จี๊ดจ๊าด เล่าเรื่อง...บุญหล่อเทียนพรรษาปีนี้ 
เมื่อวันเสาร์ที่ 5 - อาทิตย์ที่ 6ก.ค.57 ที่ผ่านมา อ.เจน ญาณทิพย์ คุณรุ้ง และทีมงานบางส่วนได้เดินทางไปยังที่ดินของสำนักปฏิบัติธรรมวิปัสสนาญาณเพื่อช่วยกันทำงานอีกหลายสิ่งหลายอย่างจิปาถะ ไม่ว่าจะเป็นงานถมดินปรับที่ดิน และงานหล่อเทียนพรรษาในระหว่างวันที่26-27 ก.ค. 2557 ที่ใกล้เข้ามาทุกวัน ซึ่งพวกเราทุกคนก็ยังไม่ได้พักผ่อนกันหรอกค่ะเพราะ อ.เจน ก็มีภารกิจของอาจารย์ ดิฉันและทีมงานอื่นก็มีงานทำกันทุกคน เมื่อมีวันเวลาที่ว่างพวกเราก็ต้องรีบมาช่วยกันทำงานค่ะและนับจากวันงานเททองหล่อพระประธานจนถึงวันนี้ก็ยังไม่มีใครได้หยุดพักผ่อนกันนะค่ะ อ.เจนกลับมาจากงานก็ไปบรรยายธรรมะตามหน่วยงานที่เขาเชิญมา เงินที่ได้บางส่วนก็นำมาเข้าสำนักปฏิบัติธรรมค่ะแม้ อ.เจน และคุณรุ้ง จะเหนื่อยแสนเหนื่อย แต่ก็สู้ค่ะดิฉันเห็นแล้วก็อดสงสารไม่ได้ เพราะ อ.เจน บอกว่าเงินของผู้บริจาคที่มอบให้สำนักปฏิบัติธรรมตามวัตถุประสงค์ของแต่ละคนนั้นเขาจะได้บุญสำเร็จโดยเร็วค่ะอ.เจน มักพูดกับดิฉันเสมอว่า หากยังมีชีวิตอยู่ ก็อย่าหยุดทำความดีค่ะ
ทุกท่านก็ทราบดีว่างานบุญเททองหล่อพระเพิ่งจะเสร็จสิ้นไป พวกเราไม่เหนื่อยกันหรืออย่างไรงานนั้นเสร็จงานนี้ก็มาอีกแล้ว แต่งานบุญหล่อเทียนพรรษา อ.เจน ก็ทำทุกปีขาดไม่ได้และเพื่อให้ท่านผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนาได้ทำบุญอย่างถูกต้อง สำหรับงานบุญที่ อ.เจน และคุณรุ้ง ตั้งใจทำ แม้ว่าจะมากแต่เราก็หยุดไม่ได้ค่ะสาเหตุที่ อ.เจน และคุณรุ้งยังไม่ได้พักผ่อนเพราะยังมีงานที่ต้องทำอีกมากมายก่ายกองค่ะ อาทิเช่น งานควบคุมดูแลการปรับพื้นที่ดินที่ยังเป็นหลุมเป็นบ่อในพื้นที่ดินอันกว้างไพศาลแห่งนี้ที่เขาเรียกว่าถมเท่าไหร่ไม่รู้จักเต็มเปรียบได้อย่างนั้นจริง ๆ ค่ะ แต่ที่ดินนี้มีบริเวณกว้างมากการถมดินในพื้นที่ที่กว้างมากก็ต้องใช่เงินมากค่ะขณะนี้ยังต้องการปัจจัยเงินอีกมาก อย่างไรก็ตามต้องขอบอกบุญจากท่านที่มีกำลังทรัพย์มาร่วมบุญปรับพื้นที่ถมดินเพิ่มเติมอีกทางอ.เจน ก็จะยินดีรับบริจาคจากท่านผู้มีจิตศรัทธาทั้งหลายและขออนุโมทนาบุญด้วยค่ะ
เงินไม่พอจ่ายแล้วค่ะ เงินยังไม่เพียงพอยังต้องใช้เงินอีกมาก เนื่องจากระหว่างวันที่5-8ก.ค.57 เป็นการถมดินครั้งสุดท้ายเพราะไม่มีเงินที่จะไปจ่ายเขาแล้วค่ะวันนี้วันที่ 9 ก.ค.57 อ.เจนจึงสั่งหยุดงานไว้ก่อน เพราะว่าเขาถมดินกันวันละ 160-200เที่ยว ทำกันเร็วมากแต่หลุมบ่อรวมทั้งเนินสูง ๆ ก็ยังต้องปรับที่ดินอีกมาก เพราะเงินไม่มีจะจ่ายเขาแล้วแต่เราก็บอกเขาไม่ได้ว่าไม่มีเงินจ่ายจำเป็นต้องสั่งหยุดปรับพื้นดินไปก่อนค่ะ จึงทำให้ผู้รับเหมาไม่ค่อยจะพออกพอใจสักเท่าไหร่ค่ะ เขาบอกว่า รถตักดินและอุปกรณ์ต่างๆ ขนเข้าขนออกก็มีค่าใช้จ่าย ถ้าเป็นอย่างนี้บ่อย ๆ คงจะมารับงานยากลำบากสักหน่อยทางเราก็เหนื่อยใจค่ะ สิ่งก่อสร้างที่จะเริ่มดำเนินการต่อไปอาทิเช่น ศูนย์บัญชาการเล็ก ๆ ที่จะเป็นสถานที่ให้ อ.เจน ใช้เป็นที่พักพิงเพื่อดูแลการก่อสร้างและเพื่อกิจการอื่นๆ ในเรื่องของบุญเท่านั้นค่ะ และยังมีบุญอีกหลายบุญที่ต้องทำไปพร้อม ๆ กันอาทิเช่น ห้องน้ำ กำแพงรั้วฯลฯ
อ.เจน ก็ได้บริหารจัดการเป็นไปด้วยดีแต่ขาดปัจจัยเพิ่มเติมนี่ซิค่ะจำเป็นมาก ดิฉันทราบดีในเรื่องนี้ ค่ะ

ออกเดินทางตั้งแต่ตี 3 กว่า ๆ ของเช้าวันเสาร์ค่ะทีมงานลูกศิษย์แต่ละคนมาช่วยงานบุญกันที่บ้านกว่าจะได้นอนปาเข้าไป 2 ยามกว่า ๆตื่นอาบน้ำประมาณตี 2 กว่า ๆ นั่งรออาจารย์กลับมาจากการอัดรายการคนอวดผีเมื่อ อ.เจน กับคุณรุ้ง กลับมาถึงบ้านก็อาบน้ำแต่งตัวใหม่โดยไม่ได้นอนพักเลยค่ะ อาจารย์บอกว่าไปนอนในรถเอาค่ะ พวกเราก็ออกเดินทางกันเลยค่ะเพราะยังมีภารกิจอีกมากที่จะต้องทำอีกหลายรายการค่ะก็ทั้งอาจารย์และลูกศิษย์ต่างก็หลับ ๆ ตื่น ๆ กันไปตลอดเส้นทาง เดินออกจากรถแต่ละคนเหมือนพวกซอมบี้บางคนก็เดินผ่านรถไปเลยต้องตะโกนเรียกให้กลับมาที่รถ สติสตางค์ หายไปหมดที่ดิฉันขำมากก็ตอนที่ อ.เจน บอกกับดิฉันว่า พี่ ๆไปเป็นเพื่อนเข้าห้องน้ำหน่อยค่ะ ดิฉันก็ตามไปแต่ไม่คิดว่า อ.เจนจะเป็นมากขนาดนั้น อ.เจน เดินถอยหน้าถอยหลัง เพราะอดนอน จึงเกิดอาการมึนงงและก็เซไปเกาะกับต้นไม้ไม่งั้นล้มแน่ ๆ ค่ะ ส่วนคุณรุ้งไม่ลงไปไหนเอาหัวซุกมุมรถหลับอย่างเดียวเพราะหมดสภาพดิฉันก็อดนอนมาเหมือนกันเพราะงานที่ทำงานมีมากทำทั้งวัน มาที่บ้าน อ.เจนก็ต้องทำงานอีกจนดึก ตื่นแต่เช้า ก็คิดว่าตัวเองไม่สมประกอบเท่าไหร่ แต่มี อ.เจน คุณรุ้งเป็นมากกว่าเราจึงต้องแข็งแรงมีพลังคอยดูแลค่ะไม่งั้น ไม่มีใครดูใครกันค่ะงานนี้อ.เจน บอกกับดิฉันว่า พักไม่ได้เพราะมีงานอีกหลายอย่างต้องรีบไปทำแต่เช้าที่เพชรบูรณ์ค่ะ
