสียแล้วกว่าจะตายได้พ่อทรมานมาก หลังจากพ่อตายไปได้ไม่กี่วัน พ่อก็มาเข้าฝันแม่เลี้ยงซึงในฝันพ่อคลานเข้ามาหา แล้วพูดว่า ทรมานเหลือเกิน เจ็บปวดไปทั่วตัว พ่อก้าวไม่พ้นสายไฟแล้วพ่อก็ร้องไห้ พ่อหิวไม่มีอะไรจะกิน พ่อเชื่อเรื่องบุญแล้วแต่พ่อไม่มีโอกาสแล้ว ข้อคิดเตือนใจ จงอย่าอยู่อย่างประมาทในชีวิต เพราะชีวิตนี้น้อยนัก เมื่อมีชีวิตอยู่ให้หมั่นทำบุญสร้างกุศลกันให้มากเพราะโลกหลังความตายไม่ได้สวยหรูอย่างที่ทุกคนเขาคิดกัน และชีวิตเราหวนคืนไม่ได้อีกแล้วค่ะ อ.เจน มักพูดเสมอว่า เราทำเขาเช่นใดก็ย่อมจะได้รับผลกรรมเช่นนั้น หว่านพืชเช่นใดก็จะได้รับผลของพืชเช่นนั้น เช่น เราช๊อตไฟฟ้าให้เขาตายเช่นใดเราก็ต้องตายเช่นนั้น หากชาตินี้ยังไม่ส่งผลกรรมนั้นก็จะติดจรวดตามเราไปทุกหนทุกแห่งค่ะ เล่าโดย จี๊ดจ๊าด
|