เมื่อไปถึงเพชรบูรณ์ก็เช้าพอดีพวกเราก็ไปรับประทานอาหารร้านเดิมเจ้าเก่า เป็นร้านที่ไม่อร่อยเป็นอย่างมากร้านนี้ขายข้าวมันไก่ อาหารตามสั่ง และ ก๋วยเตี๋ยว เจ้าของร้านเป็นป้าสูงอายุ 2 คนช่วยกันทำอาหารแต่ไม่อร่อย ครั้งที่แล้วดิฉันมาก็สั่งข้าวผัดกระเพรา แต่เมื่อรับประทานเข้าไปข้าวแฉะมากติดเพดานเหงือกค่ะครั้งนี้ก็เลยเปลี่ยนเป็นบะหมี่แห้ง แต่กลายเป็นว่าเส้นบะหมี่เปรี้ยว แป้งกอดกัน แฉะสรุปก๋วยเตี๋ยวเก่าจนบูดเอามาขายเรา รับประทานไม่ได้เลยค่ะ แต่ทุกคนต้องรีบไปกันแล้วสรุปกลางวันหิวมากเพราะว่ากว่าจะรับประทานข้าวอีกทีบ่ายแก่ๆ แก่มากด้วยค่ะ และทุกคนก็โดนเหมือนกันหมดทุกคนจะบ่นไปทำไม่ รับประทานเพื่ออยู่ไม่ได้อยู่เพื่อรับประทานจริงมั้ยค่ะแต่กองทัพต้องเดินด้วยท้องนี่ซิค่ะเล่นเอาแย่เหมือนกันค่ะตลอดเส้นทางก็ไม่ได้ไปแวะรับประทานอาหารที่ไหนเพราะว่าจำเป็นต้องรีบเร่งให้ทันเวลาที่กำหนดและต้องด่วน ๆ ด้วยค่ะ เมื่อไปถึงสถานที่ก็แบ่งงานกันทำพวกผู้ชายก็ไปปักหมุดกำหนดจุดกางเต้นท์ คุณรุ้งก็เดินสำรวจงานกลางแดดเปรี้ยง ๆ ดิฉันติดตาม แต่เส้นผมของดิฉันเปียกแฉะตัวเหนียวเชียวค่ะ น้อง ๆ อีกส่วนหนึ่งเตรียมกิจกรรมที่จะต้องซ้อมกันตอนเย็นค่ะ คุณรุ้งก็ดูแลการจัดสิ่งของอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อเตรียมงานหล่อเทียนพรรษา พวกผู้หญิงก็จดรายละเอียดสิ่งของที่จะต้องซื้อเพิ่มเติมอีกกลุ่มก็ไปดูการถมดินและการก่อสร้างป้ายชื่อสำนักฯก็ว่ากันไปค่ะ 
วันนี้อากาศร้อนมากไม่เหมือนกับวันที่ทุกท่านไปร่วมเททองหล่อพระประธานพระพุทธญาณเมตตาประทานพรนะค่ะมีวันนั้นเพียงวันเดียวที่มีเหตุน่าอัศจรรย์แดดไม่มีฝนไม่ตกแต่ท่านจะรู้หรือไม่ว่าหลังจากที่คณะของเราได้ขับเคลื่อนออกไปจากงานฝนตกหนักมากเป็นพายุที่รุนแรงขนาดว่าเต้นท์พัง เก้าอี้พังคนงานที่นั่นได้รายงานให้ฟังในวันรุ่งขึ้นค่ะ บุญของพวกเราแท้ ๆ อาทิตย์นี้ อ.เจนก็ได้ไปติดต่อขอเช่าเต้นท์เจ้าเก่า เพราะมีเพียงเจ้าเดียวในดินแดนนั้น เพื่อขอเช่าใช้ในงานหล่อเทียนพรรษาที่จะถึงนี้ ป้าเจ้าของเต้นท์บ่นเป็นหมีกินผึ้งว่าโอ้ยครั้งที่แล้วเต้นท์ และเก้าอี้ โดนพายุฝนกระหน่ำพังเสียหายหมดนี่ก็ยังไม่ได้ซ่อมเลยอ.เจน ฟังแล้วก็เฉย แต่ดิฉันได้รับฟังก็มาคิดแทนอาจารย์ซิค่ะ ก็ราคาค่าเช่าเต้นท์ราคาก็ไม่ถูกนักค่อนข้างแพง บวกไปมากแล้วจะมาบ่นทำไมเหตุที่เกิดก็เป็นเพราะจากธรรมชาติ หรือจะเป็นธรรมชาติลงโทษก็ไม่รู้ หรือเป็นบุญของอ.เจน เองก็ไม่รู้ เพราะงานบุญสำเร็จโดยไม่มีฝนตกลงมาอากาศสบาย ๆ ไม่ร้อนอบอ้าว หรือว่าจะเป็นกรรมของเจ้าของเต้นท์ที่โดนพายุฝนกระหน่ำจนเต้นท์พัง เรื่องอย่างนี้พิจารณากันเองเถอะค่ะยากจะอธิบายจริงๆ ค่ะ ด้วยอานิสงส์ของบุญที่ อ.เจน เลี้ยงอาหารผู้มาร่วมบุญกับ อ.เจน มาโดยตลอดเพื่อให้ทุกท่าน ได้อิ่มบุญและอิ่มท้องโดยไม่หวังกำรี้กำไรจากการจัดทัวร์บุญ ดังนั้น อานิสงส์ผลบุญนี้จึงทำให้ ท่านเจ้าของใหญ่แห่งร้านMK เมื่อได้รับทราบจากลูกน้องว่า มาส่งของให้กับงานบุญเททองหล่อ พระของอ.เจน ญาณทิพย์ ท่านไม่เคยเห็นหน้าแต่เคยได้ยินชื่อเสียง ท่านจึงให้ลูกน้องนำเงิน ค่าอาหารทั้งหมดที่ อ.เจน ได้จ่ายไปแล้วประมาณ 5 หมื่นกว่าบาทนำมาคืนทุกบาททุกสตางค์ พร้อมทั้งได้โทรศัพท์ติดต่อกลับมาพูดคุยกับคุณรุ้งเพราะเป็นช่วงเวลาที่รถทัวร์กำลังออกเดินทาง กลับกรุงเทพฯ พอดีค่ะซึ่งพวกเราก็ได้อนุโมทนาสาธุกับท่านผู้ใจบุญในครั้งนี้ด้วยค่ะ แต่เงินจำนวนนี้ อ.เจน ได้นำไปต่อบุญอีกนะค่ะ เพื่อสำนักปฏิบัติธรรมมิใช่กิจการอื่นใดค่ะ อนุโมทนาบุญกับ อ.เจน อีกครั้งค่ะ ดิฉันทราบดีค่ะว่า อ.เจน ต้องจ่ายเงินค่าอาหารเลี้ยงผู้ร่วมบุญ แต่ละมื้อเป็นเงินหลายหมื่นบาทค่ะ เพราะต้องการอาหารที่มีคุณภาพที่ดี แต่ถ้าบางสถานการณ์ จำเป็นก็ต้องทำอย่างเดิม คือ ด้วยการชำระหนี้สงฆ์เพื่อขอให้พระสงฆ์ท่านไปสั่งชาวบ้านจัด อาหารมาเลี้ยงรับรอง และท่านอย่าได้เข้าใจว่าชาวบ้านเขามาเลี้ยงนะค่ะ มีบ้างแต่ไม่มาก เพราะนั้นเป็นเงินค่าเดินทางของทุกท่านแต่ไม่ต้องกลัวว่าจะติดกรรมธรณีสงฆ์นะค่ะ เพราะ อ.เจน ได้ชำระหนี้สงฆ์ทุกครั้ง ไม่ว่าจะเป็น ค่าเต้นท์ ค่าน้ำแข็ง ค่าน้ำดื่ม ค่าอาหาร ฯลฯ อ.เจน จ่ายทั้งหมดค่ะ ไม่ได้รบกวนทางวัดให้เดือดร้อนนะค่ะ
เมื่อรถตักดินหยุดทำงานประมาณเกือบ 6โมงเย็น เราก็ต้องรีบไปหาที่พักกันแล้วค่ะ ครั้งนี้จะต้องจองโรงแรมที่พักให้กับคณะทัวร์บุญครั้งที่13 หล่อเทียนพรรษา และเพื่อเตรียมความพร้อมทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่พักและเรื่องอาหารการกินของคณะทัวร์บุญ ซึ่งดิฉันขอบอกได้เลยว่า อ.เจนจะให้ความสนใจเป็นพิเศษ ดูแลและอำนวยความสะดวก ให้ทุกท่านสบายใจหลังจากทำบุญเหน็ดเหนื่อยกันมาทั้งวันพร้อมด้วยกิจกรรมสนุก ๆ เพื่อให้ทุกท่านได้ผ่อนคลายและพักผ่อนค่ะ ซ้อมกิจกรรมบุญ แม้ทีมงานจะเหน็ดเหนื่อยจากอากาศที่ร้อนอบอ้าว ตากแดดหัวแดงกินฝุ่นกันมาทั้งวัน เสื้อเปียกเหงื่อตัวเหม็นกันทุกคนไม่เว้นแม้แต่ อ.เจน แต่เมื่อถึงสถานที่พักแล้วก็ยังไม่ได้อาบน้ำพักผ่อนกันนะค่ะเพราะทุกคนก็ต้องมาซ้อมกิจกรรมกัน ประมาณ 5 ทุ่ม เสร็จพอดี
เรื่องที่ฮาไม่เลิกเพราะที่กระต๊อบที่พำนักพักพิงในสถานที่ปฏิบัติธรรมนี้ เป็นเพิงสังกะสี มีฝุ่นตลบรอบด้านนั่นไม่สำคัญเท่ามีคานไม้หน้าสาม คานไม้นี้มุมคม มีด้านเหลี่ยมพร้อม ไม่มีใครชนคานนี้มากเท่าลุงภุชงค์แค่วันเสาร์วันเดียวแกชนเสียงดังสนั่นหวั่นไหวไปถึง 5 ครั้ง เสียงดังมาก และแกก็เจ็บมาก เรียกว่าหัวน่วมเลยและทุกคนก็ขำฮาทุกครั้ง ไม่มีใครสงสารแกเล้ย คำเดียวที่ดิฉันมักจะอุทานออกมาว่า “โถอีลุงเอ้ย” ***มีเรื่องเล่าที่สยองมากๆ ไว้เล่าให้ฟังวันหลัง ขอบอกสยองมากค่ะ แต่ แต่ ว่า ตอนนี้เล่าไม่ได้ค่ะ*** ไหว้ศาลหลักเมืองเพชรบูรณ์ยามวิกาล เมื่อเสร็จจากการซ้อมแต่ปรากฏว่า อ.เจน บอกว่าพี่หนูอยากไปไหว้เจ้าพ่อศาลหลักเมืองเพชรบูรณ์ ท่านผู้อ่านลองคิดดูซิว่า นยามวิกาลเยี่ยงนี้ ไม่มีชาวบ้านร้านตลาดเขาไปกราบไหว้ท่านหรอกค่ะเพราะเขานอน กันหมดแล้วมีแต่ อ.เจน และทีมงานที่ไป บรรยากาศชวนสยองเป็นอย่างมาก พวกเราเดินกันอย่างเงียบเชียบเชียวค่ะทุกคนสงบเสงี่ยมมากค่ะ ค่อย ๆ เดินขึ้นไปกราบบนศาลนี้ เสียงเรียก พวกเราสวดมนต์อุทิศบุญให้กับเจ้าพ่อหลักเมืองและทันใดนั้น คุณรุ้ง ก็หันมาถามทีมงานว่าใครเรียก เป็นเสียงผู้ชาย เขาเรียกว่าคุณรุ้ง ๆ ซึ่งไม่มีใครเรียกอย่าง แน่นอนก็อย่างที่ดิฉันบอกนั่นแหละทุกคนเงียบสนิมมากอ.เจน จึงบอกว่าท่านรับรู้ และครั้งหนึ่ง คุณรุ้ง เป็นพญา ชื่อรุ่งและคุณรุ้งก็เคยมาเฝ้าหัวเมืองที่นี่มีบุญสัมพันธ์กับที่นี่แต่ครั้งอดีตชาติหนึ่งค่ะ เสียงดังตุ๊บ เมื่อทุกคนกราบไหว้ท่านแล้วและได้คุยกันว่าใครเรียกอยู่นั้น ปรากฏว่า มีเสียงเหมือนของตกจากที่สูง ดัง...ตุ๊บ เป็นเสียงที่ดังและหนักแน่นมาก ทุกคนที่อยู่ในที่ แห่งนั้นได้ยินกันหมดทุกคนต่างก็หันไปตามเสียงแต่ก็ไม่เห็นว่ามีอะไร และก็มีเสียงในทีมตะโกนขึ้นมาว่า คงจะเป็นมะม่วงตกจากต้น แต่ดิฉันก็ได้ชะเง้อดูเพราะ เป็นคนที่ชอบพิสูจน์อยู่แล้วจึงเดินไปตามเสียงนั้นและไม่เห็นมีต้นมะม่วงสักต้น เพราะไม่มีต้นไม้ที่เป็นผลเลยแม้แต่ต้นเดียว มีต้นไม้ที่เป็นไม้ดอกดิฉันก็เดินมารายงาน แต่ อ.เจน ได้พูดขึ้นว่า อ๋อ ไม่มีอะไรท่านจะแสดงให้พวกเราได้รับรู้ว่าท่านได้รับทราบว่า จะทำสิ่งใดก็จะได้ผลที่ดีค่ะ เมื่อทุกคนรู้อย่างนี้แล้วก็กราบลากันออกไปด้วยความเคารพอย่างสูงค่ะ

โบสถ์ศักดิ์สิทธิ์ในวัดแห่งหนึ่ง เช้าวันรุ่งขึ้นอ.เจนให้ทุกคนเตรียมตัวเพื่อออกสำรวจหาวัดที่พวกเราจะนำเทียนพรรษาแห่ไปวัด ซึ่งคงจะมีบุญสัมพันธ์กับอ.เจน จริง ๆ ค่ะ ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อเมื่อย่างก้าวเข้าไปภายในวัดยังไม่ได้พบเจอกับท่านเจ้าอาวาสแต่อย่างใดอาจารย์ก็มีสัมผัสได้ว่าสถานที่แห่งนี้ศักดิ์สิทธิ์มากจากการที่ดิฉันติดตาม อ.เจนมาถ้าที่ไหนที่ อ.เจนสัมผัสได้ว่าศักดิ์สิทธิ์ก็จะรีบบอกและตื่นเต้นดีใจที่จะได้นำพาผู้คนมากราบไหว้สถานที่ที่ศักดิ์สิทธิ์อย่างนี้ค่ะซึ่งนอกจากจะแห่เทียนพรรษาแล้วทุกท่านก็ยังจะได้ร่วมบุญห่มผ้าที่ไม่ใช่การห่มผ้าพระ แต่เหนือกว่านั้นเป็นบุญที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นค่ะ เมื่อท่านไปแล้วก็จะรู้ได้เองค่ะ ดิฉันเชื่อว่าการเดินทางบุญในวัดศักดิ์สิทธิ์อย่างนี้ถือว่าสำคัญและไม่ธรรมดาค่ะ ดิฉันได้ประสบมาแล้วว่าที่วัดแห่งนี้ศักดิ์สิทธิ์จริงก็เพราะว่า อ.เจนพูดไว้ตั้งแต่เมื่อวันก่อนหน้านี้หนึ่งวันว่าจะไปวัดนี้เพื่อขออนุญาตแห่เทียนพรรษาทั้งๆ ที่ยังไม่เคยไปวัดแห่งนี้เลย แต่ อ.เจน บอกกับดิฉันว่าเหมือนมีอะไรบางอย่างมาบอกว่าต้องไปวัดนี้ให้ได้ ดังนั้น ก่อนจะไปวัดก็หาอาหารตามสั่งข้างทางรับประทานกันก่อนค่ะและที่ข้างร้านอาหารนี้มีร้านน้ำดื่ม ชงโดยผู้หญิงชาวจีนคุยเก่งและชงน้ำดื่มได้อร่อยมากด้วยปกติดิฉันจะไม่ดื่มน้ำซ้ำร้านเดิมแต่วันนี้กลับอยากจะไปซื้ออีกรอบเมื่อรับประทานข้าวเสร็จดิฉันอ.เจน และคุณรุ้ง ก็ไปสั่งน้ำดื่มอีกรอบ ทั้ง ๆที่ไม่เคยทำแบบนี้ทำให้ทุกคนต้องมานั่งรอเพราะเจ้แกคุยเก่งคุยไปทำไปทำให้ล่าช้าออกไปอีกนานกว่าจะได้ค่ะ เมื่อไปถึงวัดก็มีเสียงประชาสัมพันธ์วัดก็พูดขึ้นมาว่ามีนักท่องเที่ยวมามีนักท่องเที่ยวมา เชิญ เชิญ ครับเชิญมาใส่บาตรพระบวชใหม่พวกเราเดินขึ้นบันใดโบสถ์จึงเห็นภายใน มีพระบวชใหม่ 3 รูปประชาสัมพันธ์วัดก็พูดขึ้นว่า เชิญครับ เชิญเข้าแถวใส่บาตรพระใหม่ครับเราขึ้นกันมาอย่างงง งง เพราะเหตุการณ์นี้เร็วมาก เขาให้ยืนเข้าแถวทุกคนก็รับเลยค่ะเพราะคำว่า “ใส่บาตรพระบวชใหม่” ทำให้ อ.เจนและทีมงานต่างก็ดีใจกันทุกคนเพราะนี่เป็นบุญใหญ่ อ.เจนเคยบอกว่า บุญจากการใส่บาตรพระบวชใหม่นี้ดีนักแลเนื่องจากพระท่านมีศีลบริสุทธิ์มีศีล 227 ข้อ ของพระท่านยังมีอยู่ครบค่ะ คำว่า บุญ นี้ทำให้พวกเราทุกคนรีบกันมากรีบไปยืนเรียงกันเป็นแถวตามที่ประชาสัมพันธ์วัดแจ้งกำหนดเรายืนเขาเรียกพวกเราว่าพวกนักท่องเที่ยวค่ะ แต่เมื่อยืนเรียงเป็นแถวแล้วดิฉันก็มองเรื่องนี้เป็นธรรมมะเพราะอะไรหรือค่ะ ดิฉันเชื่อเรื่องเลื่อนเหลื่อมของเวลาเสียแล้วค่ะเหมือนกับคนที่เขาประสบอุบัติเหตุ หรือรอดจากอุบัติเหตุ มันอยู่ที่ลอยเลื่อนและเหลื่อมของเวลานั่นเองค่ะ เพราะการที่เรารอเจ้ชงกาแฟนานทำให้พวกเรามาถึงโบสถ์ได้ในเวลาที่เหมาะเจาะมากค่ะ เพราะพวกเราต่างก็ยืนอยู่หัวแถวและตามด้วยผู้ที่อยู่ในโบสถ์บวชพระมาบัดนี้ทุกคนต้องไปยืนต่อแถวต่อจากคณะเราแล้วค่ะ ดิฉันจำได้ว่า แม่ขาว คนหนึ่งอายุประมาณ 60 กว่าปี เดินผ่านดิฉันไปแต่สายตาพยายามหาช่องว่างที่จะยืนโดยไม่ยอมไปต่อแถวสุดท้าย ปากก็บ่นว่า ทำไมฉันออกจากโบสถ์มาแล้วต้องเดินตั้งไกลแต่ประชาสัมพันธ์วัดก็เห็นว่าแม่ขาว จะแทรกแถวก็ประกาศเสียงดังว่า ให้ไปเข้าแถวต่อท้ายครับ ป้าต้องไปต่อแถวตรงโน้นครับ แม่ขาวคนนี้ก็พูดขึ้นว่าไม่อยากไปยืนตรงโน้นเดินตั้งไกล (อ.เจนบอกว่านี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ บุญจัดสรรให้ค่ะและเราต้องมายืนจุดนี้ค่ะ) เมื่อพระทั้ง 3 รูป เดินออกมาคณะอ.เจน ก็ได้นำเงินปัจจัยใส่ถุงย่ามของท่านค่ะคณะเราไปที่หลังแท้ ๆ แต่ได้เข้าแถวยืนอยู่ด่านหน้าเลยค่ะ


น่าอัศจรรย์มาก เพราะว่า ทุกคนออกไปจากโบสถ์กันหมดคณะ อ.เจน ก็ก้าวเข้ามาทันที ไม่มีผู้ใดอยู่ภายในโบสถ์นอกจากคณะของ อ.เจน เท่านั้นไม่มีคนนอกเลยค่ะ อ.เจน บอกว่า เห็นมั้ยพี่บุญจัดสรรค่ะ หลังจากนั้นทุกคนก็สวดมนต์และอธิษฐานจิตกันของแต่ละคนสำหรับ อ.เจน กับคุณรุ้ง ขอบารมีพระศักดิสิทธิ์เรื่องการสร้างสำนักปฏิบัติธรรมให้สำเร็จโดยเร็ว และขอให้ผู้มีจิตศรัทธามาบริจาคปัจจัยให้มากเพื่อให้บุญสำเร็จค่ะ แต่สำหรับเรื่องของดิฉัน........เล่าต่อวันหลังค่ะ ใหม่ล่าสุด 
“ผีน่ะ..เขาชอบพี่” เรื่องที่ดิฉันจะเล่าต่อไปนี้เป็นเรื่องที่ดิฉันโดนเข้ากับตนเอง ซึ่งดิฉันจะพบเจอปัญหาด้วยตนเองค่อนข้างบ่อยมากค่ะโชคดีที่มี อาจารย์เจน ญาณทิพย์ ผู้มีญาณ ผู้มีตาทิพย์และที่สำคัญเป็นผู้ที่เห็นภูตผีวิญาณค่ะซึ่งทั้ง อ.เจน และ คุณรุ้ง ได้ยืนยันเสมอมาว่าพี่รู้ตัวหรือไม่ว่า “ผีน่ะ..เขาชอบพี่” ไปไหนๆผีก็ตามกลับมาทุกทีซึ่งดิฉันควรจะดีใจ หรือว่า จะขนหัวลุกดี ครั้งนี้ก็อีกเช่นกันค่ะ เรื่องมีอยู่ว่าก่อนวันเดินทางไปกับอาจารย์ วันเสาร์ที่ 5 ก.ค.57 นั่นแหละค่ะ จำได้ว่าเป็นวันพุธที่2 ก.ค.57 ก่อนวันเดินทางไปกับอาจารย์วันนั้นดิฉันทำงานอยู่ที่ทำงานค่ะ ช่วงเช้าก็ได้ไปล้างจานหลังที่รับที่รับประทานอาหารเสร็จแล้ว ดิฉันมีความรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่าง และอะไรบางอย่างนี้คือความรู้สึกที่ดิฉันรู้ว่ามันเป็นอะไรเพราะได้เช็คบ่อยกับอาจารย์ค่ะ ส่วนมากดิฉันจะชอบเช็คกับ อ.เจน และคุณรุ้งด้วยคำถามเดิม ๆ ที่ว่า “มันใช่..ใช่มั้ยค่ะ” ซึ่งถ้ามี ผอ สระ อี ผี คุณรุ้ง จะตอบว่า “ใช่พี่” ส่วนมากจะถามคุณรุ้งเพราะ อ.เจน มักจะยิ้มแต่ไม่ตอบ ดิฉันขัดใจมากค่ะ เพราะ อ.เจน เห็นผีอยู่ข้างหลังดิฉันแล้วไม่ยอมบอกค่ะแต่ดิฉันเป็นคนที่ต้องรู้ให้ได้ค่ะ ก็คือ รู้ๆ ให้มันรู้แล้วรู้รอดไปค่ะ คือถ้า ผีอยู่ใกล้ๆ ก็บอก ๆ มาเห้อะค่ะ ดิฉันเป็นคนที่ไม่เห็นผีแต่ อ.เจน เป็นคนที่เห็นผีได้ชัดเจน คุณรุ้ง ก็เห็นได้ด้วยเช่นกันเพราะบางครั้งไปกัน3 คน 2 คน เขาเห็นพร้อมๆ กัน มีดิฉันไม่เห็นคนเดียว บางครั้งก็เป็นอย่างนี้ค่ะ ไปกัน 3 แต่ อ.เจน เห็นชัดอยู่คนเดียวก็หันมาถามว่า พี่ ๆผู้ชายใส่ชุดสีน้ำเงินนั้นนะทำไมเขามายืนตรงนั้นคนเดียวมืด ๆ ดิฉัน กับ คุณรุ้งก็ต้องเป็นพยานว่า ถ้าเราสองคนไม่เห็นก็แสดงว่า อ.เจน เห็นผีคนเดียวนั่นแหละบางครั้ง อ.เจน ก็เช็คกับดิฉันเหมือนกันนะค่ะ ต่างคนต่างเช็คดีว่าไม่มีธุระอะไรที่ต้องไปทักกันจริงมั้ยค่ะ
ผีน้ำมันพราย ดังนั้นสัมผัสอะไรแบบนี้ ต้องเป็นผีมาอยู่ข้างหลังดิฉันแน่ ๆ ที่ห้องล้างจานนี้เป็นห้องทึบๆ มืด ๆ ดูสยอง ๆ ไม่ค่อยมีใครเข้ามาหรอกค่ะ เพราะเป็นห้องล้างจานชามของนักการภารโรงความรู้สึกอย่างนี้มันใช่แน่ ๆ ดิฉันล้างจานไปก็คิดไปว่า เอ..เราจะถามนักการที่เป็นชายชื่อ กี คนนี้ดีมั้ยน้า ซึ่งตอนนั้น กี เขาก็นั่งหันหลังทำหน้าที่เช็ดจานชามอยู่ เมื่อดิฉันตัดสินใจได้แล้ว และทนไม่ไหวต้องถามเพราะหลายครั้งแล้วที่มาห้องนี้ก็จะเจอ กี นั่งอยู่และก็มีความรู้สึกที่อะไรแปลกอย่างนี้ทุกครั้งค่ะ กี เป็นคนชอบเล่นของขลัง มีทุกรูปแบบ คงจะมีความเชื่อเรื่องผี อย่างแน่นอนเมื่อตัดสินใจได้แล้วก็ถามไปว่า นี่ กีเธอมาทำงานแต่เช้ามืดและกลับค่ำ ได้เคยพบเจออะไรประมาณ ผี บ้างหรือปะค่ะ กี ก็ยิ้มๆ แล้วหันมาถามดิฉันบ้างว่าอ้าวแล้วพี่มองเห็นอะไรแถวนี้หรือจึงถามผม ดูมันย้อน ดิฉันจึงพูดว่า พี่ไม่เคยเห็นแต่มีความรู้สึกเหมือนกับว่าแถวนี้เหมือนมีพลังงานบางอย่าง คราวนี้ กี ก็หัวเราะชอบใจแล้วพูดว่า อ้าวงั้นพี่ลองจับขวดนี้ดูสิว่ารู้สึกยังไงดิฉันก็เป็นคนใจเร็วด่วนได้เสียด้วย หยิบมาโดยไม่ได้คิด เห็นว่า แค่ขวดเล็ก ๆ ในขวดนั้นมีน้ำมันสีน้ำตาลเข้มๆ อยู่ข้างใน ก็ถามไปว่า กี นี่มันขวดอะไร จับแล้วเหมือนมี ทันใดนั้นดิฉันรู้สึกไม่ดีกับขวดจิ๋วนี้จึงรีบส่งคืน กี ความรู้สึกเมื่อจับขวดนี้เหมือนกับมีอะไรมาอยู่ใกล้ตัวมากประมาณโดนรุมล้อมค่ะ กี ก็ยิ้มขบขำดิฉันแล้ว ถามว่า พี่รู้สึกยังไงดิฉันก็บอกไปว่า รู้สึกว่า อึดอัดรอบตัวเลย กี นี่มันขวดอะไรกันแน่ในใจของดิฉันตอนนั้น คิดถึง “น้ำมันพราย” จึงพูดขึ้นไป ว่า หรือว่าเป็นน้ำมันพรายกี บอกว่า ถูกต้อง พี่รู้จักด้วยเหรอ ดิฉันบอกว่าไม่รู้จักเพิ่งเห็นเป็นครั้งแรกแล้วเราเก็บไว้ติดตัวทำไม มันไม่ดีแก่ตัวเราเลยแล้วเอาไปใช้กับใครเขาบ้างหรือเปล่า กี บอกว่าไม่เคยใช้กับใครเพราะรู้ว่าจะเป็นโทษเป็นภัยเข้าตัว แต่เป็นของตกทอดต่อ ๆ กันมาจึงเก็บไว้ ในนี้มีผีหลายตนทั้งหญิงทั้งชายพี่ทำบุญมามากให้บุญเขาหน่อยสิ เขาคงอยากได้บุญจากพี่ ผมไม่ค่อยได้ทำบุญเลยช่วงนี้นี่กะว่า จะให้น้องอีกคนเขาอยากได้ ดิฉันก็เลยบอกว่า เมื่อรู้อย่างนี้มีหรือจะไม่อุทิศบุญให้เหล่าผีขวดน้ำมันพรายว่าแล้ว ด้วยความที่เป็นศิษย์มีครูบาอาจารย์ จึงเบิกบุญที่ได้ร่วมเททองหล่อพระประธานญาณเมตตาประทานพรมาอุทิศให้เหล่าสัมภเวสีทั้งหลายและที่อยู่ในขวดน้ำมันพลายด้วยเซ็งจริง ๆ อยู่ดีดีก็ต้องมาวุ่นวายกับพวกผีผีนี่แหละค่ะ
ปริศนาบอกเหตุ เรื่องไม่จบเพียงเท่านี้ วันพฤหัสบดีที่ 3 ก.ค.57 อ.เจนและคุณรุ้ง ก็มารับที่บ้าน (บ้านใกล้ๆกัน) เพราะว่าทุกปี อ.เจน คุณรุ้ง และดิฉัน มักจะไปงานวัดใกล้บ้านเพื่อทำบุญสังฆทาน และขอพรกับหลวงพ่อที่วัดแห่งนี้ อาจารย์บอกว่าพระองค์นี้ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก วันนั้นเป็นวันสุดท้ายเราจะพลาดไม่ได้ค่ะ เมื่อมาถึงวัดมัคทายกประจำวัด ก็พูดออกไมด์ ด้วยเสียงอันดัง มาอีกแล้วครับท่าน อ.เจน ญาณทิพย์มาทำบุญที่วัดเราอีกแล้วครับท่าน ประกาศเสียงดังมาก เมื่อเข้าไปในโบสถ์เพื่อถวายสังฆทานอ้าวหลวงตาทัก อ.เจน ท่านจำได้ค่ะ ภายในโบสถ์มีคนเตรียมจะถวายสังฆทานก่อนหน้าพวกเราประมาณ5-6 คน มีทั้งหญิงและชายค่ะ แต่หลวงตายังไม่ยอมรับสังฆทานของคนที่มาก่อนเพราะต้องการรับสังฆทานของ อ.เจน ก่อน โดยยกมือให้ อ.เจน เข้าไปหาท่านก่อนจึงทำให้คนที่มาก่อนทำอะไรถูกค่ะ แต่ อ.เจน ก็ไม่ยอมเสียมารยาทข้ามหน้าคนที่เขามาก่อนจึงไม่ยอมถวายก่อนตามที่หลวงตาท่านยกมือเชิญค่ะ เมื่อพระท่านเห็นว่า อ.เจนไม่ขยับตัวนิ่งรออยู่ท่านจึงรับสังฆทานคนอื่นก่อน แล้วจึงค่อยมารับสังฆทาน อ.เจน และท่านก็สวดมนต์เป็นพิเศษกรวดน้ำเสร็จ ก็ออกมาหน้าโบสถ์ที่ประดิษฐานหลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์ อ.เจน ได้นำแผ่นทองคำเปลวแท้ แจกคนละแผ่น ตรงบริเวณนี้ไม่มีใครเลยเรานั่งกัน 3 คน แล้วสวดมนต์พร้อมกัน รวมทั้ง อธิษฐานจิต ขอพร อ.เจน และ คุณรุ้งขอให้สำนักปฏิบัติธรรมวิปัสสนาญาณเป็นรูปเป็นร่างและสำเร็จในเร็ววันเพื่อจะได้นำพาผู้คนไปปฏิบัติธรรมส่วนดิฉันก็อธิษฐานขอเป็นแรงสนับสนุนช่วยเหลืออาจารย์ทั้งสองให้งานที่อาจารย์ปรารถนาสำเร็จทุกประการอ.เจน และคุณรุ้ง มักพูดกับดิฉันเสมอว่า เดี๋ยวนี้ไม่เคยได้ขอพรใดให้กับตนเองเลยขอแต่เพียงให้ได้สร้างสำนักปฏิบัติธรรมฯแห่งนี้ให้สำเร็จโดยเร็วค่ะ ขณะนี้เงินก็แทบจะไม่มีเหลือให้สานงานต่อไปได้แล้วแต่อย่างไรก็ตาม อ.เจน ตั้งความหวังว่าหากยังไม่พร้อมก็ไม่ต้องรออะไรทำได้ก็ทำไปก่อน ตอนนี้ อ.เจน ก็จะมีโครงการดีดีที่จะสามารถหาเงินระดมทุนมาสมทบเพิ่มเติมแม้ว่าจะเหน็ดเหนื่อยก็ไม่เป็นไร อ.เจน บอกว่า หนูเชื่อการทำความดี เชื่อสิ่งที่ครูบาอาจารย์ท่านบอกกล่าวและทุกสิ่งทุกอย่างจะต้องมีการเริ่มต้นเมื่อได้เริ่มต้นก็มีการทำงานที่ต่อเนื่องไปได้ค่ะ
แผ่นทองที่หายไป เมื่ออธิษฐานเสร็จก็ถึงตอนที่จะแปะแผ่นทองคำเปลวกันแล้วอ.เจน แปะแผ่นทองก่อน ตามด้วยคุณรุ้ง และดิฉัน แต่ถึงตอนที่ดิฉันจะต้องแปะแผ่นทองให้ก็อ้าวแผ่นทองหายไปไหนอีกครึ่งหนึ่งแปลกมากเมื่อตะกี้ยังเต็มแผ่นอยู่เลยดิฉันก็หารอบตัวก็ไม่มี เพราะไม่มีใครเลยนอกจากเรา 3 คน และแผ่นทองไปไหนหว่า แต่ดิฉันก็ตัดสินใจไม่หาแล้วจึงแปะแผ่นทองเท่าที่มี ไม่เต็มแผ่น แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าถ้าตกหล่นก็ต้องเห็นสิ เสียดายหายไปครึ่งหนึ่งเมื่อเสร็จแล้วพระสงฆ์ที่อยู่ด้านนอกก็กวักมือเรียกให้ไปรับสายสิน ทุกคนก็ไม่อยากได้หรอกค่ะสายสินพระแต่ อ.เจน กลัวจะเสียมารยาทก็ไปรับ ตามด้วยคุณรุ้ง และดิฉันก็ไปรับบ้าง ปรากฏว่าระหว่างที่คุณรุ้ง หงายมือรับสายสินจากพระนั้น สายตาของดิฉันและคุณรุ้ง ก็เจอแผ่นทองส่วนที่หายไปครึ่งหนึ่งแนบติดเนื้อคุณรุ้งตรงข้อมือพอดิบพอดีอย่างไม่น่าเชื่อเลยค่ะ ดิฉันรีบบอกคุณรุ้งว่านี่เป็นแผ่นทองที่หายไป ทุกคนขำกันใหญ่ คุณรุ้ง ก็ว่าพี่อีกแล้วพี่จี๊ดโก๊ะอีกแล้ว ระหว่างที่ขำกันอยู่นั้น ปรากฏว่า ที่แขน อ.เจน ก็มีเศษทองชิ้นส่วนเดียวกันแต่เศษเล็กติดที่แขนอ.เจน ด้วยเช่นกัน ซึ่งหลังจากเลิกขำกันแล้ว อ.เจน ก็พูดขึ้นว่าเรื่องนี้ไม่ได้เป็นเรื่องบังเอิญ แต่มันเป็นปริศนา ที่หลวงพ่อต่อท่านต้องการจะช่วยพี่ ซึ่งจริง ๆแล้วท่านคงเมตตาดิฉันเพราะดิฉันอุทิศบุญให้ท่านด้วยค่ะ อ.เจน พูดว่า ปริศนานี้พี่รุ้งจะต้องช่วยพี่จี๊ด มากกว่าหนู ด้วยการผ่านปริศนาแผ่นทองคำเปลวนี้แต่ไม่รู้ว่าเรื่องอะไรตอนนั้นก็ดึกมากแล้วประมาณ 4 ทุ่ม ดิฉันก็คิดไม่ตกว่าจะมีเรื่องอะไรที่อาจารย์สองคนนี้จะช่วยดิฉันมันเรื่องอะไรกันน้าระหว่างที่ อ.เจน และ คุณรุ้ง ไปส่งดิฉันที่บ้าน ดิฉันจึงคิดได้ ว่าวันนี้ไปทำอะไรมา จึงเล่าเรื่องจับขวดน้ำมันพรายให้ อ.เจน รับรู้ซึ่ง อ.เจน และ คุณรุ้ง ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เฮ้อ พี่น่ะพี่ ..มีแต่เรื่องและก็เป็นเรื่องผีผีทุกทีเลยค่ะ มันเป็นอย่างนั้นจริง ๆ ขนาดไปทำบุญที่ไหนหรือไปไหน ผีก็ตามดิฉันกลับมาทุกที นั่งโม้ที่บ้าน อ.เจน ผีก็มาฟังด้วย ไปร้านอาหารอีสานผีแขกก็ตามกลับมา เรื่องนี้ อ.เจน เคยพูดว่า พี่ทำบุญมาก แสงบุญมาก ผีก็รักเทวดาก็รัก พวกผีพรายเขาเห็นแสงบุญของพี่ พวกผีเหล่านั้นเขาก็อยากมาอยู่กับพี่แทนเจ้าของเดิมจึงดลใจเจ้าของเดิมนั้นหยิบขวดน้ำมันพรายให้พี่จับ แล้วพรุ่งนี้เขาก็จะเรียกพี่อีกเพื่อจะสื่อสารกับพี่พี่อย่าไปยุ่งอีกนะวันนี้พี่ให้บุญเขาไปเขาไม่มาอยู่กับพี่แต่หลังจากวันนี้เขาจะมาตามพี่เอาไว้หนูจะเช็คให้อีกครั้งว่าเขามาตามพี่อยู่หรือไม่ค่ะ
วันรุ่งเช้าศุกร์ที่ 4 ดิฉันมาทำงานตามปกติ ก็เดินผ่านห้องที่ กี ทำงานอยู่ จึงเลี่ยงไม่คุยกับเขาพราะว่าเขามีผีน้ำมันพรายอยู่กับตัว และตามที่ อ.เจน เตือนว่า วันพรุ่งนี้เขาจะเรียกพี่อีกก็คือวันนี้เพราะผีน้ำมันพรายเขาต้องการย้ายจาก กี มาอยู่กับพี่ เขาจะดลจิตดลใจ กี ให้เรียกพี่ไปคุยกับเขาอีก ดิฉันจำได้ค่ะ จึงเดินหลบเลี่ยงเขามา และแล้ว กี ก็เห็นดิฉันจึงร้องเรียกพี่จี๊ดๆ แต่ดิฉันก็ตะโกนกลับไปว่า ไว้ค่อยคุยกันพี่มีประชุมค่ะ ไปน่ะ แล้วดิฉันก็เดินไปแน็บเลยค่ะ
วันออกเดินทาง คืนวันศุกร์ที่ 4 และเสาร์ที่ 5 ก.ค.57อ.เจน และ คุณรุ้ง ก็ไปอัดรายการคนอวดผี เมื่อ อ.เจน และคุณรุ้ง กลับมาสภาพก็ไม่ต่างกับซอมบี้ โทรมมากเพราะยังไม่ได้นอน ต่างก็รีบไปอาบน้ำใหม่แต่งตัวเพื่อไปนอนหลับต่อในรถที่เราจะต้องเดินทางกันระหว่างนั้น อยู่ ๆ คุณรุ้ง ก็มีเลือดไหลออกมาจากรูหูตอนนี้ก็ยังไม่ได้ไปหาหมอว่าเกิดอะไรขึ้นค่ะ ถ้าถามดิฉันตอบได้เลยว่า คุณรุ้งมีเวลาพักผ่อนน้อยเกินไปจนเกิดความตึงเครียดค่ะ แต่เมื่ออาจารย์อาบน้ำเสร็จแล้วดิฉันก็ยังคงกังวลเรื่องผีน้ำมันพราย จึงบอกว่าอาจารย์ใครก็ได้ช่วยดูหน่อยว่าผีน้ำมันพรายเขาตามมาหรือเปล่าค่ะอาจารย์ทั้งสองพูดพร้อมกันว่า พี่เขาตามมา แต่พี่ก็อยู่ ๆ ไปกับเขาก่อนก็อยู่กันมาพักหนึ่งแล้วรออีกหน่อยเรายังไม่เสถียรกันค่ะ รอให้ชารต์แบเตอรี่ก่อนค่ะดิฉันก็จ๋อยเลยไม่อยากอยู่กับเขานานค่ะ ไม่ได้กลัว แต่ อ.เจน เคยบอกว่า เขาจะทำให้เราเสื่อมและเฟิ้มค่ะ
รัศมีกายทิพย์หายไป ระหว่างเดินทางแวะปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง อ.เจน ก็รู้สึกหิวน้ำ ประกอบกับอดหลัดอดนอนมาด้วยทั้งคืน เพราะตั้งแต่กลับจากรายการคนอวดผี อ.เจน ยังไม่ได้รับประทานอาหาร เมื่อรถจอด อ.เจน จึงลงจากรถเข้าไปในร้านกาแฟ แต่ไม่มีใครเดินไปกับ อ.เจน เพราะทุกคนต่างก็ง่วงหลับกันหมดมีเพียง คุณภุชงค์ และดิฉัน เดินไปเป็นเพื่อน อ.เจน เมื่อเข้าไปในร้านกาแฟ อ.เจน ก็นั่งสั่งกาแฟ น้องเจ้าของร้านชงกาแฟให้ อ.เจน เสร็จแล้ว ก็ไม่สนใจดิฉันที่กำลังสนใจเสื้อยืดสีขาวด้านหน้าเป็นผ้าลายสีฟ้าเบาสบาย เหมือนไม่อยากจะขายให้ดิฉัน เขาไม่สนใจเลยค่ะ ดิฉันชอบเสื้อตัวนี้มากอยากได้ จึงถามเจ้าของร้านว่า น้องค่ะ เสื้อตัวนี้ขายเท่าไหร่ค่ะ ดิฉันพูดกับเขาเพราะมากนะค่ะ แต่เจ้าของร้านพูดกับดิฉันเสียงสะบัด ๆ แบบไม่พอใจดิฉันเป็นอย่างมากว่า ตัวละ 350 แล้วก็เมินหน้าไปไม่สนใจ ดิฉันถามว่าลดอีกหน่อยได้มั้ยค่ะ เขาก็พูดเสียงกระชาก ๆ ว่าไม่ได้ นี่ประเดิมนะ ตอนนั้น อ.เจน กับคุณภุชงค์ ที่นั่งอยู่ในร้าน ก็ได้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด แต่ดิฉันเห็นว่าเจ้าของร้านไม่ชอบใจดิฉันมากโดยไม่รู้ทำไม จึงเดินออกมาจากร้านมารอ อ.เจน ที่หน้าร้านกาแฟ คุณภุชงค์ก็สงสารดิฉันที่อยากได้เสื้อแต่เจ้าของร้านไม่อยากขายจึงวิ่งตามดิฉันออกมาและพูดว่า จริง ๆ พี่จี๊ด ก็พูดกับเขาดี้ดี ทำไมเขาพูดกับพี่ไม่ดี เลยครับ ดิฉันก็บอกไม่เป็นไรเขาไม่อยากขายก็ไม่เป็นไรค่ะ แต่บุญมีจริงบุญที่อยากได้ก็ต้องได้ อ.เจน ก็ส่งเสื้อตัวที่ดิฉันอยากได้มาให้ดิฉันโดยบอกว่า อ้าวพี่เอาไปหนูซื้อให้พี่ หนูเห็นพี่อยากได้ และหนูต่อให้ได้ 200 กว่าบาทเอง ดิฉันก็ถามว่า เป็นไปได้ยังไง ทำไมเขาจึงไม่ขายให้พี่แต่ขายให้ อ.เจน คำตอบคือ การที่พี่ไปจับขวดน้ำมันพรายทำให้รัศมีกายทิพย์ของพี่หมองลงเพราะกลิ่นไอวิญญาณมาครอบคลุมตัวของพี่ จนทำให้พี่ไม่มีนะ นะของพี่จะหายไป เมื่อเขาเห็นหน้าพี่เขาก็เกิดความไม่พอใจรู้สึกไม่ชอบขี้หน้าไม่อยากขายไม่อยากพูดด้วยค่ะ โอ้โห อาจารย์นี่มันขนาดนั้นเชียวหรือนี่ อ.เจน บอกว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงค่ะ เพราะหนูเห็นรัศมีกายทิพย์หมองคล้ำไปมาก แต่ตอนนี้ช่วยพี่ไม่ได้เพราะอดนอนอยู่ค่ะ ดิฉันก็อึ่งไป แต่ อ.เจน บอกว่า แต่พี่ก็มีบุญนะ เพราะหนูซื้อให้พี่ ดิฉันบอกว่า จะมาซื้อให้พี่ทำไม อ.เจน บอกไม่เป็นไร ซื้อให้ผู้มีศีลหนูก็ได้บุญ ดิฉันก็ขอบคุณค่ะอาจารย์
ผีมาได้ก็ไปได้ จนถึงวันอาทิตย์ที่ 6 ก.ค.57 ก็ตามที่ดิฉันเล่าเรื่องตั้งแต่ต้นว่าได้เข้าไปในโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์นั่นแหละค่ะ วันนี้ดิฉันดีใจมากเป็นพิเศษได้ทำบุญใหญ่กับพระบวชใหม่ 3 รูปได้เข้ามากราบไหว้หลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์ภายในโบสถ์ที่เขาไม่เปิดง่าย ๆนอกจากงานสำคัญของวัดเท่านั้น และอาจารย์ก็ได้นอนกันเต็มที่เป็นวันแรก ซึ่งดิฉันก็ไม่ลืมเรื่องผีน้ำมันพรายวันนี้ทุกคนมีบุญใหญ่ด้วยกันทุกคนต้องจัดการเสียแล้วในวันนี้ให้สำเร็จค่ะ เมื่ออยู่ภายในโบสถ์ อ.เจน นั่งอยู่ด้านหน้าถัดไปทางขวามือของดิฉัน คุณมิตร และคุณภุชงค์ นั่งอยู่ด้านหลัง อ.เจน ซึ่งห่างจากดิฉัน อยู่คนละฝั่งกันค่ะ ดิฉัน และ คุณรุ้ง นั่งอยู่ด้านหน้าน้องดา เฮีย และน้องเบิร์ด นั่งอยู่ด้านหลังเราสองคน เมื่อ อ.เจน นำสวดมนต์ และทุกคนต่างก็อธิษฐานจิตตามของแต่คนปรารถนา ซึ่งตอนนั้นดิฉันเห็นว่าสมควรแก่เวลาของดิฉันแล้ว นี่เป็นเรื่องที่ดิฉันต้องแก้ไขด่วนช้าไม่ได้ค่ะ จึงแอบกระซิบกับคุณรุ้งว่า คุณรุ้ง ๆ เรื่องผีน้ำมันพราย...จัดเลยตอนนี้ได้ปะค่ะเพราะที่นี่อ.เจน บอกว่าเป็นโบสถ์ที่มีพระประธานศักดิ์สิทธิ์ค่ะ คุณรุ้ง จึงบอกลืมไปแล้วนะพี่ แต่ก่อนที่คุณรุ้งช่วยเหลือ ก็ได้หันไปบอกกับน้องดา เฮีย และน้องเบิร์ด ที่นั่งอยู่ด่านหลัง ให้ถอยหลบไปก่อน อย่าปิดบังทางพี่จี๊ดเขาจะไล่สิ่งที่ไม่ดีออกไปจำได้ว่า คำเดียวเท่านั้น ทุกคนหลบฉากอย่างเร็วเชียวค่ะ ไม่ต้องมีคำรบสองเลยต่อจากนั้นคุณรุ้ง ก็กล่าวนำให้ดิฉันพูด “ด้วยการขอบารมีของพระประธานองค์นี้ ได้โปรด........................แผ่กระจายขยายแสงบารมีขององค์ท่านมาช่วยเหลือข้าฯ ซึ่งข้าฯ...........ตนนั้นดิฉันก็กล่าวเรื่องราวที่ทำมา ลงท้ายด้วย ขอให้แสงบารมีของท่านโปรดช่วยเหลือ คุ้มครองข้าฯ ให้พ้นจาก................................” เมื่อเสร็จแล้วดิฉันก็หันไปถามคุณรุ้งว่าไปแล้วหรือยัง คุณรุ้ง บอกว่าไม่มีแล้วพี่วันหลังอย่าไปรับของใครเขามาอีกล่ะ และดิฉันก็หันไปถาม อ.เจน อีกว่าอาจารย์ช่วยดูให้ด้วยค่ะว่า ไม่มีอะไรแล้วใช่มั้ยค่ะ อ.เจน ก็บอกว่าไม่มีแล้วค่ะ และอยู่ ๆ อ.เจน ก็รีบหันไปบอกคุณมิตร ว่า คุณมิตร พระพุทธรูปองค์นี้ท่านศักดิ์สิทธิ์ค่ะ รีบอธิษฐานขอเรื่องสุขภาพท่านค่ะซึ่งคุณมิตร ก็ทำตาม ในขณะที่ อ.เจน บอกนั้น คุณมิตรกำลังมันงงกับตนเองอยู่ค่ะ
แสงแห่งบารมี ขณะที่ดิฉันเดินออกมาจากโบสถ์คุณมิตร ก็เดินมาบอกกับดิฉันด้วยความตื่นเต้นว่า คุณจี๊ด ๆ เมื่อตะกี้นี้ผมว่าผมไม่ได้ตาฝาดนะครับ แต่ผมนั่งอยู่ดีดี ผมก็จ้องมองพระพุทธรูปที่ อ.เจน ว่าศักดิ์สิทธิ์ ผมก็มอง ๆ องค์ท่านอยู่อย่างนั้น แต่แล้วผมก็มองเห็นองค์พระที่รอบองค์ท่านเป็นรัศมีรอบกายเป็นเงาใส ๆ แล้วพอกระพริบตาหลาย ๆ ครั้ง จากที่เป็นเงาใส ๆ ก็กลายเป็นลำแสงสีขาวสว่างแผ่ขยายออกมา ผมก็ขยี้ตาอีกครั้ง ก็ยังมองเห็นอยู่ ก็คิดว่าเราตาฝาดแต่ก็ไม่ใช่ ตอนนั้นตื่นเต้นและดีใจมากเพราะปกติไม่เคยเห็นสิ่งมหัศจรรย์เช่นนี้
ส่วนดิฉันดีใจมากกว่าค่ะ โดยไม่คิดว่าด้วยแรงอธิษฐานนั้นมีจริงอย่างนั้นเชียวหรือนี่ ก็เพราะว่าระหว่างที่ดิฉันอธิษฐานขอบารมีจากพระประธานให้ท่านแผ่กระจายแสงบารมีของท่านก็เป็นเวลาเดียวกันกับที่คุณมิตร นั่งจ้องมององค์พระประธานท่านมีลำแสงแผ่กระจายออกมาค่ะซึ่งดิฉันพูดในใจไม่ได้พูดออกมาดัง และมั่นใจมากว่าคุณมิตรนั่งไกลจากดิฉันมากไม่ได้ยินอย่างแน่นอนค่ะ ดิฉันจึงได้เล่าให้ อ.เจน กับคุณรุ้ง โดยนำพาคุณมิตร มาเล่าให้อาจารย์รับฟังอีกครั้งหนึ่ง ส่วนตัวดิฉันก็นึกว่าคุณมิตร เป็นผู้หยั่งรู้เป็นผู้มีญาณ แต่ อ.เจน กับคุณรุ้ง บอกว่า โถพี่ คุณมิตร ยังเล่นเกมส์เฮเดย์อยู่เลยพี่ แต่คุณมิตรเป็นคนดี พระศักดิ์สิทธิ์จึงได้ให้คุณมิตรได้เห็นสิ่งมหัศจรรย์นี้ได้ค่ะ
อ.เจน เห็นด้วยญาณวิถีว่า ที่วัดแห่งนี้ นอกจากจะมีโบสถ์ที่มีพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ประดิษฐานอยู่แล้วยังจะมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์อีกสิ่งหนึ่งที่ดิฉันต้องขออุบไม่บอกก่อนค่ะ ซึ่งเป็นวัตถุโบราณที่เก่าแก่และศักดิ์สิทธิ์มากด้วยเช่นกันตั้งประดิษฐานอยู่ที่วัดแห่งนี้ และ อ.เจน จะเป็นผู้นำผ้าสีทอง (ในส่วนของผ้าสีทองนี้เป็นเงินค่าใช้จ่ายส่วนตัวของคุณรุ้งเป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย ส่วน อ.เจน ทีมงาน และดิฉัน คนละเล็กคนละน้อยค่ะตามกำลังค่ะ) ซึ่งสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือพวกเราทุกคนจะได้มาแห่และห่มผ้าสีทองเพื่อเป็นการสร้างบุญบารมีของทุกท่านไม่ว่าจะเกิดภพใดชาติใดก็จะมีร่างกายที่มีผิวพรรณผ่องใส อยู่ในชาติตระกูลที่ดีไม่ตกต่ำกว่าใครค่ะ อ.เจน ว่าอย่างนั้นค่ะ ทุกท่านถ้าจะเป็นนักสังเกตสักหน่อยก็จะรู้ได้ว่า อ.เจนมักจะนำทุกท่านห่มผ้าพระเสมอค่ะ ทุกอย่างล้วนเป็นบุญทั้งนั้นเพียงแต่ทุกท่านอาจไม่ได้นึกถึงและมองผ่านไป บางท่านมักคิดว่า พระพุทธรูปก็แค่เป็นเพียงวัตถุที่เขาปั้นขึ้นมาแต่วัตถุนั้นเปรียบเสมือนตัวแทนของพระพุทธเจ้า เท่ากับทุกท่านได้ทำบุญกับพระพุทธเจ้าผู้รู้ผู้ตื่นผู้เบิกบานผู้ที่หลุดพ้น แล้วอย่างเราท่านจะอีกสักกี่ภพกี่ชาติค่ะที่จะไปสู่หนทางหลุดพ้นเมื่อเป็นเช่นนี้แล้วเราจะหยุดยั้งการสร้างบารมีกันทำไมค่ะทรัพย์สินเงินทองที่มีอยู่ทั้งหมดเมื่อเราตายไปก็นำติดตัวไปไม่ได้เลยค่ะ
จากรูปภาพที่เห็น อ.เจน และทีมงาน ทำบุญกับพระบวชใหม่ ก็ไม่มากนะค่ะคนละ 60 บาท พวกเรานำเงินใส่ย่ามพระรูปละ 20 บาท เท่านั้น เพราะพวกเราทำบุญกันตลอดเวลา ที่ไหนที่เป็นบุญ อ.เจน ก็ทำทั้งนั้นค่ะแต่ก็ไม่อยากให้ตนเองต้องเดือดร้อน อ.เจน ก็ไม่ใช่คนร่ำรวยอะไรเงินส่วนใหญ่ที่ได้จากการตรวจกรรม และออกรายการต่าง ๆ ก็ไม่มากมายเท่าไหร่ ก็ได้นำไปทำบุญเสียจนหมดยิ่งตอนนี้มีภารกิจเกี่ยวกับที่ดินจำเป็นต้องเทียวไปเทียวมาซึ่งก็มีแต่ค่าใช้จ่ายจะนำเงินที่ใดมาใช้ล่ะค่ะ แหมลืมไประบายความในใจสะมากมายเชียวค่ะ สำหรับทีมงานก็มากันต่างกรรมต่างวาระทุกคนล้านกรอบเป็นข้าวเกรียบว่าวค่ะแค่มือแตะโดนก็จะแตกหักกันอยู่แล้วค่ะตอนนี้ แต่ดิฉันและทีมงานก็ยินดีด้วยแรงกายและแรงใจช่วยเหลือ อ.เจน และคุณรุ้ง ผู้ที่มีความตั้งใจและมุ่งมั่นไม่หยุดและไม่ย่อท้อที่จะทำบุญต่อไปถึงแม้ว่าตอนนี้จะยังขาดปัจจัยในการสร้างสำนักปฏิบัติธรรมวิปัสสนาญาณแต่ดิฉันเชื่อว่าบุญมีจริง ถึงแม้ว่า อ.เจน มักจะบ่นให้ดิฉันฟังเสมอว่า พี่ ตอนนี้เราไม่มีเงินเหลือที่จะสร้างเพิ่มเติมต่อไปได้แล้วแต่ดิฉันเชื่อว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริงตามที่ อ.เจน บอกเพียงแต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาค่ะ เพราะดิฉันเชื่อในญาณวิถีของ อ.เจน ที่ได้เห็นภาพในอนาคตว่าสำนักปฏิบัติธรรมวิปัสสนาญาณมีผู้คนมากมายเข้ามาทำบุญ ณ ที่แห่งนี้ นับพันคนดิฉันเชื่อว่า บุญมีจริงค่ะ แล้วทุกท่านละค่ะ เชื่อว่าบุญมีจริงหรือไม่ค่ะ อ.เจนและทีมงานเชื่อว่าบุญมีจริง จึงทำได้ทุกอย่างที่เป็นบุญโดยไม่รู้จักเหน็ดไม่รู้จักเหนื่อยถ้ากรณีที่เป็นงาบุญค้างคืน มักมีคำถามว่า ไม่เหนื่อยกันหรือ ทั้งพูดคุยบนรถบัส ทั้งวิ่งช่วยงานรอบด้าน และยังมีการจัดแสดงช่วงค่ำอีกตลอดทั้งวันไม่ได้หยุดพัก อันนี้ต้องขอตอบว่า ทีมงานทุกคนยินดีทำทุกอย่างเพื่อทุกท่านที่มาร่วมบุญกับอ.เจน ค่ะ พวกเราอิ่มใจสุขใจในบุญที่ทำค่ะ และคุณเชื่อหรือไม่ว่า อ.เจน และทีมงานรับประทานข้าวมื้อเย็นหลังจากเสร็จภารกิจงานบุญ(ค้างคืน) ทุกท่านได้ไปพักผ่อนนอนหลับกันแล้ว แต่เบื้องหลัง อ.เจนและทีมงานยังไม่ได้ทานข้าวกันเลยค่ะ ไม่หิวค่ะสุขใจที่ทุกท่านมีความสุขสุขใจที่ทุกท่านอิ่มบุญค่ะ
แล้วพบกันนะค่ะที่งานหล่อเทียนพรรษาบุญค้างคืนอีกแล้วค่ะ
|